Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 39 ผู้ถูกรุกฆาต

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 39 ผู้ถูกรุกฆาต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 39 ผู้ถูกรุกฆาต

“ศิษย์พี่ใหญ่ ทะ…ท่านชอบก้อนผลึกเหล่านี้หรือ”

เจ้าอ้วนจำต้องยอมแพ้เพราะไม่อาจเบี่ยงเบนความสนใจของเยี่ยฉวน ได้แต่มองตาปริบๆ พลางบ่นพึมพำ เหงื่อไหลท่วมตัวอย่างเห็นได้ชัด

สินค้าของปีศาจเพลิงนั้นเป็นของชั้นยอดแน่นอน!

เป็นที่รู้กันดีว่าสินค้าของปีศาจเพลิงนั้นมีราคาสูงลิบลิ่วเนื่องจากเป็นของล้ำค่า

ในยอดเขาเมฆาอินทนิล จ้าวต้าจื่อคุยโวไว้ว่าต่อให้เขาไม่มีสิ่งอื่นใดแต่เขายังมีเงิน ทว่าเมื่อเขาเห็นเยี่ยฉวนมองดูก้อนผลึกของปีศาจเพลิงด้วยความสนใจก็ไม่อาจหน้าใหญ่ใจโตได้อีกต่อไป

เงินสามพันตำลึงไม่เพียงพอที่จะซื้อก้อนผลึกชั้นดีแม้แต่ก้อนเดียว ถึงเจ้าอ้วนจะยอมจ่ายจนหมดเนื้อหมดตัวแม้แต่กางเกงในตัวน้อย ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับผลึกครึ่งก้อนเสียด้วยซ้ำ

“มันเป็นของจากธรรมชาติเชียวนะ ว่าอย่างไรเจ้าอ้วน เจ้าไม่ชอบงั้นหรือ?”

ใบหน้าของเจ้าอ้วนแดงเรื่อขึ้นกว่าเก่าเมื่อเยี่ยฉวนหันมามองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“หากเจ้าต้องการซื้อ ราคาอยู่ที่ก้อนละเก้าพันตำลึง  หากไม่มีเงินก็หลบไปเสีย อย่ายืนเกะกะ!”

ดวงตาของปีศาจเพลิงกวาดไปรอบ ๆ อย่างเย็นชา คลื่นความร้อนปะทุขึ้นจนทำให้พื้นบริเวณหน้าถ้ำเดือดปุด ฝูงชนโดยรอบถอยร่นออกไปจนเหลือเพียงเยี่ยฉวนและเจ้าอ้วนเท่านั้น

เก้าพันตำลึงต่อก้อนผลึกหนึ่งก้อน? นี่ไม่ใช่การค้าขายหากแต่เป็นการปล้นกลางวันแสกๆ!

สิ้นเสียง ทุกคนไม่เว้นแม้แต่เหล่าจอมยุทธ์ผู้ฟุ่มเฟือยก็ล้มเลิกความคิดที่จะซื้อ แม้ก้อนผลึกชั้นดีเหล่านี้จะมีคุณภาพสูง แต่ด้วยราคาแล้วจะมีผู้ใดที่จ่ายไหว?

“ศิษย์พี่ใหญ่…”

จ้าวต้าจื่อหลั่งเหงื่อโซมกาย เขาเอื้อมมือไปดึงเสื้อของเยี่ยฉวนอย่างแผ่วเบาเพื่อส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายไปจากที่นี่

เขาสัมผัสได้โดยไม่ต้องเงยหน้ามองว่าผู้คนรอบกายพากันจ้องมองและชี้ไม้ชี้มือมาทางพวกเขา ก้อนผลึกราคาสูงลิบจนทหารอารักขาประจำสำนักยังไม่อาจเอื้อม ขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปจะไม่เป็นการขายหน้างั้นหรือ? หรือศิษย์พี่ใหญ่จะเชื่อว่าครอบครัวของเขามีกิจการใหญ่โตและมีเงินทองไหลมาเทมาไม่มีวันหมด?

เจ้าอ้วนกระอักกระอ่วนยิ่งเมื่อสัมผัสได้ว่าผู้คนต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางนี้ เขาเหงื่อไหลเป็นทางและแทบจะร่ำไห้ออกมาอยู่รอมร่อ นับจากนี้ไปเขาสัญญากับตัวเองว่า ต่อให้โดนทุบตีเจียนตายก็จะไม่คุยโวต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่อีกเป็นอันขาด

การคุยโวต่อหน้าผู้อื่นถือเป็นความสามารถอันน่าประทับใจ แต่การคุยโวต่อหน้าเยี่ยฉวนนั้นจะเป็นการตบหน้าตนเองเสียเปล่า

“ไอ้หนู เจ้าอยากซื้อก้อนผลึกนี้หรือ?” ปีศาจเพลิงแสยะยิ้มเผยฟันขาวน่าขนลุกเมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนและเยี่ยฉวนไม่ได้ถอยกรูดไปเช่นคนอื่นๆ ใบหน้าที่หยาบกร้านแตกระแหงดังหินและดวงตาสีแดงเพลิงทำให้เขาดูดุร้ายน่ากลัวยิ่ง รอยยิ้มนั้นทำให้ผู้คนสั่นกลัวจนอยู่ไม่สุข จ้าวต้าจื่อสะดุ้ง รู้สึกร้อนรนเกินบรรยายเมื่อปีศาจเพลิงจ้องมองมา

“ก้อนผลึกเหล่านี้เป็นของชั้นยอดทีเดียว” เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางกล่าวอย่างสงบ

จ้าวต้าจื่อยังคงแสร้งทำท่าทีอวดเบ่งน่าเกรงขามแม้ใจจริงจะกังวลหนัก เห็นได้ชัดจากเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนใบหน้า

“ยอมจ่ายเก้าพันตำลึงเงินเพื่อก้อนผลึกหนึ่งก้อนเชียวหรือ? ช่างมั่งคั่งเสียจริง พวกเขาเป็นใครมาจากที่ใดกัน?”

“ข้าไม่รู้จักคนตัวสูง รู้จักก็แต่คนเตี้ยอ้วน ได้ยินมาว่าเขามาจากสำนักหมอกเมฆา ครอบครัวของเขาทำธุรกิจค้าข้าวใหญ่โตและร่ำรวยมาก”

“อ้อ! ไม่แปลกใจ พวกมีเงินล้นกระเป๋าแต่สมองกลวงนี่เอง”

………….

เหล่าผู้สังเกตการณ์พากันชี้ไม้ชี้มือและซุบซิบนินทา ในเมื่อพวกเขาจ่ายไม่ไหว การเฝ้าดูห่างๆ จากตรงนี้ก็เพียงพอ

ใบหน้าของจ้าวต้าจื่อแดงซ่านไปถึงหูเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาอึดอัดและอับอายจนอยากจะซ่อนเร้นใบหน้าเอาไว้ ส่วนเยี่ยฉวนนั้นเพียงแค่ยิ้มออกมา

“ก้อนผลึกนี้ราคาก้อนละเก้าพันตำลึง แต่หากเหมาทั้งหมดข้าจะลดราคาให้เจ้าเป็นก้อนละแปดพันห้าร้อยตำลึง”  สีหน้าของปีศาจเพลิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย คลื่นความร้อนรอบตัวเบาบางลง

ต่อให้จ้าวต้าจื่อจะแปรเปลี่ยนเป็นขี้เถ้าเขาก็ยังจำได้ดี แค่เพียงหมวกไม้ไผ่ไม่มีทางที่จะปิดบังตัวตนได้ในเมื่อพวกเขาเพิ่งจะเจรจากันไปเมื่อไม่นานมานี้

“ขอบคุณ ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่ แต่วันนี้พวกข้า…”

เจ้าอ้วนพูดไม่ออก เหงื่อไหลชุ่มโชกผิดปกติ แม้จะขูดรีดเนื้ออวบอ้วนของเขาจนหมดตัวก็ยังไม่พอซื้อก้อนผลึกนี้แม้แต่ก้อนเดียว เลิกคิดเรื่องการเหมาทั้งหมดไปได้เลย!

“โอ้ เงินไม่พออย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าซื้อสองก้อนก่อน ข้าให้ก้อนละเก้าพันสองร้อยตำลึงไม่น้อยไปกว่านี้” ปีศาจเพลิงตอบอย่างเย็นชา

เนื้อตัวอ้วนใหญ่ของจ้าวต้าจื่อสั่นระริก ไม่อาจปริปากพูดคำใดออกมา เขาดึงเยี่ยฉวนอีกครั้งด้วยคิดจะหนีไปจากที่ตรงนี้

“โอ้! ก้อนละเก้าพันสองร้อยตำลึง ราคากำลังดีเชียว”

เยี่ยฉวนพยักหน้าราวกับคนโง่เง่าเรื่องเงินทอง ไม่ว่าจะใช้พละกำลังมากเพียงใดเยี่ยฉวนก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียว เจ้าอ้วนแทบอยากจะกระโจนลงหน้าผา หากปีศาจเพลิงล่วงรู้ว่าพวกเขาไม่มีเงินพอซื้อก้อนผลึกแม้แต่ก้อนเดียวจะไม่ถูกฆ่าตรงนี้หรือ?

แววตาของปีศาจเพลิงลุกโชน เขาโปรดปรานคนโง่เง่าเรื่องเงินทองเหนือสิ่งอื่นใด “เยี่ยม ทีนี้ก็จ่ายเงินมาเสีย”

“ข้าไม่มีเงิน” เยี่ยฉวนตอบตามตรง เจ้าอ้วนได้ยินดังนั้นก็สั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้าและคิดหนีทันที

‘ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าอาจไม่ซื่อสัตย์นัก แต่ท่านกำลังขุดหลุมฝังศิษย์น้องทั้งหมดของตน!’

จ้าวต้าจื่อเข้าใจไปเองว่าเยี่ยฉวนคงมีแผนการดีๆ ต่อให้กล้าหาญเท่ากับหมีหนึ่งร้อยตัว เขาก็ไม่คาดคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่จะตอบตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ เขากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นเหลือเกิน!

“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ เยี่ยม เยี่ยมไปเลยเจ้าหนู นี่เจ้าล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ? เจ้ามาทำอะไรที่นี่ทั้งที่ไม่มีเงิน?”

ปีศาจเพลิงหัวเราะด้วยความโกรธระคนประหลาดใจ

ต่อหน้าเขาไม่มีผู้ใดกล้าหาญอวดดีเช่นนี้มาเนิ่นนาน แม้แต่ทหารอารักขาจากสามสำนักใหญ่ยังต้องเกรงใจ แล้วคนผู้นี้กล้าดีอย่างไร? เป็นเพราะเยี่ยฉวนมีเส้นสายที่แข็งแกร่งทำให้เขาไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดหรือเป็นเพราะเขาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกันแน่?

“ปีศาจเพลิง… ข้าไม่ได้เล่นตลกกับท่าน เป็นท่านต่างหากที่เข้าใจข้าผิด”

เยี่ยฉวนชี้ไปที่จานใบเล็กใต้ก้อนผลึกด้วยท่าทีสุขุม “ข้าไม่ได้สนใจก้อนผลึกเหล่านี้แต่เป็นจานใบเล็กนี่ต่างหาก เชิญท่านเสนอราคามาได้”

จานเล็กสีเข้มที่ใช้วางผลึกหินมีฝุ่นจับทั่วและมีรอยแตกราวกับขยะที่เก็บมาจากข้างถนนโดยไม่ได้ตั้งใจ ของชิ้นนี้วางบนแผงมานานหลายปีแต่ยังไม่เคยมีผู้ใดชายตามองจนถึงบัดนี้

คนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?

ผู้ชมเผยสีหน้าประหลาดใจ ส่วนจ้าวต้าจื่อตะลึงจนอ้าปากค้าง มีเพียงสีหน้าของปีศาจเพลิงเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง แววตาดุจเปลวเพลิงนั้นปรากฏร่องรอยความแปลกใจในขณะที่จับจ้องเยี่ยฉวน เขาพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเยาะ “ฮ่าๆๆ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าช่างตาถึงยิ่งนัก! หากเจ้าอยากได้ผีเสื้อหยกของข้า จงนำเคล็ดวิชาฝึกตนของนักปราชญ์มาแลก ไม่ใช่เงิน!”

เคล็ดวิชาฝึกตนของนักปราชญ์งั้นหรือ?

ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ทั้งหลายอุทานอีกครั้ง คำพูดของเยี่ยฉวนนั้นน่าแปลกใจมากพอแล้ว แต่คำตอบของปีศาจเพลิงน่าทึ่งเสียจนพวกเขาตกตะลึง เป็นไปได้หรือที่ผีเสื้อหยกไร้ค่าไร้ราคาไม่มีผู้ใดแลเหลียวนี้จะเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ?

“อ๋า ถูกรุกฆาตจนมุมถึงเพียงนี้ แทนที่จะพยายามเอาตัวรอดกลับพยายามเรียนรู้เคล็ดวิชาฝึกตนของนักปราชญ์ น่าขัน ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้!” เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปโดนไม่หันกลับมามองผีเสื้อหยกอีก

เจ้าอ้วนมึนงงไร้การตอบสนองใดๆ เยี่ยฉวนก้าวไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าว แสงสีแดงก็พลันสว่างวาบและปีศาจเพลิงเข้ามาขวางทางเขาเอาไว้ “ไอ้หนู เจ้าว่าอย่างไรนะ? ใครถูกรุกฆาต? พูดอีกทีซิ!”

คลื่นความร้อนแผดเผาแสบร้อนราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็ม เจ้าอ้วนพลันตื่นขึ้นจากภวังค์ ครั้นเห็นปีศาจเพลิงที่กำลังเกรี้ยวกราดก็ตัวสั่นงันงก เมื่ออยู่เบื้องหน้าปีศาจเพลิงแล้วจอมยุทธ์ขั้นซิวฉือระดับหนึ่งอย่างเขาก็เป็นเพียงผักปลา

“พักหลังมานี้หัวใจและปอดของท่านอาการไม่สู้ดีนัก หลังสามวันล่วงไปหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะกระโดดลงไปในหุบเขามังกรปีศาจเสีย”

เยี่ยฉวนเอ่ยอย่างใจเย็น มองดูปีศาจเพลิงที่โกรธจนแทบคลั่งก่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่แยแส

แววตาของปีศาจเพลิงผู้เหี้ยมโหดลุกวาวเป็นลางร้าย เขามองตามแผ่นหลังของเยี่ยฉวนไปด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มไม่มั่นคง บรรดาผู้สังเกตการณ์โดยรอบพากันแยกย้ายเมื่อบรรยากาศเริ่มตึงเครียดจนพวกเขาไม่กล้าเฝ้าดูอีกต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด