Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1533 ข้ามิได้มาเพื่อต่อสู้

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1533 ข้ามิได้มาเพื่อต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หื้ม? เปลี่ยนชื่อ? แค่เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้น? เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่รึเปล่า?”

ประมุขแห่งกลุ่มล่ามังกร เยว่ฉิงเฟิงกวาดสายตาจับจ้องไปที่เมิ่งฮั่ว พร้อมด้วยความสงสัยถูกเขียนเต็มทั่วใบหน้า

เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นยื่นคำขาด สั่งให้กลุ่มล่ามังกรเปลี่ยนชื่อ? ต่อให้เขาโดนตบจนตายก็แทบไม่อยากเชื่อ!

นอกจากนี้แล้วๆ ไฉนพวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อด้วย?

กลุ่มล่ามังกร ไม่ว่าจะฟังดูกี่ครั้งยังคงขลังไม่เปลี่ยน!

สีหน้าการแสดงออกของเมิ่งฮั่วยามนี้ย่ำแย่อย่างมาก เขาไม่อยากทำใจยอมรับเลยว่า เย่หยวนแข็งแกร่งกว่าตน นี่เป็นเรื่องน่าอัปยศเกินไป

กายเนื้อทองคำระดับสามชั้นปลายพ่ายลงให้แก่เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้น หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป เขาคงกลายมาเป็นตัวตลกของเขตเมืองทางตอนใต้แน่นอน

“ท่านไม่รู้หรอกพี่ใหญ่ วรยุทธการเคลื่อนไหวของเด็กนั้นเร็วปานใด เพียงเสี้ยวอึดใจที่ข้าประมาท เขาก็สามารถ…สามารถทำอันตรายข้าได้! แม้ว่าสาขาใหญ่ของพวกเราจะไม่เกรงกลัวเขา แต่นี่นับเป็นภัยร้ายต่อสาขาแยกย่อย!”

คู่ดวงตาของเมิ่งฮั่วกวาดหมุนอยู่รอบหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนวีธีสนทนาแบบทางอ้อมแทน

คนที่เห็นเหตุการณ์นั้น เมิ่งฮั่วสั่งกำชับให้ปิดปากเงียบ ห้ามแพร่งพราย

ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ภายในสามวันต่อจากนี้ไอ้เด็กเหลือขอนั้นยังห้าวกล้าเข้ามา มันเตรียมตัวตายได้เลย

พี่ใหญ่เยว่ฉิงเฟิงเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น แม้ว่าไอ้เด็กเหลือขอนั้นจะทะยานสู่สวรรค์ น่าประทับใจเพียงใด แต่ประมุขของเขาย่อมกระชากลงปรโลกได้ทุกเมื่อ

แต่เยว่ฉิงเฟิงโบกมือปัดคล้ายว่าคร้านใส่ใจ และกล่าวว่า

“ไม่ต้องสนใจมัน เจ้าหนูนั้นคงปลุกปั่นสร้างความโกลาหลไปแบบนั้น มะรืนนี้เราเข้าเจรจากับกลุ่มขนนกเงินอีกครั้ง เกี่ยวกับการแบ่งส่วนเขตอำนาจบนถนนเชียนถิงสามสายหลัก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว!”

ถนนเชียนถิงสามสายหลักเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกลุ่มล่ามังกรกับกลุ่มขนนกเงิน สองกลุ่มขั้วอำนาจใหญ่  และถนนทั้งสามสายนี้จะเป็นจุดที่มั่งคั่งที่สุดแล้ว ซึ่งเรียกโดยรวมว่า ถนนเชียนถิงสามสายหลัก

วันนี้เยว่ฉิงเฟิงเองก็นพกลุ่มคนไปเจรจาเพื่อยุติข้อตกลงนี้กับกลุ่มขนนกเงินเช่นกัน

แต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างชัดเจน เสียงแตกไม่เป็นสาย

ทันทีที่เมิ่งฮั่วได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันทีและกล่าวว่า

“ไฉนวันนี้ถึงยังไม่ลงตัวอีก มิใช่ว่าเจ้าพวกนั้นจะยอมมอบตามที่ตกลง?”

เยว่ฉิงเฟิงกล่าวอธิบายว่า

“ตอนนี้ความขัดแย้งในถนนเชียนถิงสามสายหลักยังค่อนข้างรุนแรง กลุ่มนั้นยังคงยืนกรานที่จะผูดขาดกับที่ถนนเชียนถิงสายสายหลัก เหอะ ถนนแห่งนั้นแบ่งแยกการปกครองระหว่างสองกลุ่มชัดเจนดีอยู่แล้ว ช่างหน้าไม่อายที่พวกมันกล่าวแบบนี้!”

ทันทีที่เมิ่งฮั่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็โมโหจัดคำรามขึ้นว่า

“ไอ้พวกไร้นางอาย! แต่เดิมถนนเชียนถิงเป็นเขตการปกครองของเรา พวกมันสักแต่จพทำให้สถานการณ์แย่ลงและแย่ลง? ท่านประมุข เรื่องนี้ให้เมิ่งฮั่วออกไปจัดการเองดีกว่า ข้าจะล้างบางพวกมันให้หมด!”

สิ่งหนึ่งคือ ไม่ควรมองว่ากายเนื้อสุดแกร่งกร้าวระดับสามขั้นปลายของเมิ่งฮั่วอ่อนแอ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นเซียนคนหนึ่งที่ทรงพลังอย่างมาก

ต่อให้เผชิญหน้ากับเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด เขาก็ยังสามารถพึ่งพากายเนื้อนี้ เพื่อสัประยุทธ์ได้อย่างสูสี

แต่โชคร้ายนักที่เขาดันมาเจอเย่หยวน

ต่อหน้าความเร็วของเย่หยวน ไม่ว่าสิ่งใดล้วนต้องถูกบดขยี้ราวกับเศษขยะ

ร่องรอยความดุร้ายทอประกายส่องผ่านนัยน์ตาของเยว่ฉิงเฟิง เขากล่าวว่า

“นี่จะเป็นการเจรจาครั้งนี้สุดท้ายแล้ว! หากพวกมันยังงี่เง่าเช่นนี้ก็ไม่มีเหตุผลต้องพูดคุยอะไรกันอีก! ยามถึงจุดนี้เราต้องตายกันไปข้าง!”

เย่หยวนเข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และเช่าพักเพิ่มอีกสองห้องสำหรับหลงซานและอาซื่อ

ลำไส้ของอาซื่อ ณ ปัจจุบันบิดตัวมวลนักจนเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมม่วง ช่างรู้สึกขื่นขมใจนักเสมือนว่าโลกของเขากำลังพังทลายลงมา

ไฉนเขาถึงตามืดบอดปานนี้? ต้องโง่แค่ไหนถึงดันไปยั่วโมโหเทพสงครามเข้า!

แม้ว่าเขาจะรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ แต่กลุ่มล่ามังกรที่เป็นมิตรสหาย กลับไม่ย่อมปล่อยเขาไปแน่เช่นกัน

เพราะเขายังต้องพาเย่หยวนไปกวาดล้างสาขาแยกย่อยต่างๆของกลุ่มล่ามังกร

จะบังคับให้กลุ่มล่ามังกรเปลี่ยนชื่อ?

ฆ่ากันเลยดีกว่า!

สำหรับเย่หยวน เขาปล่อยให้อาซื่อนำทางไปซื้อสมุนไพรวิญญาณระดับสามภายในเขตเมืองทางตอนใต้ ก่อนจะตรงเข้าเก็บตัวเพื่อค้นคว้าเรื่องโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม

ระหว่างทาง เย่หยวนก็ศึกษาเรื่องทฤษฎีโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมาอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกว้านซื้อสมุนไพรวิญญาณระดับสามเพื่อทดลองต่างๆนาๆ

เย่หยวนค้นพบว่า ตั้งแต่ที่ตนสามารถเรียกปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋ามาได้ ศาสตร์แห่โอสถที่เขาเคยรู้จักราวกับยกระดับสู่โลกอีกใบหนึ่ง

สำหรับเรื่องความเร็วในการศึกษาโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม เย่หยวนนับว่าก้าวหน้าขึ้นเร็วกว่าเดิมมาก

ตอนนี้อาศัยสิ่งของต่างๆภายในโถงบัลลังก์ม่วง นี่ยิ่งช่วยให้เย่หยวนประหยัดเวลาในการศึกษาทำความเข้าใจได้มากขึ้นโข

เย่หยวนใช้เวลาเก็บตัวอยู่ในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอยู่นานหลายปี

ความแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งโอสถ ณ ปัจจุบันของเย่หยวน มีเกินพอแล้วที่จะทำให้เหล่าจอมเทพโอสถสามดาวล้วนต้องสิ้นหวัง

แต่สำหรับเย่หยวนนั้น ไม่ว่าจะใช้เวลาหมกตัวศึกษาค้นคว้าในด้านโอสถมากเท่าไหร่ เขากลับไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยล้าแม้สักนิด เขาไม่อยากให้เวลาล่วงเลยเกินสามวัน ดังนั้นเขาจึงเข้าเก็บตัวอยู่ในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ

สามวันต่อมา เย่หยวนเดินทางไปที่รังใหญ่ของกลุ่มล้ามังกรอีกครั้ง พร้อมย่างสามขุมตรงเข้ามาอย่างแช่มช้า

ยังคงเป็นทหารยามกลุ่มเดิมที่ยืนเฝ้าหน้าประตู แต่เมื่อเห็นเย่หยวน สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนต่างถอดสีในทันใด เลยอดตื่นตะลึงมิได้

ความแข็งแกร่งของเขาไม่น่าจะพอโค่นล้มกลุ่มล่ามังกรได้จริงๆใช่ไหม?

“เหอะ ข้ากลับมาแล้ว ไปเรียกประมุขพวกเจ้ามา แล้วจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรดี?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเย็นชา

ทหารยามคนหนึ่งตื่นตระหนกนัก ก่อนรีบวิ่งแจ้นเข้าไปรายงานสถานการณ์ทันที

ไม่นานนัก ชายวันกลางคนทั้งสองที่ดูคล้ายระดับหัวหน้าก็เดินตรงออกมาจากเรือนหลัก

“ท่านพี่สาม เจ้าเด็กนี่แหละ!”

เมิ่งฮั่วชี้ไปทางเย่หยวนพร้อมปริปากกล่าวทันที

หัวหน้าสามขมวดคิ้วถักแน่นแลมองไปทางเย่หยวน ก่อนจะเค้นเสียงทุ้มต่ำเอ่ยดังขึ้นว่า

“เจ้าหนู เบื่อหน่ายกับชีวิตปานนั้น? ถึงหาญกล้าวิ่งเล่นในกลุ่มล่ามังกรของเรา?”

เย่หยวนเหลือบมองหัวหน้าสามเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามเมิ่งฮั่วว่า

“หมายความว่า…พวกเจ้าไม่ยอมเปลี่ยนชื่อกลุ่ม?”

“เปลี่ยนบิดาเจ้าเถอะ! ท่านปู่ผู้นี้กำลังหัวเสียพอดีและยังหาที่ระบายไม่เจอ เช่นนั้นจำต้องลงกับเจ้าแล้ว! ข้าจักหักคอเจ้าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้! บังอาจเล่นลิ้นกับกลุ่มล่ามังกรของข้า!!”

หัวหน้าสามส่งเสียงคำรามมลั่น พร้อมกระชับดาบใหญ่เข้าเล็งไปที่ศีรษะเย่หยวนโดยตรง

เย่หยวนเลิกคิ้วกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของหัวหน้าสาม ซึ่งดูสาหัสไม่เบา

เกร๊ง!

คมดาบยักษ์ของหัวหน้าสามฟันลมวืดไป!

“พี่สามระวัง! มันอยู่ข้างหลังท่าน!”

เมิ่งฮั่วร้องอุทานลั่นด้วความตกใจ

หัวหน้าสามตะลึงหนักโพล่งตัวเหลียวกลับมาโดยไวพร้อมคมดาบยักษ์ที่เหวี่ยงคู่ออกไป

เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!

เสียงโลหะสาดกระทบดังกังวานหลายหลากกระบวน ทำเอาผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง

เด็กหนุ่มอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้นเจ้าต่อกรกับหัวหน้าสามที่เป็นถึงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างสูสียิ่ง?

เด็กคนนี้โผล่มาจากไหนกัน?

ยิ่งหัวหน้าสามต่อสู้สัประยุทธ์มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นตระหนกใจมากขึ้นเท่านั้น ปรากฏว่าตอนนี้เขาไม่สามารถไล่ตามความเร็วของเย่หยวนได้อีกต่อไป!

วรยุทธเคลื่อนไหวของเจ้าเด็กนี่รวดเร็วเกินจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเสมือนภูตผี ไสววูบวาบโฉบแล่นผ่านไปมาดั่งเงา

เห็นได้ชัดแจ้งว่าคมดาบของอีกฝ่ายอยู่ไกลมาก แต่เสี้ยวพริบตาเดียวกับลุถึงตรงหน้าเสียแล้ว

นี่ผิดประหลาดเกินไป!

ก่อนหน้านี้เขายังบ่นกับหัวหน้าห้าอยู่เลยว่า อ่อนแอไร้ประโยชน์สิ้นดี ทว่ายามนี้เขากลับรู้ซึ้งถึงความน่าสะพรึงของเด็กคนนี้แล้ว

“หยุดก่อน!!”

หัวหน้าสามตะโกนลั่นดึงระยะห่างกับเย่หยวนออกไปหลายช่วงตัว

“เจ้าหนุ่ม เจ้าแข็งแกร่งมาก! แต่หากข้ามิได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าเจ้าเองก็หาใช่คู่ต่อสู้ของข้าเช่นกัน!”

หัวหน้าสามเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าสุดมืดมน

เย่หยวนลอบเร้นเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงเย็นขึ้นว่า

“ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ แต่มาที่นี่เพื่อเปลี่ยนชื่อกลุ่มพวกเจ้า! ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้ากล่าวเตือนไปในครั้งนั้นจะเสมือนโยนกรวดลงแม่น้ำโดยเปล่า เช่นนั้น…ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะไล่ทำลายสาขาย่อยของพวกเจ้าทีละแห่ง!”

สีหน้าการแสดงออกของหัวหน้าสามพลันแข็งกระด้างในทันใด พร้อมความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ

วรยุทธเคลื่อนไหวของเจ้าเด็กนี่น่ากลัวเกินไป แม้อีกฝ่ายจะหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาก็จริง แต่หากเย่หยวนต้องการจากไปทั้งแบบนี้ เขาเองก็ไม่สามารถหยุดได้เช่นกัน

แต่ทันใดนั้นเอง ปรากฏทหารยามคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาด้วยท่าทีสุดร้อนรน เขาตะโกนขึ้นลั่น

“หัวหน้าสาม หัวหน้าห้า! แย่แล้ว…เขา…เขากำลังจะตายแล้ว!”

 …………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด