Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 168 ก้นเหวลึก

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 168 ก้นเหวลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 168 ก้นเหวลึก

 

“ถูกแล้ว ไปเถิด…ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ จงจําไว้ว่าเจ้ามีเวลาเพียงสองชั่วโมง ไม่ว่าจะพบคนผู้นั้นหรือไม่ก็ต้องรีบกลับขึ้นมา ที่สําคัญ ห้ามเข้าไปยังขุมนรกใต้พิภพเด็ดขาด!”

 

อาวุโสลําดับเจ็ดผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้ากล่าวกําชับก่อนทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น ทําให้เยี่ยฉวนควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น

 

ดวงจันทร์บนท้องฟ้าเคลื่อนออกจากหลังกลุ่มเมฆมืดมิด แสงจันทร์แม้สลัวรางแต่ก็ทําให้พื้นดินสว่างขึ้นในทันใด

 

ทันใดนั้นการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์พลันปรากฏขึ้นในหุบเขามังกรปีศาจ

 

หมอกโลหิตหนาทึบที่ลอยตัวอย่างพลุ่งพล่านค่อยๆ ระเหยไปจนเหลือเพียงหมอกเบาบาง แม้ก้นเหวจะมีความลึกเกินหยั่งถึง ทว่าขั้นบันไดที่ยื่นออกมาจนสามารถก้าวเดินลงไปได้โดยง่ายกลับปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

 

“หนุ่มน้อย..นํากระดิ่งลมนี้ไปด้วยเถิด หากภูตปีศาจร้ายที่อยู่ใต้ขุมนรกเกิดอาละวาดจงอย่าเข้าไปข้องเกี่ยว หากมีปัญหาใดให้สั่นกระดิ่งลมโดยแรง เมื่อข้าได้ยินจะได้ไปช่วยเหลือทัน”

 

ชายชราหยิบกระดิ่งลมออกจากอกเสื้อและมอบให้เยี่ยฉวน

 

ชายหนุ่มรับมันมาพิจารณาอย่างระมัดระวัง กระดิ่งลมโบราณนี้มีอักขระโบราณสลักอยู่โดยรอบ ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานทําให้เขาอ่านมันออกเพียงถือกระดิ่งลมไว้…ฝ่ามือก็สัมผัสถึงความเย็นยะเยือก กริ้ง! ลมหนาวที่พัดผ่านทําให้กระดิ่งสั่นไหวจนเกิดเสียงดังเสนาะหู

 

“เป็นพระคุณยิ่งขอรับท่านอาวุโส!”

 

เยี่ยฉวนโค้งคํานับเล็กน้อยก่อนมองลงไปยังก้นเหวมังกร ปีศาจที่เต็มไปด้วยหมอกโลหิตและพลังปราณเข้มข้น ก่อนสูดลมหายใจลึกและกระโดดลงไป

 

ทันทีที่ร่างกายเยี่ยฉวนสัมผัสเข้ากับละอองหมอกโลหิตก็พลันรู้สึกแปลกประหลาด

 

ครั้นมองจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน เยี่ยฉวนรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่อีกโลกหนึ่ง ในหุบเหวมังกรปีศาจแห่งนี้ทั้งสภาพอากาศและอุณหภูมิแตกต่างจากเบื้องบนอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันร่างกายกลับรู้สึกหนักราวภูเขาทั้งลูกวางทับอยู่บนอก พลังปราณภายในถูกกดข่มโดยพลังภายนอกที่แข็งแกร่งกว่า แรงต้านลดลงจนมีความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

เขาปิดเปลือกตาสนิทเมื่อสัมผัสหมอกโลหิตที่ลอยอยู่เหนือก้นเหว

 

เสียงหวีดหวิวของกระแสลมข้างหูทําให้เขารู้สึกว่ากายเบาหวิวไร้น้ําหนัก ยิ่งดิ่งลงห่างจากหน้าผาเพียงใด แรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี ประหนึ่งมีตาข่ายล่องหนซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ กีดขวางทุกสรรพสิ่งที่ร่วงลงสู่ขุมนรก เยียฉวนเริ่มชาวาบตามผิวหนัง ทุกครั้งที่ร่างเคลื่อนผ่านหมอกโลหิตกลับเกิดความเจ็บปวดราวถูกมดหลายพันตัวรุมกัดทิ้ง

 

ทันใดนั้นชายหนุ่มจึงตระหนักถึงความอันตรายหมอก โลหิตเหล่านี้มีพลังกัดกร่อนทุกสิ่งอย่างน่าสะพรึงกลัว!

