The Overlord of Blood and Iron 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์

Now you are reading The Overlord of Blood and Iron Chapter 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Overlord of Blood and Iron ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นลัส โลสต์ชานท์!

 

ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์

 

ตรงหน้าของคังชอลอินได้ปรากฏหน้าจอข้อความเพื่ออธิบายตัวตนนี้ลัส ระดับ SS

 

– ชื่อ: นี่ลัส โลสต์ชานท์

 

– ชนชั้น: อาร์คเมจ

 

– อายุ: 12 ปี

 

– ระดับ: C (สามารถพัฒนาศักยภาพได้ถึง SS)

 

– ความรับผิดชอบ: พ่อมด / นักเวทย์แห่งสงคราม

 

– ความชํานาญพิเศษ: ม่านเวทย์โจมตี

 

รายละเอียดข้อมูล: นักเวทย์ชั้นหนึ่งของราชวงศ์สมัยจักรวรรดิโบราณที่ยิ่งใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนต์ทุกประเภท แต่เหมาะที่สุดสําหรับใช้ในพื้นที่กว้างซึ่งจะสามารถสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้ด้วยเวทมนตร์

 

ยิ่งมีอายุเพิ่มมากขึ้น ระดับศักยภาพก็จะยิ่งเติบโตพร้อมกับความแข็งแกร่ง

 

– เติบโตจนถึงอายุ 87

 

– ชื่นชอบในการนอน (มากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน)

 

– ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”

 

คังชอลอินไม่สามารถเชื่อกับสถานการณ์ที่กําลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้

 

แม้ตอนนี้เจ้า “สิ่งนี้” จะอยู่แค่เพียงระดับ C แต่สามารถพัฒนาศักยภาพจนเข้าถึงระดับ SS ได้! และไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นกองกําลังที่มีชื่อเรียกอีกด้วย!

 

นี่มันไร้สาระยิ่งกว่าตอนที่เขาได้บังเอิญเจอกับคนชื่อควักจองที่สํานักงานของดูชิกเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขาควรจะมีโชคที่ย่ำแย่เพราะสถานะจอมวายร้ายแห่งแพนเจียดั่งที่โดเรียนเคยบอกเมื่อครั้งก่อน

 

“แด่องค์ฝ่าบาท..”

 

อาร์คนักเวทย์นี้ลัส โลสต์ชานท์เดินเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอิน

 

“ฝ่าบาท. ? นี่เราเป็นจักรพรรดิแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

แม้คังชอลอินจะคุ้นเคยกับคําเรียกว่า“องค์ราชันย์” แต่เขาไม่เคยถูกใครเรียกว่า “ฝ่าบาท” มาก่อน แม้หลังจากที่เขาได้กลายไปเป็นจอมราชันย์แล้วก็ตาม

 

ตามที่อาเคนมือขวาของพระเจ้าบอกกล่าว ราชันย์ต้องแข่งขันและแย่งชิงเพื่อกลายมาเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวบนแพนเจียซึ่งจะกลายไปเป็นจักรพรรดิที่จะสามารถถูกเรียกว่า “ฝ่าบาท” ได้

 

แต่กองกําลังระดับ SS คนนี้กลับเรียกคังชอลอินว่าฝ่าบาทราวกับว่าพวกเขาเคยพบเจอและรู้จักกันมาก่อน

 

“อีกครั้ง เพื่อได้พบกับฝ่าบาทอีกครั้ง ข้าน้อยผู้รับใช้คนนี้มีความสุขอย่างมากขอรับ…ม่านแห่งน้ำตากําลังปิดกั้นการมองเห็นใด ๆ จากตัวข้า”

 

นี่ลัสพูดราวกับว่าเขาไม่ได้มีอายุแค่เพียง 12 ปีหากแต่เป็นคนชราวัย จากนั้นหยดน้ำตาแห่งความปิติยินดีก็เริ่มหลั่งไหลจนทั่วใบหน้า

 

“ความสง่างามของฝ่าบาท. ผู้นําตลอดกาลของชายชราผู้นี้! จักรพรรดิเพียงองค์เดียวที่สามารถครอบครองพื้นทวีปแห่งนี้ได้ทั้งหมด!”

 

แม้เขาจะได้รับกองกําลังระดับ SS มาแต่ดูเหมือนว่ามันจะมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไปจนคังชอลอินเต็มไปด้วยความสับสนและมึนงง

 

แม้เขาจะดูเหมือนเด็กที่ชาญฉลาดหากแต่การพูดจานั้นกลับเต็มไปด้วยลักษณะแบบคนเฒ่าคนแก่ ไม่เพียงแค่นั้นแต่เขายังพูดคุยกับคังชอลอินราวกับว่าพวกเขาได้รู้จักกันมานานแสนนาน แม้จะมีศักยภาพถึงระดับ SS แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่แปลกมากเหลือเกิน

 

“มีอะไรแปลก ๆ…”

 

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

 

“ชอลอิน เจ้าเคยเป็นจักรพรรดิจริง ๆ หรือเปล่า?”

 

“ไม่มีทาง” แม้เขาจะเป็นจอมราชันย์แต่เขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่ทรงอํานาจที่สุดแบบนั้น

 

“เจ้าชื่อนีลัสใช่หรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถามพร้อมพูดต่ออีกว่า “ข้าไม่ใช่จักรพรรดิใด ๆ ทั้งนั้น”

 

“ไม่ขอรับ!” นีลัสพูดกลับเสียงดังเพื่อปฏิเสธ

 

“ไม่ว่าท่านจะพูดเช่นไร แต่ท่านคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวแห่งสงครามการนองเลือดขอรับ!”

 

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที”

 

“ข้าไม่ได้พูดจาไร้สาระนะขอรับ! แม้ท่านจะไม่ทรงทราบภายหลังการได้กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ชายชราผู้นี้สามารถจดจําองค์ฝ่าบาทได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นแต่ใบหน้าแห่งความสง่างามของท่านยังทรงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ฉะนั้นแล้วข้าน้อยผู้นี้จะลืมพระองค์ท่านไปได้อย่างไร?”

 

“เกิดความผิดพลาดหรือขัดข้องอะไรหรือเปล่า?”

 

คังชอลอินคิดว่ นี่ลัสกองกําลังระดับ SS นี้เป็นเพียงขยะที่ได้รับ ทั้งหมดที่เขาพูดคือการบอกว่าเขาเป็นอดีตจักรพรรดิที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระอื่น ๆ

 

“ข้าไม่ต้องการได้ยินอะไรแบบนั้นอีก เลิกเรียกข้าว่าฝ่าบา ทซะ”

 

“ข้าจะเลิกเรียกฝ่าบาทได้อย่างไรเล่าในเมื่อพระองค์คือฝ่าบาทของข้า เช่นนั้นองค์ฝ่าบาทต้องการให้ข้าเรียกพระนามว่าอย่างไรหรือขอรับ?”

 

“ข้าชื่อคังชอลอิน เรียกข้าว่าราชันย์หรือนายท่านก็พอ”

 

“ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นฝ่าบาทจะใช้ชื่อเรียกว่าราชันย์ที่ต่ำต้อยเช่นนั้นได้อย่างไร…”

 

“ข้าจะพูดเป็นครั้งที่สองว่าข้าไม่ใช่จักรพรรดิของเจ้า”

 

“ฝ่าบาทคือจักรพรรดิที่ข้าน้อยรับใช้อย่างแน่นอนขอรับ จักรพรรดิที่ 27 แห่งจักรวรรดิโบราณ องค์จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบ

 

“ยูเยอ…อะไรนะ?”

 

“จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบขอรับ!”

 

“…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไร”

 

“ข้าน้อยสามารถเข้าใจถึงความสับสนของท่านได้เป็นอย่างดีขอรับ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ได้มีความทรงจําเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาหลงเหลืออยู่เลยนับตั้งแต่หลังการได้กลับมาเกิดใหม่”

 

“กลับชาติมาเกิด หึ”

 

จริงอยู่ที่เขาใช้การสํารองวิญญาณเพื่อให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งแต่สําหรับการกลับชาติมาเกิดใหม่นั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเชื่อได้ลง

 

เขาคิดว่าชีวิตคนเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้มีแค่เพียงหนึ่งชีวิต ไม่ใช่การเกิดแบบวนเวียนหลายสิบหลายร้อยครั้ง เขาเชื่อว่าถ้าเขาผ่านกระบวนการแห่งชีวิตและความตายมามาแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงไว้ซึ่งจุดหมายในการใช้ชีวิตไปในที่สุด

 

“ข้าไม่เชื่อและต้องไม่การฟังเรื่องการกลับชาติมาเกิดอะไรนั่นของเจ้าอีก ดังนั้นอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้ให้ข้าได้ยินอีกเป็นอันขาด”

 

“ขอรับ องค์ฝ่าบาท”

 

“แล้วก็เลิกเรียกข้าเช่นนั้นด้วย”

 

“ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะสามารถทําตามคําสั่งหรือภารกิจใด ๆ ตามพระประสงค์ขององค์ฝ่าบาทได้ทุกอย่าง หากแต่นั่นเป็นเพียงข้อยกเว้นเดียวที่ข้าไม่สามารถหยุดเรียกฝ่าบาทว่าฝ่าบาทได้ขอรับ”

 

“มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร?

 

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางคราว

 

หากเป็นกองกําลังที่มีชื่อและไม่ใช่กองกําลังจากภาคปกติก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีความทรงจําในอดีตหลงเหลืออยู่ มันเป็นตอนก่อนที่พวกเขาจะได้ผล็อยหลับและทวีปแพนเจียในตอนนั้นก็ยังคงคึกคักและเจริญรุ่งเรือง

 

เขาค่อนข้างเข้าใจถึงมันได้

 

เกือบ 97% ของไอเทมและซากศพบนแพนเจียคงอยู่มานานเมื่อหลายพันปีก่อน แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่ทั้งมนุษย์และอารยธรรมได้ถูกกําจัดออกไปเมื่อพันปีก่อนและกลายมาเป็นแพนเจียรกร้างที่ไร้ซึ่งผู้ครอบครอง

 

แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกสับสนมากนัก ท้ายที่สุดแล้วการอัญเชิญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ต่างหากที่ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรก

 

คังชอลอินและนักเดินทางข้ามมิติเพิ่งรู้ถึงความจริงที่ว่าแพนเจียนี้มีอยู่มานานตั้งแต่หลายพันปีก่อน ความจริงเป็นเช่นไรคงมีแค่พระเจ้าและอาเคนเท่านั้นที่ทราบได้

 

“ดูเหมือนว่าจักรพรรดิของเจ้านี่จะมีความคล้ายคลึงกับเรา

 

นั่นคือสิ่งที่คังชอลอินสามารถหาคําตอบให้กับตัวเองได้ในตอนนี้

 

หลังหลับใหลไปเป็นเวลานาน ความผิดพลาดในการจดจําก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับกองกําลังระดับ SS มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีพฤติกรรม “เฉพาะ” เป็นพิเศษหลังจากตื่นขึ้นมา

 

“องค์ฝ่าบาทขอรับ”

 

นี้ลัสเช็ดน้ำตาที่กําลังหยดแหมะพลางมองใบหน้าของคังชอลอินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

 

“การได้กลับมารับใช้ฝ่าบาทเช่นนี้อีกครั้งนับว่าเป็นเกียรติแก่ข้าน้อยอย่างยิ่งขอรับ! เป็นเกียรติอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบได้” นีลัสคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอินเพื่อทําความเคารพ

 

“เฮ้อ” คังชอลอินพ่นลมหายใจออกราวกับว่าเขากําลังรู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก

 

“ชอลอิน…?” ลีแชรินกล่าวเรียก

 

“ข้าคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของแพนเจียอยู่บ้างนะ”

 

“ไม่ เขาไม่รู้”

 

“ห้ะ?”

 

“หากเจ้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือทําไมเขาถึงถูกผนึกให้ต้องหลับใหลเป็นเวลานาน คําตอบที่เจ้าจะได้รับคือไม่รู้ นั่นคือคําตอบสําหรับทุกกองกําลังไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้าอยู่กับใครก็ตาม”

 

“งะ งั้นเองหรือ…?”

 

“มันจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าไม่ต้องไปรู้ถึงกองกําลังในอดีต”

 

“อย่างไรก็ตาม เหมือนเจ้าจะโชคดีอย่างมากเลยนะ คังชอลอิน”

 

“โชคดีหรือ?” เมื่อได้ฟังคําพูดของลีแชรินแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยการแสดงออกที่น่าตกใจขึ้นมา

 

“แน่นอน ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือที่บอกข้าว่ากองกําลังสุ่มนั้นเป็นการพนันไร้ค่าที่จะได้รับแต่ของแย่ ๆ?”

 

“อืม ใช่ ข้าบอกเจ้าไปเช่นนั้น”

 

“แต่เจ้าได้รับกองกําลังระดับ SS ในการลองตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้นโชคของเจ้าคงจะต้องดีมากแน่ ๆ”

 

“อย่างนั้นหรือ?”

 

“แน่นอน เป็นไปตามความคิดข้าไม่มีผิด”

 

“…?”

 

“ผู้คนที่จิตใจดีย่อมได้รับโชคดีเกื้อหนุน เพราะเจ้าช่วยให้ข้าได้กลับมามีอํานาจอีกครั้ง นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าผลแห่งกรรม?”

 

จากนั้นบทสนทนาที่เคยได้คุยกับโดเรียนก็โผล่ขึ้นมาภายในใจของคังชอลอินอีกครั้ง

 

“ไม่มีทางที่ซานต้าครอสจะมอบของขวัญให้กับเด็กซน หากเจ้าไม่ใช่คนจิตใจดีเช่นข้า เจ้าก็จะไม่มีทางได้รับกองกําลังระดับ S!”

 

การโต้เถียงของโดเรียนที่บอกว่าเขาเป็นคนอับโชคเพราะโหดร้ายนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

 

ลัคกี้เป็นหน่วยค้นหาระดับ S ในขณะที่นี่ลัสอยู่ในระดับ SS ในที่สุดคังชอลอินก็ได้รับชัยชนะ

 

“ข้ายินดีด้วยใจจริง ชอลอิน”

 

ลีแชรินแสดงความยินดีกับเขาจากส่วนลึกของหัวใจ แม้ว่านางจะไม่ได้รับกองกําลังระดับ SS แต่อย่างใดแต่นางก็มีความสุขอย่างมากกับโชคของคังชอลอิน

 

“…เช่นนั้นก็ขอบคุณ”

 

เนื่องจากดินแดนของเขาไม่มีนักเวทย์ระดับ SS มาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นโชคดีของเขาอย่างที่นางว่า

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนีลัสสามารถมีศักยภาพจนถึงขั้น SS ได้เมื่อไหร่ ความสามารถที่แท้จริงก็จะได้เห็นเป็นที่ประจักษ์

 

“นี่ลัส”

 

“ขอรับฝ่าบาท เรียกหาข้าน้อยหรือขอรับ?”

 

“แม้มันอาจจะเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนักเวทย์แห่งดินแดนลาพิวต้าของเรา”

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ นี่ลัสผู้นี้จะทุ่มเทศักยภาพที่มีและทํางานอย่างเต็มกําลังเพื่อช่วยในการพิชิตของฝ่าบาท”

 

“พิชิต?”

 

“ขอรับ ท้ายที่สุดแล้วความสง่างามของฝ่าบาทก็คืออดีตจักรพรรดิผู้ปกครองพื้นทวีปแห่งนี้ เนื่องจากฝ่าบาทได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ทวีปแห่งนี้จึงควรเป็นของท่านอย่างไม่อาจมีใครขึ้นมาครอบครองแทนได้ขอรับ”

 

อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน ดูเหมือนว่าจักรพรรดิในอดีตที่นีสัสรับใช้จะเป็นเหมือนคังชอลอินที่พยายามพิชิตและรวบรวมแพนเจียให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน

 

“ก็ดี”

 

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจที่ต้องถูกเรียกว่าฝ่าบาทแต่เขาก็เห็นด้วยเมื่อนี่ลัสพูดถึงเรื่องการปกครองทั้งทวีป ท้ายที่สุดเป้าหมายของเขาก็คือการเป็นจอมราชันย์ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นใหญ่เหนือผู้ใดและสามารถควบคุมทวีปแพนเจียผืนนี้ได้ทั้งหมด

 

“วันนี้เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว เจ้าจงไปพักซะเถอะ” คังชอลอินกล่าวชวนให้ลีแชรินกลับไปพักผ่อน เขารู้ว่าวันนี้มันจะต้องเป็นวันที่สาหัสและเหน็ดเหนื่อยแก่นางมากเพียงใด

 

“แต่….”

 

“เจ้าวางแผนอยากจะให้พลเรือนของเจ้าได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าจะไปแสดงตัวด้วยความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าต่อหน้าพลเรือนได้อย่างไร?”

 

“นั่นมัน เฮ้อ ก็ได้” ในที่สุดนางก็พยักหน้ายอมรับ

 

หลังจากนั้นคังชอลอินก็กล่าวคําอําลากับลีแชรินและไปช่วยยูราดด์เก็บกวาดพวกคนทรยศ

 

งานทั้งหมดเสร็จสิ้นลงไปได้อย่างรวดเร็ว

 

หลังจากเก็บกวาดคนแคระคนสุดท้ายเสร็จ คังชอลอินจ้องมองพระอาทิตย์ที่กําลังขึ้นพลางถอนหายใจ

 

“นําตัวคนที่สมควรจะถูกประหารไปวางไว้บนกําแพง ส่วนที่เหลือจับโยนเข้าคุกใต้ดินไปให้หมด ข้าจะนําพวกมันกลับไปยังลาพิวต้าด้วยกัน”

 

คังชอลอินตั้งใจนําคนแคระสี่สิบคนกลับไปใช้เป็นแรงงานของดินแดน

 

“ไม่รู้ว่าควรจะทําอย่างไรกับเจ้าพวกนี้กันดี แต่โชคดีที่เรื่องนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว”

 

นักเวทย์นี้ลัสและคนงานคนแคระสี่สิบคนที่ได้รับมา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วมันเป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

 

ในขณะที่คังชอลอินได้รับโชคที่คาดไม่ถึงติดต่อกันสองครั้ง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าบางทีลีแชรินอาจเป็นเครื่องรางนําโชคสําหรับเขาก็เป็นได้

 

“ส่วนสงครามที่กําลังจะเกิดขึ้นนั้น..”

 

“มันจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด”

 

คังชอลอินกําลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก

 

ทําไมน่ะหรือ? เพราะเขาวางแผนที่จะใช้กองทัพจักรวาลมาต่อสู้กับศัตรูในศึกสงครามครั้งนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Overlord of Blood and Iron 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์

Now you are reading The Overlord of Blood and Iron Chapter 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

The Overlord of Blood and Iron ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นลัส โลสต์ชานท์!

 

ตอนที่ 55: นักเวทย์ระดับ SS นีลัส โลสต์ชานท์

 

ตรงหน้าของคังชอลอินได้ปรากฏหน้าจอข้อความเพื่ออธิบายตัวตนนี้ลัส ระดับ SS

 

– ชื่อ: นี่ลัส โลสต์ชานท์

 

– ชนชั้น: อาร์คเมจ

 

– อายุ: 12 ปี

 

– ระดับ: C (สามารถพัฒนาศักยภาพได้ถึง SS)

 

– ความรับผิดชอบ: พ่อมด / นักเวทย์แห่งสงคราม

 

– ความชํานาญพิเศษ: ม่านเวทย์โจมตี

 

รายละเอียดข้อมูล: นักเวทย์ชั้นหนึ่งของราชวงศ์สมัยจักรวรรดิโบราณที่ยิ่งใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนต์ทุกประเภท แต่เหมาะที่สุดสําหรับใช้ในพื้นที่กว้างซึ่งจะสามารถสร้างความเสียหายแก่ศัตรูได้ด้วยเวทมนตร์

 

ยิ่งมีอายุเพิ่มมากขึ้น ระดับศักยภาพก็จะยิ่งเติบโตพร้อมกับความแข็งแกร่ง

 

– เติบโตจนถึงอายุ 87

 

– ชื่นชอบในการนอน (มากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน)

 

– ผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!”

 

คังชอลอินไม่สามารถเชื่อกับสถานการณ์ที่กําลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้ได้

 

แม้ตอนนี้เจ้า “สิ่งนี้” จะอยู่แค่เพียงระดับ C แต่สามารถพัฒนาศักยภาพจนเข้าถึงระดับ SS ได้! และไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นกองกําลังที่มีชื่อเรียกอีกด้วย!

 

นี่มันไร้สาระยิ่งกว่าตอนที่เขาได้บังเอิญเจอกับคนชื่อควักจองที่สํานักงานของดูชิกเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขาควรจะมีโชคที่ย่ำแย่เพราะสถานะจอมวายร้ายแห่งแพนเจียดั่งที่โดเรียนเคยบอกเมื่อครั้งก่อน

 

“แด่องค์ฝ่าบาท..”

 

อาร์คนักเวทย์นี้ลัส โลสต์ชานท์เดินเข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอิน

 

“ฝ่าบาท. ? นี่เราเป็นจักรพรรดิแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

แม้คังชอลอินจะคุ้นเคยกับคําเรียกว่า“องค์ราชันย์” แต่เขาไม่เคยถูกใครเรียกว่า “ฝ่าบาท” มาก่อน แม้หลังจากที่เขาได้กลายไปเป็นจอมราชันย์แล้วก็ตาม

 

ตามที่อาเคนมือขวาของพระเจ้าบอกกล่าว ราชันย์ต้องแข่งขันและแย่งชิงเพื่อกลายมาเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียวบนแพนเจียซึ่งจะกลายไปเป็นจักรพรรดิที่จะสามารถถูกเรียกว่า “ฝ่าบาท” ได้

 

แต่กองกําลังระดับ SS คนนี้กลับเรียกคังชอลอินว่าฝ่าบาทราวกับว่าพวกเขาเคยพบเจอและรู้จักกันมาก่อน

 

“อีกครั้ง เพื่อได้พบกับฝ่าบาทอีกครั้ง ข้าน้อยผู้รับใช้คนนี้มีความสุขอย่างมากขอรับ…ม่านแห่งน้ำตากําลังปิดกั้นการมองเห็นใด ๆ จากตัวข้า”

 

นี่ลัสพูดราวกับว่าเขาไม่ได้มีอายุแค่เพียง 12 ปีหากแต่เป็นคนชราวัย จากนั้นหยดน้ำตาแห่งความปิติยินดีก็เริ่มหลั่งไหลจนทั่วใบหน้า

 

“ความสง่างามของฝ่าบาท. ผู้นําตลอดกาลของชายชราผู้นี้! จักรพรรดิเพียงองค์เดียวที่สามารถครอบครองพื้นทวีปแห่งนี้ได้ทั้งหมด!”

 

แม้เขาจะได้รับกองกําลังระดับ SS มาแต่ดูเหมือนว่ามันจะมีบางสิ่งที่ผิดแปลกไปจนคังชอลอินเต็มไปด้วยความสับสนและมึนงง

 

แม้เขาจะดูเหมือนเด็กที่ชาญฉลาดหากแต่การพูดจานั้นกลับเต็มไปด้วยลักษณะแบบคนเฒ่าคนแก่ ไม่เพียงแค่นั้นแต่เขายังพูดคุยกับคังชอลอินราวกับว่าพวกเขาได้รู้จักกันมานานแสนนาน แม้จะมีศักยภาพถึงระดับ SS แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่แปลกมากเหลือเกิน

 

“มีอะไรแปลก ๆ…”

 

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”

 

“ชอลอิน เจ้าเคยเป็นจักรพรรดิจริง ๆ หรือเปล่า?”

 

“ไม่มีทาง” แม้เขาจะเป็นจอมราชันย์แต่เขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่ทรงอํานาจที่สุดแบบนั้น

 

“เจ้าชื่อนีลัสใช่หรือไม่?” คังชอลอินเอ่ยถามพร้อมพูดต่ออีกว่า “ข้าไม่ใช่จักรพรรดิใด ๆ ทั้งนั้น”

 

“ไม่ขอรับ!” นีลัสพูดกลับเสียงดังเพื่อปฏิเสธ

 

“ไม่ว่าท่านจะพูดเช่นไร แต่ท่านคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวแห่งสงครามการนองเลือดขอรับ!”

 

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที”

 

“ข้าไม่ได้พูดจาไร้สาระนะขอรับ! แม้ท่านจะไม่ทรงทราบภายหลังการได้กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ชายชราผู้นี้สามารถจดจําองค์ฝ่าบาทได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นแต่ใบหน้าแห่งความสง่างามของท่านยังทรงเป็นเหมือนเดิมทุกประการ ฉะนั้นแล้วข้าน้อยผู้นี้จะลืมพระองค์ท่านไปได้อย่างไร?”

 

“เกิดความผิดพลาดหรือขัดข้องอะไรหรือเปล่า?”

 

คังชอลอินคิดว่ นี่ลัสกองกําลังระดับ SS นี้เป็นเพียงขยะที่ได้รับ ทั้งหมดที่เขาพูดคือการบอกว่าเขาเป็นอดีตจักรพรรดิที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นเดียวกับเรื่องไร้สาระอื่น ๆ

 

“ข้าไม่ต้องการได้ยินอะไรแบบนั้นอีก เลิกเรียกข้าว่าฝ่าบา ทซะ”

 

“ข้าจะเลิกเรียกฝ่าบาทได้อย่างไรเล่าในเมื่อพระองค์คือฝ่าบาทของข้า เช่นนั้นองค์ฝ่าบาทต้องการให้ข้าเรียกพระนามว่าอย่างไรหรือขอรับ?”

 

“ข้าชื่อคังชอลอิน เรียกข้าว่าราชันย์หรือนายท่านก็พอ”

 

“ บุรุษผู้ยิ่งใหญ่เช่นฝ่าบาทจะใช้ชื่อเรียกว่าราชันย์ที่ต่ำต้อยเช่นนั้นได้อย่างไร…”

 

“ข้าจะพูดเป็นครั้งที่สองว่าข้าไม่ใช่จักรพรรดิของเจ้า”

 

“ฝ่าบาทคือจักรพรรดิที่ข้าน้อยรับใช้อย่างแน่นอนขอรับ จักรพรรดิที่ 27 แห่งจักรวรรดิโบราณ องค์จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบ

 

“ยูเยอ…อะไรนะ?”

 

“จักรพรรดิยูเลียส เบอเรียทต้า พาน ออเรจน์เจบขอรับ!”

 

“…ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไร”

 

“ข้าน้อยสามารถเข้าใจถึงความสับสนของท่านได้เป็นอย่างดีขอรับ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทไม่ได้มีความทรงจําเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาหลงเหลืออยู่เลยนับตั้งแต่หลังการได้กลับมาเกิดใหม่”

 

“กลับชาติมาเกิด หึ”

 

จริงอยู่ที่เขาใช้การสํารองวิญญาณเพื่อให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งแต่สําหรับการกลับชาติมาเกิดใหม่นั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเชื่อได้ลง

 

เขาคิดว่าชีวิตคนเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อได้มีแค่เพียงหนึ่งชีวิต ไม่ใช่การเกิดแบบวนเวียนหลายสิบหลายร้อยครั้ง เขาเชื่อว่าถ้าเขาผ่านกระบวนการแห่งชีวิตและความตายมามาแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาคงไว้ซึ่งจุดหมายในการใช้ชีวิตไปในที่สุด

 

“ข้าไม่เชื่อและต้องไม่การฟังเรื่องการกลับชาติมาเกิดอะไรนั่นของเจ้าอีก ดังนั้นอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้ให้ข้าได้ยินอีกเป็นอันขาด”

 

“ขอรับ องค์ฝ่าบาท”

 

“แล้วก็เลิกเรียกข้าเช่นนั้นด้วย”

 

“ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะสามารถทําตามคําสั่งหรือภารกิจใด ๆ ตามพระประสงค์ขององค์ฝ่าบาทได้ทุกอย่าง หากแต่นั่นเป็นเพียงข้อยกเว้นเดียวที่ข้าไม่สามารถหยุดเรียกฝ่าบาทว่าฝ่าบาทได้ขอรับ”

 

“มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร?

 

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางคราว

 

หากเป็นกองกําลังที่มีชื่อและไม่ใช่กองกําลังจากภาคปกติก็มีโอกาสที่พวกเขาจะมีความทรงจําในอดีตหลงเหลืออยู่ มันเป็นตอนก่อนที่พวกเขาจะได้ผล็อยหลับและทวีปแพนเจียในตอนนั้นก็ยังคงคึกคักและเจริญรุ่งเรือง

 

เขาค่อนข้างเข้าใจถึงมันได้

 

เกือบ 97% ของไอเทมและซากศพบนแพนเจียคงอยู่มานานเมื่อหลายพันปีก่อน แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่ทั้งมนุษย์และอารยธรรมได้ถูกกําจัดออกไปเมื่อพันปีก่อนและกลายมาเป็นแพนเจียรกร้างที่ไร้ซึ่งผู้ครอบครอง

 

แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่สมเหตุสมผล แต่มันก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกสับสนมากนัก ท้ายที่สุดแล้วการอัญเชิญครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นนี้ต่างหากที่ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรก

 

คังชอลอินและนักเดินทางข้ามมิติเพิ่งรู้ถึงความจริงที่ว่าแพนเจียนี้มีอยู่มานานตั้งแต่หลายพันปีก่อน ความจริงเป็นเช่นไรคงมีแค่พระเจ้าและอาเคนเท่านั้นที่ทราบได้

 

“ดูเหมือนว่าจักรพรรดิของเจ้านี่จะมีความคล้ายคลึงกับเรา

 

นั่นคือสิ่งที่คังชอลอินสามารถหาคําตอบให้กับตัวเองได้ในตอนนี้

 

หลังหลับใหลไปเป็นเวลานาน ความผิดพลาดในการจดจําก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับกองกําลังระดับ SS มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมีพฤติกรรม “เฉพาะ” เป็นพิเศษหลังจากตื่นขึ้นมา

 

“องค์ฝ่าบาทขอรับ”

 

นี้ลัสเช็ดน้ำตาที่กําลังหยดแหมะพลางมองใบหน้าของคังชอลอินด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

 

“การได้กลับมารับใช้ฝ่าบาทเช่นนี้อีกครั้งนับว่าเป็นเกียรติแก่ข้าน้อยอย่างยิ่งขอรับ! เป็นเกียรติอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบได้” นีลัสคุกเข่าลงต่อหน้าคังชอลอินเพื่อทําความเคารพ

 

“เฮ้อ” คังชอลอินพ่นลมหายใจออกราวกับว่าเขากําลังรู้สึกเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก

 

“ชอลอิน…?” ลีแชรินกล่าวเรียก

 

“ข้าคิดว่าเด็กคนนี้น่าจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของแพนเจียอยู่บ้างนะ”

 

“ไม่ เขาไม่รู้”

 

“ห้ะ?”

 

“หากเจ้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือทําไมเขาถึงถูกผนึกให้ต้องหลับใหลเป็นเวลานาน คําตอบที่เจ้าจะได้รับคือไม่รู้ นั่นคือคําตอบสําหรับทุกกองกําลังไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้าอยู่กับใครก็ตาม”

 

“งะ งั้นเองหรือ…?”

 

“มันจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าไม่ต้องไปรู้ถึงกองกําลังในอดีต”

 

“อย่างไรก็ตาม เหมือนเจ้าจะโชคดีอย่างมากเลยนะ คังชอลอิน”

 

“โชคดีหรือ?” เมื่อได้ฟังคําพูดของลีแชรินแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยการแสดงออกที่น่าตกใจขึ้นมา

 

“แน่นอน ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือที่บอกข้าว่ากองกําลังสุ่มนั้นเป็นการพนันไร้ค่าที่จะได้รับแต่ของแย่ ๆ?”

 

“อืม ใช่ ข้าบอกเจ้าไปเช่นนั้น”

 

“แต่เจ้าได้รับกองกําลังระดับ SS ในการลองตั้งแต่ครั้งแรก ดังนั้นโชคของเจ้าคงจะต้องดีมากแน่ ๆ”

 

“อย่างนั้นหรือ?”

 

“แน่นอน เป็นไปตามความคิดข้าไม่มีผิด”

 

“…?”

 

“ผู้คนที่จิตใจดีย่อมได้รับโชคดีเกื้อหนุน เพราะเจ้าช่วยให้ข้าได้กลับมามีอํานาจอีกครั้ง นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าผลแห่งกรรม?”

 

จากนั้นบทสนทนาที่เคยได้คุยกับโดเรียนก็โผล่ขึ้นมาภายในใจของคังชอลอินอีกครั้ง

 

“ไม่มีทางที่ซานต้าครอสจะมอบของขวัญให้กับเด็กซน หากเจ้าไม่ใช่คนจิตใจดีเช่นข้า เจ้าก็จะไม่มีทางได้รับกองกําลังระดับ S!”

 

การโต้เถียงของโดเรียนที่บอกว่าเขาเป็นคนอับโชคเพราะโหดร้ายนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

 

ลัคกี้เป็นหน่วยค้นหาระดับ S ในขณะที่นี่ลัสอยู่ในระดับ SS ในที่สุดคังชอลอินก็ได้รับชัยชนะ

 

“ข้ายินดีด้วยใจจริง ชอลอิน”

 

ลีแชรินแสดงความยินดีกับเขาจากส่วนลึกของหัวใจ แม้ว่านางจะไม่ได้รับกองกําลังระดับ SS แต่อย่างใดแต่นางก็มีความสุขอย่างมากกับโชคของคังชอลอิน

 

“…เช่นนั้นก็ขอบคุณ”

 

เนื่องจากดินแดนของเขาไม่มีนักเวทย์ระดับ SS มาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นโชคดีของเขาอย่างที่นางว่า

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนีลัสสามารถมีศักยภาพจนถึงขั้น SS ได้เมื่อไหร่ ความสามารถที่แท้จริงก็จะได้เห็นเป็นที่ประจักษ์

 

“นี่ลัส”

 

“ขอรับฝ่าบาท เรียกหาข้าน้อยหรือขอรับ?”

 

“แม้มันอาจจะเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นนักเวทย์แห่งดินแดนลาพิวต้าของเรา”

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ นี่ลัสผู้นี้จะทุ่มเทศักยภาพที่มีและทํางานอย่างเต็มกําลังเพื่อช่วยในการพิชิตของฝ่าบาท”

 

“พิชิต?”

 

“ขอรับ ท้ายที่สุดแล้วความสง่างามของฝ่าบาทก็คืออดีตจักรพรรดิผู้ปกครองพื้นทวีปแห่งนี้ เนื่องจากฝ่าบาทได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ทวีปแห่งนี้จึงควรเป็นของท่านอย่างไม่อาจมีใครขึ้นมาครอบครองแทนได้ขอรับ”

 

อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน ดูเหมือนว่าจักรพรรดิในอดีตที่นีสัสรับใช้จะเป็นเหมือนคังชอลอินที่พยายามพิชิตและรวบรวมแพนเจียให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน

 

“ก็ดี”

 

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจที่ต้องถูกเรียกว่าฝ่าบาทแต่เขาก็เห็นด้วยเมื่อนี่ลัสพูดถึงเรื่องการปกครองทั้งทวีป ท้ายที่สุดเป้าหมายของเขาก็คือการเป็นจอมราชันย์ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นใหญ่เหนือผู้ใดและสามารถควบคุมทวีปแพนเจียผืนนี้ได้ทั้งหมด

 

“วันนี้เรื่องราวทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว เจ้าจงไปพักซะเถอะ” คังชอลอินกล่าวชวนให้ลีแชรินกลับไปพักผ่อน เขารู้ว่าวันนี้มันจะต้องเป็นวันที่สาหัสและเหน็ดเหนื่อยแก่นางมากเพียงใด

 

“แต่….”

 

“เจ้าวางแผนอยากจะให้พลเรือนของเจ้าได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดของเจ้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าจะไปแสดงตัวด้วยความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าต่อหน้าพลเรือนได้อย่างไร?”

 

“นั่นมัน เฮ้อ ก็ได้” ในที่สุดนางก็พยักหน้ายอมรับ

 

หลังจากนั้นคังชอลอินก็กล่าวคําอําลากับลีแชรินและไปช่วยยูราดด์เก็บกวาดพวกคนทรยศ

 

งานทั้งหมดเสร็จสิ้นลงไปได้อย่างรวดเร็ว

 

หลังจากเก็บกวาดคนแคระคนสุดท้ายเสร็จ คังชอลอินจ้องมองพระอาทิตย์ที่กําลังขึ้นพลางถอนหายใจ

 

“นําตัวคนที่สมควรจะถูกประหารไปวางไว้บนกําแพง ส่วนที่เหลือจับโยนเข้าคุกใต้ดินไปให้หมด ข้าจะนําพวกมันกลับไปยังลาพิวต้าด้วยกัน”

 

คังชอลอินตั้งใจนําคนแคระสี่สิบคนกลับไปใช้เป็นแรงงานของดินแดน

 

“ไม่รู้ว่าควรจะทําอย่างไรกับเจ้าพวกนี้กันดี แต่โชคดีที่เรื่องนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว”

 

นักเวทย์นี้ลัสและคนงานคนแคระสี่สิบคนที่ได้รับมา เมื่อคิดเช่นนี้แล้วมันเป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

 

ในขณะที่คังชอลอินได้รับโชคที่คาดไม่ถึงติดต่อกันสองครั้ง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าบางทีลีแชรินอาจเป็นเครื่องรางนําโชคสําหรับเขาก็เป็นได้

 

“ส่วนสงครามที่กําลังจะเกิดขึ้นนั้น..”

 

“มันจะต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด”

 

คังชอลอินกําลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก

 

ทําไมน่ะหรือ? เพราะเขาวางแผนที่จะใช้กองทัพจักรวาลมาต่อสู้กับศัตรูในศึกสงครามครั้งนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+