Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 45 ข้าไม่ต้องการสมบัติชิ้นนี้

Now you are reading Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ Chapter บทที่ 45 ข้าไม่ต้องการสมบัติชิ้นนี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 45 ข้าไม่ต้องการสมบัติชิ้นนี้

ผู้มีกายลุกโชนนั้นว่องไวเสียจนน่าทึ่ง เขามาถึงนอกประตูอย่างรวดเร็วและจับจ้าวต้าจื่อเอาไว้

ผู้ใดอัญเชิญปีศาจร้ายผู้พำนักอย่างสันโดษในแดนอรัญญิกมายังที่แห่งนี้? โท่วป่าเซียงหรือจินจื่อคุน?

เยี่ยฉวนเปิดประตูออกไปอย่างใจเย็นแม้สีหน้าจะเครียดขึง

คลื่นความร้อนพุ่งมาปะทะใบหน้าอย่างจัง ร่างประหลาดที่กำลังลุกไหม้พุ่งเข้ามาและหยุดห่างออกไปราวสิบเมตร จิตสังหารรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิล

“ศิษย์พี่ใหญ่ หนีเร็วขอรับ ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่ เร็วเข้า!”

แว่วเสียงของจ้าวตาจื่อดังมาจากใจกลางเปลวเพลิง แม้ร่างของเขายังไม่ถูกย่างสุกแต่ก็แทบจะไหม้เกรียมอยู่รอมร่อ เขาอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และหมดกำลังดิ้นรน ครั้งนี้เขาไม่ได้ร้องขอให้เยี่ยฉวนช่วยเหลือแต่กลับเตือนให้หนีไปเสีย ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยากยิ่ง

เยี่ยฉวนไม่ได้หนีไป แม้ไม่ใช่เจ้าอ้วนเขาก็ไม่มีทางหนีไปง่ายๆ ทั้งที่การต่อสู้ยังไม่ได้เริ่ม เขาพินิจดูร่างที่กำลังแผดเผาเบื้องหน้าอย่างสงบและค่อยๆ ระลึกถึงใบหน้าที่คุ้นเคย “ปีศาจเพลิง เจ้า… เจ้าคือปีศาจเพลิงอย่างนั้นหรือ!?”

เยี่ยฉวนร้อง เขาไม่เคยคาดคิดว่าปีศาจเพลิงผู้น่าหวั่นเกรงแห่งตลาดมืดจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หลังตะลึงอยู่ชั่วครู่ก็พิเคราะห์ดูร่างที่เปลวเพลิงลุกท่วมอีกครั้งและเริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เยี่ยฉวนจึงมีท่าทีผ่อนคลายลง

เคล็ดวิชากายสุริยันแผดจ้าที่ปีศาจเพลิงได้ฝึกฝนมานั้นเป็นกายหยางศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง ปราณหยางในกายเขาจึงเดือดพล่านรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่พลังนี้มีผลสะท้อนกลับรุนแรงและทำให้ปีศาจเพลิงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ใบหน้าของเขาแตกปริและปราณหยางในกายล้นทะลักเกินควบคุมประหนึ่งลาวาร้อนแรงใกล้ปะทุ

เมื่อเยี่ยฉวนเห็นสภาพของปีศาจเพลิงที่ตลาดมืดก็ล่วงรู้ทันทีว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากนัก แต่เยี่ยฉวนไม่คาดคิดว่าเวลาที่ว่านั้นจะไม่ถึงสามวันเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนปีศาจเพลิงก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ เปลวไฟที่ห่อหุ้มกายของเขานั้นไม่ใช่เปลวไฟธรรมดาหากแต่เป็นไฟสุริยันจากพลังกายสุริยันแผดจ้า ตอนนี้ร่างของเขาอาจกลายเป็นเถ้าถ่านได้ทุกเมื่อ

“ไอ้หนู เส้นโลหิตที่หล่อเลี้ยงหัวใจของข้าถูกปิดกั้นทำให้ไม่สามารถโคจรปราณสุริยันแผดจ้าได้ ข้าจะทำอย่างไรดี?”

น้ำเสียงแหบแห้งของปีศาจเพลิงดังออกมาจากใจกลางเพลิงที่แผดเผา เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกขนาดเท่าหัวแม่มือตามร่าง แลดูน่าสยดสยองประหนึ่งทั้งร่างพร้อมเปลี่ยนเป็นลูกไฟได้ทุกเมื่อ จ้าวต้าจื่อผู้ถูกจับไว้ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดราวกับตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

“ปล่อยศิษย์น้องของข้าก่อน” เยี่ยฉวนเอ่ยอย่างไม่ไยดี

เขาล่วงรู้จุดประสงค์การมาเยือนของปีศาจเพลิงทันทีที่เห็นสภาพอีกฝ่ายชัดเจนจึงรู้สึกผ่อนคลายลง ในตอนนี้เขาอาจเป็นผู้เดียวในระยะพันลี้ที่สามารถช่วยปีศาจเพลิงได้

หลายปีก่อน ราชาแห่งเปลวเพลิง สมุนผู้มีฝีมือของเยี่ยฉวนได้ฝึกฝนกายสุริยันแผดจ้าและได้รับผลกระทบจากพลังเช่นเดียวกัน มิหนำซ้ำสภาพยังย่ำแย่กว่าปีศาจเพลิงเสียอีก แต่เขาก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือของเยี่ยฉวน

“ตอบมาเร็วเข้า!”

ปีศาจเพลิงเหวี่ยงเจ้าอ้วนทิ้งไปก่อนจะก้าวมาข้างหน้า ดวงตาจ้องมองเยี่ยฉวนอย่างดุร้าย พลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในร่างนั้นปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ และคงเกินความควบคุมในไม่ช้า

ปีศาจเพลิงประหลาดใจยิ่งเมื่อเยี่ยฉวนเอ่ยที่ตลาดมืดว่าเขาคือผู้ถูกรุกฆาตและจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นสามวัน เขาคิดว่าเยี่ยฉวนพูดจาไร้สาระในเมื่อเขารู้จักสภาพร่างกายของตนดี แต่กลับไม่กล้าลุกขึ้นต่อสู้กับเยี่ยฉวนในตอนนั้นแม้จะโกรธจัด หากเป็นผู้อื่นคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว

คำพูดของเยี่ยฉวนทำให้ปีศาจเพลิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าเพียงแค่ในคืนนั้นเขาก็แทบคุมตนเองไม่อยู่และนึกถึงเยี่ยฉวนขึ้นมาทันที แม้ไม่รู้ว่าเยี่ยฉวนเป็นใครแต่เขารู้จักจ้าวต้าจื่อดี ปีศาจเพลิงจึงรีบมาเยือนสำนักหมอกเมฆาและทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับเจ้าอ้วนผู้เกือบกลายเป็นหมูย่างสุกเสียแล้ว

“เจ้าอ้วน แขกผู้มีเกียรติมาเยือนสำนักของเรา เจ้ายังไม่เตรียมต้อนรับอีกหรือ?”

เยี่ยฉวนสั่งอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะนั่งลงบนแผ่นหินสีเขียวด้วยท่าทีสบายๆ ร่างที่แตกร้าวของปีศาจเพลิงมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาและกำลังจะลุกไหม้เป็นกองเพลิง แต่เขายังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ส่วนเจ้าอ้วนนั้นตะลึงงันชั่วครู่ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น พุ่งเข้าไปในลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิล และนำชุดน้ำชาออกมาริน เมื่อเช้าจ้าวต้าจื่อเพิ่งออกมาจากสำนักในยามเช้าตรู่แต่จู่ๆ เกือบถูกปีศาจเพลิงฆ่าตายทำให้เขาตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เคราะห์ดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักแม้เสื้อผ้าจะไหม้ไปก็ตาม

“ไอ้หนู รับนี่ไป ผีเสื้อหยกเป็นของเจ้า คราวนี้ก็ตอบข้ามาเสียที!”

ปีศาจเพลิงหยิบวัตถุสีเข้มออกมาจากอกและโยนให้เยี่ยฉวน มันคือผีเสื้อหยกสีดำที่เยี่ยฉวนถูกตาต้องใจในตลาดมืด ในยามนั้นปีศาจเพลิงกล่าวว่าสิ่งนี้ไม่ได้มีไว้ขายและต้องถ่ายทอดเคล็ดวิชาของนักปราชญ์เป็นการแลกเปลี่ยน แต่บัดนี้เขากลับหยิบยื่นมันให้โดยไม่ลังเล

นี่สินะผู้ถูกรุกฆาตจนมุม!

ในที่สุดปีศาจเพลิงก็ตระหนักถึงความล้ำค่าของชีวิตเมื่อกำลังจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ณ เวลานี้ เขาไม่สนใจเคล็ดวิชาหรือสมบัติอื่นใด ของเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งไม่สลักสำคัญไปทันใด

ปรมาจารย์!

ปรมาจารย์! ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้คือปรมาจารย์เป็นแน่!

จ้าวต้าจื่อตกตะลึง แต่สีหน้าของเยี่ยฉวนกลับนิ่งเฉยไม่แปรเปลี่ยนและเพิกเฉยปีศาจร้ายที่กำลังจะมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ไม่มีสิ่งใดที่เหนือไปกว่าความคาดหมาย เขาไม่ได้กล่าวคำใดออกไปแต่เพียงแค่สำรวจดูผีเสื้อหยกในมือเท่านั้น

ผีเสื้อหยกสีเข้มนี้ดูธรรมดาซ้ำยังมีรอยแตก หากถูกโยนทิ้งข้างถนนแม้แต่ขอทานก็คงไม่เหลียวแล แต่เยี่ยฉวนกลับพินิจดูอย่างละเอียด

ผีเสื้อหยกนี้ไร้ประโยชน์ยิ่ง ไม่มีอักขระทรงพลังใดสลักอยู่อีกทั้งไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่สิ่งที่ดึงดูดเยี่ยฉวนคือคุณภาพของวัสดุที่ใช้ทำผีเสื้อหยกชิ้นนี้ แม้ดูเหมือนกระเบื้องธรรมดาแต่กลับมีความหนาแน่นมาก เมื่อเคาะด้วยนิ้วจะเกิดเสียงดังราวกับโลหะ แต่พื้นผิวกลับไม่เย็นเหมือนโลหะทั่วไปซ้ำยังมีร่องรอยความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านอุ้งมือ เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานแปรปรวนอ่อนๆ ที่กำลังกระเพื่อมต่อเนื่องอยู่ภายใน

“อืม… เป็นพลอยสัมฤทธิ์แท้คุณภาพดีทีเดียว เพียงแต่หลอมอย่างหยาบไปเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับการฝึกตนได้”

เยี่ยฉวนมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งผีเสื้อหยกลงบนพื้น ปีศาจเพลิงไม่ได้รู้ดีเรื่องสินค้าทั้งหมด เขารู้เพียงว่าคุณภาพวัสดุที่ใช้ทำผีเสื้อหยกนั้นไม่ธรรมดาและเชื่อว่ามันเป็นสมบัติโบราณ จึงทะนุถนอมผีเสื้อหยกนี้ประหนึ่งทารกน้อยมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เยี่ยฉวนกลับมองผีเสื้อหยกด้วยสีหน้าเฉยเมย “ท่านปีศาจเพลิง รับผีเสื้อหยกนี้คืนไปเสียเถอะ การรักษาอาการเส้นโลหิตอุดตันจากพลังกายสุริยันแผดจ้าใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็นับว่ายากทีเดียว ยากเกินไปสำหรับพลังของข้า ท่านดูท่าจะเหลือเวลาอีกสองวัน ข้าว่าท่านกลับไปตระเตรียมงานศพของท่านเถิด หากเคราะห์ดีท่านอาจรอดพ้นจากอาการนี้หลังพักฟื้นสองวันดังคำกล่าวที่ว่า ‘สวรรค์ย่อมช่วยเหลือผู้ที่คู่ควร’ ก็เป็นได้”

ในตลาดมืด เขามีก้อนผลึกชั้นยอดมากมายแต่เยี่ยฉวนกลับสนใจผีเสื้อหยกจนทั้งสองแทบจะขัดแย้งกันในวันนั้น ในตอนนี้ปีศาจเพลิงเสนอผีเสื้อหยกให้ถึงหน้าประตูแต่เยี่ยฉวนกลับไม่ต้องการ

“ไอ้หนู นี่เจ้า….”

ปีศาจเพลิงจ้องมองเยี่ยฉวนขณะที่เปลวเพลิงบนร่างเกิดลุกไหม้ขึ้นฉับพลันพร้อมเสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น พลางฟาดฝ่ามือไปทางเยี่ยฉวนทันใด

เขาอยู่ในตลาดมืดอย่างสันโดษมาหลายปีและหวังว่าปราณแห่งจิตวิญญาณโลก ณ เทือกเขาเมฆาอินทนิลจะช่วยเขาให้รอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ได้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาได้เข้าพบปรมาจารย์ทั้งจากสำนักหมอกเมฆา สำนักเครื่องนิล และสำนักเบญจลักษณ์มากมายนับไม่ถ้วน แต่เยี่ยฉวนกลับเป็นผู้เดียวที่สามารถมองเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้ เมื่อไร้ซึ่งหนทางแก้ไข เยี่ยฉวนจึงเป็นความหวังสุดท้าย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมอบผีเสื้อหยกที่หวงแหนยิ่งให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเยี่ยฉวนผู้เคยถูกใจสินค้าชิ้นนี้ในตลาดมืดจะไม่ต้องการมันอีกต่อไป?

ปีศาจเพลิงทั้งตกตะลึงและโกรธจัด เปลวไฟน่ากลัวพวยพุ่งออกมาจากร่าง เขายกมือขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อไม่สามารถควบคุมเปลวเพลิงแห่งโทสะในจิตใจได้อีกต่อไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด