Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1486 อ่อนแอกันทุกคน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1486 อ่อนแอกันทุกคน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ตาข้ามีปัญหากระมัง? แม่นางหลี่จีกำลัง…ชอบพอผู้ชาย?”

“บัดซบ! แม่นางหลี่จีเปรียบเสมือนนางในฝันของข้า ปรากฏว่านาง…มีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆ! บุปผางามติดอยู่บนกองขี้วัว!”

“เจ้าตาบอดกระมัง? หากเปรียบกับเด็กนั้น หาใช่เจ้ารึที่เป็นกองขี้วัว?”

“ไอ้เด็กนั้นดูเหมือนมนุษย์ชัดๆ หัวหอกดูดีดั่งทำจากเงิน แต่ความจริงกลับไร้ประโยชน์! ข้าไม่คิดเลยว่า แม่นางหลี่จีจะขุดเอาขยะเช่นนี้มาจริงๆ!”

เมื่อเย่หยวนและหลี่จีเดินบนถนนตัดผ่านภายในเมืองหลวง พลันเกิดเสียงอุทานแซ่ซ้อนดังขึ้น

หากภายใต้สถานการณ์เช่นนี้สามารถฆ่าแกงกันได้ เย่หยวนคงตายนับหมื่นครั้งแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีศาจหรือเผ่ามนุษย์ พวกเขาล้วนมีความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามเหมือนกันทั้งสิ้น หาได้มีเผ่าใดดีเลิศไปสักหมด

หลีจี่ได้ฉายาดั่งว่าบุปผางามอันเยือกเย็นแห่งเมืองหลวงโคโปน มีเหล่าบุรุษเพศเฝ้าตามจีบติดตามนับไม่ถ้วน รวมไปถึงไคซิน ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่น

แต่ไม่มีใครสักคนเดียวที่สามารถทำให้นางใจเต้นได้เลย

ทั่วทั้งถนนอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยว

นี่หาใช่การกระทุ้งขวดน้ำส้มสายชู ทว่ากลับเป็นการเทน้ำส้มสายชูลงในทะเล จนยามนี้ท่วมทั้งถนนสิ้นแล้ว

ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกไปนอกประตู หลี่จีก็โผเข้ากอดเย่หยวนอย่างกล้าๆกลัวๆ กลิ่นอรชรหอมหวานซึมซาบเข้าเตะรูจมูก จนทำให้เขารู้สึกใจสั่นโดยไม่ตั้งใจ

ต้องยอมรับก่อนเลยว่า หลีจี่เป็นหญิงสาวสายรุกที่งดงามอย่างยิ่ง

ปราศจากกิริยาข่มกลั้น ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ และไร้ซึ่งความเขินอาย สิ่งเหล่านี้ช่างแตกต่างไปจากสตรีเผ่าอื่นๆ

นางมิได้โปรยเสน่ห์ให้ผู้คนหลงใหลนาง แต่กลับเป็นคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่ถูกเสน่ห์ของนางดึงดูดเข้าหาแทน

เย่หยวนพยายามช้อนคางขึ้นและต้องพานพบกับเนินเขาลูกให้อันภาคภูมิของอิสตรี

ทว่าอย่างไรภายในใจของเย่หยวนกำลังร่ำร้องด้วยึความขมขื่นใจไม่มีหยุด

ไม่ว่าหลี่จีจะดีแค่ไหน แต่นางก็ไม่มีทางมาแทนตำแหน่งของเยวี่ยเมิ่งลี่และมู่หลินเสวียภายในใจของเขาได้เช่นกัน

มันเพียงว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับ เขาจึงต้องจำใจแสดงตามน้ำไปพลาง

“โถงโอสถปีศาจ? คุณหนูหลี่จี ไฉนเราไม่เข้าไปดูหน่อยสักเที่ยว”

เมื่อทั้งสองเดินผ่านโถงใหญ่เข้ามา มีแผ่นป้ายขนาดใหญ่ติดอยู่ด้านบนเขียนว่า‘โถงโอสถปีศาจ’ สามคำนี้ทำให้เย่หยวนใจเต้นแรงขึ้นมาทันใด

เขาต้องการหลอมกลั่นโอสถทองคำลึกล้ำสำหรับการวิวัฒนาการครั้งที่สอง และตอนนี้ดูเหมือนว่ายังขาดสมุนไพรบางอย่างพอดี

ขณะนี้ พวกเขาทั้งคู่ก็เดินผ่านเข้าไปในโถงโอสถปีศาจ เพื่อเข้าไปเดินดูก่อนสักรอบหนึ่ง

ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นฉายสะท้อนออกมาผ่านนัยน์ตาของหลี่จี นางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า

“หรือเป็นไปได้ไหมที่เจ้าคือนักปรุงโอสถปีศาจ?”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“จะเข้าใจเช่นนั้นก็ไม่ผิด”

ทันทีทันใดหลี่จีพลันเปล่งเสียงหวานดังขึ้นว่า

“ข้าจะไปกับเจ้า…ในทุกที่ที่เจ้าต้องการ”

เย่หยวนแทบสำลักถึงกับพูดไม่ออก

ทั้งสองตรงเข้ามาถึงโถงโอสถปีศาจ คลื่นเสียงดังกึกก้องผ่านเข้ามาทันทีจากภายใน

เนื่องจากการหลอมกลั่นโอสถต้องใช้ไฟเผาผลาญตลอดเวลา จึงทำให้ภายในโถงโอสถปีศาจมีอุณหภูมิสูงมาก

ไม่รู้ว่าคนของโถงโอสถปีศาจกำลังคิดอะไรอยู่ ไฉนถึงจัดห้องหลอมกลั่นโอสถไว้ที่โถงด้านนอก

ขณะเดียวกัน มีชายชราสี่ถึงห้าคนกำลังจับมือช่วยกันเร่งไฟใต้หม้อหลอมไม่หยุดหย่อน สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยพร้อมธารเหงื่อที่ไหลรินบนหน้าผาก

เย่หยวนเพียงกวาดสายตามอง ก่อนส่ายหัวไปมาโดยไม่มีเจตนา

มาตรฐานหลอมกลั่นเช่นนี้ ยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ช่วยหลอมกลั่นโอสถของเขาได้ด้วยซ้ำ

เผ่าพันธุ์บนมหาพิภพถงเทียนมีมากมายเกินคนานับ ศาสตร์แห่งโอสถจึงถูกแบ่งแยกได้หลายรูปแบบ ดังนั้นแล้วจึงไม่มีองค์กรศูนย์รวมเฉพาะศาสตร์ที่คล้ายกับสมาคมนักหลอมโอสถ

มาตรฐานทักษะการหลอมกลั่นโอสถจึงแตกต่างกันไป บ้างก็ขึ้นอยู่กับระดับชั้นโอสถที่หลอมกลั่น

แต่วรยุทธการหลอมกลั่นของนักปรุงโอสถปีศาจเหล่านี้ เข้าขั้นหยาบถึงหยาบที่สุด เย่หยวนแทบทนมองมิได้

แน่นอน เพราะว่าระดับชั้นของเขาสูงเกินไป

ตอนที่เขาอยู่ในระดับชั้นจอมเทพโอสถหนึ่งดาว เขาสามารถให้คำแนะนำแก่เซียวเฟิงที่อยู่ในระดับสามดาวขั้นสุดได้แล้ว นี่แสดงให้เห็นความขอบเขตของเขามันเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้แล้ว

ตอนนี้เย่หยวนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ระดับชั้นในศาสตร์แห่งโอสถย่อมเลื่อนสูงขึ้นเป็นธรรมชาติ

เย่หยวนสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมาด้วยศาสตร์แห่งโอสถ ความลึกซึ้งของเขาต่อศาสตร์แห่งโอสถมันเกินกว่าที่ผู้คนจะสามารถเข้าใจได้แล้ว

เมื่อมีศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอยู่ในมือ ขอเพียงมีเวลามากพอ เย่หยวนจะศึกษาศาสตร์แห่งโอสถเท่าไหร่ก็ได้ตามใจอยาก

ในตอนนี้มีกระทั่งนักปรุงโอสถปีศาจวัยกลางคนไม่น้อยที่รุมล้อมอยู่รอบชายชรา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเรียนรู้ศึกษาอย่างขยัยขันแข็ง

ทันใดนั้นเอง เย่หยวนก็หันไปหาหลี่จีพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นักปรุงโอสถปีศาจของเมืองหลวงคาโปน อ่อนแอเช่นนี้ทุกคนเลยงั้นรึ?”

หลี่จีเงยหน้ามองเย่หยวนด้วยความประหลาดใจ

อ่อนแอ?

เหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ที่นี่ล้วนเป็นปรมาจารย์ในหหมู่นักปรุงโอสถปีศาจสองดาวทั้งสิ้น!

แม้แต่คนจากสี่ตระกูลใหญ่ยังต้องร้องขอให้พวกเขาช่วยหลอมกลั่นโอสถบางชนิดให้ และไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขาเลย

แต่เย่หยวนกลับบอกว่าคนเหล่านี้อ่อนแอ!

วูบ! วูบ! วูบ!

ปุด ปุด ปุด!

ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างหันศีรษะและเข้าจับจ้องไปที่เย่หยวนจนเป็นตาเดียว

เม็ดโอสถในหม้อหลอมแทบถูกทิ้งไว้แบบนั้นในทันทีทันใด

เย่หยวนเองก็ตกใจเช่นกัน เขาเอ่ยถามน้ำเสียงแผ่วเบายิ่งแล้ว และคิดว่าคนเหล่านี้ไม่มีทางได้ยินแน่นอน

แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่า ทุกคนจะได้ยินคำพูดของเขาจริงๆ!

สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบคือ เมื่อนักหลอมโอสถกำลังหลอมกลั่นโอสถ ทุกคนล้วนต้องจดจ่ออยู่กับมันโดยตัดขาดปราศจากสิ่งใดเข้ารบกวน

แม้แต่ในขณะที่กำลังเรียนรู้ศึกษาอยู่นั้นเอง พวกเขาก็ต้องใส่ใจเพ่งสมาธิกับสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก

แล้วพวกเขาเหล่านี้จะไปได้ยินเสียงกระซิบของเย่หยวนได้อย่างไร

เย่หยวนยังคงไม่เข้าใจมาตรฐานของนักหลอมโอสถของเผ่าปีศาจเท่าไหร่นัก และหลงคิดไปว่า ชายชราสองสามคนนี้เป็นเพียงบุคคลชั้นผู้น้อย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามคำถามนี้ขึ้น

แต่ดูเหมือนว่า เขาจะสร้างเรื่องโกลาหลเสียแล้ว

“ไอ้เด็กเหลือขอ คางคกยังไม่ทันหาว! เสียงอึงโขใหญ่ดีหนิ!”

ชายชราคนหนึ่งสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง พร้อมสาดสายตาใส่เย่หยวนในทันใด

เย่หยวนยังไม่ทันจะได้กล่าวอันใด หลี่จีเร่งกล่าวขึ้นมาว่า

“ฮ่าๆ ท่านปู่เหมิ่งฉี ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ในเมืองหลวงคาโปนแห่งนี้ ใครจะไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้มีทักษะในศาสตร์แห่งโอสถสูงสุดที่สุด! บรรพกาลราตรียังไม่ค่อยเข้าใจหัวหางมากนัก ไฉนยังไม่รีบขอโทษท่านปู่เมิ่งฉี!”

หลี่จีขยิบตาส่งสัญญาณให้เย่หยวนอย่างแรง เพื่อให้เขารีบขอโทษ

เว้นเสียว่า เมิ่งฉีไม่ปล่อยให้เย่หยวนออกไปได้ง่ายๆ เขาตะคอกน้ำเสียงเย็นสะท้านดังว่า

“เป็นคนของตระกูลฟางนี่เอง คงเป็นของเล่นที่เจ้าเลือกสรรมากระมัง? อาจแข็งแกร่งแต่ไม่ทรงพลัง น้ำเสียงหาได้เล็กน้อยไม่! แท้จริงแล้ว ข้าจะบอกอะไรเสียหน่อย เด็กไก่อ่อนอย่างเจ้า หลังหูยังเปียกแฉะ! ฮ่าๆ น่าสนใจไม่น้อย น่าสนใจจริงๆ!”

หลี่จีเผยท่าทีประหม่าเสียหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า

“ท่านปู่เมิ่งฉี ท่านต้องล้อเล่นแล้วเป็นแน่ ในเมืองหลวงคาโปน ใครกันที่ไม่รู้จักห้าผู้อาวุโสแห่งโถงโอสถปีศาจ บรรพกาลราตรีคนนี้เพิ่งมาใหม่จึงยังไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร เช่นนี้โปรดละเว้นได้หรือไม่? เจ้ากล่าวไม่ถูกต้อง ไฉนยังไม่รีบขอโทษเสีย?”

เย่หยวนยักไหล่ตอบและกล่าวว่า

“แม้ข้าอยากจะประจบพวกเขาเสียหน่อย แต่จะให้กล่าวกลับไม่สามารถจริงๆ ไม่มีแม่แต่สมาธิหลอมกลั่นโอสถ แล้วพวกท่านจะหลอมกลั่นโอสถชนิดใดได้?”

หลี่จีหน้าถอดสีทันที โดยคาดไม่ถึงเลยว่าเย่หยวนจะหัวรั้นจนถึงขั้นไม่ยอมก้มศีรษะลงจริงๆ

นางทราบดีว่าเย่หยวนเป็นคนทระนงในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในตัวเองเพียงใด แน่นอน เขามีทุนรอนมากพอที่จะหยิ่งผยอง แต่นักปรุงโอสถปีศาจเหล่านี้เป็นชายชราที่เก็บเกี่ยวผลงานสร้างชื่อให้ตัวเองมาเนิ่นนานยิ่งแล้ว

วาจาของเย่หยวนกล่าวได้ว่าโอ้อวดเกินไป

เพียงปราดตาเดียว หรือจะบอกว่าเย่หยวนทราบถึงระดับชั้นทักษะการหลอมโอสถของพวกเขาได้ในทันที?

เด็กคนนี้โอหังเกินไปแถมยังอวดดีอย่างยิ่ง!

นางพยายามช่วยไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ชายคนนี้กลับยังคงยืนยันคำเดิม

อย่างไรกด็ตาม หลี่จีกลับไม่ทราบว่า เย่หยวนสามารถเอ่ยกล่าวประณีประนอมได้หากเป็นเรื่องอื่น แต่สำหรับเรื่องหลอมกลั่นโอสถแล้ว เขาไม่ยอมพบกันครึ่งทางแน่นอน

ชายชราคนนี้ไร้ซึ่งฝีมือไม่เหมาะสมกับตัวงานจริงๆ และเย่หยวนไม่มีทางปล่อยไว้เช่นนี้แน่

“ฮ่าๆๆ ดี! ดีมาก! เด็กน้อยที่ผมยังไม่ขึ้นเต็มที่อย่างเจ้า แต่กลับเอ่ยลั่นวาจาเช่นนี้จริงๆ! เช่นนั้นก็ขอดูหน่อยว่า ระดับชั้นของเจ้าจะสูงส่งเพียงใด!”

เมื่อเห็นท่าทีของเย่หยวน เมิ่งฉีก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่นด้วยความโกรธจัด

…………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด