Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 57
แสงที่ 57 เลือกม้าก่อนเข้าหน่วย (1)
ท่ามกลางร่างของผมกับทั้งสองที่กำลังยืนอึ้งกันอยู่ ควันไฟสีดำลูกใหญ่กำลังลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า โชคดีที่พวกเรามาทดสอบกันบนลานดิน ไม่อย่างงั้นมีหวังไฟได้ลุกลามกันไปใหญ่แน่..
“อะ..อึก นายทำได้ยังไงกัน..?”เอลิเซียที่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง
“เจ้าของเหลวสีดำนี่เรียกว่าน้ำมัน ถ้าเกิดมันโดนความร้อนผลลัพธ์ก็จะออกมาอย่างที่เห็น แถมไฟที่เกิดจากน้ำมัน ไม่สามารถที่จะใช้น้ำดับได้..”ผมที่อธิบายให้เอลิเซียได้ฟัง..
“นะ..น้ำมัน..? สะ..สุดยอด..”เอลิเซียที่กล่าวออกมาอย่างอึ้งๆ..
“ฉันอยากจะขอเตือนเอาไว้ เจมิไนท์นี้ถือว่าเป็นดาบสองคม ถ้าคิดจะใช้ต้องวางแผนให้รอบคอบ เพราะว่าถ้าเกิดมันไหม้ตัวของเธอขึ้นมาแล้วก็ บอกได้คำเดียวเลยว่าเกรียม..”ผมที่เตือนเอลิเซีย พอได้ยินก็ถึงกับหน้าถอดสี..
“อะ..อืม..”
“แต่ถ้าใช้ให้ถูกวิธีล่ะก็ ในสมรภูมิที่มีแหล่งน้ำหรือฝนตกชุกชุม ฉันบอกได้เลยว่าถึงต่อให้ข้าศึกจะยกมาเป็นสิบกองพลก็ไม่รอด พลังของเธอน่ะ..แข็งแกร่งโครตๆ และยิ่งไม่มีใครที่รู้จักน้ำมันด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้พลังนี้น่ากลัวเข้าไปใหญ่..”ผมที่บอกกับเอลิเซีย ซึ่งพอเธอได้ยินก็จ้องมองฝ่ามือของตัวเอง ก่อนที่เธอจะคลี่รอยยิ้มออกมา..
“ดีใจด้วยนะเอลิเซีย..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา..
“ขอบคุณนะ..!”
ฟุบ..!
เอลิเซียที่กระโดดกอดผม เธอดูดีใจเป็นอย่างมาก เดี๋ยวนะ..นี่ดีใจจนถึงกับร้องไห้ออกมาเลยเหรอ
“ฮึก..”
“เธอเป็นอะไรเนี่ย..?”ผมที่ถามเอลิเซียอย่างไม่เข้าใจ..
“กะ..ก็แค่ดีใจ ฉันน่ะ..ตั้งแต่เกิดมาก็ถูกคนในตระกูลมองข้ามมาโดยตลอด ฉันเกิดมาอ่อนแอถึงแม้จะมีเจมิไนท์แต่มันกลับเป็นพลังที่ไร้ประโยชน์ แตกต่างจากพี่สาวของฉันที่ทั้งฉลาดแล้วก็แข็งแกร่ง แต่พอมาถึงตอนนี้ที่ได้รู้ว่าตัวเองก็มีพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกัน มันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกดีใจ..”เอลิเซียที่ร้องไห้ออกมา ก่อนจะบอกเล่าถึงปัญหาชีวิต..
“เข้าใจแล้ว..ตอนนี้น่ะเธอไม่ได้อ่อนแออีกต่อไปแล้ว..”ผมที่ลูบหัวเพื่อปลอบประโลมเอลิเซีย..
“ขอบคุณนายมากนะ ทั้งหมดมันเป็นเพราะนาย ถ้าฉันไม่เจอนายตอนนี้ฉันก็ยังคงเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อยู่..”เอลิเซียที่สวมกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่น..
“อืม..”ผมที่ลูบหัวของเอลิเซีย ก่อนที่ต่อจากนั้นเธอจะค่อยๆคลายแขนออก..
“แต่ยังไงก็เถอะ..ฉันอยากจะให้เธอเก็บพลังนี้เอาไว้เป็นความลับ แม้แต่คนในตระกูลก็ห้ามให้รู้เด็ดขาด..”ผมที่บอกกับเอลิเซีย พอเธอได้ยินก็ชะงักไป..
“ทะ..ทำไมล่ะ..?”
“เพราะเธอจะอาจจะตกกลายเป็นเครื่องมือของพวกผู้มีอำนาจ และที่สำคัญ..พลังของเธอ ไม่ควรที่จะเอาไปใช้มั่วๆ ถ้าเกิดศัตรูได้เห็นพลังนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปพวกมันก็จะเตรียมแผนรับมือได้..”ผมที่อธิบายถึงเหตุผล เมื่อเอลิเซียได้ยินเธอก็แสดงสีหน้าเศร้าๆ..
“เข้าใจแล้ว..”
“อย่าเศร้าไปเลย ฉันรู้ว่าเธออยากจะพิสูจน์ตัวเองให้คนในตระกูลได้เห็น แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรือเร็วๆนี้ก็เท่านั้น พลังของเธอน่ะ..ถือว่าเป็นไพ่ตายของจักรวรรดิในกรณีที่เจอกับสมรภูมิที่ไม่สามารถจะถอนตัวหรือยอมแพ้ได้ พลังของเธอจะเป็นสิ่งที่เอาไว้ใช้พลิกสถานการณ์..”ผมที่บอกกับเอลิเซีย ซึ่งทันทีที่เธอได้ยินก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ..
“อะ..อื้ม ฉันจะทำตามที่นายบอก และที่สำคัญยังไงฉันเองก็ถอนตัวออกจากตระกูลมาแล้วด้วย..”เอลิเซียที่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ถึงผมจะยังสงสัยเรื่องของเธอ แต่ก็ยังไม่ได้คิดที่จะเอ่ยถามตอนนี้..
“เอาล่ะ..แล้วรางวัลของฉันล่ะ..?”ผมที่ทักท้วงกับเอลิเซีย เมื่อเธอได้ยินก็ผงะ ก่อนจะหน้าแดงก่ำ..
“กลับห้องกันเถอะ ฮิตเลอร์วันนี้เธอยังไม่ได้เพิ่มระดับคริสตัลมานาเลยนะ..”ผมที่หันไปบอกกับฮิตเลอร์ แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ถึงกับหน้าแดงด้วยเช่นกัน..
“ตะ..ตาบ้า..”เอลิเซียที่สบถอุบอิบ..
“ตะ..ตอนนี้คงไม่ได้หรอก..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา พลางก้มหน้าบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย..
“ทำไมอ่า..~”ผมที่ส่งเสียงออดอ้อนออกมา..
“วันนี้ที่คอกม้าของอาคัสได้ปล่อยม้าออกมาที่สนามหญ้า นักเรียนที่จบหลักสูตรจะต้องไปคัดเลือกหาม้าของตัวเอง..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา
“จริงด้วย..ไม่ได้การแล้ว ถ้าไปช้ามีหวังม้าดีๆถูกเลือกไปหมดแน่..”เอลิเซียที่ดูเหมือนจะพึ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ ถ้าฮิตเลอร์ไม่บอกเธอก็คงจะไม่รู้..
“ไม่เห็นจะน่าสนใจเลยขึ้นห้องกันเถอะ..”ผมที่บอกกับทั้งสอง ถึงเมื่อคืนจะใส่ไปเต็มกราฟจนแทบจะไม่ได้นอน แต่ผมก็ติดใจจนอยากจะทำอีก
“ใช่ๆ ขึ้นห้องดีกว่าตั้งเยอะ ตรงนี้ก็มีม้าอยู่ตั้งตัวหนึ่งสลับกันขี่ก็ได้..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา มันคนละม้าเว้ย..!
“สตาร์..ถ้าสตาร์ไม่เลือกม้าเป็นของตัวเอง ตอนออกทำภารกิจจะลำบากเอานะ ม้าตัวหนึ่งมีราคาที่แพงเอามากๆ แถมม้าในตลาดยังเป็นม้าคุณภาพต่ำ ต่างจากที่อาคัสจัดหามาให้ เอาไว้สตาร์ไปเลือกม้าก่อน สะ..ส่วนเรื่องนั้น เอาไว้คืนนี้ค่อยทำกันก็ได้..”ฮิตเลอร์ที่บอกกับผม แต่ทันทีที่เธอพูดมาจนถึงเรื่องอย่างว่า ใบหน้าของเธอจู่ๆก็แดงก่ำอย่างหนัก อ้อ..ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกผมว่าสตาร์เฉยๆแล้ว..
“แต่ฉันขี่ม้าไม่เป็นหนิ..”ผมที่บอกกับทั้งสองคน..
“ห้ะ..?”เอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่พากันร้องเสียงหลง คนทั้งสองพลันหันมามองหน้ากันอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จู่ๆ พวกเธอจะฉีกรอยยิ้มให้แก่กัน พร้อมทั้งหันมามองผม
“อะแฮ่ม..ดูเหมือนว่านายเองก็ยังมีเรื่องที่ไม่ถนัดอยู่เหมือนกันสินะ..”เอลิเซียที่เอามือป้องปากส่งเสียงออกมา
“หึๆ เดี๋ยวเราสอนเอง ขนาดเราตัวเตี้ยยังขี่ได้เลย..”ฮิตเลอร์ที่หัวเราะอยู่ภายในลำคอ ยัยเตี้ยนี่กำลังยืดอกและทำท่าเหมือนกับว่ากำลังภาคภูมิใจ..
“โถ่..~ ขึ้นห้องก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้เหรอ..?”ผมที่ส่งเสียงออกมา บทจะกระหายผมก็กระหายแบบหน้ามืดตามัว..
“ไม่ได้..! รีบตามมาเดี๋ยวนี้เลย..”เอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่กระชากมือของผม ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมจะต้องจำใจตามพวกเธอไป..
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..
หลังจากที่ผมถูกยัยสองแสบลากตัวข้ามทวีปมายังอาณาเขตส่วนในของอาคัสทางทิศเหนือ ในท้ายที่สุดพวกเราก็มาถึงคอกม้า..
ซึ่งภาพที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าของพวกเราในตอนนี้คือทุ่งหญ้าโล่งๆอันแสนกว้างใหญ่ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยรั้วไม้ และถ้ามองออกไปข้างหน้าจะเห็นเป็นกำแพงเมืองที่สูงชันปรากฏอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร เห็นว่าพื้นที่ตรงส่วนนี้คือจุดที่อยู่ติดกับกำแพงเมืองทางตอนเหนือของสถาบันอาคัส..
โดยที่ภายในอาณาเขตของทุ่งหญ้ามีคอกม้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ อีกทั้งในเวลานี้ยังมีม้าจำนวนมากที่ออกมาเดินกันอยู่เต็มสนามหญ้า นอกเหนือจากนี้ยังมีเหล่านักเรียนหรือพลทหารฝึกหัดขั้นที่สามกว่าหลายร้อยคนที่มาคัดเลือกหาม้าของตัวเอง..
“คนเยอะมาก..ต้องรีบแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวม้าดีๆจะถูกเลือกไปหมด..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา ก่อนจะปีนข้ามรั้ววิ่งนำออกไป..
“ฉันขอไปเลือกม้าก่อนน้า..~”เอลิเซียที่หันกลับมาโบกมือให้ผมกับฮิตเลอร์ เธอดูร่าเริงเป็นอย่างมาก..
“ม้างั้นเหรอ..?”ผมที่กระพริบทำตาปริบๆ ก่อนจะเหม่อมองออกไปยังม้ากว่าหลายร้อยตัว จำนวนที่เห็นคร่าวๆคงจะประมาณราวๆ 200 ตัวเห็นจะได้..
นี่มันอะไรกันพาหนะมีชีวิตงั้นเหรอ..? หลุดออกมาจากยุคกลางหรือไง ไหงโลกนี่แม่งไม่มีเครื่องจักรวะ อยากจะได้แมงกะไซสักคัน ไอ้ม้าพวกนี้ดูแลก็ยาก แถมอาจจะตายได้ง่ายๆในสมรภูมิ และไหนจะต้องมาคอยดูแลเอาใจใส่พวกมันอีก แค่คิดก็เซงแล้ว..แม่งไม่มีข้อดีเลยสักนิ..ด
“หืม..เดี๋ยว ม้าสินะ..”
ภายในชั่ววูบนั้นจู่ๆสมองของผมก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่ผมจะแสยะรอยยิ้มออกมา
“สตาร์..นี่แกคงไม่ได้คิดอะไรจังไรใช่ไหม..?”ไอ้จ้อนที่ถามผมด้วยความหวาดหวั่น
“แน่นอนว่าฉันคิด หาไว้สักตัวเอาไว้ใช้เป็นเครื่องทรมานคนก็ไม่เลว เคี๊ยกๆ..”ผมที่ส่งเสียงหัวเราะสุดโรคจิตออกมา..
“สะ..สตาร์ นะ..นายคุยกับใครงะ แถมยังทำหน้า นะ..น่ากลัวอีก.”เสียงของฮิตเลอร์ที่เอ่ยดังขึ้นถึงกับทำให้ผมร่างกระตุก เวรกรรมลืมไปซะสนิทว่ายัยนี่ยืนอยู่ด้วย..
ซึ่งทันทีที่ผมหันไปมองก็เห็นว่าฮิตเลอร์กำลังยืนหดตัวน้ำตาคลอเบ้าอยู่..
“เปล่าหรอก..ฉันคุยกับตัวเองน่ะ..”ผมที่เอื้อมมือไปลูบหัวฮิตเลอร์ โดยที่เธอก็หลับตาลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม โดยที่ผมเองก็แทบจะไม่เชื่อสายตา เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อคืน ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนนี้ เมื่ออยู่บนเตียงกลับกลายเป็นคนละคน แถมยังเป็นงานจนน่ากลัว
“ยังไงเธอก็ไปเลือกม้าของเธอเถอะ ส่วนฉันจะขอเดินไปดูลาดเลาก่อน..”ผมที่บอกกับฮิตเลอร์..
“ขะ..เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวถ้าเราเลือกม้าได้จะรีบมาหาสตาร์นะ..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปีนข้ามรั้วไม้วิ่งตรงเข้าไปในทุ่งหญ้า..
“เอาล่ะ..ไหนๆก็มาแล้วเลือกสักตัวก็คงไม่เสียหายอะไร ยังไงก็ของฟรีแหละนะ..”ผมที่กล่าวกับตัวเอง ก่อนจะปีนข้ามรั้วไป..
ซึ่งหลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในดงของเหล่าม้าที่ยืนอยู่ ในขณะที่เดินสายตาก็พลางกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าการเลือกม้าดูเหมือนจะไม่ได้ทำง่ายๆอย่างที่คิดเอาไว้ซะแล้ว..
ซึ่งผมก็ได้สังเกตเห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่กำลังถือเชือกที่ผูกทำเป็นบ่วงเอาไว้ แสดงว่าเมื่อเลือกม้าที่ถูกใจได้แล้ว นักเรียนแต่ละคนจะต้องจับกันเอาเอง
ฟุบๆ ๆ ๆ
นักเรียนคนหนึ่งที่หมุนข้อมือเหวี่ยงบ่วงให้หมุน ก่อนจะโยนบ่วงออกไปคล้องเข้าที่คอของม้าตัวหนึ่ง พร้อมทั้งดึงบ่วงให้รัดคอของมัน..
“ฮี๋..~!”
“เฮ้ย..เดี๋ยวอย่าหนีสิ.!”
ตุบ..!
ครืด..!
“โอ้ย..!”
แต่แล้วม้าตัวนั้นก็เกิดอาการตื่นกลัวและออกตัววิ่งหนีไป ทำให้นักเรียนที่จับเชือกอยู่ถึงกับต้องตัวลอยไปตามแรงกระชาก ก่อนจะถูกม้าตัวนั้นลากพาไถลไปกับพื้น จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยเชือกในมือออก แล้วใครเขาสั่งเขาสอนให้จับม้าแบบนั้นฟะ..
“เฮ้อ..ทำไมมันยากแบบนี้วะ..”
“นั่นสิ..นึกว่าจะง่ายๆซะอีก..”
“ยังไงวันนี้ก็ต้องรีบจับม้าให้ได้สักตัว ไม่งั้นต้องแย่แน่ๆ..”
เสียงถอนหายใจและเสียงสบถที่ดังออกมาให้ได้ยิน เท่าที่ผมเห็นมีนักเรียนกว่าหลายคนที่กำลังนั่งเครียดกันอยู่ สภาพของแต่ละคนส่วนใหญ่สะบักสะบอมจนดูแทบไม่ได้..
“เฮ..! เจ้าหนู..ยังไม่มีเชือกใช่ไหม มาเอาเชือกตรงนี้สิ..”
ทันใดก็มีเสียงของชายคนหนึ่งที่เรียกผม เมื่อผมหันไปมองก็พบเข้ากับร่างของตาลุงพุงพลุ้ยในชุดของคนทำฟาร์มสวมหมวกฟาง แถมเขายังยืนอยู่ข้างๆกองเชือก..
“หืม..?”ผมที่หรี่ตาลง พลางจ้องมองไปยังตาลุงตรงหน้า ถ้ามองเผินๆก็จะเห็นว่าแกเป็นคนเลี้ยงม้าธรรมดา แต่ทว่าชายคนนี้กลับไม่อาจจะปกปิดกลิ่นคาวเลือดที่แผ่กระจายออกมาได้ ภายในแววตาคู่สีแดงนั่นแสดงให้เห็นถึงความอมหิตและเพลิงสงคราม..
ตาลุงคนนี้ที่ผมเห็น แตกต่างจากทุกๆคนที่ผมได้เจอมาอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เหล่าเสาหลักอย่างเครเซอร์หรือเทียอัสก็ไม่อาจจะเทียบติด..
“ครับ..”ผมที่เดินไปหาตาลุง ทันทีที่เดินไปถึงแกก็หยิบเชือกส่งมาให้..
“เจอม้าที่ถูกใจหรือยัง..?”ตาลุงที่ถามผมด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น..
“ยังเลยครับ ยังไม่เจออะไรที่น่าสนใจจนกระทั่งได้เจอกับคุณลุงนี่แหละ คนระดับคุณทำไมถึงมาปลอมตัวเป็นคนเลี้ยงม้ากันล่ะครับ..? หรือว่าเป็นงานอดิเรก..”ผมที่เปิดประเด็นถามตรงๆ ด้วยความสงสัยว่าตาลุงนี่เป็นใครจึงไม่คิดที่จะอ้อมค้อม..
“หืม..? เจ้าหนู..ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นี่เราพึ่งจะเจอกันเองนะ ทำไมพูดอย่างกับรู้จักฉันล่ะ..”ตาลุงที่แสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อ..
“มีคนๆหนึ่งในทารอนเคยพูดเอาไว้ว่า..ถ้าเราจะอยากจะจำแนกว่าพยัคฆ์ตัวไหนเป็นพยัคฆ์ที่ดุร้ายให้ดูที่แววตาของมัน คุณอาจจะปกปิดตัวตนเอาไว้ แต่ไม่สามารถปกปิดกลิ่นคาวเลือดได้หรอกนะครับ ผมยืนอยู่ตั้งใกล้ยังได้กลิ่นเลย
แถมกลิ่นคาวเลือดที่ว่ามันไม่ใช่เลือดที่พึ่งจะติดตามตัวของคุณลุง แต่เป็นเลือดของศัตรูที่ชะโลมอาบไปทั่วทั้งร่างตั้งแต่สมัยอดีตจนซึมซับเข้าไปในผิวหนัง แต่ก็เอาเถอะ..ถ้าคุณลุงอยากจะเป็นคุณลุงเลี้ยงม้า ผมก็จะพยายามมองให้มันเป็นแบบนั้น..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะทรุดตัวนั่งขัดสมาธิข้างๆกายของตาลุง..
“หึ..ดูเหมือนว่าปีนี้ที่อาคัสจะมีเด็กที่น่าสนใจอยู่ด้วยสินะ ยังไงก็รบกวนด้วยล่ะกัน ก็อย่างที่เธอบอกมันก็แค่งานอดิเรก..”ตาลุงที่กล่าวกับผม ก่อนจะถามชื่อ
“แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ..?”
“ผมชื่อสตาร์ แล้วคุณล่ะครับ..”ผมที่ตอบกลับ ส่วนสายตาก็พลางมองออกไปยังเหล่าม้าที่ยืนอยู่..
“เรียกฉันว่าเดรสก็ได้..”
“ผมขอเรียกคุณลุงละกัน..”ผมที่ตอบกลับเดรส..
“แล้วแต่เธอละกัน..ในเมื่อเธอสามารถมองตัวตนของฉันออก เอางี้เป็นไงเดี๋ยวฉันจะแนะนำม้าดีๆให้เธอสักตัว แน่นอนว่าม้าทุกตัวที่เธอเห็นจะมีม้าอยู่สามตัวที่เป็นม้าระดับสูง..”เดรสที่กล่าวกับผม ก่อนจะชี้ไปยังม้าตัวสีขาวตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ โดยที่ม้าตัวนั้นเป็นม้าที่ดูสง่างามล้ำสัน แถมในตอนนี้ยังถูกนักเรียนกว่าหลายคนที่กำลังเข้ารุมล้อมเอาไว้..
ฟุบ..!
ปึด ๆ ๆ
“ฮี๋..!~”เสียงของม้าตัวสีขาวที่ร้องออกมา มันกำลังถูกนักเรียนกว่าสี่คนที่โยนเชือกบ่วงบาศเข้าจับเอาไว้..
โดยที่บ่วงบาศจำนวนสี่เส้นได้เข้าคล้องคอของม้าตัวนั้น ก่อนที่เหล่านักเรียนเจ้าของบ่วงจะช่วยกันดึงจากทั้งสี่ทิศทางตรึงร่างของมันเอาไว้ไม่ให้ขยับ เดี๋ยวนะ..
ทันใดนั้นสายตาของผมก็เหลือบไปสะดุดเข้ากับหนึ่งในร่างของนักเรียนทั้งสี่คน โดยที่ไอ้เจ้านั่นก็คือไมค์ ลูกของพลตรีเปเนสโจทย์เก่าของผม..
“ฮี่~..!”ม้าตัวสีขาวที่ยกขาหน้าพยศ ส่งผลทำให้เชือกทั้งสี่เส้นต้องขาดออก ทำให้ร่างของไอ้ไมค์กับนักเรียนทั้งสี่คนต้องหงายหลังล้มลงไปกอง
ตุบ..!
“เวรเอ้ย..!”ไมค์ที่สบถออกมา ก่อนที่มันจะหันไปตะโกนบอกกับ..
“อลิซ..ไปหาเชือกมาใหม่..”ไมค์ที่ตะโกนออกมา โดยที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงที่มันอยู่ในกลุ่มของนักเรียนที่มามุงดู มีร่างของอลิซที่ยืนอยู่
“อะ..อื้ม..”อลิซที่พยักหน้า แต่แล้ว..
“ถอยไป..!”
ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ปรากฏตัวขี่มาตรงเข้ามา เธอคนนั้นเป็นผู้หญิงที่โครตจะสวย เดี๋ยวนะ..ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เคยไปขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเมอรัสหนิ ชื่อลิซ่าสินะ..
“หืม..? ลิซ่า..”ไมค์ที่กล่าวออกมา เมื่อมันได้เห็นลิซ่าที่ปรากฏเดินเข้ามาใกล้ สายตาที่มันใช้มองเธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันรู้สึกแบบไหน..
“ม้าตัวนี้มันต้องเป็นของฉัน..”ลิซ่าที่กล่าวออกมา..
“ดะ..เดี๋ยวสิ แต่ม้าตัวนี้ฉันจองไว้แล้วนะ ถึงต่อให้เป็นเธอฉันก็คงจะยกให้ง่ายๆไม่ได้ แถมเธอเองก็หาม้าได้แล้วไม่ใช่เหรอ..”ไมค์ที่กล่าวออกมา แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น มันก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่ากำลังตั้งตัวเป็นศัตรู..
“ฉันเห็นนายพยายามจะจับมันตั้งนานแล้ว ถ้าจับไม่ได้ฉันจะเป็นคนจับมันเอง ในกฏก็ไม่ได้บอกเอาไว้สักหน่อยว่าสามารถจับม้าได้แค่ตัวเองเดียว..”ลิซ่าที่ตอบกลับ พร้อมกับกระโดดลงจากแผ่นหลังของม้าตัวสีน้ำตาลที่เธอขี่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปม้าตัวสีขาว..
“ม้าสีน้ำตาลที่ยัยหนูคนนั้นขี่มาก็เป็นหนึ่งในสามของม้าระดับสูง..”ตาลุงเดรสที่บอกกับผม
“จะว่าไปแล้วม้าระดับสูงมันแตกต่างจากม้าปกติทั่วไปยังไงเหรอครับ..?”
“หืม..นี่เธอไม่รู้จริงๆน่ะเหรอ..? ม้าระดับสูงก็คือสัตว์เวทมนตร์ยังไงล่ะ..”เครสที่อธิบายออกมา
“สัตว์เวทมนตร์..?”ผมที่กล่าวทวนด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ..สัตว์เวทมนตร์คือสัตว์พิเศษที่สามารถปลุกพลังพิเศษเฉพาะขึ้นมาได้ ตามปกติแล้วนอกจากมนุษย์ พวกสัตว์เองก็มีคริสตัลมานาเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าสัตว์ทุกตัวจะสามารถปลุกพลังขึ้นมาได้ อัตราการปลุกพลังของพวกสัตว์นั้นต่ำกว่ามนุษย์เสียอีก
โดยพลังที่ว่ามันก็คล้ายๆกับเจมิไนท์ของมนุษย์นั่นแหละ อย่างม้าสีน้ำตาลตัวนั้นความสามารถพิเศษหรือเจมิไนท์ของมันสามารถเปลี่ยนขนให้กลายเป็นเหล็กได้ ส่วนม้าตัวสีขาวมีความสามารถพิเศษคือสามารถวิ่งบนน้ำได้..”สิ้นคำอธิบายของเดรส ผมก็เข้าใจได้ในทันที ดูเหมือนกลิ่นอายแฟนตาซีจะเพิ่มเข้ามาอีกแล้ว..
“แสดงว่าม้าสองตัวนั้นหายากสินะครับ..?”ผมที่ถามกับเดรส..
“ใช่..หายากมากๆทั้งจักรวรรดิมีม้าระดับสูงอยู่เพียงแค่ 44 ตัวเท่านั้น..”เดรสที่กล่าวออกมา
“น่าเสียดายจัง แต่ผมคงไม่สนใจหรอก..”ผมที่บอกกับเดรส..
“หืม..เพราะอะไรล่ะ ถ้าเธอกลัวว่าจะจับไม่ได้เหรอ ให้ฉันจับมันให้ไหมล่ะ คิดซะว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เธอช่วยทำเป็นมองข้ามตัวตนของฉัน..”เดรสที่ถามผม..
“เปล่าครับ ประเด็นคือว่าผม..ไม่ชอบสีขาวน่ะครับ..”ผมที่ให้คำตอบกับเดรส ส่งผลทำให้เขาได้ยินถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะเบิกดวงตากว้างขึ้น..
“หืม..? ด้วยเหตุผลแค่นั้นเองน่ะเหรอ..?”
“ใช่ครับ..และที่สำคัญ ผมรู้นะว่านอกจากไอ้เจ้าม้าสองตัวนั้นที่กำลังเห็นกับอีกหนึ่งตัวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน มันยังมีม้าตัวที่สี่อีกตัวที่ท่านกั๊กเอาไว้อยู่..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันไปมองยังคอกม้า อีกทั้งยังได้ยินเสียงสะเทือนที่ดังมาแว่วๆ
ซึ่งทันทีที่เดรสได้ยินแบบนั้น เขาก็เบิกดวงตากว้างขึ้น ก่อนจะหรี่ตาลง..
“หึๆ ช่างสังเกตดีหนิ แต่เสียใจด้วย..เจ้านั่นมันไม่ใช่ม้าธรรมดา อย่างเธอน่ะ..เลิกคิดไปได้เลย..”เดรสที่กล่าวออกมา..
โดยในระหว่างที่ผมกับเดรสกำลังพูดคุยกันอยู่ ทางด้านของลิซ่าก็เดินเข้าไปหาม้าตัวสีขาว ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหามัน..
“ฮี่~..!”ม้าตัวสีขาวที่หายใจออกมาอย่างรุนแรงทำให้ลิซ่าต้องรีบชักมือกลับ..
“ชิ..! ไม่เอาก็ได้..”ลิซ่าที่สบถออกมา ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นม้าของตัวเอง ทำให้ไอ้ไมค์ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก..
“อะไรกันลิซ่า..ฉันอุตส่าห์จับม้าให้ แต่ไหงเธอถึงกลับควบมันหนีฉันซะล่ะ..?”
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ควบม้าตัวสีแดงตรงเข้ามา ก่อนจะเอ่ยปากถามกับลิซ่า โดยที่เจ้านั่นเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา มีเส้นผมและดวงตาเป็นสีแดง และเท่าที่ผมสัมผัสได้เจ้านั่นเองก็ค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีฝีมือ..
“อะ..อึก รันต้า..? ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่..?”ไมค์ที่เอ่ยปากถามกับชายผมแดง สีหน้าของมันจู่ๆก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม..
“อะไรกันไมค์..? ฉันจะอยู่ที่ไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกด้วยล่ะ ไอ้อันดับสอง..?”รันต้าที่กล่าวออกมา ก่อนจะแสยะรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างดูถูก..
“กรอด..ฝีมือของแกก็พอๆกับฉัน แค่ตอนสอบแกทำได้ดีกว่าฉันนิดหน่อยจนขึ้นเป็นอันดับหนึ่งก็อย่าได้ใจให้มันมากซะล่ะ หรือว่าแกอยากจะวัดกับฉันทีนี่ ตอนนี้..?.”ไมค์ที่กัดฟันกล่าวออกมา ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าหัวแดงที่ชื่อแฟนต้า เอ้ย..รันต้าจะเป็นนักเรียนหัวกะทิลำดับที่ 1 ของแผนกสู้รบสินะ และเท่าที่เห็นมันสังกัดอยู่ที่เหล่าทัพเอทารอส..
“หึ..ไม่เอาอ่ะ สู้กับแกไปก็เสียแรงเปล่าๆ ยังไงผลลัพธ์มันก็คงจะออกมาเสมอเหมือนเดิมนั่นแหละ..”รันต้าที่ตอบกลับอย่างหน่ายๆ และจากคำพูดนั้นแสดงว่าคนทั้งสองเคยสู้กันมาก่อนแล้ว..
“แต่ฉันอยากลองสู้อีกทีว่ะ..”
ฟุบ..!
“อย่ามีเรื่องเลยนะ ไมค์..”
ในช่วงจังหวะที่ไมค์กำลังจะเดินเข้าไปหารันต้า จู่ๆ ยัยอลิซก็เดินเข้ามาเกาะแขนห้ามเอาไว้..
“หืม..? นั่นเด็กของแกงั้นเหรอ..? น่าตาน่ารักไม่เลวหนิ นี่เธอ..ถ้าไอ้ไมค์มันทิ้งเธอก็มาหาฉันได้ตลอดนะ..”รันต้าที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันไปบอกกับอลิซ ทำให้ยัยนั่นถึงกับผงะหน้าแดง เดี๋ยวน้า..~
“ตอแหล..”ผมกับไอ้จ้อนที่สบถออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ส่วนทางด้านของเดรสก็ชำเลืองหาตางมามองผม..
“นี่แก..!”ไมค์ที่แผดเสียงตวาดออกมา แต่แล้ว..
ครึ้ม..!!!!!
“ฮี่~..!”
ทันใดนั้นเองทุกๆคนก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อจู่ๆก็มีม้าตัวหนึ่งที่กระโจนตัววิ่งออกมาจากภายในคอกม้า มันได้พุ่งชนประตูออกมา จนเศษไม้กระเด็นกระจัดกระจายไปกันคนละทิศคนละทาง..
ทันทีที่ม้าตัวนั้นปรากฏกายออกมา ทุกๆสายตาต่างพากันหยุดนิ่ง ภาพที่ปรากฏให้เห็นคืออาชาตัวสีดำทมิฬ มันมีดวงตาเป็นสีแดงฉาน อีกทั้งยังมีร่างกายที่ใหญ่กว่าม้าทุกๆตัวที่อยู่ที่นี่
และสิ่งที่สำคัญที่สุด เจ้าม้าตัวนั้นถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ที่ขาทั้งสี่ข้างเหมือนกับนักโทษ แถมยังมีโซ่อีกหนึ่งเส้นหนึ่งที่ล่ามติดกับปลอกคอเหล็ก โดยที่โซ่เส้นนั้นเชื่อมต่อไปยังวัตถุรูปทรงกระบอกที่ทำมาจากเหล็กสวมใส่เอาไว้ที่กระปู๋ของมัน..
“ฮี่ๆ~”
วิ๊ง..!!!
อาชาทมิฬที่พยศยกขาหน้าขึ้น..!
ตึง..!!!!
ทันทีที่ขาหน้าทั้งสองข้างกระทืบลงสู่พื้น พื้นปฐพีก็เกิดการทรุดตัวลงไป พร้อมกับเปลวเพลิงสีแดงฉานที่ปรากฏออกมาลุกท้วมไปทั่วทั้งผิวกายของมัน ท่ามกลางสายตาของเหล่าบรรดานักเรียนนับหลายร้อยคู่ที่จ้องมองมันด้วยความตกตะลึง..
“ในที่สุดก็ออกมาจนได้สินะ..เจ้าอาชาทมิฬ..”เดรสที่กระตุกรอยยิ้มกล่าวออกมา..
“หึ..ต้องแบบนี้ อึด ถึก ดำ ใหญ่..!”
Comments