The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 403 มังกรจู่โจม

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 403 มังกรจู่โจม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.403 มังกรจู่โจม

ค่ำคืนผันผ่านไปในพริบตาขณะที่องค์หญิงสี่จับแขนหลินมู่อวี่ด้วยความเมามาย จากนั้นเขาพานางไปส่งยังห้องนอน แม้ว่าหลินมู่อวี่จะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ทหารองครักษ์วัยยี่สิบต้นๆ ด้านข้างมองเขาด้วยสายตาเป็นกังวล

หลินมู่อวี่รู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าอึดอัด เมื่อมาถึงห้องนอน เขาก็วางองค์หญิงสี่ลงบนเตียง ก่อนจะหันมองทหารองครักษ์แล้วเอ่ยถาม “เจ้าหนุ่มมีนามว่าอะไร?”

“ข้าน้อยมีนามว่าชิงฟางขอรับ”

“ชิงฟาง ชื่อแปลกยิ่งนัก…” หลินมู่อวี่ยิ้มกล่าว “ข้านอนไม่หลับ เจ้าออกไปเดินเล่นกับข้าได้หรือไม่?”

“ขอรับ”

ภายใต้แสงจันทร์ ชายผู้นั้นเดินเข้ามายังลานกว้างพร้อมจ้องมองเขา หลินมู่อวี่จึงเอ่ยถามว่า “หากมีสิ่งใดจะพูด ก็พูดมาเถิด…”

ชิงหางรีบกล่าวด้วยความเคารพ “ข้าน้อยเพียงทำหน้าที่ของตนเอง และไม่มีสิ่งใดจะพูดขอรับ ท่านหลินจื้อโปรดพักผ่อนเถิด”

“จริงรึ?”

หลินมู่อวี่เหล่มองขณะที่แอบแผ่ทักษะชีพจรวิญญาณ มันบุกรุกเข้าสมองของชิงฟางอย่างง่ายดาย ไม่นานดวงตาของชิงฟางก็เลื่อนลอยราวกับกำลังเดินละเมอ

“มาคุยกัน” หลินมู่อวี่รู้สึกราวกับตนกำลังค่อยๆ ควบคุมจิตใจของทหารองครักษ์ผู้นี้

ชิงฟางยืนนิ่งพร้อมพึมพำ “ท่านหลินจื้อไม่ควรนอนกับองค์หญิงสี่”

“เพราะเหตุใด?”

“เนื่องจากเรือนร่างขององค์หญิงสี่ถูกมอบให้องค์จักรพรรดิมาช้านานแล้ว แท้จริงนางเป็นผู้หญิงของพระองค์…”

“อา…” ราวกับม้านับพันวิ่งผ่านหัวใจหลินมู่อวี่อีกครั้ง “จักรพรรดิไม่แม้แต่จะละเว้นพระราชธิดาของตนสินะ”

“ขอรับ”

ชิงฟางยังคงพึมพำราวกับท่องอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน “องค์จักรพรรดิทรงมีตัณหาจัด ผู้หญิงแทบทั้งหมดในพระราชวังเป็นของพระองค์ ดังนั้น…ฝ่าบาทจึงสามารถมอบองค์หญิงสี่ให้ท่านอย่างใจกว้าง”

“อืม ข้ารู้แล้ว” หลินมู่อวี่กล่าวอย่างแผ่วเบา “ชิงฟาง เหวมังกรโกลาหลอยู่ที่ไหน?”

“เหวมังกรโกลาหลเป็นสถานที่สำคัญของพระราชวังซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของจอมมารสามคน มันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของห้องบรรทมองค์หญิงสี่ และห่างออกไปเพียงห้าร้อยเมตรเท่านั้น”

“อืม”

หลินมู่อวี่ค่อยๆ ถอนทักษะชีพจรวิญญาณ ดวงตาของชิงฟางพลันเป็นประกายขึ้น “ท่านหลินจื้อ ข้า…เกิดอะไรขึ้นกับข้า…”

“ไม่มีอะไร เจ้าไปอารักขาองค์หญิงสี่เถิด ข้ายังนอนไม่นอน จึงจะออกไปเดินเล่นก่อน”

“ขอรับ!”

มีผู้คนไม่มากในแดนโกลาหล จึงทำให้ภายในพระราชวังมีคนค่อนข้างคนน้อย และเห็นได้ชัดจากการที่องค์หญิงสี่มีทหารองครักษ์คอยอารักขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลินมู่อวี่เดินออกจากพระราชวังพร้อมตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างราบรื่น เนื่องจากไม่มีทหารองครักษ์ประจำการระหว่างทางแม้แต่คนเดียว กระทั่งเดินมาถึงลานกว้างขนาดใหญ่ที่มีรั้วเหล็กขึ้นสนิมล้อมรอบ คงไม่มีผู้ใดมาเยือนที่นี่สักระยะหนึ่งแล้ว

ท่ามกลางความมืด จอมมารคนหนึ่งเข้ามาทักทายด้วยความเคารพ “ท่านหลินจื้อยังไม่นอนอีกหรือขอรับ…เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?”

“ข้าเพียงมาเดินเล่นเท่านั้น”

หลินมู่อวี่ยิ้มรับด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ข้าได้ยินมาว่ามีเหวมังกรอยู่ในพระราชวัง ดังนั้นจึงลองเดินมาหาความจริง”

จอมมารหัวเราะ “ท่านหลินจื้อ มีเพียงความตายรออยู่ในเหวมังกรเท่านั้น มีสิ่งใดให้ท่านต้องการค้นหาอีกหรือ?”

“หากมีความตาย…แสดงว่าต้องมีศัตรูที่แข็งแกร่ง และนั่นคือสิ่งที่ข้าตามหา” หลินมู่อวี่ตอบ

ร่องรอยของความเคารพปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจอมมารพร้อมกล่าวว่า “หากท่านปรมาจารย์วิญญาณต้องการเข้าไป ข้าก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ท่านจะต้องระวังตัวให้ดีและกลับมาโดยเร็วที่สุด”

“ขอบคุณ”

เขาหันกลับและเดินเข้าไปในลานกว้าง บริเวณตรงกลางมีแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นทางเข้าเหวมังกรไว้ เขาก้าวไปด้านหน้าพร้อมออกแรงดึงแผ่นเหล็ก ทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้องหวีดหวิวดังผสานกับสายลมจากเบื้องล่างราวกับเสียงของภูตผีฟังดูน่าสยดสยอง

“ต้องการคบเพลิงไหมขอรับ?” จอมมารเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาพร้อมกล่าวว่า “ข้ากำลังจะลงไปแล้ว คงต้องรบกวนท่านรอข้าอยู่ที่นี่”

“ขอรับ ท่านหลินจื้อไม่ต้องกังวล”

จากนั้นหลินมู่อวี่กระโดดลงไปในเหวมังกรพร้อมเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองออกมา เขาลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่เถาวัลย์น้ำเต้าจะพันรอบกำแพงอย่างรวดเร็ว เขาคว้ากำแพงหินและเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าแผ่นเหล็กด้านบนถูกปิดไว้ดังเดิมแล้ว จอมมารผู้นั้นคงเกรงกลัวว่าจะถูกจับได้

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและแผ่ทักษะชีพจรวิญญาณออกไป ภายในเหวมังกรเต็มไปด้วยรัศมีพลังหนาแน่นและแข็งแกร่งมาก จนทำให้เขาไม่สามารถแยกแยะรัศมีของมนุษย์และสัตว์ร้ายได้ เขายกฝ่ามือขึ้นพร้อมตะโกน “สาดแสง”

ริ้วแสงพลันสว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์

ภายใต้แสงสว่าง หลินมู่อวี่มองลงไปและพบมังกรที่มีปีกสองชั้นเกาะอยู่บนผนังของเหว มันไม่ใช่เผ่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเพียงมังกรที่มีปีก หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย อีกทั้งยังไม่รู้ว่าชวีฉู่อยู่แห่งหนใด

เขาค่อยๆ ไต่ลงไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่มังกรปีกขนาดใหญ่อายุห้าพันสี่ร้อยปีจ้องมองกระบี่วิญญาณมังกรด้วยสายตาเกียจคร้าน ก่อนที่มันจะคำรามร้องพร้อมกางปีกออก มันใช้กรงเล็บทั้งสี่ตะครุบเถาวัลย์อย่างรวดเร็วและอ้าปากกว้างหวังกัดขาของหลินมู่อวี่

เขาเตรียมการสำหรับช่วงเวลานี้มานาน ทันใดนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นเรียกเถาวัลย์ดึงร่างของเขาขึ้นไปเกือบสิบเมตร ก่อนจะม้วนตัวพร้อมกระชับกระบี่ด้วยมือทั้งสอง พลังของดวงดาราปรากฏขึ้นบนใบดาบและพุ่งเข้าใส่หัวของมังกรปีกทันที

“ตูม!”

แสงดาวผ่าหัวของมังกรร้ายอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ไม่รอช้ารีบเหวี่ยงกระบี่ขุดศิลาวิญญาณออกมาและยัดเข้าไปในแขนเสื้อในพริบตา ก่อนที่ร่างมังกรปีกขนาดใหญ่จะร่วงหล่นลงไปก้นเหวพร้อมกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ทันใดนั้นเสียงคำรามดังกึกก้องของมังกรทุกธาตุสยายปีกบินโฉบแข่งกันแย่งเนื้อมังกรปีกตัวนั้น เพียงครึ่งนาทีถัดมาร่างของมังกรร้ายเหลือเพียงกองกระดูกตกลงสู่ความเวิ้งว้างของเหวลึก

“เฮ้อ…”

หลินมู่อวี่รู้สึกสั่นสะท้านภายในใจ ก่อนจะรีบกระชับกระบี่วิญญาณมังกรและค่อยๆ ไต่ลงไป เขาจะต้องตามหาชวีฉู่ให้ได้ มิเช่นนั้นทั้งหมดที่ทำมาจะต้องเสียเปล่า

แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างกวนใจหลินมู่อวี่…ทักษะชีพจรวิญญาณไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างรัศมีพลังของชวีฉู่และรัศมีของมังกรได้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะค้นหาชวีฉู่ท่ามกลางรัศมีนับหมื่นของเหวมังกรนี้ อีกทั้งก้นเหวแห่งนี้มีความลึกอย่างน้อยหลายพันไมล์จนแทบคำนวณความสูงไม่ได้เลย

กระนั้นเขาก็ต้องค้นหาต่อไป

ไม่นานหลินมู่อวี่ก็สังหารมังกรเกล็ดทองคำสามกรงเล็บอายุหกพันหนึ่งร้อยปีพร้อมขุดศิลาวิญญาณออกมา จากนั้นใช้ทักษะชีพจรวิญญาณปกปิดปราณของตนขณะที่เฝ้ามองร่างมังกรสีทองถูกมังกรนับไม่ถ้วนรุมทึ้งอย่างหิวกระหาย หลังจากกินอิ่มก็กลับไปงีบหลับอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านนานเพียงใดตั้งแต่หลินมู่อวี่ไต่ลงมาด้านล่าง กระบี่วิญญาณมังกรพรากชีวิตมังกรไปกว่าหนึ่งโหลแล้ว กระทั่งตัวเขาแทบหมดแรง

เมื่อเงยหน้ามองด้านบน เขาพบเพียงความมืดมิด เนื่องจากจอมมารปิดผนึกเหวมังกรไปแล้ว จึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นดวงตะวันอีกต่อไป

หลินมู่อวี่หยิบขนมปังจากถุงสรรพสิ่งออกมากิน เขาดื่มน้ำและพักผ่อน จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันวานเมื่อครั้งที่อยู่ในจักรวรรดิ มันคงจะดีกว่าที่ไม่ต้องระแวงว่ามังกรจะฉีกร่างเขาเมื่อใด

“ครอก…ครอก…”

มังกรยักษ์กำลังหลับใหลอยู่ไกลๆ หลินมู่อวี่จ้องมองมันภายใต้แสงสว่างจากกระบี่ บนหัวสัตว์ร้ายมีเส้นสีทองสิบเอ็ดเส้นซึ่งบ่งบอกว่าเป็นสัตว์วิญญาณอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี เขาไม่ต้องการรบกวนการนอนของมันจึงไต่เถาวัลย์น้ำเต้าหลบหลีกมันอย่างระมัดระวัง

“ครึ่ก…”

ด้วยน้ำหนักของเขาบนเถาวัลย์น้ำเต้าที่ยึดบนผนังกำแพงผุพัง ทันใดนั้น! มันพลันหลุดและตกลงมาโดยไม่คาดคิด

“อ๊าก!”

หลินมู่อวี่ร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว เขารีบเรียกเถาวัลย์น้ำเต้าออกมาพันธนาการสิ่งที่อยู่ใกล้มากที่สุด

“พรึ่บ!”

เถาวัลย์น้ำเต้าพันเข้ากับขากรรไกรของมังกรอายุหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปีตัวนั้นอย่างแม่นยำ มันลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองมาด้วยความอาฆาตพร้อมอ้าปากคำรามก้อง จึงทำให้หลินมู่อวี่ห้อยอยู่ใต้ปากของมันและแกว่งไปมาราวกับปลาติดเบ็ด

“โฮก โฮก โฮก!”

เสียงคำรามดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง ขณะที่มังกรเกือบทั้งหมดบินโฉบหลินมู่อวี่ไปมา

“มันจบแล้ว”

หลินมู่อวี่ก่นด่าในใจ เขาประมาทเกินไปจนปลุกมังกรตัวนี้ ครานี้คงถึงจุดจบของเขาแล้ว กลิ่นเหม็นสาบของมังกรนับไม่ถ้วนลอยตลบอบอวลเตะจมูก ทันใดนั้น! มังกรปากแหลมอ้าปากกว้างเผยฟันซี่แหลมราวกับเข็ม มันต้องการเขมือบหลินมู่อวี่ภายในคำเดียว!

“วิ้ง!”

แสงสีทองของโซ่เทวะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา หลินมู่อวี่ตวัดกระบี่เล่มยาวพร้อมส่งพลังตัดอัสนีเฉือนปากของมังกรอายุสี่พันแปดร้อยปีทันที ปราณกระบี่ที่ปรากฏขึ้นสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่ามังกร กระทั่งพวกมันอ้าปากกว้างและพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

“ตูม ตูม ตูม!!”

คมเขี้ยวมังกรและเปลวเพลิงกระแทกกำแพงน้ำเต้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนพังทลายในพริบตา หลินมู่อวี่ทำได้เพียงพึ่งพาชุดเกราะป้องกันการโจมตีของเผ่ามังกรเท่านั้น ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาค่อยๆ ลดน้อยลง กระทั่งความเร็วในการฟาดฟันกระบี่ช้าลงอย่างต่อเนื่อง

“มันจบแล้ว ข้าคงต้องตายอยู่ที่นี่” หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ

เขาใช้ปราณที่เหลืออยู่ควบแน่นกำแพงน้ำเต้าอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่แขนและขาถูกมังกรปากแหลมกัดแน่น จากนั้นหลินมู่อวี่และแสงของน้ำเต้าทองร่วงหล่นลงสู่ส่วนลึกของเหวมังกรที่มืดมิด

มังกรนับไม่ถ้วนยังคงบินโฉบไปมาอย่างบ้าคลั่ง

ก่อนที่จุดจบจะมาเยือน แม้เขาจะไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมา แต่ภายในใจกลับคร่ำครวญหาฉินอินและถังเสี่ยวซี กระนั้นจะทำอะไรได้…นอกจากชูนิ้วกลางให้กลุ่มมังกรยักษ์อย่างเงียบงัน

ร่างกายของเขาร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว กระทั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในดวงตาพร้อมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสว่างไสวปรากฏขึ้น มันจบแล้ว…เป็นดังที่เต๋อเหวินกล่าว แดนโกลาหลเป็นดาวที่แตกสลายท่ามกลางหมู่ดาวและจักรวาลไร้ขอบเขตเบื้องล่าง หลินมู่อวี่คงต้องตายอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในห้วงอวกาศ…

“โฮก!” ทันใดนั้น! เสียงของมังกรน้อยดังขึ้น

“วิ้ง!”

รอยแยกมิติปรากฏขึ้นด้านล่างจากการถูกกรงเล็บแหลมคมของมังกรผลึกโลหิตฉีกออกจากกัน

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด