Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 210 การต่อสู้อันแกร่งกล้า

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 210 การต่อสู้อันแกร่งกล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 210 การต่อสู้อันแกร่งกล้า

 

บทที่ 210 การต่อสู้อันแกร่งกล้า

 

ยอดฝีมือจำนวนเกือบสามร้อยคนจากสำนักเครื่องนิลที่มีจิตสังหารแรงกล้ากรูเข้าปิดล้อมกลุ่มคนของสำนักหมอกเมฆาอย่างรวดเร็ว!

 

ทันทีที่เข้ามาในเขตอาณาจักรสวรรค์ พวกเขาต่างปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันในบึงน้ำแห่งหนึ่งสถานที่นั้นอันตรายกว่าปาหมื่นอสูรหลายเท่า โชคดีที่ศิษย์สำนักเครื่องนิลที่ติดตามเจ้าสำนักโทวปาเซียงล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นเลิศ ในบรรดาคนเหล่านี้ผู้ที่บรรลุการฝึกตนต่ำสุดคือขั้นซิวฉือระดับที่สอง ทั้งยังได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคนและมีผู้นำซึ่งบรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าเมื่อผนึกกำลังกันทำให้กลุ่มของพวกเขาทรงพลังยิ่งกว่ากลุ่มของสำนักหมอกเมฆาในที่นี้ทั้งหมดรวมกันเสียอีก! คนของสำนักหมอกเมฆาประมาณหกสิบรายคงต้านทานไว้ได้ในเวลาเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้นก่อนถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น!

 

ตาเฒ่าผู้นี้ โหดเหี้ยมเสียจริง!

 

เยี่ยฉวนพ่นลมหายใจแรงก่อนลุกขึ้นยืนและก้าวไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าพร้อมกล่าวออก “ช่างบังเอิญนัก! ท่านเจ้าสำนักโท่วปา…เราพบกันอีกแล้ว!”

 

“นั่นสิ! ช่างบังเอิญกระไรเช่นนี้!”

 

โท่วปาเซียงเหยียดยิ้มอย่างน่าเกลียดก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เยี่ยฉวน เลือกมาว่าเจ้าจะนั่นคอตัวเองทิ้งหรือยอมศิโรราบต่อข้าโดยดี?! เร่งตัดสินใจอย่ามัวชักช้า ข้ายังมีภารกิจต้องสำรวจอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ให้ทั่ว หากเจ้าฆ่าตัวตายซะผู้สูญเสียจะมีเพียงหนึ่ง…แต่หากเจ้าปฏิเสธ ความสูญเสียจะไม่จำกัดอยู่เพียงเท่านี้แน่”

 

“ท่านเจ้าสำนัก…เราสองไม่มีความขุ่นข้องหมองใจใดๆ ต่อกัน เหตุใดจึงทำให้เรื่องราวบานปลายเช่นนี้?”

 

ใบหน้าของเยี่ยฉวนยังคงซีดเซียวจากการเสียเลือดมาก โลหิตแดงฉานไหลรินออกจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง แม้ร่างกายอ่อนแอแต่ท่าทางขณะเดินไปเจรจากับโท่วปาเชียงยังคงกล้าหาญ “หากข้าทำการขอขมาท่านอย่างเป็นทางการ เรื่องราวที่ผ่านมาจะเลิกแล้วต่อกันใช่หรือไม่?”

 

“ไม่อย่างแน่นอน! ข้าต้องการชีวิตเจ้าเท่านั้น!”

 

โท่วปาเซียงปฏิเสธทันควันอย่างเย็นชา รอยยิ้มแสยะและบิดเบี้ยวฉายชัดบนใบหน้า เป้าหมายของเขา ณ ตอนนี้คือสังหารอีกฝ่ายให้จงได้!

ขอขมาอย่างเป็นทางการอย่างนั้นรึ?! ช่างน่าขันสิ้นดี! ก่อนหน้านี้เขาทุ่มเทแรงกายและระดมความคิดอย่างเต็มกำลังจนเกือบรวมสำนักเครื่องนิลและสำนักหมอกเมฆาให้เป็นหนึ่งได้อยู่แล้ว ทว่าวินาทีสุดท้ายเยี่ยฉวนกลับพังทลายแผนการจนล้มเหลวไม่เหลือซาก คำขอโทษเพียงหนึ่งครั้งไม่สามารถแลกกับการเสียผลประโยชน์ครั้งใหญ่ของเขาได้แม้เพียงเสี้ยว!

 

“ข้ายินดีจ่ายค่าชดเชยโดยไม่เกี่ยงราคา หากท่านต้องการสิ่งใดสามารถร้องขอได้ทั้งสิ้น!” เยี่ยฉวนยังคงก้าวไปด้านหน้าเรื่อยๆ จนเหลือระยะทางระหว่างตนกับอีกฝ่ายเพียงห้าเมตร

 

โท่วปาเซียงแค่นเสียงหัวเราะบาดแก้วหูก่อนกล่าวออก “ไอ้เด็กน้อย! สำนักเครื่องนิลของข้ารุ่งโรจน์ถึงขีดสุดมีทุกสรรพสิ่งที่ต้องการ เหตุใดต้องร้องขอค่าชดเชยจากสำนักกระจอกของเจ้า?!”

 

หลังการประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสำนักสิ้นสุดลง เจ้าสำนักชราพบว่าเยี่ยฉวนคืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่จัดการได้ยากที่สุด! ในเมื่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ของเขาคือการผนึกกำลังกับสำนักหมอกเมฆา หนามยอกอกเช่นเด็กเหลือขอผู้นี้จะชดเชยสิ่งใดแก่เขาได้?!

 

เยี่ยฉวนยังคงรักษาท่าที่นิ่งสงบขณะเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว “ท่านเจ้าสำนักต่อให้ท่านเกลียดชังข้าเพียงใดก็ไม่สามารถสังหารข้าได้ดั่งใจนึกหรอก อย่าลืมว่าแม้สำนักของข้าจะไร้อำนาจทว่าสนธิสัญญาสัมพันธมิตรกับสำนักอสูรเมฆายังคงอยู่ ท่านไม่กลัวว่าหากสังหารข้าแล้วสำนักอสูรเมฆาอันไร้เทียมทานจะยกทัพมากวาดล้างสำนักเครื่องนิลเป็นการล้างแค้น?!”

 

เยี่ยฉวนสวมบทบาทจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเต็มตัวเมื่อหยิบยกนามของสำนักอสูรเมฆาที่เลื่องชื่อด้านความดุร้ายราวพยัคฆ์เป็นข้ออ้าง

 

“ในเมื่อข้ากล้าที่จะเคลื่อนไหวด้วยตนเองย่อมไม่เกรงกลัวอำนาจของผู้ใด! หยุดพล่ามเสียทีไอ้หนู ข้าเสนอทางเลือกให้เจ้าอย่างชัดเจนแล้ว สำนักหมอกเมฆาและสำนักอสูรเมฆามีสนธิสัญญาสัมพันธมิตรต่อกันก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเด็กเหลือขอเช่นเจ้าเสียหน่อย! หากเจ้าตายตกไปไม่นานพวกเขาก็เฟ้นหาผู้อื่นขึ้นดำรงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แทน อีกอย่างข้าได้ข่าวว่าสตรีพรหมจรรย์นางนั้นออกจากสำนักหมอกเมฆาไปแล้วไม่ใช่รึ?!”

 

โท่วปาเซียงเผยรอยยิ้มเย็นชา เขาหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อ “อย่าทะนงว่าตนฉลาดเฉลียวให้มากนัก ทำท่าทางนิ่งเฉยก่อนจู่โจมโดยกะทันหันเช่นนี้ข้าพานพบมาบ่อยครั้ง ความคิดไร้ประโยชน์เช่นนี้จะยิ่งทำให้เจ้าตายอย่างอนาถกว่าที่ควร!”

 

ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อนกว่าขิงอ่อน เพียงใช้สายตาชำเลืองมองโท่วปาเชียงก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำการใด ถึงกระนั้นท่าทีของเขากลับปราศจากความหวาดกลัว

 

ในฐานะที่เขาบรรลุการฝึกตนถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สี่ หากไม่สามารถเอาชนะศิษย์สามัญที่บรรลุเพียงขั้นชิวฉือระดับที่สอง…ความเพียรที่สะสมมาทั้งชีวิตคงเปล่าประโยชน์

 

“เอ๊ะ! ไม่สิ! เจ้า…เจ้าบรรลุขั้นซิวฉือระดับที่สี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน?!”

 

โท่วป่าเชียงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวเยี่ยฉวนจึงปรับสายตาสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่าการเผชิญหน้ากันครั้งล่าสุดที่สำนักหมอกเมฆา เยี่ยฉวนบรรลุเพียงขั้นชิวถือระดับที่สองเท่านั้น! ภายในระยะเวลาอันสั้นเขาบรรลุการฝึกตนเพิ่มอีกสองขั้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“ถูกแล้ว! ขั้นซิวฉือระดับที่สี่! ท่านเจ้าสำนักกล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม แม้โท่วปาเชียงคาดเดาแผนการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาก็ยังไม่ชะงักฝีเท้าทั้งยังเดินเข้าไปใกล้อย่างต่อเนื่อง

 

“ฮ่ม! ไอ้หนู! คิดอยากเดิมพันกับข้ากระนั้นรึ?! ข้าไม่มีเวลาเล่นกลกับเจ้า! หลังสังหารเจ้าแล้วข้ายังต้องออกสำรวจเขตอาณาจักรสวรรค์อีกหลายร้อยลี้ ไปลงนรกซะ!”

 

โท่วปาเซียงเริ่มทำการโจมตีอย่างกะทันหัน! มือข้างหนึ่งฟาดไปยังใบหน้าเยี่ยฉวนอย่างเดือดดาล ปากกล่าวว่าตนมีภารกิจต้องสะสางจนไม่มีเวลาเพียงพอทั้งยังแสดงกิริยาราวไม่อยากลดตัวลงไปเดิมพันกับอีกฝ่าย ทว่าความจริงแล้วส่วนลึกในจิตใจของเขาค่อนข้างหวาดกลัวเด็กหนุ่มผู้นี้เช่นกัน หลังจากประสบกับความเจ้าเล่ห์ตลบตะแลงและไหวพริบแสนร้ายกาจของเยี่ยฉวนถึงสามหน เขาจึงไม่กล้าเอาเวลาแม้แต่วินาทีไปเสี่ยงเป็นหนที่สี่ ต้องใช้กำลังโจมตีให้ตายตกภายในหมัดเดียวเท่านั้น!

 

เยี่ยฉวนเบี่ยงตัวหลบการโจมตีไปทางซ้ายทีขวาที่อย่างคล่องแคล่ว

 

ร่างกายพลิ้วไหวของเขาหลบหลีกทุกการโจมตีด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์โดยไม่เสียการทรงตัวเลยแม้แต่น้อย การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วทำให้ร่างสั่นไหวจนลวงตาผู้ที่จับจ้อง

 

“นี่คือเคล็ดวิชาใด?!”

 

โท่วปาเซียงหยุดการโจมตีโดยพลันอย่างไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่ตนเห็นเมื่อครู่!

 

เคล็ดวิชาที่เยี่ยฉวนใช้คล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาวายุวิถีของสำนักเบญจลักษณ์ทว่าทักษะเหนือกว่ามาก พริบตาเดียวรูปกายทั้งของจริงและภาพลวงตาปรากฏขึ้นสลับไปมาอย่างรวดเร็วจนผู้คนไม่อาจคาดเดาทิศทางได้

 

ทันใดนั้นความแปรปรวนของพลังปราณที่ทรงพลังและน่าครั่นคร้ามพลันระเบิดขึ้นจากร่างกายของโท่วปาเซียง! เขายกหม้อสัมฤทธิ์บนไหล่ขึ้นสูง การโจมตีด้วยฝ่ามืออาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ยากยิ่ง แต่ถ้าเขาใช้หม้อสัมฤทธิ์สามขาใบใหญ่เป็นอาวุธสังหาร ต่อให้ฝีเท้าและทักษะการหลบหลีกของเยี่ยฉวนแข็งแกร่งเพียงใดคงไม่รอดพ้นอย่างแน่นอน!

 

เจ้าสำนักชรารวบรวมพละกำลังทั้งหมดขณะเนื้อหม้อสัมฤทธิ์ขึ้นสูง เพียงเสี้ยววินาทีบรรยากาศภายในรัศมีสิบเมตรพลันหนักอึ้งราวมีแรงกดทับจากบางสิ่งที่มองไม่เห็น การเคลื่อนที่ของเยี่ยฉวนช้าลงตามลำดับ

 

ยอดฝีมือผู้บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเมีวรยุทธ์สูงส่งเกือบทัดเทียมกับยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นมหาปราชญ์ พลังมหาศาลของอีกฝ่ายทรงพลังเกินหยั่งถึงแม้ยืนอยู่เบื้องหน้า การโจมตีจากเขาเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างผู้ฝึกตนขั้นซิวฉือให้พ่ายแพ้ราบคาบ

 

สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขณะโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งห้าใบอย่างบ้าคลั่งเพื่อสร้างพลังทำลายล้างที่รุนแรงมหาศาล เนื่องจากแผนการจโจมโดยกะทันหันล้มเหลว เขาจึงถูกบังคับให้เผชิญหน้าและต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับอีกฝ่ายโดยตรง แม้ตระหนักว่าตนมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับโท่วปาเซียง ทว่าเขาต้องการตรึงเวลาไว้เพื่อช่วยเหลือให้จซื้อเจียและศิษย์สำนักหมอกเมฆาคนอื่นๆ มีโอกาสหลบหนีเอาชีวิตรอด

 

วูบ… เสียงกระโชกของลมแรงดังกึกก้องขณะที่หม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักประมาณเขาลูกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศตรงไปทางเยี่ยฉวน!

 

ตอนนี้ฝูงชนจากทั้งสำนักหมอกเมฆาและสำนักเครื่องนิลพากันถอยออกห่างอย่างตื่นตระหนกด้วยเกรงว่าตนจะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย!

 

เยี่ยฉวนหยุดเบียงตัวหลบไปทางซ้ายและขวาเพื่อรวบรวมพลังตอบโต้การโจมตี หม้อสัมฤทธิ์ลอยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จากระยะสามเมตรลดเหลือเพียงสองเมตร..หนึ่งเมตร. เพียงอึดใจเดียวมันก็เข้าใกล้จนเกือบพุ่งเข้าปะทะใบหน้า ทันใดนั้นหมัดข้างขวาของเยี่ยฉวนพลันพองตัวขึ้นด้วยแสงสีดำที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบจนมีลักษณะคล้ายค้อนหลักซึ่งหลอมขึ้นจากเหล็กกล้าสีดำสนิท!

 

ฝูงชนต่างเบิกตากว้างรอคอยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้อย่างจดจ่อ เวลานี้ไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรงจนมีเสียงเล็ดลอดออกมา!

 

เยี่ยฉวนผู้บรรลุการฝึกตนเพียงขั้นชิวฉือระดับที่สี่จะถูกบดขยี้โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของโท่วปาเซียงหรือไม่?! หรือการตั้งรับของเยี่ยฉวนจะมีอานภาพทรงพลังยิ่งกว่า?! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาจะฝากรอยแผลไว้บนตัวเจ้าสำนักแห่งสำนักเครื่องนิลที่แข็งแกร่งกว่าได้อย่างไร?!

 

บรรดาศิษย์สำนักหมอกเมฆาตระหนักดีว่าสถานการณ์อันดุเดือดนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะหนีออกไปจากวงล้อม ทว่าขาของทุกคนกลับตอกตรึงอยู่กับที่ การต่อสู้ชีวัดความเป็นตายระหว่างศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนและโท่วปาเชียงดึงดูดความสนใจของผู้คนจนไม่อาจละสายตา!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด