The Conquerors Path 37 Awakening(2)
ขณะที่ผมกำลังคิดถึงพูดบทที่น่าสะเทือนใจก็ได้รับการแจ้งเตือนบางอย่างขึ้นมาซะก่อน แต่ตอนนี้ผมชั่งหัวแจ้งเตือนพวกนั่นไปก่อนเพราะมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ ผมเงยหน้าขึ้นมองบรรพบุรุษพร้อมกับทำสีหน้า “เจ็บปวด” ราวกับว่าตัวเองกำลังเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องของผมเหรอครับถ้าผมรับข้อเสนอ?”
แทนที่จะตอบในทันที บรรพบุรุษลุคกลับมองผมขึ้นลงอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าจะอยู่รอด”
ก็จริงที่เขาไม่ได้ให้คำตอบผมมาตรงๆ แต่ผมก็ยังสามารถหาคำตอบจากคำพูดของเขาได้ ดังนั้นผมจึงเริ่มการแสดงเป็นพระเอกที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ในทันที
“งั้นผมขอปฎิเสธข้อเสนอของท่านครับ”
“เจ้าจะดื้อดึงไปทำไมกัน? ทำไมเจ้าถึงอยากจบเจอกับสถานการณ์ที่รู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะหล่ะ?”
‘ควxครับ ท่านรู้ได้ยังไงว่าผมจะไม่มีทางชนะ ผมยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ’
ขณะที่ผมกำลังสาปแช่งบรรพบุรุษของตัวเองอยู่นั้น ผมก็แกล้งทำหน้าตาราวกับเด็กน้อยที่กำลัง “เจ็บปวด” อยู่ด้วย
“นั่นเพราะผมไม่แคร์หรอกครับว่าตัวเองจะเป็นยังไง ตราบใดที่ผมสามารถปกป้องครอบครัวของผมได้ สุดท้ายแล้วมันก็คุ้มค่าครับ”
‘ใช่แล้ว แถมถ้าเราตายคงจะต้องถูกทรมาณในนรกแน่ๆ ดังนั้นการมีสายเลือดของเราคงจะดีกว่า’
“พ่อของผมยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องผมครับ สุดท้ายแล้วความปรารถนาเดียวของเขาคือให้ผมปกป้องครอบครัวของพวกเราครับ”
‘ก็จริงที่ผมไม่รู้จักผู้ชายที่ตัวเองเรียกว่าพ่อเลย แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาคงดูแลภรรยาและลูกๆ ของตัวเองมาเป็นอย่างดีแน่ๆ’
“เมื่อก่อนตอนที่พ่อของผมต่อสู้เพื่อชีวิตของผมและเสียชีวิตลง ผมโทษตัวเองที่อ่อนแอและไร้ประโยชน์มาตลอดครับ แต่ครั้งนี้ผมจะปกป้องครอบครัวของผมด้วยกำลังของตัวเองให้ได้เลยครับ”
‘ให้ตายเถอะ รู้สึกดีจัง ไม่แปลกใจเลยที่บรรดา MCs จากในนิยายมักจะชอบพูดแบบนี้กัน มันให้ความรู้สึกที่เจ๋งมากเลย!’
ในขณะที่ผมซ่อนความคิดที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ผมก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมาข้างนอกโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองได้กระทบจิตใจของสาวๆ ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่
เอลด้าและนอร่าตกหลุมรักออสตินอย่างไร้ข้อกังขาโดยพวกเธอมอบหัวใจให้เขาเลย เกรซที่เห็นลูกชายของเธอยืนขึ้นเพื่อปกป้องครอบครัวก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้งพร้อมกับเมล็ดพันธุ์ต้องห้ามเล็กๆ ที่ถูกหว่านไว้
โอลิเวียที่เห็นออสตินยืนหยัดต่อสู้หลังจากทั้งหมดที่ผ่านมาก็รู้สึกทั้งเคารพและรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย อะไรบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเล็กๆ น้อยๆ
จักรพรรดินีโลร่าต้องการเปลี่ยนกางเกงในของตัวเองหลังจากที่มันเปียก
ร่างทั้งหมดที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าในตอนนี้มีความเคารพต่อออสติน
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่แอบดูอยู่ก็รีบแสดงท่าที
ลุคมองไปยังลูกหลานของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะพยักหน้าให้เขา
“ถ้างั้นทำในสิ่งที่เจ้าสมควรทำแล้วกัน”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หายไปและการต่อสู้ก็ดำเนินต่อ ในขณะที่ผมกำลังจะดึงไพ่ตายใบสุดท้ายออกมาใช้ก็ได้มีข้อความบางอย่างปรากฏขึ้นซะก่อน
[ ติ้ง!!…]
[ ภารกิจเสร็จสิ้น ]
[ แม้จะเผชิญกับความสิ้นหวังและความล้มเหลว คุณก็ยังยืนหยัดในอุดมคติของตัวเอง การล่อลวงแห่งอิสรภาพก็ไม่อาจทำให้คุณหวั่นไหวได้ ดังนั้นสายเลือดของคุณจึงร้องคำรามด้วยความเห็นชอบ ]
[ ภารกิจพิเศษเสร็จสิ้น :
>สายเลือด : ผู้กล้าที่ซ่อนเร้น
>ความยาก : SSS
>คำอธิบาย : ผู้กล้าไม่ได้เกิดขึ้นมาเองแต่ถูกสร้างขึ้นมา คุณรู้สึกได้ถึงการเลือกที่จะก้าวขึ้นมาเพื่อช่วยครอบครัวของตัวเองด้วยสายเลือดของคุณ ดังนั้นจงทำตามเจตจำนงของตัวเองให้ถึงที่สุด
-ช่วยพี่น้องของคุณในการปลุกสายเลือดของพวกเธอ
>รางวัล : การปลุกสายเลือดที่ซ่อนอยู่ของคุณ
>สายเลือดตื่นขึ้น ]
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าเลือดของตัวเองกำลังเดือดปุดๆ ร่างกายของผมเริ่มร้อนขึ้นจนเกิดเป็นมานาสีม่วงและสีแดงเข้มขึ้นมาล้อมรอบผม ลูกธนูทั้งหมดบนร่างกายของผมบินออกไปพร้อมกับเลือดที่กระฉูดออกมา สติของผมกำลังเริ่มจางหายไป ทันใดนั้นก็มีฉากและข้อมูลต่างๆ เริ่มไหลผ่านเข้ามาในหัวของผม
ผมเห็นภาพชายผมดำตาสีม่วงกำลังยืนต่อสู้อยู่ ผมเห็นเขายิงธนูที่สามารถฉีกโลกได้ ผมเห็นผู้หญิงหลายคนติดตามเขาเพื่อต่อสู้ไปทั้วโลก
ในเวลาเดียวกันที่ด้านนอกนั้น ทุกคนเห็นออสตินกำลังตัดสินใจเลือกเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ทันใดนั้นมานาสีม่วงและสีแดงเข้มก็เริ่มปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเขาและเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังจะโจมตีเขาต่างหยุดลงด้วยความกลัว
ใช่…กลัว! สัตว์ประหลาดที่ไร้อารมณ์เหล่านี้กำลังรู้สึกกลัวอยู่ ในขณะที่ผู้ชมที่ดูอยู่ในห้องรับชมแทบจะตาถลนกันออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?”
เกรซถามขึ้นมาแม้ว่าเธอจะพอรู้คร่าวๆ แล้วก็ตาม
“ปลุกสายเลือด”
บรูซตอบ เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะหนึ่งทั้งเอเลนอร์และบรูซก็กลับมาที่ห้อง ทั้งคู่ดูปกติดีและไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขาเลย
แต่ถ้ามีใครมองอย่างใกล้ชิดหล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเห็นเลือดจำนวนเล็กน้อยที่ริมฝีปากของบรูซและความกลัวที่เขาแสดงออกมาในตอนที่เขามองไปที่เอเลนอร์ได้
“เด็ก 3 คนที่มาจากครอบครัวเดียวกันและเป็นพี่น้องกัน ทั้งหมดปลุกสายเลือดขึ้นมาในเวลาพร้อมๆ กัน นี่มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนนะ”
“เธอควรภูมิใจที่ได้ให้กำเนิดเด็กที่ไม่ธรรมดาขึ้นมานะ”
เอเลนอร์พูดกับเกรซด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเธอ ในขณะที่จักรพรรดิแม้จะนิ่งเงียบ แต่ก็มีความคิดที่เป็นอันตรายมากมายแล่นเข้ามาในหัวของเขา
ในขณะเดียวกันนั้นเองไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าจักรพรรดินีตัวแข็งทื่อไปในทันทีที่ออสตินเริ่มกระตุ้นสายเลือดของเขา จักรพรรดินีรู้สึกว่าสายเลือดของเธอเดือดพร่านขึ้นมาพร้อมกับบางสิ่งในตัวเธอที่เริ่มทำงาน
ความหลงไหลในตัวของจักรพรรดินีที่มีต่อออสตินแข็งแกร่งขึ้น ความลังเลใจที่เธอมีอยู่หายไปอย่างสิ้นเชิง บางอย่างในสายเลือดของเธอกำลังสูบฉีดความรู้สึกบางอย่างเข้าไปในตัวของเธอมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเหล่าสตรีบางคนที่ปลุกสายเลือดของตัวเองแล้วจากทั่วโลกได้รู้สึกถึงเสียงคำรามของสายเลือด
มานาที่ปกคลุมตัวออสตินอยู่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าภายใต้สายตาที่จับตามองของคนอื่นๆ หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มก่อตัวรวมกันเป็นรูปร่างของผู้ชายขึ้นเหนือหัวออสติน เขามีผมสีดำยาวถึงหลังและดวงตาสีม่วงเหมือนของออสติน
ทันทีที่ร่างของชายคนนั้นถูกสร้างจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็โบกมือให้ศัตรูทั้งหมดปลิวหายไปในทันที หลังจากนั้นร่างกายของออสตินก็ล้มลงโดยหันหน้าเข้าหาพื้นโดยที่เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย
‘แมx่ง! ช่างเป็นฉากจบที่ชวนหดหู่สิ้นดี!’
ในขณะที่ผมกำลังจะผ่อนคลายตัวเองและปล่อยให้ตัวเองหมดสติไปนั้นเองก็ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวจากด้านหน้าและในเวลาเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องสุดจะพรรณนาจากพวกนอร่า
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในเวลานี้ผู้บัญชาการที่ควรจะพ่ายแพ้ไปแล้วกลับยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เหมือนรูปแบบก่อนหน้านี้ ร่างกายของมันดูขาดๆ หายๆ และเจ็บปวด มันแทบจะไม่เรียกว่ามีชีวิตอยู่ได้แล้ว
มันเริ่มเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แต่แน่นอน แต่ละก้าวของมันทำให้คนดูหัวใจเต้นแรง แต่ขณะที่มันกำลังจะเดินตรงมาเพื่อฆ่าผมนั้นเอง ก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวซะก่อน
ท่ามกลางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าดูอยู่ได้มี 1 ในพวกมันพุ่งไปยังมือของออสติน พิณเล็กๆ ที่ขึ้นสนิมและสกปรกค่อยๆ วางอยู่บนมือของเขา มันเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งความเจ็บปวด, ความทรมานและความมุ่งมั่นของออสติน และในตอนที่ออสตินปลุกสายเลือดของตัวเองได้นั้นก็ทำให้มันตัดสินใจเคลื่อนไหวได้ในที่สุด
ก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดผู้บัญชาการจะได้ทันทำอะไรมันก็บินตรงไปยังบาเรียของพวกนอร่า
ระบบ AI ที่ควบคุมโลกประวัติศาสตร์พยายามหยุดมันเพราะภายในโลกนี้ทุกอย่างล้วนเท่าเทียมกัน
แต่่ว่าถึงแม้จะมีพลังเหนือมิติเจ้าพิณก็สามารถฉีกผ่านบาเรียได้ราวกับมีดผ่าเนยและภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคนนั้นเอง เจ้าพิณสกปรกตัวเล็กๆ ก็มาถึงหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดผู้บัญชาการแล้ว
ก่อนที่เจ้าผู้บัญชาการจะทันได้ทำอะไร เจ้าพิณก็ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเพื่อฉีกร่างของเจ้าผู้บัญชาการออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากนั้นมันก็เคลื่อนที่เข้ามาหาผมโดยที่ผมไม่รู้อะไรเลยในขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ผมกำลังนอนกินดินอยู่บนพื้น โดยขณะที่ผมหมดสติไปก็รู้สึกได้ว่าสายเลือดของตัวเองกำลังถูกดึงดูดอยู่ ราวกับว่าสิ่งที่ผมรักมากกำลังเข้ามาใกล้และก่อนที่ตัวเองจะรู้ตัว ตัวของผมก็ได้ลอยขึ้นเหนือพื้นซะแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบเข้ากับเจ้าพิณสีน้ำตาลสนิมเขรอะลอยอยู่
เลือดหยดเล็กๆ ของผมที่ออกมาจากร่างกายบินไปที่เจ้าพิณและในทันทีที่พวกมันรวมเข้ากับเจ้าพิณก็ปรากฏแสงจ้าออกมาจากตัวมัน
ภายใต้สายตาของทุกคน ออร่าสนิมที่ล้อมรอบเจ้าพิณเริ่มหายไปก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีฟ้าสดใส่ขึ้นมาแทน
พิณสีฟ้าสวยงามปรากฏแก่สายตาของทุกคน มันมีลวดลายมากมายรอบๆ ตัวทำให้ยิ่งดูสวยงามขึ้นไปอีก แม้แต่คนงี่เง่าที่มองความงามไม่เป็นก็ยังรู้สึกประทับใจกับมัน
ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นเองก็ได้มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เจ้าพิณได้กลับคืนสู่รูปลักษณ์และออร่าที่แท้จริงของมันเอง
ห่างออกไปหลายพันไมล์ในพื้นที่ใต้ดินที่มีมังกรตัวหนึ่งกำลังหลับไหลอยู่ ตัวของมันเป็นสีดำสนิท โดยมันได้นอนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่มีออร่าออกจากมันราวกับว่ามันได้ตายไปแล้วยังไงอย่างงั้น
เจ้ามังกรค่อยๆ ลืมตาที่ไม่ได้เปิดมานานหลายปีขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากเจ้าพิณ ความกลัวแผ่ซ่านผ่านดวงตาอันโอหังของมันในทันที
ห่างไกลจากเจ้ามังกรในคฤหาสน์หลังหนึ่งในป่ามะกอกที่มีเอลฟ์นั่งอยู่นั้น ร่างกายของเอลฟ์ตนนั้นดูแก่และซูบผอมราวกับเอลฟ์ที่กำลังจะสิ้นใจ แต่ออร่ารอบๆ ตัวเขากลับบ่งบอกถึงอย่างอื่น
เมื่อรู้สึกถึงออร่าที่คุ้นเคยเขาก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ความทรงจำของเอลฟ์ดูเหมือนจะเดินทางไปสู่อดีตเพื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างและเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของเจ้าพิณอีกครั้งก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่เต็มเปี่ยม
ภายในอาณาจักรซิลวิยาในคฤหาสน์หลังเล็กๆ หลังหนึ่งที่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ เธอดูราวกับเด็กที่มีอายุประมาณ 16 ปีและคำว่าตัวเล็กคงเหมาะกับรูปร่างของเธอแล้ว ถ้าพวกโลลิค่อนเห็นเธอหล่ะก็ พวกเขาคงจะอยากลักพาตัวเธอแน่นอน เธอมีผมสีฟ้าที่มีสีชมพูเล็กน้อยแทรกอยู่ ใบหน้าของเธอน่ารักมากและมีดวงตาสองสี ตาข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า ส่วนอีกข้างเป็นสีชมพู แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แปลกที่สุดในตัวเธอหรอกนะ ออร่ารอบๆ ตัวเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและบางครั้งก็เป็นออร่าของความเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ออกมาจากตัวเธอ
เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งเด็กสาวคนนั้นก็เคลื่อนสายตาไปยังทิศทางหนึ่ง ดวงตาของเธอทะลุผ่านมิติและมาถึงตำแหน่งของออสตินในทันที เมื่อเห็นเขาและเจ้าพิณเธอก็ยิ้มขึ้นมาในทันที
“ดูเหมือนอนาคตจะไม่น่าเบื่อแล้วสินะ”
หลังจากนั้นเธอก็ช่างหัวเรื่องนี้ไป
ภายในแดนเทพบนตำแหน่งสูงสุดที่รายล้อมไปด้วยหมอก จุดที่แม้แต่ 3 เทพธิดาสูงสุดก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนญาต
ภายในม่านหมอกมีบัลลังก์และผู้หญิงนั่งอยู่บนนั้น รูปร่างหน้าตาของเธอนั้นสามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่า
นิยามของความงาม
ใบหน้าของเธออาจทำให้โลกต้องเข้าสู่สงคราม ผู้ชายคนไหนที่มองเธอจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไป เธอมีผมสีชมพูดที่ยาวเลยบ่าของเธอและร่างกายที่มีความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของสะโพก, หน้าอกและเอวที่เพรียวบางเพื่อให้โอบอุ้มเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทันใดนั้นเองเธอก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอเป็นสีของทับทิม ทำให้มันเป็นชิ้นส่วนที่สมบูรณ์แบบสำหรับใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเธออยู่แล้ว
มันคงจะสมบูรณ์แบบมากถ้าดวงตาของเธอไม่เย็นชาหรือไร้ความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์หรือชีวิต สำหรับเธอแล้วก้อนหินบนถนนและผู้คนบนถนนก็ไม่ต่างกัน โลกทั้งใบนั้นน่าเบื่อและไม่น่าสนใจสำหรับเธอ
สายตาของเธอกวาดไปยังทั่วโลกจนกระทั่งมาถึงยังตำแหน่งของออสติน เธอเห็นอดีต, ปัจจุบันและทางเลือกในอนาคตของเขาทั้งหมดและนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอเลยที่แววตาของเธอมีแสงแห่งความสนใจปรากฏขึ้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้แบบนี้
หลังจากนั้นเธอก็หลับตาลง
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด…
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต\
Comments
The Conquerors Path 37 Awakening(2)
ขณะที่ผมกำลังคิดถึงพูดบทที่น่าสะเทือนใจก็ได้รับการแจ้งเตือนบางอย่างขึ้นมาซะก่อน แต่ตอนนี้ผมชั่งหัวแจ้งเตือนพวกนั่นไปก่อนเพราะมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ ผมเงยหน้าขึ้นมองบรรพบุรุษพร้อมกับทำสีหน้า “เจ็บปวด” ราวกับว่าตัวเองกำลังเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องของผมเหรอครับถ้าผมรับข้อเสนอ?”
แทนที่จะตอบในทันที บรรพบุรุษลุคกลับมองผมขึ้นลงอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้าจะอยู่รอด”
ก็จริงที่เขาไม่ได้ให้คำตอบผมมาตรงๆ แต่ผมก็ยังสามารถหาคำตอบจากคำพูดของเขาได้ ดังนั้นผมจึงเริ่มการแสดงเป็นพระเอกที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์ในทันที
“งั้นผมขอปฎิเสธข้อเสนอของท่านครับ”
“เจ้าจะดื้อดึงไปทำไมกัน? ทำไมเจ้าถึงอยากจบเจอกับสถานการณ์ที่รู้ว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะหล่ะ?”
‘ควxครับ ท่านรู้ได้ยังไงว่าผมจะไม่มีทางชนะ ผมยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ’
ขณะที่ผมกำลังสาปแช่งบรรพบุรุษของตัวเองอยู่นั้น ผมก็แกล้งทำหน้าตาราวกับเด็กน้อยที่กำลัง “เจ็บปวด” อยู่ด้วย
“นั่นเพราะผมไม่แคร์หรอกครับว่าตัวเองจะเป็นยังไง ตราบใดที่ผมสามารถปกป้องครอบครัวของผมได้ สุดท้ายแล้วมันก็คุ้มค่าครับ”
‘ใช่แล้ว แถมถ้าเราตายคงจะต้องถูกทรมาณในนรกแน่ๆ ดังนั้นการมีสายเลือดของเราคงจะดีกว่า’
“พ่อของผมยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องผมครับ สุดท้ายแล้วความปรารถนาเดียวของเขาคือให้ผมปกป้องครอบครัวของพวกเราครับ”
‘ก็จริงที่ผมไม่รู้จักผู้ชายที่ตัวเองเรียกว่าพ่อเลย แต่ผมก็มั่นใจว่าเขาคงดูแลภรรยาและลูกๆ ของตัวเองมาเป็นอย่างดีแน่ๆ’
“เมื่อก่อนตอนที่พ่อของผมต่อสู้เพื่อชีวิตของผมและเสียชีวิตลง ผมโทษตัวเองที่อ่อนแอและไร้ประโยชน์มาตลอดครับ แต่ครั้งนี้ผมจะปกป้องครอบครัวของผมด้วยกำลังของตัวเองให้ได้เลยครับ”
‘ให้ตายเถอะ รู้สึกดีจัง ไม่แปลกใจเลยที่บรรดา MCs จากในนิยายมักจะชอบพูดแบบนี้กัน มันให้ความรู้สึกที่เจ๋งมากเลย!’
ในขณะที่ผมซ่อนความคิดที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ผมก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมาข้างนอกโดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองได้กระทบจิตใจของสาวๆ ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่
เอลด้าและนอร่าตกหลุมรักออสตินอย่างไร้ข้อกังขาโดยพวกเธอมอบหัวใจให้เขาเลย เกรซที่เห็นลูกชายของเธอยืนขึ้นเพื่อปกป้องครอบครัวก็น้ำตาไหลพรากอีกครั้งพร้อมกับเมล็ดพันธุ์ต้องห้ามเล็กๆ ที่ถูกหว่านไว้
โอลิเวียที่เห็นออสตินยืนหยัดต่อสู้หลังจากทั้งหมดที่ผ่านมาก็รู้สึกทั้งเคารพและรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย อะไรบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเล็กๆ น้อยๆ
จักรพรรดินีโลร่าต้องการเปลี่ยนกางเกงในของตัวเองหลังจากที่มันเปียก
ร่างทั้งหมดที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าในตอนนี้มีความเคารพต่อออสติน
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่แอบดูอยู่ก็รีบแสดงท่าที
ลุคมองไปยังลูกหลานของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะพยักหน้าให้เขา
“ถ้างั้นทำในสิ่งที่เจ้าสมควรทำแล้วกัน”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หายไปและการต่อสู้ก็ดำเนินต่อ ในขณะที่ผมกำลังจะดึงไพ่ตายใบสุดท้ายออกมาใช้ก็ได้มีข้อความบางอย่างปรากฏขึ้นซะก่อน
[ ติ้ง!!…]
[ ภารกิจเสร็จสิ้น ]
[ แม้จะเผชิญกับความสิ้นหวังและความล้มเหลว คุณก็ยังยืนหยัดในอุดมคติของตัวเอง การล่อลวงแห่งอิสรภาพก็ไม่อาจทำให้คุณหวั่นไหวได้ ดังนั้นสายเลือดของคุณจึงร้องคำรามด้วยความเห็นชอบ ]
[ ภารกิจพิเศษเสร็จสิ้น :
>สายเลือด : ผู้กล้าที่ซ่อนเร้น
>ความยาก : SSS
>คำอธิบาย : ผู้กล้าไม่ได้เกิดขึ้นมาเองแต่ถูกสร้างขึ้นมา คุณรู้สึกได้ถึงการเลือกที่จะก้าวขึ้นมาเพื่อช่วยครอบครัวของตัวเองด้วยสายเลือดของคุณ ดังนั้นจงทำตามเจตจำนงของตัวเองให้ถึงที่สุด
-ช่วยพี่น้องของคุณในการปลุกสายเลือดของพวกเธอ
>รางวัล : การปลุกสายเลือดที่ซ่อนอยู่ของคุณ
>สายเลือดตื่นขึ้น ]
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าเลือดของตัวเองกำลังเดือดปุดๆ ร่างกายของผมเริ่มร้อนขึ้นจนเกิดเป็นมานาสีม่วงและสีแดงเข้มขึ้นมาล้อมรอบผม ลูกธนูทั้งหมดบนร่างกายของผมบินออกไปพร้อมกับเลือดที่กระฉูดออกมา สติของผมกำลังเริ่มจางหายไป ทันใดนั้นก็มีฉากและข้อมูลต่างๆ เริ่มไหลผ่านเข้ามาในหัวของผม
ผมเห็นภาพชายผมดำตาสีม่วงกำลังยืนต่อสู้อยู่ ผมเห็นเขายิงธนูที่สามารถฉีกโลกได้ ผมเห็นผู้หญิงหลายคนติดตามเขาเพื่อต่อสู้ไปทั้วโลก
ในเวลาเดียวกันที่ด้านนอกนั้น ทุกคนเห็นออสตินกำลังตัดสินใจเลือกเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ทันใดนั้นมานาสีม่วงและสีแดงเข้มก็เริ่มปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเขาและเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังจะโจมตีเขาต่างหยุดลงด้วยความกลัว
ใช่…กลัว! สัตว์ประหลาดที่ไร้อารมณ์เหล่านี้กำลังรู้สึกกลัวอยู่ ในขณะที่ผู้ชมที่ดูอยู่ในห้องรับชมแทบจะตาถลนกันออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?”
เกรซถามขึ้นมาแม้ว่าเธอจะพอรู้คร่าวๆ แล้วก็ตาม
“ปลุกสายเลือด”
บรูซตอบ เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะหนึ่งทั้งเอเลนอร์และบรูซก็กลับมาที่ห้อง ทั้งคู่ดูปกติดีและไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการต่อสู้ของพวกเขาเลย
แต่ถ้ามีใครมองอย่างใกล้ชิดหล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเห็นเลือดจำนวนเล็กน้อยที่ริมฝีปากของบรูซและความกลัวที่เขาแสดงออกมาในตอนที่เขามองไปที่เอเลนอร์ได้
“เด็ก 3 คนที่มาจากครอบครัวเดียวกันและเป็นพี่น้องกัน ทั้งหมดปลุกสายเลือดขึ้นมาในเวลาพร้อมๆ กัน นี่มันไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนนะ”
“เธอควรภูมิใจที่ได้ให้กำเนิดเด็กที่ไม่ธรรมดาขึ้นมานะ”
เอเลนอร์พูดกับเกรซด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเธอ ในขณะที่จักรพรรดิแม้จะนิ่งเงียบ แต่ก็มีความคิดที่เป็นอันตรายมากมายแล่นเข้ามาในหัวของเขา
ในขณะเดียวกันนั้นเองไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าจักรพรรดินีตัวแข็งทื่อไปในทันทีที่ออสตินเริ่มกระตุ้นสายเลือดของเขา จักรพรรดินีรู้สึกว่าสายเลือดของเธอเดือดพร่านขึ้นมาพร้อมกับบางสิ่งในตัวเธอที่เริ่มทำงาน
ความหลงไหลในตัวของจักรพรรดินีที่มีต่อออสตินแข็งแกร่งขึ้น ความลังเลใจที่เธอมีอยู่หายไปอย่างสิ้นเชิง บางอย่างในสายเลือดของเธอกำลังสูบฉีดความรู้สึกบางอย่างเข้าไปในตัวของเธอมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเหล่าสตรีบางคนที่ปลุกสายเลือดของตัวเองแล้วจากทั่วโลกได้รู้สึกถึงเสียงคำรามของสายเลือด
มานาที่ปกคลุมตัวออสตินอยู่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าภายใต้สายตาที่จับตามองของคนอื่นๆ หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มก่อตัวรวมกันเป็นรูปร่างของผู้ชายขึ้นเหนือหัวออสติน เขามีผมสีดำยาวถึงหลังและดวงตาสีม่วงเหมือนของออสติน
ทันทีที่ร่างของชายคนนั้นถูกสร้างจนเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็โบกมือให้ศัตรูทั้งหมดปลิวหายไปในทันที หลังจากนั้นร่างกายของออสตินก็ล้มลงโดยหันหน้าเข้าหาพื้นโดยที่เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลย
‘แมx่ง! ช่างเป็นฉากจบที่ชวนหดหู่สิ้นดี!’
ในขณะที่ผมกำลังจะผ่อนคลายตัวเองและปล่อยให้ตัวเองหมดสติไปนั้นเองก็ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวจากด้านหน้าและในเวลาเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงกรีดร้องสุดจะพรรณนาจากพวกนอร่า
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในเวลานี้ผู้บัญชาการที่ควรจะพ่ายแพ้ไปแล้วกลับยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เหมือนรูปแบบก่อนหน้านี้ ร่างกายของมันดูขาดๆ หายๆ และเจ็บปวด มันแทบจะไม่เรียกว่ามีชีวิตอยู่ได้แล้ว
มันเริ่มเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ แต่แน่นอน แต่ละก้าวของมันทำให้คนดูหัวใจเต้นแรง แต่ขณะที่มันกำลังจะเดินตรงมาเพื่อฆ่าผมนั้นเอง ก็มีบางอย่างเคลื่อนไหวซะก่อน
ท่ามกลางอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าดูอยู่ได้มี 1 ในพวกมันพุ่งไปยังมือของออสติน พิณเล็กๆ ที่ขึ้นสนิมและสกปรกค่อยๆ วางอยู่บนมือของเขา มันเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งความเจ็บปวด, ความทรมานและความมุ่งมั่นของออสติน และในตอนที่ออสตินปลุกสายเลือดของตัวเองได้นั้นก็ทำให้มันตัดสินใจเคลื่อนไหวได้ในที่สุด
ก่อนที่เจ้าสัตว์ประหลาดผู้บัญชาการจะได้ทันทำอะไรมันก็บินตรงไปยังบาเรียของพวกนอร่า
ระบบ AI ที่ควบคุมโลกประวัติศาสตร์พยายามหยุดมันเพราะภายในโลกนี้ทุกอย่างล้วนเท่าเทียมกัน
แต่่ว่าถึงแม้จะมีพลังเหนือมิติเจ้าพิณก็สามารถฉีกผ่านบาเรียได้ราวกับมีดผ่าเนยและภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคนนั้นเอง เจ้าพิณสกปรกตัวเล็กๆ ก็มาถึงหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดผู้บัญชาการแล้ว
ก่อนที่เจ้าผู้บัญชาการจะทันได้ทำอะไร เจ้าพิณก็ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเพื่อฉีกร่างของเจ้าผู้บัญชาการออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากนั้นมันก็เคลื่อนที่เข้ามาหาผมโดยที่ผมไม่รู้อะไรเลยในขณะที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ผมกำลังนอนกินดินอยู่บนพื้น โดยขณะที่ผมหมดสติไปก็รู้สึกได้ว่าสายเลือดของตัวเองกำลังถูกดึงดูดอยู่ ราวกับว่าสิ่งที่ผมรักมากกำลังเข้ามาใกล้และก่อนที่ตัวเองจะรู้ตัว ตัวของผมก็ได้ลอยขึ้นเหนือพื้นซะแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบเข้ากับเจ้าพิณสีน้ำตาลสนิมเขรอะลอยอยู่
เลือดหยดเล็กๆ ของผมที่ออกมาจากร่างกายบินไปที่เจ้าพิณและในทันทีที่พวกมันรวมเข้ากับเจ้าพิณก็ปรากฏแสงจ้าออกมาจากตัวมัน
ภายใต้สายตาของทุกคน ออร่าสนิมที่ล้อมรอบเจ้าพิณเริ่มหายไปก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีฟ้าสดใส่ขึ้นมาแทน
พิณสีฟ้าสวยงามปรากฏแก่สายตาของทุกคน มันมีลวดลายมากมายรอบๆ ตัวทำให้ยิ่งดูสวยงามขึ้นไปอีก แม้แต่คนงี่เง่าที่มองความงามไม่เป็นก็ยังรู้สึกประทับใจกับมัน
ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นเองก็ได้มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เช่นเดียวกับที่เจ้าพิณได้กลับคืนสู่รูปลักษณ์และออร่าที่แท้จริงของมันเอง
ห่างออกไปหลายพันไมล์ในพื้นที่ใต้ดินที่มีมังกรตัวหนึ่งกำลังหลับไหลอยู่ ตัวของมันเป็นสีดำสนิท โดยมันได้นอนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่มีออร่าออกจากมันราวกับว่ามันได้ตายไปแล้วยังไงอย่างงั้น
เจ้ามังกรค่อยๆ ลืมตาที่ไม่ได้เปิดมานานหลายปีขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากเจ้าพิณ ความกลัวแผ่ซ่านผ่านดวงตาอันโอหังของมันในทันที
ห่างไกลจากเจ้ามังกรในคฤหาสน์หลังหนึ่งในป่ามะกอกที่มีเอลฟ์นั่งอยู่นั้น ร่างกายของเอลฟ์ตนนั้นดูแก่และซูบผอมราวกับเอลฟ์ที่กำลังจะสิ้นใจ แต่ออร่ารอบๆ ตัวเขากลับบ่งบอกถึงอย่างอื่น
เมื่อรู้สึกถึงออร่าที่คุ้นเคยเขาก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ความทรงจำของเอลฟ์ดูเหมือนจะเดินทางไปสู่อดีตเพื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างและเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของเจ้าพิณอีกครั้งก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายที่เต็มเปี่ยม
ภายในอาณาจักรซิลวิยาในคฤหาสน์หลังเล็กๆ หลังหนึ่งที่มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ เธอดูราวกับเด็กที่มีอายุประมาณ 16 ปีและคำว่าตัวเล็กคงเหมาะกับรูปร่างของเธอแล้ว ถ้าพวกโลลิค่อนเห็นเธอหล่ะก็ พวกเขาคงจะอยากลักพาตัวเธอแน่นอน เธอมีผมสีฟ้าที่มีสีชมพูเล็กน้อยแทรกอยู่ ใบหน้าของเธอน่ารักมากและมีดวงตาสองสี ตาข้างหนึ่งเป็นสีฟ้า ส่วนอีกข้างเป็นสีชมพู แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แปลกที่สุดในตัวเธอหรอกนะ ออร่ารอบๆ ตัวเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นเด็กสาวที่ร่าเริงและบางครั้งก็เป็นออร่าของความเป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ออกมาจากตัวเธอ
เมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งเด็กสาวคนนั้นก็เคลื่อนสายตาไปยังทิศทางหนึ่ง ดวงตาของเธอทะลุผ่านมิติและมาถึงตำแหน่งของออสตินในทันที เมื่อเห็นเขาและเจ้าพิณเธอก็ยิ้มขึ้นมาในทันที
“ดูเหมือนอนาคตจะไม่น่าเบื่อแล้วสินะ”
หลังจากนั้นเธอก็ช่างหัวเรื่องนี้ไป
ภายในแดนเทพบนตำแหน่งสูงสุดที่รายล้อมไปด้วยหมอก จุดที่แม้แต่ 3 เทพธิดาสูงสุดก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนญาต
ภายในม่านหมอกมีบัลลังก์และผู้หญิงนั่งอยู่บนนั้น รูปร่างหน้าตาของเธอนั้นสามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่า
นิยามของความงาม
ใบหน้าของเธออาจทำให้โลกต้องเข้าสู่สงคราม ผู้ชายคนไหนที่มองเธอจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไป เธอมีผมสีชมพูดที่ยาวเลยบ่าของเธอและร่างกายที่มีความสมดุลที่สมบูรณ์แบบของสะโพก, หน้าอกและเอวที่เพรียวบางเพื่อให้โอบอุ้มเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทันใดนั้นเองเธอก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอเป็นสีของทับทิม ทำให้มันเป็นชิ้นส่วนที่สมบูรณ์แบบสำหรับใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเธออยู่แล้ว
มันคงจะสมบูรณ์แบบมากถ้าดวงตาของเธอไม่เย็นชาหรือไร้ความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์หรือชีวิต สำหรับเธอแล้วก้อนหินบนถนนและผู้คนบนถนนก็ไม่ต่างกัน โลกทั้งใบนั้นน่าเบื่อและไม่น่าสนใจสำหรับเธอ
สายตาของเธอกวาดไปยังทั่วโลกจนกระทั่งมาถึงยังตำแหน่งของออสติน เธอเห็นอดีต, ปัจจุบันและทางเลือกในอนาคตของเขาทั้งหมดและนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอเลยที่แววตาของเธอมีแสงแห่งความสนใจปรากฏขึ้น นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้แบบนี้
หลังจากนั้นเธอก็หลับตาลง
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด…
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต\
Comments