Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1908 เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1908 เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ยอดนักหลอมโอสถ? หึ เจ้าจะเก่งกาจแค่ไหนกัน? เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถหลอมโอสถระดับหกได้อย่างนั้นหรือ?” หยูเหวินเฟิงบอก

จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมีอยู่ทั่วไปทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิ แถมยังมีคนที่เก่งกาจอยู่มากมายมหาศาล

เขาย่อมไม่เชื่อว่าเย่หยวน จอมเทพโอสถห้าดาวคนหนึ่งนี้จะเก่งกาจได้มากมาย

เพราะเรื่องราวที่หลินฉางชิงไปสร้างความวุ่นวายที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่เย่หยวนกลับมาถึงที่เมืองหลวงจักรพรรดินี้อย่างรวดเร็วทำให้ข่าวเหล่านั้นยังไม่ได้แพร่กระจายกันในเมืองหลวงจักรพรรดิ

แน่นอนว่าเรื่องทั้งหลายนี้มันเพราะว่าหวู่เทียนได้ตายลงไปก่อนทำให้ข่าวสารต่างๆ ที่ควรส่งกลับมามันช้าลงไปมาก

หากพวกเขารู้ว่าเย่หยวนสามารถโยนโอสถฟ้าตะวันจันทราทิ้งได้ง่ายๆ พวกเขาทั้งหลายย่อมต้องคิดกราบไหว้เย่หยวนเป็นยอดอัจฉริยะหาใดเปรียบไปแล้ว

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

เย่หยวนโยนขวดโอสถน้อยออกไปสามขวดให้แก่ยอดฝีมือทั้งสามนั้น

คนทั้งสามหยิบขวดใบน้อยขึ้นมาดูพร้อมเบิกตากว้าง

จากนั้นพวกเขาก็เงยหน้าหันไปมองเย่หยวนเป็นตาเดียวอย่างพร้อมเพรียง

แม้ว่ามันจะมิใช่โอสถฟ้าตะวันจันทราที่เหนือล้ำนั้นแต่โอสถที่เย่หยวนโยนออกมาให้พวกเขาทั้งหลายดูมันก็มากพอจะทำให้พวกเขาตื่นตะลึง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถที่เย่หยวนโยนมามันก็เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!

“พี่เจียง ไปกันเถอะ!”

พูดจบเย่หยวนก็เดินจากไป

ทุกคนได้แต่มองตามหลังเย่หยวนสลับกับใบหน้าของยอดฝีมือทั้งสาม

พวกเขาไม่รู้ว่าเย่หยวนโยนโอสถใดมาให้ เหตุใดสามยอดฝีมือนี้จึงมีใบหน้าราวกับคนเสียสติเช่นนั้นไปได้

“ท่านพ่อ มันไปแล้วนะ!” หยูจินซงร้องบอกอย่างโกรธแค้น

ผัวะ!

เสียงตบหนึ่งดังขึ้นส่งร่างหยูจินซงปลิวลอยไปทันที

“จับเจ้าลูกไม่รักดีของข้านี้กลับไป!”

พูดจบเขาก็หายไปทันที

หลี่คงหมิงและเจ้าหอยอดดอกเองก็หายไปจากจุดนั้นพร้อมๆ กันเช่นกัน

ทุกผู้คนได้แต่มองภาพตรงหน้านี้อย่างตกตะลึง ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่

โอสถสามเม็ดที่ทำให้ยอดฝีมือทั้งสามต้องเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้

ทุกผู้คนนั้นรู้ดีว่าหยูจินซงนั้นเป็นลูกรักของหยูเหวินเฟิงแค่ไหน แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้จับตัวหยูจินซงกลับไป

เย่หยวนคนนี้ช่างน่ากลัวยิ่ง

และเรื่องราวการบุกลานประหารแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมันก็จบลงเช่นนั้น

แต่ตอนนี้เย่หยวนได้กลายเป็นตำนานแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นไปเสียแล้ว

นภาสวรรค์หกดาวผู้หนึ่งกลับสามารถสร้างเรื่องราวที่แสนใหญ่โตในเมืองหลวงจักรพรรดิและรอดกลับไปได้แบบครบสามสิบสอง

ที่สำคัญกว่านั้นทั้งสามขั้วอำนาจต่างไม่มีใครกล้าประกาศสงครามใดๆ ต่อเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อีกด้วย

ไม่นานนักมันก็มีอีกข่าวหนึ่งแพร่กระจายมาถึงสามขั้วอำนาจ

ไม่นานมานี้มีเทพสวรรค์ที่บุกไปถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และถูกไล่กลับไปด้วยความพ่ายแพ้

และข่าวน้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นก็คือเย่หยวนหยิบโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลออกมาโยนทิ้ง!

ข่าวทั้งสองนี้มันเหมือนฟ้าที่ฝ่าลงกลางหัวผู้คนทำให้สามขั้วอำนาจต้องสั่นสะท้านไปตามๆ กัน

ไม่นานนักข่าวที่ยิ่งใหญ่กว่าเก่ามันก็ถูกประกาศออกมาจากทางจวนเจ้าเมือง

เพราะมันคือข่าวที่ว่าเย่หยวนถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการสิบเมืองสันเขาใต้!

ที่สำคัญกว่านั้นคือเย่หยวนได้ถูกตั้งเป็นผู้ตรวจการแต่ไม่ต้องรายงานหรือจ่ายค่าดูแลให้แก่เมืองหลวงจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย!

ทั้งยังไม่ต้องรับฟังคำสั่งใดๆ จากทางเมืองหลวงจักรพรรดิด้วย!

เมื่อคำสั่งนี้ถูกสั่งออกมาเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นทั้งหมดก็แตกตื่นอย่างหยุดไม่อยู่

นี่มันเท่ากับว่าพวกเขานั้นยอมรับให้เย่หยวนเป็นผู้ปกครองเด็ดขาดของสิบเมืองสันเขาใต้ ตัดขาดไม่ต้องขึ้นต่อเมืองหลวงจักรพรรดิอีกต่อไป

ในความเป็นจริงแล้วสิบเมืองสันเขาใต้นั้นเป็นแค่ดินแดนรกร้างบ้านนอก เต็มไปด้วยเมืองจักรพรรดิจนๆ แค่ตัดออกไปนั้นมันไม่ได้เสียหายต่อเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมากมายนัก

แต่เรื่องราวแยกการแยกเขตปกครองอิสระออกไปเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการปกครองเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น

เมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกมา ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างมีแต่ความปิติยินดี

เดิมทีนั้นเย่หยวนก็เป็นตัวตนที่ราวกับเทพในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้จากผู้อาวุโสใหญ่ได้กลายเป็นผู้ตรวจการ มันทำให้อนาคตของพวกเขาทั้งหลายนั้นแจ่มใสขึ้นมาก

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย ส่วยที่พวกเขาต้องจ่ายต่อเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันก็เป็นจำนวนที่มากมหาศาล

และแน่นอนว่าส่วนที่มากจนเป็นภาระหนักของเมืองจักรพรรดิเช่นนี้ได้มันต้องเป็นจำนวนที่มากมหาศาลเกินนับ

เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่อาจพัฒนาตัวไปได้มากมายเสียที

หลังจากเย่หยวนได้ตำแหน่งผู้ตรวจการมาแล้วแน่นอนว่าส่วยภาษีต่างๆ มันย่อมเบาบางลงอย่างมาก เรื่องนี้มันทำให้นักยุทธทุกผู้คนขอบคุณมาจากหัวใจ ทำให้ความนิยมในตัวเย่หยวนนั้นยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้

แต่ทว่ามันก็ยังมีเรื่องให้อึดอัด

เพราะหลังจากการมาถึงของเล้งชิวหลิง ตำแหน่งของโซชูเจียและเหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายของเมืองก็เริ่มอึดอัดขึ้นมา

เพราะตอนนี้อิ้งหมัวหู่ได้เลือดของพยัคฆ์ขาวมามันจึงทำให้พลังฝีมือของเขาพัฒนาอย่างไม่มีหยุดยั้งและขึ้นมาถึงระดับห้าขั้นกลางแล้ว

ส่วนหนิงเทียนปิงเองก็พัฒนาตัวจนขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาว

เล้งชิวหลิงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะตั้งแต่นางได้เลือดแท้วิหคชาดไปนางก็พัฒนาตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนตอนนี้ขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นปลาย เป็นนภาสวรรค์เจ็ดดาวเข้าไปแล้ว

เทียบกันแล้วโซชูเจีย เจ้าเมืองคนนี้กลับไม่ได้พัฒนาไปมากมายมันจึงสุดแสนที่จะอึดอัด

แต่เย่หยวนนั้นได้รับสมุนไพรอย่างมากมายก่อนจะออกจากมิติอนัตตามาทำให้โอสถระดับต่ำๆ ที่เขามีติดตัวมันก็ไม่น้อย และแน่นอนว่าโซชูเจียเองก็ได้กินโอสถเหล่านั้นไป

ด้วยการชี้นำของเย่หยวนตอนนี้โซชูเจียและพวกจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อีกครั้ง

ในวันนี้เป็นวันที่โซชูเจียบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้และจึงมุ่งหน้ามาหาเย่หยวนในทันที

“โซชูเจียขอบคุณนายท่าน! หากไม่ได้นายท่านแล้วชูเจียคงไม่อาจบรรลุขึ้นมาถึงนภาสวรรค์สามดาวเช่นนี้ได้ในชีวิตนี้!” โซชูเจียร้องบอกพร้อมก้มกราบแทบพื้น

เรื่องราวร่างกายของตนเอง เจ้าตัวย่อมรู้ดีที่สุด โซชูเจียนั้นรู้ดีว่าตนนั้นหมดสิ้นหนทางพัฒนาตัวไปแสนนานแล้วและคงไม่อาจบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้อีกในชาตินี้

แต่โอสถที่เย่หยวนให้มานั้นมันกลับพลิกชีวิตให้แก่เขาใหม่ มิใช่เพียงแค่ช่วยให้เขาบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวเท่านั้นแต่ยังเพิ่มโอกาสให้แก่ชีวิตเขาอีกครั้งหนึ่ง

เขานั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกครั้ง สามารถเรียนรู้เต๋าสวรรค์ได้อีกครั้งและในวันหน้าอาจจะขึ้นไปถึงนภาสวรรค์สี่ดาวได้!

เรื่องเช่นนี้ก่อนหน้าเขาย่อมไม่เคยคิดถึงมัน

และเรื่องทั้งหมดนี้มันก็เพราะโอสถขั้นเทวะโมฆะและขั้นเทวะวิญญาณไพศาลทั้งหลาย

เพราะแม้จะเป็นแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแต่หลินฉางชิง เทพสวรรค์ที่มาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังเสียดายมัน!

โซชูเจียย่อมรู้ดีว่าโอสถเช่นนี้นำมามอบให้แก่เขามันเป็นการเสียของมากแค่ไหน

โอสถระดับนี้นำไปให้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายใช้จะดีกว่าหลายเท่า

แต่เย่หยวนกลับมอบมันให้เขาอย่างไม่คิดลังเล!

เพราะฉะนั้นความตื้นตันที่โซชูเจียมีต่อเย่หยวนมันจึงสุดแสนจะล้นพ้น

“พี่โซพูดอะไรกัน? ตอนนั้นหากไม่มีท่านแล้วมีหรือที่จะมีเย่หยวนในวันนี้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หาใช่เรื่องที่ต้องมาก้มหัวขอบคุณกัน ในวันหน้าท่านจะยิ่งได้รู้ว่าเรื่องนี้มันเล็กน้อยเพียงใด และแน่นอนว่าการบ่มเพาะของท่านเองก็ย่อมไม่หยุดลงที่อาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวแน่!” เย่หยวนบอกด้วยรอยยิ้ม

เมื่อโซชูเจียได้ยินเช่นนั้นร่างของเขาก็สั่นเครือ

ใช่แล้ว เรื่องแค่นี้มันจะมีค่าใดในสายตาเย่หยวน?

อย่างที่เขาว่ากัน เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม คำพูดนี้มันคงมีความหมายถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณมากนายท่าน! นายท่าน โซคนนี้มาในวันนี้หนึ่งก็เพื่อขอบคุณท่าน แต่อีกเรื่องก็เพื่อมาขอลงจากตำแหน่งเจ้าเมือง!” โซชูเจียบอก

เพราะตอนนี้เย่หยวนก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากผู้ปกครองอย่างแท้จริง เรื่องที่ว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองใดเขาย่อมเป็นคนที่มีสิทธิตัดสินที่สุด

เย่หยวนย่อมรู้ดีว่าโซชูเจียคิดอะไรอยู่ในหัวใจและยกมือขึ้นมาบอกปัดทันที “พี่โซ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ท่านนี่แหละเจ้าเมือง! ตำแหน่งของเจ้าเมืองนั้นมิใช่แค่ว่ามีพลังบ่มเพาะแล้วจะพอเสียหน่อย เรื่องราวแผนการดูแลทั้งหลายมันก็ต้องช่ำชอง คนอื่นๆ ย่อมไม่อาจจะมาสานต่องานของเจ้าเมืองได้อย่างง่ายดายแน่ คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดย่อมเป็นท่าน พี่โซ ข้าผู้ตรวจการคนนี้เองก็ได้รับหน้าที่ที่เกินกว่าตนจะจัดการไหวมา มันมีเรื่องยุ่งยากมากมายให้ข้าต้องเจอทุกวี่วัน ท่านเองก็น่าจะทราบดีว่าความทะเยอทะยานของข้านั้นมันไม่ได้มีอยู่แค่นี้ เรื่องราวเล็กน้อยทั้งหลายนี้ข้าหวังว่าจะให้พี่โซท่านช่วยดูแลแทนข้าด้วย”

เย่หยวนบอกออกมาอย่างซื่อตรงทำให้โซชูเจียทั้งรู้สึกกลัวและซาบซึ้ง

เขาย่อมรู้ดีถึงความทะเยอทะยานของเย่หยวน มีหรือที่มันจะมาหยุดแค่สิบเมืองสันเขาใต้นี้?

เพียงแค่ว่าหากมองสภาพตอนนี้แล้วเย่หยวนคงคิดใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งมันทำให้โซชูเจียดีใจอย่างมาก

“ในเมื่อนายท่านว่าเช่นนั้นมา… โซผู้นี้ก็ย่อมต้องพยายามทำงานต่อไปให้สมกับตำแหน่ง!”

ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังคุยกันไปหนิงเทียนปิงก็ได้เข้ามารายงาน “นายใหญ่ มียอดฝีมือผู้หนึ่งเดินทางมาขอพบท่าน เขาบอกว่าเขาเป็นศิษย์ของท่าน”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1908 เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1908 เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ยอดนักหลอมโอสถ? หึ เจ้าจะเก่งกาจแค่ไหนกัน? เจ้าคิดว่าตัวเองสามารถหลอมโอสถระดับหกได้อย่างนั้นหรือ?” หยูเหวินเฟิงบอก

จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมีอยู่ทั่วไปทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิ แถมยังมีคนที่เก่งกาจอยู่มากมายมหาศาล

เขาย่อมไม่เชื่อว่าเย่หยวน จอมเทพโอสถห้าดาวคนหนึ่งนี้จะเก่งกาจได้มากมาย

เพราะเรื่องราวที่หลินฉางชิงไปสร้างความวุ่นวายที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่เย่หยวนกลับมาถึงที่เมืองหลวงจักรพรรดินี้อย่างรวดเร็วทำให้ข่าวเหล่านั้นยังไม่ได้แพร่กระจายกันในเมืองหลวงจักรพรรดิ

แน่นอนว่าเรื่องทั้งหลายนี้มันเพราะว่าหวู่เทียนได้ตายลงไปก่อนทำให้ข่าวสารต่างๆ ที่ควรส่งกลับมามันช้าลงไปมาก

หากพวกเขารู้ว่าเย่หยวนสามารถโยนโอสถฟ้าตะวันจันทราทิ้งได้ง่ายๆ พวกเขาทั้งหลายย่อมต้องคิดกราบไหว้เย่หยวนเป็นยอดอัจฉริยะหาใดเปรียบไปแล้ว

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

เย่หยวนโยนขวดโอสถน้อยออกไปสามขวดให้แก่ยอดฝีมือทั้งสามนั้น

คนทั้งสามหยิบขวดใบน้อยขึ้นมาดูพร้อมเบิกตากว้าง

จากนั้นพวกเขาก็เงยหน้าหันไปมองเย่หยวนเป็นตาเดียวอย่างพร้อมเพรียง

แม้ว่ามันจะมิใช่โอสถฟ้าตะวันจันทราที่เหนือล้ำนั้นแต่โอสถที่เย่หยวนโยนออกมาให้พวกเขาทั้งหลายดูมันก็มากพอจะทำให้พวกเขาตื่นตะลึง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถที่เย่หยวนโยนมามันก็เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!

“พี่เจียง ไปกันเถอะ!”

พูดจบเย่หยวนก็เดินจากไป

ทุกคนได้แต่มองตามหลังเย่หยวนสลับกับใบหน้าของยอดฝีมือทั้งสาม

พวกเขาไม่รู้ว่าเย่หยวนโยนโอสถใดมาให้ เหตุใดสามยอดฝีมือนี้จึงมีใบหน้าราวกับคนเสียสติเช่นนั้นไปได้

“ท่านพ่อ มันไปแล้วนะ!” หยูจินซงร้องบอกอย่างโกรธแค้น

ผัวะ!

เสียงตบหนึ่งดังขึ้นส่งร่างหยูจินซงปลิวลอยไปทันที

“จับเจ้าลูกไม่รักดีของข้านี้กลับไป!”

พูดจบเขาก็หายไปทันที

หลี่คงหมิงและเจ้าหอยอดดอกเองก็หายไปจากจุดนั้นพร้อมๆ กันเช่นกัน

ทุกผู้คนได้แต่มองภาพตรงหน้านี้อย่างตกตะลึง ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่

โอสถสามเม็ดที่ทำให้ยอดฝีมือทั้งสามต้องเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้

ทุกผู้คนนั้นรู้ดีว่าหยูจินซงนั้นเป็นลูกรักของหยูเหวินเฟิงแค่ไหน แต่ตอนนี้เขากลับบอกให้จับตัวหยูจินซงกลับไป

เย่หยวนคนนี้ช่างน่ากลัวยิ่ง

และเรื่องราวการบุกลานประหารแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมันก็จบลงเช่นนั้น

แต่ตอนนี้เย่หยวนได้กลายเป็นตำนานแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นไปเสียแล้ว

นภาสวรรค์หกดาวผู้หนึ่งกลับสามารถสร้างเรื่องราวที่แสนใหญ่โตในเมืองหลวงจักรพรรดิและรอดกลับไปได้แบบครบสามสิบสอง

ที่สำคัญกว่านั้นทั้งสามขั้วอำนาจต่างไม่มีใครกล้าประกาศสงครามใดๆ ต่อเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อีกด้วย

ไม่นานนักมันก็มีอีกข่าวหนึ่งแพร่กระจายมาถึงสามขั้วอำนาจ

ไม่นานมานี้มีเทพสวรรค์ที่บุกไปถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และถูกไล่กลับไปด้วยความพ่ายแพ้

และข่าวน้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นก็คือเย่หยวนหยิบโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลออกมาโยนทิ้ง!

ข่าวทั้งสองนี้มันเหมือนฟ้าที่ฝ่าลงกลางหัวผู้คนทำให้สามขั้วอำนาจต้องสั่นสะท้านไปตามๆ กัน

ไม่นานนักข่าวที่ยิ่งใหญ่กว่าเก่ามันก็ถูกประกาศออกมาจากทางจวนเจ้าเมือง

เพราะมันคือข่าวที่ว่าเย่หยวนถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการสิบเมืองสันเขาใต้!

ที่สำคัญกว่านั้นคือเย่หยวนได้ถูกตั้งเป็นผู้ตรวจการแต่ไม่ต้องรายงานหรือจ่ายค่าดูแลให้แก่เมืองหลวงจักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย!

ทั้งยังไม่ต้องรับฟังคำสั่งใดๆ จากทางเมืองหลวงจักรพรรดิด้วย!

เมื่อคำสั่งนี้ถูกสั่งออกมาเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นทั้งหมดก็แตกตื่นอย่างหยุดไม่อยู่

นี่มันเท่ากับว่าพวกเขานั้นยอมรับให้เย่หยวนเป็นผู้ปกครองเด็ดขาดของสิบเมืองสันเขาใต้ ตัดขาดไม่ต้องขึ้นต่อเมืองหลวงจักรพรรดิอีกต่อไป

ในความเป็นจริงแล้วสิบเมืองสันเขาใต้นั้นเป็นแค่ดินแดนรกร้างบ้านนอก เต็มไปด้วยเมืองจักรพรรดิจนๆ แค่ตัดออกไปนั้นมันไม่ได้เสียหายต่อเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมากมายนัก

แต่เรื่องราวแยกการแยกเขตปกครองอิสระออกไปเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการปกครองเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น

เมื่อข่าวนี้ถูกประกาศออกมา ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างมีแต่ความปิติยินดี

เดิมทีนั้นเย่หยวนก็เป็นตัวตนที่ราวกับเทพในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้จากผู้อาวุโสใหญ่ได้กลายเป็นผู้ตรวจการ มันทำให้อนาคตของพวกเขาทั้งหลายนั้นแจ่มใสขึ้นมาก

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย ส่วยที่พวกเขาต้องจ่ายต่อเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันก็เป็นจำนวนที่มากมหาศาล

และแน่นอนว่าส่วนที่มากจนเป็นภาระหนักของเมืองจักรพรรดิเช่นนี้ได้มันต้องเป็นจำนวนที่มากมหาศาลเกินนับ

เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่อาจพัฒนาตัวไปได้มากมายเสียที

หลังจากเย่หยวนได้ตำแหน่งผู้ตรวจการมาแล้วแน่นอนว่าส่วยภาษีต่างๆ มันย่อมเบาบางลงอย่างมาก เรื่องนี้มันทำให้นักยุทธทุกผู้คนขอบคุณมาจากหัวใจ ทำให้ความนิยมในตัวเย่หยวนนั้นยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้

แต่ทว่ามันก็ยังมีเรื่องให้อึดอัด

เพราะหลังจากการมาถึงของเล้งชิวหลิง ตำแหน่งของโซชูเจียและเหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายของเมืองก็เริ่มอึดอัดขึ้นมา

เพราะตอนนี้อิ้งหมัวหู่ได้เลือดของพยัคฆ์ขาวมามันจึงทำให้พลังฝีมือของเขาพัฒนาอย่างไม่มีหยุดยั้งและขึ้นมาถึงระดับห้าขั้นกลางแล้ว

ส่วนหนิงเทียนปิงเองก็พัฒนาตัวจนขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาว

เล้งชิวหลิงนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะตั้งแต่นางได้เลือดแท้วิหคชาดไปนางก็พัฒนาตัวเองขึ้นได้อย่างรวดเร็วจนตอนนี้ขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นปลาย เป็นนภาสวรรค์เจ็ดดาวเข้าไปแล้ว

เทียบกันแล้วโซชูเจีย เจ้าเมืองคนนี้กลับไม่ได้พัฒนาไปมากมายมันจึงสุดแสนที่จะอึดอัด

แต่เย่หยวนนั้นได้รับสมุนไพรอย่างมากมายก่อนจะออกจากมิติอนัตตามาทำให้โอสถระดับต่ำๆ ที่เขามีติดตัวมันก็ไม่น้อย และแน่นอนว่าโซชูเจียเองก็ได้กินโอสถเหล่านั้นไป

ด้วยการชี้นำของเย่หยวนตอนนี้โซชูเจียและพวกจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อีกครั้ง

ในวันนี้เป็นวันที่โซชูเจียบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้และจึงมุ่งหน้ามาหาเย่หยวนในทันที

“โซชูเจียขอบคุณนายท่าน! หากไม่ได้นายท่านแล้วชูเจียคงไม่อาจบรรลุขึ้นมาถึงนภาสวรรค์สามดาวเช่นนี้ได้ในชีวิตนี้!” โซชูเจียร้องบอกพร้อมก้มกราบแทบพื้น

เรื่องราวร่างกายของตนเอง เจ้าตัวย่อมรู้ดีที่สุด โซชูเจียนั้นรู้ดีว่าตนนั้นหมดสิ้นหนทางพัฒนาตัวไปแสนนานแล้วและคงไม่อาจบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวได้อีกในชาตินี้

แต่โอสถที่เย่หยวนให้มานั้นมันกลับพลิกชีวิตให้แก่เขาใหม่ มิใช่เพียงแค่ช่วยให้เขาบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวเท่านั้นแต่ยังเพิ่มโอกาสให้แก่ชีวิตเขาอีกครั้งหนึ่ง

เขานั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกครั้ง สามารถเรียนรู้เต๋าสวรรค์ได้อีกครั้งและในวันหน้าอาจจะขึ้นไปถึงนภาสวรรค์สี่ดาวได้!

เรื่องเช่นนี้ก่อนหน้าเขาย่อมไม่เคยคิดถึงมัน

และเรื่องทั้งหมดนี้มันก็เพราะโอสถขั้นเทวะโมฆะและขั้นเทวะวิญญาณไพศาลทั้งหลาย

เพราะแม้จะเป็นแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าแต่หลินฉางชิง เทพสวรรค์ที่มาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังเสียดายมัน!

โซชูเจียย่อมรู้ดีว่าโอสถเช่นนี้นำมามอบให้แก่เขามันเป็นการเสียของมากแค่ไหน

โอสถระดับนี้นำไปให้เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายใช้จะดีกว่าหลายเท่า

แต่เย่หยวนกลับมอบมันให้เขาอย่างไม่คิดลังเล!

เพราะฉะนั้นความตื้นตันที่โซชูเจียมีต่อเย่หยวนมันจึงสุดแสนจะล้นพ้น

“พี่โซพูดอะไรกัน? ตอนนั้นหากไม่มีท่านแล้วมีหรือที่จะมีเย่หยวนในวันนี้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หาใช่เรื่องที่ต้องมาก้มหัวขอบคุณกัน ในวันหน้าท่านจะยิ่งได้รู้ว่าเรื่องนี้มันเล็กน้อยเพียงใด และแน่นอนว่าการบ่มเพาะของท่านเองก็ย่อมไม่หยุดลงที่อาณาจักรนภาสวรรค์สามดาวแน่!” เย่หยวนบอกด้วยรอยยิ้ม

เมื่อโซชูเจียได้ยินเช่นนั้นร่างของเขาก็สั่นเครือ

ใช่แล้ว เรื่องแค่นี้มันจะมีค่าใดในสายตาเย่หยวน?

อย่างที่เขาว่ากัน เมื่อผู้ใดบรรลุเต๋า หมูหมากาไก่ของเขาย่อมบรรลุขึ้นสวรรค์ตาม คำพูดนี้มันคงมีความหมายถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน

“ขอบคุณมากนายท่าน! นายท่าน โซคนนี้มาในวันนี้หนึ่งก็เพื่อขอบคุณท่าน แต่อีกเรื่องก็เพื่อมาขอลงจากตำแหน่งเจ้าเมือง!” โซชูเจียบอก

เพราะตอนนี้เย่หยวนก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากผู้ปกครองอย่างแท้จริง เรื่องที่ว่าใครจะเป็นเจ้าเมืองใดเขาย่อมเป็นคนที่มีสิทธิตัดสินที่สุด

เย่หยวนย่อมรู้ดีว่าโซชูเจียคิดอะไรอยู่ในหัวใจและยกมือขึ้นมาบอกปัดทันที “พี่โซ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ท่านนี่แหละเจ้าเมือง! ตำแหน่งของเจ้าเมืองนั้นมิใช่แค่ว่ามีพลังบ่มเพาะแล้วจะพอเสียหน่อย เรื่องราวแผนการดูแลทั้งหลายมันก็ต้องช่ำชอง คนอื่นๆ ย่อมไม่อาจจะมาสานต่องานของเจ้าเมืองได้อย่างง่ายดายแน่ คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดย่อมเป็นท่าน พี่โซ ข้าผู้ตรวจการคนนี้เองก็ได้รับหน้าที่ที่เกินกว่าตนจะจัดการไหวมา มันมีเรื่องยุ่งยากมากมายให้ข้าต้องเจอทุกวี่วัน ท่านเองก็น่าจะทราบดีว่าความทะเยอทะยานของข้านั้นมันไม่ได้มีอยู่แค่นี้ เรื่องราวเล็กน้อยทั้งหลายนี้ข้าหวังว่าจะให้พี่โซท่านช่วยดูแลแทนข้าด้วย”

เย่หยวนบอกออกมาอย่างซื่อตรงทำให้โซชูเจียทั้งรู้สึกกลัวและซาบซึ้ง

เขาย่อมรู้ดีถึงความทะเยอทะยานของเย่หยวน มีหรือที่มันจะมาหยุดแค่สิบเมืองสันเขาใต้นี้?

เพียงแค่ว่าหากมองสภาพตอนนี้แล้วเย่หยวนคงคิดใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งมันทำให้โซชูเจียดีใจอย่างมาก

“ในเมื่อนายท่านว่าเช่นนั้นมา… โซผู้นี้ก็ย่อมต้องพยายามทำงานต่อไปให้สมกับตำแหน่ง!”

ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังคุยกันไปหนิงเทียนปิงก็ได้เข้ามารายงาน “นายใหญ่ มียอดฝีมือผู้หนึ่งเดินทางมาขอพบท่าน เขาบอกว่าเขาเป็นศิษย์ของท่าน”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+