True Martial World พิภพเทพยุทธ์ 1166 บังคับขู่เข็ญ

Now you are reading True Martial World พิภพเทพยุทธ์ Chapter 1166 บังคับขู่เข็ญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1166 บังคับขู่เข็ญ

วังเซียนสรรพสิ่งเป็นเขตอิทธิพลของหอเซียนสรรพสิ่ง การที่ฉินอู๋เฟิงเดิมพันด้วยมือคู่หนึ่งในช่วงนี้ทั้งยังพ่ายแพ้ทำให้หลายคนสงสัยว่า ซืออวี้เซิงจะยุยงให้ใครวางกับดักใส่ฉินอู๋เฟิงเพื่อเอาคืนที่อี้อวิ๋นตัดมือจั่วชิวเฮ่าอวี้

แม้ฉินอู๋เฟิงจะเป็นคนไม่เอาไหน แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายแท้ของเจ้าเมืองฉิน เจ้าเมืองฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อลูกชายถูกตัดมือ?

สายตาทุกคนพากันไปรวมตัวที่ใบหน้าเจ้าเมืองฉิน

“คุณชายซือผู้นี้ช่างเผด็จการไม่เบา แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังกล้าทำ” เทพธิดาจื่ออวี่ขยับริมฝีปากพูดเบาๆ

ตอนนี้เจ้าเมืองฉินวางมือทั้งสองบนพนักเก้าอี้ ดวงตาจับจ้องมาที่ซืออวี้เซิงพร้อมกับพูดเสียงทุ้มว่า “ซืออวี้เซิง เจ้ากำลังขู่ข้าหรือ?”

เสียงเขาทุ้มเหมือนระฆัง พลังอันน่ากลัวปะทุออก จิตสังหารอันลุ่มลึกกลุ่มหนึ่งเพ่งเล็งมาที่ซืออวี้เซิง บนทะเลสาบมีคลื่นกระจายตัว ลมฝนพัดเข้ามา เมฆดำปกคลุมตัวเมือง

ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก!

อี้อวิ๋นตกใจเงียบๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยรู้สึกถึงกลิ่นอายเช่นนี้จากคนระดับราชาสายฝนกับเทพราชาเนตรมารเท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าระดับของเจ้าเมืองฉินยังด้อยกว่าราชาสายฝนเล็กน้อย

เกรงว่าเจ้าเมืองฉินคงขาดพลังอีกนิดเดียวก็จะก้าวเข้าสู่ระดับเทพราชาอย่างสมบูรณ์ หรือไม่ก็แม้เขาจะอยู่ระดับเทพราชา แต่เขากลับไม่ได้ผสานรวมกับตราลัญจกรแห่งเทพราชา

อี้อวิ๋นรู้เรื่องตราลัญจกรแห่งเทพราชาเป็นครั้งแรกจากเจดีย์เทพจุติที่ราชาชิงหยางทิ้งไว้ ในแต่โลกสวรรค์มีตราลัญจกรแห่งเทพราชาเพียงโลกละเจ็ดสิบสองตรา มันเป็นวัตถุที่เกิดจากกฎฟ้าดิน เทพราชาที่ผสานรวมกับตรานี้กับเทพราชาที่ไม่ได้ผสานมีพลังห่างชั้นกันมาก

ในฐานะที่เจ้าเมืองฉินเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมเมืองสรรพสิ่ง ตอนนี้ซืออวี้เซิงจึงกำลังเผชิญกับเพลิงแห่งความโมโหของเทพราชาโดยตรง!

ซืออวี้เซิงหน้าซีดเล็กน้อยและถอยหลังหนึ่งก้าวเมื่อเผชิญกับอำนาจของเจ้าเมืองฉิน

“ข้าแค่นำคำพูดของคุณชายอู๋เฟิงมาบอก ข่มขู่กันที่ไหนขอรับ? แต่ในเมื่อท่านเจ้าเมืองฉินบอกว่าต้องยอมรับความพ่ายแพ้และทำตามเดิมพัน เช่นนั้นข้าก็ได้แต่ส่งคำพูดนี้ให้คุณชายอู๋เฟิงตามที่ท่านพูดมา” ซืออวี้เซิงพูดในขณะที่พยายามระงับเลือดลมอันเดือดพล่าน

ตอนนี้ฉินอู๋เฟิงยังอยู่ที่วังเซียนสรรพสิ่ง ด้านหลังซืออวี้เซิงก็มีกลุ่มอิทธิพลใหญ่อย่างหอเซียนสรรพสิ่ง แม้พลังของฉินเจิ้งหยางจะน่ากลัว แต่ซืออวี้เซิงก็ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับเขา

เขาไม่ใช่จั่วชิวเฮ่าอวี้ แต่เป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขของหอเซียนสรรพสิ่ง!

สีหน้าเจ้าเมืองฉินเคร่งขรึมดุจน้ำ ใครๆ ต่างบอกว่าพ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นสุนัข แต่ทั้งๆ ที่ฉินเจิ้งหยางเป็นคนปราดเปรื่อง ทว่าลูกหลานของเขากลับไม่ได้เรื่องสักคน

เขามีลูกชายทั้งหมดหกคน มีสองคนตายไปตั้งแต่ก่อนที่เจ้าเมืองฉินจะมีชื่อเสียง อีกสี่คนที่เหลือก็แข่งกันไม่ได้เรื่อง ฉินอู๋เฟิงผู้เป็นลูกชายคนเล็กสุดถูกเขาสั่งสอนอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่อัจฉริยะวิถียุทธ์อยู่ดี ทั้งเขายังยินดีให้ตัวเองตกต่ำ ไปสถานที่เสื่อมทรามอย่างตรอกสมบัติสวรรค์และวังเซียนสรรพสิ่งอยู่บ่อยๆ ตอนนี้เขาติดกับของคนอื่นจนถูกนำมาถ่วงสมดุลกับเจ้าเมืองฉิน มีหรือที่ฉินเจิ้งหยางจะไม่โมโห?

แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองสรรพสิ่ง ตัวเขาต้องตัดสิ่งทุกอย่างด้วยความเที่ยงธรรมด

“ซืออวี้เซิง ไม่ว่าจะลูกชายใครก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเมืองสรรพสิ่งทั้งสิ้น ในเมื่อเดิมพันกับคนอื่นก็ต้องยอมรับผลเดิมพัน เขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง”

เสียงของเจ้าเมืองฉินดังก้องไปทั่วทะเลสาบคันฉ่อง!

คิดจะใช้ลูกชายเขามาบีบให้เขาผิดต่อความตั้งใจเดิมและยอมให้เกิดความไม่ธรรมดา ช่างเพ้อฝันยิ่งนัก!

อี้อวิ๋นรู้สึกประทับใจ เจ้าเมืองฉินผู้นี้เป็นสุภาพชนที่กล้าได้กล้าเสีย ในใจรักความเป็นธรรม

แต่อี้อวิ๋นรู้ว่าเรื่องในวันนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ต่อให้ฉินอู๋เฟิงจะไม่ได้ความเพียงใด แต่หากไม่ใช่เพราะอี้อวิ๋นก็คงไม่โดนคนวางแผนใส่

แม้เจ้าเมืองฉินจะรักความยุติธรรมดา แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ฉินอู๋เฟิงถูกตัดมือจริงๆ

“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉินขอรับ แต่เรื่องในวันนี้เป็นความรับผิดชอบของข้าน้อย ท่านเจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องออกหน้าแทนข้าน้อยอีก” ขณะที่พูดอี้อวิ๋นก็หันไปทางซืออวี้เซิง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าเมืองฉินแม้แต่น้อย เจ้าวางแผนต่อคุณชายอู๋เฟิงก็เพราะมีข้าเป็นเป้าหมาย หากมีวิธีอะไรก็ใช้ออกมา!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ซืออวี้เซิงหัวเราะเสียง “ใช้วิธีดีๆ ไม่ชอบต้องให้ใช้กำลัง ข้าซืออวี้เซิงเคยเสียเปรียบที่ไหน? ก่อนหน้านี้ข้านับถือเจ้าเป็นอัจฉริยะ พูดคุยกับเจ้าอย่างเป็นมิตร แต่เจ้ากลับไม่รับน้ำใจและยิ่งอวดดีกว่าเดิม ตอนนี้คิดจะลงนามในสัญญาฉบับหรือ? สายไปแล้ว!”

ซืออวี้เซิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขานำสัญญาอีกฉบับออกมาและโยนไปในอากาศ

เขาเตรียมพร้อมสำหรับการมาในวันนี้ เริ่มจากวางมาดให้พอก่อน หากอี้อวิ๋นไม่รับน้ำใจ เช่นนั้นหากเขาจะกดดันอี้อวิ๋นอีกก็ถือว่ามีเหตุผล ไม่มีใครตำหนิอะไรได้

ทุกคนมองสัญญาที่โยนมาทางอี้อวิ๋นด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป

อี้อวิ๋นไม่ได้รับสัญญาไว้ในมือ เขาทำแค่โบกมือเบาๆ ตัวสัญญาหยุดลงในอากาศตรงหน้าเขา

อี้อวิ๋นหัวเราะเมื่อกวาดตาอ่านเนื้อหาในสัญญา “หกร้อยปีเป็นหกพันปี ทรัพยากรไม่ให้อย่างไม่มีค่าตอบแทนแล้ว แต่ต้องมอบสมบัติอย่างโอสถและวิชาให้ต้องหอเซียนสรรพสิ่งเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นค่าอุทิศตนจึงจะแลกทรัพยากรของหอเซียนสรรพสิ่งได้?”

“ช่างเป็นเงื่อนไขที่ดีจริงๆ!”

ทุกคนพากันฮือฮาเมื่ออี้อวิ๋นพูดเช่นนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าซืออวี้เซิงอยากใช้สัญญาฉบับหลังนี้มาตั้งแต่แรก ส่วนสัญญาฉบับแรกก็เป็นแค่การรักษาภาพลักษณ์

สัญญาฉบับที่สองคือราคาที่ขูดรีดอี้อวิ๋นอย่างถึงที่สุด!

ปรมาจารย์โอสถคนหนึ่งหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวยฉบับปรับปรุงใหม่ได้ตั้งแต่อายุน้อย อนาคตจะพัฒนาได้ถึงขั้นไหน หากจะเป็นยอดปราชญ์โอสถแห่งยุคก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

คนเช่นนี้เพียงพอให้หอเซียนสรรพสิ่งเกิดความอิจฉา เรื่องของจั่วชิวเฮ่าอวี้อาจเป็นข้ออ้างให้พวกเขาลงมือด้วยซ้ำ!

ทุกคนเคยได้ยินว่านับแต่โบราณมามีปรมาจารย์โอสถบางคนที่โดดเด่นแต่มีพลังจำกัดถูกคนจับตัวและบังคับให้หลอมโอสถ!

เกรงว่าหอเซียนสรรพสิ่งคงวางแผนนี้ต่ออี้อวิ๋นเช่นกัน

ตัวสัญญาบอกว่าต้องรับใช้หกพันปี แต่หากไปที่หอเซียนสรรพสิ่งจริงๆ แล้วก็คงมีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับอี้อวิ๋น?

สายตาทุกคนมองมาที่อี้อวิ๋นอย่างตั้งตารอที่จะเห็นปฏิกิริยาของเขา

แต่ตอนนี้ใบหน้าอี้อวิ๋นกลับยังคงมีรอยยิ้มนิ่งเรียบ เขามองสัญญาที่มีลายวิถีส่องสว่างตรงหน้าแล้วยกนิ้วขึ้นตวัดลงใส่สัญญาเบาๆ

ฟิ้ว!

ปราณกระบี่หยางบริสุทธิ์แล่นผ่าน สัญญาทั้งแผ่นกลายเป็นเศษกระดาษเพราะปราณกระบี่ภายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ถูกไฟหยางบริสุทธิ์เผาเป็นผุยผง!

“ต้องอุทิศให้พวกเจ้าและนำคะแนนสะสมไปแลกจึงจะได้ทรัพยากร? ข้าน่ะหรือจะอยากได้ของของหอเซียนสรรพสิ่ง? น่าขันยิ่งนัก!”

สีหน้าซืออวี้เซิงยิ่งมีจิตสังหารรุนแรงเมื่อเห็นขี้เถ้ากระจายไปในอากาศ “ดูแล้วเจ้าคงอยากตายมากจริงๆ ดี ดีมาก! ข้าจะสนองให้!”

กลิ่นอายบนร่างซืออวี้เซิงปะทุออก เขาร้องคำรามและชักกระบี่ที่สะพายบนหลังออกมา

“เจ้าเป็นแค่ปรมาจารย์โอสถคนหนึ่ง กล้าดียังไงมาหยิ่งทะนง วันนี้ข้าจะตัดมือเจ้าก่อน!”

หากปรมาจารย์โอสถไม่มีมือก็เท่ากับพิการอย่างสมบูรณ์

หอเซียนสรรพสิ่งไม่มีทางปล่อยให้ศัตรูที่เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาเติบโต อี้อวิ๋นมีอนาคตกว้างไกล มีความแค้นกับหอเซียนสรรพสิ่งแต่ก็ไม่ยอมสวามิภักดิ์ คนประเภทนี้จำเป็นต้องถูกสังหาร!

…………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด