Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์

 

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

 

บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

 

“ตึง!” กําปั้นของเยี่ยฉวนปะทะกับหม้อสัมฤทธิ์ขนาดมหึมาของโท่วปาเซียง

 

เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นในมือของเยี่ยฉวน กระดูกนิ้วมือของชายหนุ่มหัดจนผิดรูป ตามด้วยกระดูกข้อมือข้อศอกและลามไปทั้งแขน ก่อนทั้งร่างจะกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่ไร้สายปานมือขวาห้อยปวกเปียกอ่อนแรงอยู่ข้างตัว

 

ขั้นการฝึกตนของพวกเขาห่างชั้นกันมากเกินไป ผลของการต่อกรกับหม้อสัมฤทธิ์ด้วยมือเปล่าจึงออกมาชัดเจน!

 

เยี่ยฉวนพ่ายแพ้… ผลแพ้ชนะตัดสินชัดเจนในรอบเดียว การฝึกตนของเขาก้าวหน้าอย่า งมากตั้งแต่เข้ามาในอาณาจักรสวรรค์แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อในการประลองตัวต่อตัวกับโท่วปาเซียง บัดนี้แขนขวาของเขาใช้การไม่ได้อีกทั้งยังมีโลหิตไหลรินจากมุมปากเพราะอวัยวะภายในถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก

 

ศิษย์สํานักเครื่องนิลต่างส่งเสียงร้องดังกึกก้อง แต่โท่วปาเชียงผู้หยิ่งผยองและดุดันอยู่เสมอกลับเผยสีหน้าไม่สู้ดี

 

หลังโจมตีเยี่ยฉวนจนบาดเจ็บสาหัสด้วยกระบวนท่าเดียว โท่วปาเซียวกลับรู้สึกอึดอัดราวกับถูกค้อนหนักอึ้งทุบเข้าที่อก หมัดของเยี่ยฉวนทิ้งหลุมลึกในหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าคงกระ พันพร้อมรอยแตกร้าวโดยรอบ

 

การปะทุของพลังงานเก้าหมื่นจินจากยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งห้าทําให้เยี่ยฉวนอาการไม่ดีนักหากถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวอาจถึงขั้นย่ําแย่ได้!

 

“นั่นอะไรนะ?”

 

“ หมัดเดียวทําให้หม้อสัมฤทธิ์ร้าวงั้นหรือ?!”

 

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลที่กําลังส่งเสียงร้องสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าสํานักโทวปาเซียงและหม้อสัมฤทธิ์ในมือ พวกเขาพร้อมใจกันเงียบเสียงลงด้วยหัวใจที่สั่นระรัวและไม่ปริปากเอ่ยคําใดอีก

 

แม้เยี่ยฉวนจะเพลี่ยงพล้ําในการเผชิญหน้าครั้งนี้ แต่หมัดของเขากลับทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนหม้อสัมฤทธิ์หากปะทะเข้ากับร่างของโท่วปาเซียงโดยตรงจะเกิดอะไรขึ้น?!

 

ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนสูงส่งเท่าใดกัน? เหตุใดจึงมีพลังอันน่าเกรงขามถึงเพียงนี้?!

 

ชายปาหินตกอยู่ในความเงียบสงัด ผู้คนพากันเผยสีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวยอดฝีมือขั้นชิวฉือระดับสูงต่างลงความเห็นว่าพลังของพวกเขาไม่อาจเทียบเท่าเยี่ยฉวนอีกทั้งยังไม่มีร่างกายแข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อเช่นนั้นด้วยหากคนธรรมดาโดนแรงปะทะจากหม้อสัมฤทธิ์ของโท่วป่าเชียงคงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว!

 

โท่วปาเชียงแบกหม้อสัมฤทธิ์ไว้บนบ่าขณะย่างเท้าไปข้างหน้าทีละก้าว ขณะนี้สีหน้าของเขาแลดูไม่น่ามองและแผ่จิตสังหารแรงกล้า ยิ่งขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนสูงเท่าใดยิ่งก้าวหน้าได้เร็วขึ้น เท่านั้น เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!โท่วป่าเชียงกล่าวออกเสียงต่ํา “ไอ้หนูลุกขึ้น! คงไม่ง่ายกว่าเจ้าจะฝึกตนมาได้ถึงขั้นนี้ไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ทําให้ศพของเจ้าบุบสลายมาก นัก!”

 

เคราะห์ร้ายที่เยี่ยฉวนได้โลหิตมังกรมาเพียงหยดเดียวเท่านั้นจึงไม่อาจบรรลุความแข็งแกร่งระ ดับมังกรปีศาจในตํานานได้ซ้ําร้ายขั้นการฝึกตนของเขายังต่ําเกินไป!

 

เยี่ยฉวนลอบถอนหายใจ เขาปฏิเสธเมื่อจูซื้อเจียเข้ามาช่วยพยุงและลุกขึ้นยืนด้วยตนเองก่อน สะบัดแขนจนเกิดเสียง “กร้อบ!” แขนข้างขวาที่แลดูใช้การไม่ได้เมื่อครู่กลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อม เปล่งประกายสีขาวอย่างเหลือเชื่อ!

 

โท่วปาเชียงผงะ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

พลังการฟื้นฟูที่ไม่ธรรมดาของเยี่ยฉวนทําให้เขาตกตะลึงอย่างมาก อายุยังเยาว์นักซ้ํายังอยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับสี่แต่กลับต่อกรได้ยากถึงเพียงนี้หากฝึกตนต่อไปจนบรรลุขั้นซิวฉือระดับสูงหรือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋จะเป็นอย่างไร?ถึงตอนนั้นในเทือกเขาหมอกเมฆาจะมีผู้ใดหยุดยั้งเขาได้?!

 

ท้องของโท่วปาเซียงส่งเสียงครวญเมื่อกระแสพลังงานในกายพุ่งสูงพร้อมจิตสังหารแผ่ซ่านเขาจ้องเยี่ยฉวนอย่างเคร่งขรึมและไม่คิดดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไปชายชราย่างเท้าเข้ามาก่อนร้องตะโกนเสียงดังพร้อมยกหม้อสัมฤทธิ์ขึ้นหมายจะฆ่าเยี่ยฉวนให้ตายในครั้งนี้

 

จิตสังหารเย็นเยียบกัดเซาะถึงกระดูกเข้าปะทะใบหน้าจนเส้นผมของเยี่ยฉวนพัดปลิวไปข้างหลั่งเสื้อคลุมที่สวมใส่อยู่พลิ้วไหวแม้ไม่มีลม ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ยืนอยู่ใกล้ๆถูกผลักออกไปด้วยแรงที่มองไม่เห็น

 

ทันใดนั้นเกิดแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นพร้อมคลื่นความร้อนพลุ่งพล่านที่ชายปาหิน!

 

เตาหลอมที่มีไฟลุกโชนปรากฏขึ้นในมือของเยี่ยฉวน เปลวเพลิงร้อนแรงถูกดูดกลืนเข้าไปและพวยพุ่งออกมาไม่รู้จบจนผู้คนสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง

 

เตาหลอมระดับสวรรค์!

 

เยี่ยฉวนเผยไพ่ตายอีกใบในการเผชิญหน้ากับโท่วปาเชียง!

 

เยี่ยฉวนไม่ได้ใช้เตาหลอมระดับสวรรค์จากสํานักอสูรเมฆาในตอนที่ต้องประจันหน้ากับอสูรหินนับไม่ถ้วนในปาหมื่นอสูรทว่าบัดนี้กลับน้ํามันออกมาแม้จะไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสุรกายได้เทียมทานแห่งอาณาจักรสวรรค์

 

“นี่มัน… เตาหลอมระดับสวรรค์ในตํานานงั้นหรือ?!”

 

สีหน้าของโท่วปาเชียงแปรเปลี่ยนพลางชะงักฝีเท้า ร่องรอยความกระวนกระวายฉายชัดในแววตาที่กําลังจ้องเตาหลอมในมืออีกฝ่ายเขม็ง

 

สมบัติล้ําค่าที่กุมชะตาของสํานักอสูรเมฆาเอาไว้… พลังของอาวุธสังหารเช่นนี้ย่อมยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการของคนทั่วไป

แม้ระดับการฝึกตนของเยี่ยฉวนจะไม่สูงนัก แต่ตราบใดที่เขาสามารถใช้พลังของเตาหลอมระดับสวรรค์ได้หนึ่งในสิบหรือแค่หนึ่งในร้อยก็เพียงพอที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้วของวิเศษชิ้นนี้สา มารถพลิกความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะและแผดเผาศัตรูให้เป็นเถ้าถ่านได้!

 

“ถูกต้อง นี่คือเตาหลอมระดับสวรรค์ เข้ามาสิท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐมาดูกันว่าท่านจะ บดขยี้ข้าให้ตายหรือข้าจะเผาเจ้าให้เป็นจุณกันแน่!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบอย่างสงบนิ่งราวกับเตรียมใจพังพินาศไปพร้อมโท่วปาเชียง

 

“ไอ้หนู เจ้าคิดว่าข้ากลัวเตาหลอมในมือเจ้างั้นหรือ?!” โท่วปาเชียงขบกรามแน่นและเผยสีหน้าเหี้ยมโหดกว่าเดิมจิตสังหารแรงกล้าแผ่ซ่านอีกครั้ง

 

ศิษย์ทั้งสองสํานักต่างถอยร่นออกไปโดยพร้อมเพรียงกันจนเกิดพื้นที่โล่งกว้างขึ้นตรงกลาง

 

การประลองในรอบนี้แลดูดุเดือดขึ้นเป็นสิบเท่า หากบังเอิญโดนลูกหลงเข้าอาจถึงตาย!

 

เยี่ยฉวนและโท่วปาเซียงเงียบกริบ จิตสังหารของพวกเขาพุ่งสูงและปะทะกันจนบรรยากาศหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ลมหมุนที่มองไม่เห็นม้วนตัวเป็นเกลียวตรงที่ว่างระหว่างคนทั้งสอง

 

ทันใดนั้นร่างบอบบางพุ่งเข้ามาขวางระหว่างเยี่ยฉวนและโท่วปาเชียง!

 

“เซียงเนียว นั่นเจ้าหรือ? เจ้า

 

มาที่นี่ได้อย่างไร?” โท่วปาเซียงร้อง

 

“ข้าเองท่านพ่อ”

 

ก่อนหน้านี้โท่วปาเซียงเพียวซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนเพราะการแต่งกายที่ไม่เรียบร้อยและกระโปรงสั้นที่ขาดวิ่น นางไม่ต้องการให้บิดาเห็นในสภาพนี้ด้วยเกรงจะถูกต่อว่าอย่างรุนแรงแต่เมื่อเห็นบิดาและเยี่ยฉวนจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งทําให้นางต้องรวบรวมความกล้าโผล่ออกมา “หยุดเถอะท่านพ่ออย่าสู้อีกเลย…ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่มีฝ่ายใดถูกหรือผิดทั้งนั้นเรามาชําระความขุ่นเคืองใจให้หมดในคราเดียวแล้วอย่าสู้กันอีกเลยได้หรือไม่?”

 

“ออกไปซะ! นี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะเข้ามายุ่ง หลบไปเสียให้พ้นทาง! ชําระความขุ่นเคืองใจให้ หมดในคราเดียวสั้นหรือ?! ฮ่าๆๆเป็นไปไม่ได้!” โท่วปาเซียงตั้งมั่นว่าจะปลิดชีพเยี่ยฉวนให้ได้ในวันนี้ต่อให้บุตรสาวมาขวางทางก็ไม่อาจหยุดเขาได้อีกต่อไป เจ้าสํานักเครื่องนิลย่างเท้าเข้าใกล้เยี่ยฉวนขึ้นทุกขณะ

 

ฉับพลันโท่วปาเซียงเพียวถอยไปหาเยี่ยฉวนอย่างไม่คาดฝัน หยาดน้ําใสไหลรินจากดวงตาเป็นประกาย “ท่านพ่อ หากจะฆ่าคุณชายเยี่ยก็จงฆ่าลูกสาวของท่านด้วย!”

 

“เจ้า… เซียงเพียว! นี่เจ้าผีเข้าหรือดื่มยาเสน่ห์ของไอ้สารเลวนี้เข้าไปหรืออย่างไร?!” โทวปาเซียงโกรธจัดจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่

 

“ข้า… ท่านพ่อ ข้า… ในชีวิตนี้หากข้าไม่ได้แต่งงานกับคุณชายเยี่ยก็ไม่ขอแต่งงานกับใครอีก!”โท่วปาเซียงเนียวแข็งใจกล่าวออกด้วยใบหน้าแดงก่ํา นางพร้อมเดิมพันทุกอย่างเพื่อปกป้องเยี่ ฉวนและเพื่อไม่ให้คนทั้งสองต้องตายตกไปตามกัน

 

“เจ้า…”

 

โท่วปาเชียงเกรี้ยวกราดจนแทบพ่นควันออกทวารทั้งเจ็ด ก่อนคําพูดของเยี่ยฉวนที่ตามมาจะทําให้เขาแทบกระอักเลือด “ใช่ ในชีวิตนี้เซียงเนียวต้องแต่งงานกับข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ เราทํา สิ่งนั้น” ไปแล้วไม่สิต่อจากนี้ไปข้าขอเรียกท่านให้ถูกต้องว่าพ่อตาในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้วข้าขอรับผิดชอบเอง”

 

นางแทบจะเป็นลมล้มไปเมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยฉวน ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มด้วยความอับอาย

 

“สิ่งนั้น” ในความหมายของเขาคือเรื่องบ้าอะไร?! นางพลั้งปากไปโดยไม่ยั้งคิดเพื่อปกป้องเขาจากบิดาของตน แต่คําพูดของชายหนุ่มนั้น…. ต่อให้นางไปกระโดดแม่น้ําหวงก็ไม่อาจชําระตนเอง ให้บริสุทธิ์ดังเดิมได้อีกแล้ว!

 

โท่วปาเชียงรู้สึกอัดอั้นตันใจจนปอดแทบระเบิด เขาอยากซัดทั้งเยี่ยฉวนและบุตรสาวที่น่าผิดหวังให้กระเด็นไปตามกันทว่ามือไม้กลับอ่อนแรงไร้กําลังเขารู้สึกอึดอัด… อึดอัดมากมายเสียจนแทบคลั่ง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์

 

ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

 

บทที่ 211 เราทําสิ่งนั้นไปแล้ว

 

“ตึง!” กําปั้นของเยี่ยฉวนปะทะกับหม้อสัมฤทธิ์ขนาดมหึมาของโท่วปาเซียง

 

เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นในมือของเยี่ยฉวน กระดูกนิ้วมือของชายหนุ่มหัดจนผิดรูป ตามด้วยกระดูกข้อมือข้อศอกและลามไปทั้งแขน ก่อนทั้งร่างจะกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่ไร้สายปานมือขวาห้อยปวกเปียกอ่อนแรงอยู่ข้างตัว

 

ขั้นการฝึกตนของพวกเขาห่างชั้นกันมากเกินไป ผลของการต่อกรกับหม้อสัมฤทธิ์ด้วยมือเปล่าจึงออกมาชัดเจน!

 

เยี่ยฉวนพ่ายแพ้… ผลแพ้ชนะตัดสินชัดเจนในรอบเดียว การฝึกตนของเขาก้าวหน้าอย่า งมากตั้งแต่เข้ามาในอาณาจักรสวรรค์แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อในการประลองตัวต่อตัวกับโท่วปาเซียง บัดนี้แขนขวาของเขาใช้การไม่ได้อีกทั้งยังมีโลหิตไหลรินจากมุมปากเพราะอวัยวะภายในถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก

 

ศิษย์สํานักเครื่องนิลต่างส่งเสียงร้องดังกึกก้อง แต่โท่วปาเชียงผู้หยิ่งผยองและดุดันอยู่เสมอกลับเผยสีหน้าไม่สู้ดี

 

หลังโจมตีเยี่ยฉวนจนบาดเจ็บสาหัสด้วยกระบวนท่าเดียว โท่วปาเซียวกลับรู้สึกอึดอัดราวกับถูกค้อนหนักอึ้งทุบเข้าที่อก หมัดของเยี่ยฉวนทิ้งหลุมลึกในหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าคงกระ พันพร้อมรอยแตกร้าวโดยรอบ

 

การปะทุของพลังงานเก้าหมื่นจินจากยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งห้าทําให้เยี่ยฉวนอาการไม่ดีนักหากถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวอาจถึงขั้นย่ําแย่ได้!

 

“นั่นอะไรนะ?”

 

“ หมัดเดียวทําให้หม้อสัมฤทธิ์ร้าวงั้นหรือ?!”

 

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลที่กําลังส่งเสียงร้องสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าสํานักโทวปาเซียงและหม้อสัมฤทธิ์ในมือ พวกเขาพร้อมใจกันเงียบเสียงลงด้วยหัวใจที่สั่นระรัวและไม่ปริปากเอ่ยคําใดอีก

 

แม้เยี่ยฉวนจะเพลี่ยงพล้ําในการเผชิญหน้าครั้งนี้ แต่หมัดของเขากลับทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้บนหม้อสัมฤทธิ์หากปะทะเข้ากับร่างของโท่วปาเซียงโดยตรงจะเกิดอะไรขึ้น?!

 

ขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนสูงส่งเท่าใดกัน? เหตุใดจึงมีพลังอันน่าเกรงขามถึงเพียงนี้?!

 

ชายปาหินตกอยู่ในความเงียบสงัด ผู้คนพากันเผยสีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวยอดฝีมือขั้นชิวฉือระดับสูงต่างลงความเห็นว่าพลังของพวกเขาไม่อาจเทียบเท่าเยี่ยฉวนอีกทั้งยังไม่มีร่างกายแข็งแกร่งน่าเหลือเชื่อเช่นนั้นด้วยหากคนธรรมดาโดนแรงปะทะจากหม้อสัมฤทธิ์ของโท่วป่าเชียงคงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว!

 

โท่วปาเชียงแบกหม้อสัมฤทธิ์ไว้บนบ่าขณะย่างเท้าไปข้างหน้าทีละก้าว ขณะนี้สีหน้าของเขาแลดูไม่น่ามองและแผ่จิตสังหารแรงกล้า ยิ่งขั้นการฝึกตนของเยี่ยฉวนสูงเท่าใดยิ่งก้าวหน้าได้เร็วขึ้น เท่านั้น เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!โท่วป่าเชียงกล่าวออกเสียงต่ํา “ไอ้หนูลุกขึ้น! คงไม่ง่ายกว่าเจ้าจะฝึกตนมาได้ถึงขั้นนี้ไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ทําให้ศพของเจ้าบุบสลายมาก นัก!”

 

เคราะห์ร้ายที่เยี่ยฉวนได้โลหิตมังกรมาเพียงหยดเดียวเท่านั้นจึงไม่อาจบรรลุความแข็งแกร่งระ ดับมังกรปีศาจในตํานานได้ซ้ําร้ายขั้นการฝึกตนของเขายังต่ําเกินไป!

 

เยี่ยฉวนลอบถอนหายใจ เขาปฏิเสธเมื่อจูซื้อเจียเข้ามาช่วยพยุงและลุกขึ้นยืนด้วยตนเองก่อน สะบัดแขนจนเกิดเสียง “กร้อบ!” แขนข้างขวาที่แลดูใช้การไม่ได้เมื่อครู่กลับคืนสู่สภาพเดิมพร้อม เปล่งประกายสีขาวอย่างเหลือเชื่อ!

 

โท่วปาเชียงผงะ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

พลังการฟื้นฟูที่ไม่ธรรมดาของเยี่ยฉวนทําให้เขาตกตะลึงอย่างมาก อายุยังเยาว์นักซ้ํายังอยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับสี่แต่กลับต่อกรได้ยากถึงเพียงนี้หากฝึกตนต่อไปจนบรรลุขั้นซิวฉือระดับสูงหรือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋จะเป็นอย่างไร?ถึงตอนนั้นในเทือกเขาหมอกเมฆาจะมีผู้ใดหยุดยั้งเขาได้?!

 

ท้องของโท่วปาเซียงส่งเสียงครวญเมื่อกระแสพลังงานในกายพุ่งสูงพร้อมจิตสังหารแผ่ซ่านเขาจ้องเยี่ยฉวนอย่างเคร่งขรึมและไม่คิดดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไปชายชราย่างเท้าเข้ามาก่อนร้องตะโกนเสียงดังพร้อมยกหม้อสัมฤทธิ์ขึ้นหมายจะฆ่าเยี่ยฉวนให้ตายในครั้งนี้

 

จิตสังหารเย็นเยียบกัดเซาะถึงกระดูกเข้าปะทะใบหน้าจนเส้นผมของเยี่ยฉวนพัดปลิวไปข้างหลั่งเสื้อคลุมที่สวมใส่อยู่พลิ้วไหวแม้ไม่มีลม ศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่ยืนอยู่ใกล้ๆถูกผลักออกไปด้วยแรงที่มองไม่เห็น

 

ทันใดนั้นเกิดแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นพร้อมคลื่นความร้อนพลุ่งพล่านที่ชายปาหิน!

 

เตาหลอมที่มีไฟลุกโชนปรากฏขึ้นในมือของเยี่ยฉวน เปลวเพลิงร้อนแรงถูกดูดกลืนเข้าไปและพวยพุ่งออกมาไม่รู้จบจนผู้คนสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง

 

เตาหลอมระดับสวรรค์!

 

เยี่ยฉวนเผยไพ่ตายอีกใบในการเผชิญหน้ากับโท่วปาเชียง!

 

เยี่ยฉวนไม่ได้ใช้เตาหลอมระดับสวรรค์จากสํานักอสูรเมฆาในตอนที่ต้องประจันหน้ากับอสูรหินนับไม่ถ้วนในปาหมื่นอสูรทว่าบัดนี้กลับน้ํามันออกมาแม้จะไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์อสุรกายได้เทียมทานแห่งอาณาจักรสวรรค์

 

“นี่มัน… เตาหลอมระดับสวรรค์ในตํานานงั้นหรือ?!”

 

สีหน้าของโท่วปาเชียงแปรเปลี่ยนพลางชะงักฝีเท้า ร่องรอยความกระวนกระวายฉายชัดในแววตาที่กําลังจ้องเตาหลอมในมืออีกฝ่ายเขม็ง

 

สมบัติล้ําค่าที่กุมชะตาของสํานักอสูรเมฆาเอาไว้… พลังของอาวุธสังหารเช่นนี้ย่อมยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการของคนทั่วไป

แม้ระดับการฝึกตนของเยี่ยฉวนจะไม่สูงนัก แต่ตราบใดที่เขาสามารถใช้พลังของเตาหลอมระดับสวรรค์ได้หนึ่งในสิบหรือแค่หนึ่งในร้อยก็เพียงพอที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้วของวิเศษชิ้นนี้สา มารถพลิกความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะและแผดเผาศัตรูให้เป็นเถ้าถ่านได้!

 

“ถูกต้อง นี่คือเตาหลอมระดับสวรรค์ เข้ามาสิท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐมาดูกันว่าท่านจะ บดขยี้ข้าให้ตายหรือข้าจะเผาเจ้าให้เป็นจุณกันแน่!” เยี่ยฉวนกล่าวตอบอย่างสงบนิ่งราวกับเตรียมใจพังพินาศไปพร้อมโท่วปาเชียง

 

“ไอ้หนู เจ้าคิดว่าข้ากลัวเตาหลอมในมือเจ้างั้นหรือ?!” โท่วปาเชียงขบกรามแน่นและเผยสีหน้าเหี้ยมโหดกว่าเดิมจิตสังหารแรงกล้าแผ่ซ่านอีกครั้ง

 

ศิษย์ทั้งสองสํานักต่างถอยร่นออกไปโดยพร้อมเพรียงกันจนเกิดพื้นที่โล่งกว้างขึ้นตรงกลาง

 

การประลองในรอบนี้แลดูดุเดือดขึ้นเป็นสิบเท่า หากบังเอิญโดนลูกหลงเข้าอาจถึงตาย!

 

เยี่ยฉวนและโท่วปาเซียงเงียบกริบ จิตสังหารของพวกเขาพุ่งสูงและปะทะกันจนบรรยากาศหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ลมหมุนที่มองไม่เห็นม้วนตัวเป็นเกลียวตรงที่ว่างระหว่างคนทั้งสอง

 

ทันใดนั้นร่างบอบบางพุ่งเข้ามาขวางระหว่างเยี่ยฉวนและโท่วปาเชียง!

 

“เซียงเนียว นั่นเจ้าหรือ? เจ้า

 

มาที่นี่ได้อย่างไร?” โท่วปาเซียงร้อง

 

“ข้าเองท่านพ่อ”

 

ก่อนหน้านี้โท่วปาเซียงเพียวซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนเพราะการแต่งกายที่ไม่เรียบร้อยและกระโปรงสั้นที่ขาดวิ่น นางไม่ต้องการให้บิดาเห็นในสภาพนี้ด้วยเกรงจะถูกต่อว่าอย่างรุนแรงแต่เมื่อเห็นบิดาและเยี่ยฉวนจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งทําให้นางต้องรวบรวมความกล้าโผล่ออกมา “หยุดเถอะท่านพ่ออย่าสู้อีกเลย…ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่มีฝ่ายใดถูกหรือผิดทั้งนั้นเรามาชําระความขุ่นเคืองใจให้หมดในคราเดียวแล้วอย่าสู้กันอีกเลยได้หรือไม่?”

 

“ออกไปซะ! นี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะเข้ามายุ่ง หลบไปเสียให้พ้นทาง! ชําระความขุ่นเคืองใจให้ หมดในคราเดียวสั้นหรือ?! ฮ่าๆๆเป็นไปไม่ได้!” โท่วปาเซียงตั้งมั่นว่าจะปลิดชีพเยี่ยฉวนให้ได้ในวันนี้ต่อให้บุตรสาวมาขวางทางก็ไม่อาจหยุดเขาได้อีกต่อไป เจ้าสํานักเครื่องนิลย่างเท้าเข้าใกล้เยี่ยฉวนขึ้นทุกขณะ

 

ฉับพลันโท่วปาเซียงเพียวถอยไปหาเยี่ยฉวนอย่างไม่คาดฝัน หยาดน้ําใสไหลรินจากดวงตาเป็นประกาย “ท่านพ่อ หากจะฆ่าคุณชายเยี่ยก็จงฆ่าลูกสาวของท่านด้วย!”

 

“เจ้า… เซียงเพียว! นี่เจ้าผีเข้าหรือดื่มยาเสน่ห์ของไอ้สารเลวนี้เข้าไปหรืออย่างไร?!” โทวปาเซียงโกรธจัดจนแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่

 

“ข้า… ท่านพ่อ ข้า… ในชีวิตนี้หากข้าไม่ได้แต่งงานกับคุณชายเยี่ยก็ไม่ขอแต่งงานกับใครอีก!”โท่วปาเซียงเนียวแข็งใจกล่าวออกด้วยใบหน้าแดงก่ํา นางพร้อมเดิมพันทุกอย่างเพื่อปกป้องเยี่ ฉวนและเพื่อไม่ให้คนทั้งสองต้องตายตกไปตามกัน

 

“เจ้า…”

 

โท่วปาเชียงเกรี้ยวกราดจนแทบพ่นควันออกทวารทั้งเจ็ด ก่อนคําพูดของเยี่ยฉวนที่ตามมาจะทําให้เขาแทบกระอักเลือด “ใช่ ในชีวิตนี้เซียงเนียวต้องแต่งงานกับข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นท่านเจ้าสํานักผู้ประเสริฐ เราทํา สิ่งนั้น” ไปแล้วไม่สิต่อจากนี้ไปข้าขอเรียกท่านให้ถูกต้องว่าพ่อตาในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้วข้าขอรับผิดชอบเอง”

 

นางแทบจะเป็นลมล้มไปเมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยฉวน ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มด้วยความอับอาย

 

“สิ่งนั้น” ในความหมายของเขาคือเรื่องบ้าอะไร?! นางพลั้งปากไปโดยไม่ยั้งคิดเพื่อปกป้องเขาจากบิดาของตน แต่คําพูดของชายหนุ่มนั้น…. ต่อให้นางไปกระโดดแม่น้ําหวงก็ไม่อาจชําระตนเอง ให้บริสุทธิ์ดังเดิมได้อีกแล้ว!

 

โท่วปาเชียงรู้สึกอัดอั้นตันใจจนปอดแทบระเบิด เขาอยากซัดทั้งเยี่ยฉวนและบุตรสาวที่น่าผิดหวังให้กระเด็นไปตามกันทว่ามือไม้กลับอ่อนแรงไร้กําลังเขารู้สึกอึดอัด… อึดอัดมากมายเสียจนแทบคลั่ง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+