 

ภยันตรายที่เหล่านี้เกิดจากหมอกโลหิตที่เบาบางไปพอสมควรแล้ว หากมันยังหนาทึบราวทะเลสีเลือดเช่นทุกครั้งเห็น ที่ร่างของเขาคงกลายเป็นแอ่งเลือดขนาดย่อมไปนานแล้ว!

 

หัวใจของเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยความพิศวงระคนตกตะลึง เมื่อคํานวณระยะทางกว่าที่ตัวเขาจะร่วงลงไปจนถึงก้นเหว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังไม่ถูกหมอกโลหิตเหล่านี้กัดกร่อนผิวหนังไปเสียก่อน ในที่สุดเขาก็ร่วงลงจนร่างกระแทกบนแท่นหินที่ยื่นออกมาจากพื้นผิวประมาณหนึ่งร้อยเมตร ครั้นเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนจึงเห็นเงาเลือนรางของอาวุโสลําดับเจ็ดผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าที่อยู่ห่างออกไป

 

“ทักษะการร่อนลงไม่เลว รีบไปเถิด!”

 

เสียงของชายชราอู๋อี้ราวดังขึ้นมาจากก้นมหาสมุทร

 

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจลึกพร้อมกระโดดลงจากแท่นหิน จากนั้นจึงเดินลงไปต่อ และพบว่ามีก้อนหินลักษณะเดียวกันเรียงรายโดยมีความสูงห่างจากกันประมาณหนึ่งร้อยเมตร

 

ยิ่งเดินลงไปลึกเพียงใด หมอกโลหิตก็ยิ่งหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนเขารู้สึกอึดอัดและหายใจไม่สะดวก เขาตรวจสอบหินทุกก้อนอย่างพิจารณาแล้วจึงรู้ว่ามันงอกขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์แต่อย่างใด แต่ด้วยลักษณะที่วางเรียงรายโดยมีระยะห่างเท่ากันจึงดูเหมือนเป็นขั้นบันได

 

เยี่ยฉวนเดินลงลึกไปหลายกิโลเมตร แต่ก้นหุบเหวก็ยังอยู่ลึกจนไม่อาจหยั่งถึง ส่วนหมอกโลหิตกลับหนาขึ้นจนบดบังวิสัยทัศน์ทั้งหมด ผิวหนังแสบร้อนราวถูกเผาไหม้ หากคนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนพลัดตกลงมาคงหวาดกลัวจนสิ้นสติ แม้แต่ผู้ฝึกตนที่บรรลุระดับขั้นสูงส่งก็อาจตื่นตระหนกจนไม่สามารถเอาตัวรอดออกไปได้ ทว่าเขากลับกระโดดลงไปตามขั้นบันไดหินโดยไม่หวั่นเกรงใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

หุบเขามังกรปีศาจที่เลื่องชื่อเรื่องของความน่าสะพรึงจนอกสั่นขวัญแขวนดึงดูดให้เยี่ยฉวนเกิดความสนใจ ภพชาติก่อนเขาเคยท่องยุทธภพผ่านอาณาเขตลางร้ายโบราณที่อันตรายเหนือชั้นกว่านี้ถึงหนึ่งร้อยเท่าเพื่อฝึกฝนความกล้าหาญให้แข็งแกร่งขึ้น ภพชาตินี้…แม้เขาตระหนักดีว่าภายใต้หุบเหวนรกมีภยันตรายเหลือคณานับรออยู่ ทว่ายังมีความตั้งใจแรงกล้าที่จะเข้าไปสํารวจความลับที่ซ่อนเร้นเหล่านั้น!

 

ยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสามใบภายในร่างกายของเขาเริ่มหมุนวนเพื่อตั้งรับกับแรงกดดันมหาศาลที่มองไม่เห็นในก้นเหวแห่งนี้

 

เมื่อเขาจับจังหวะการเดินได้บ้างแล้ว ฝีเท้าของเขาพลันเร่งความเร็วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ สองเท้ากระโดดเหยียบบันไดหินครั้งแล้วครั้งเล่าจนห่างไกลจากปากหน้าผาทุกที กระทั่งถึงแท่นหินขั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า เขาก็เหยียบถูกกันเหวมังกรปีศาจอย่างสมบูรณ์! ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยโครงกระดูกของทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรมากมายกองทับถมกันอย่างหนาแน่น ช่วงเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมาคงมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนตกลงมาตายในขุมนรกอันน่าสะพรึงแห่งนี้ เสียงแปลกประหลาดดังอู้อี้มาจากระยะไกลบ่อยครั้งคล้ายกับเสียงสั่นสะเทือนของพื้นพิภพ ปะปนกับเสียงแผดคํารามของสัตว์อสูรบางตัวที่ดังขึ้นจากใต้ชั้นดิน

 

พื้นดินที่ลึกที่สุดยังมีโลกใต้พิภพที่อยู่ต่ําลงไปถึงเก้าชั้น เพียงแต่เขาไม่รู้แน่ชัดว่าทางเข้าของมันอยู่ตรงไหน?

 

ชายหนุ่มกวาดสายตามองสํารวจโดยรอบอย่างระมัดระวัง ก่อนรวบรวมความกล้าและก้าวออกไปด้านหน้า

 

พื้นดินก้นเหวสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยโครงกระดูกที่ซ้อนทับถมสูงราวภูเขา ชั้นบรรยากาศเบื้องบนที่ปกคลุมไปด้วยหมอกโลหิตแปรปรวนและกัดกร่อนตัวเองอย่างน่าประหลาดใจ หากมนุษย์ธรรมดากระโดดลงจากหน้าผาสู่ก้นเหวลึก ระหว่างที่ร่างร่วงลงมาคงถูกหมอกหนาเหล่านี้กัดกร่อนผิวหนังและเนื้อจนเหลือเพียงกระดูกสีขาวเท่านั้น! แม้แต่เยี่ยฉวนที่มีทักษะเป็นเลิศยังรู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ต่างอะไรไปจากการงมเข็มในมหาสมุทรเช่นนี้ ทําให้เขาตระหนักว่าคงไม่มีทางหาศพของหนานเทียนโตวพบโดยเร็วเป็นแน่!

 

สายลมเย็นเยียบหนาวลึกไปถึงกระดูกพัดผ่านหมอกโลหิตจนม้วนตัวอย่างน่าสยดสยอง

 

เยี่ยฉวนหยุดชะงักฝีเท้าขณะหันศีรษะมองทิศทางที่ลมหนาวพัดโชยผ่าน เสียงประหลาดดังขึ้นลอยมาตามสายลมนั้น เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบเห็นบางสิ่งที่น่าตื่นตา!

 

บนที่ราบเล็กๆ ที่มีโครงกระดูกกองทับกันอย่างหนาแน่น ส่วนตรงกลางค่อยๆยุบตัวลงอย่างฉับพลันจนเผยให้เห็นถ้ํามีดขนาดใหญ่ ลมเย็นเยียบเสียดกระดูกพัดออกมาจากภายในตัวถ้ําดังกล่าวจนเกิดเสียงหวีดหวิวคล้ายคนโหยหวน ทุกครั้งที่ลมกระโชกแรง กระดูกที่ทับถมจะกระเด็นกระดอนขึ้นจนกระทบกันเสียงดัง รัศมีน่ากลัวที่แผ่ออกทําให้ผู้คนรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง เยี่ยฉวนพลันเกิดความสงสัยว่าวิญญาณชั่วร้ายประเภทใดกันที่มีอํานาจครอบครองใจกลางถ้ําแห่งนี้?!

 

ยะ…อย่าบอกนะว่านั่นคือทางเข้าสู่โลกใต้ดินชั้นแรก?!

 

หัวใจของเขาสั่นไหวขึ้นอย่างกะทันหัน! แม้เขาเพิ่งรู้จากปากอาวุโสลําดับเจ็ดผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าว่าภายใต้หุบเขามังกรปีศาจมีโลกใต้พิภพถึงเก้าชั้น แต่เมื่อเห็นทางเข้าอันโอ่อ่างดงามกลับรู้สึกวิตกกังวล สถานที่ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามและสงวนไว้ใช้สําหรับลงโทษผู้ทรยศต่อสํานักที่ถูกเนรเทศเป็นระยะเวลาหลายล้านปี ช่างน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยอันตรายเกินที่ศิษย์คนใดจะจินตนาการถึง!

 

กริ้งกริ้ง

 

สายลมที่พัดโชยมาเป็นระยะทําให้กระดิ่งลมในมือของเขาสั่นกระทบกันจนเกิดเสียงดังก้องกังวาน

 

ทันใดนั้นหางของวิญญาณร้ายพลันยื่นออกมาจากถ้ํามืดแห่งนั้นและเคลื่อนกวาดเข้าใกล้ร่างของเยียฉวน!

 

หางดังกล่าวปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็งที่เรียงตัวซ้อนกันอย่างละเอียด พื้นผิวของมันสะท้อนแสงสลัวรางจนเป็นประกายวาววับคล้ายส่วนหางของมังกรหรืออสรพิษขนาดใหญ่ มันตวัดเข้าหาผู้มาเยือนอย่างรุนแรงและรวดเร็วราวปลาย แส้พลังปราณที่แผ่ออกเต็มไปด้วยความคุกคามน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าจิตสังหารของไป๋เยี่ยนหูและโท่วปาเซียงรวมกันเสียอีก!

 

เยี่ยฉวนกระโดดโหยงพร้อมถอยอย่างรวดเร็ว!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด