Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1915 ไม่พบ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1915 ไม่พบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียวเฟิงนั้นได้แต่เปิดปากแต่ไม่อาจพูดอะไรออกมา

คำพูดของเย่หยวนนี้เขาไม่อาจเข้าใจได้

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นคือสถานที่ที่โด่งดังในเรื่องโอสถอย่างมากภายในดินแดนมนุษย์ด้วยกัน

และเหตุผลมันก็มิใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวเทพสวรรค์เปียวหยู จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้นี้ที่มีชื่อเสียงดังสนั่นไปทุกทิศ

เพราะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้นคือสุดยอดตัวตนที่ผู้คนธรรมดาจะเข้าใจได้แล้ว

เหล่ายอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นล้วนแล้วต่างทำตัวลึกลับอย่างที่แม้แต่เทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่อาจพบเจอพวกเขาได้ง่ายๆ

และแน่นอนว่าจอมเทพโอสถแปดดาวมันยิ่งต้องลึกลับมากเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั่วๆ ไป

เมื่อก้าวขึ้นไปถึงระดับของจอมเทพโอสถแปดดาวแล้วพวกเขาทั้งหลายนั้นก็แทบจะไม่สนใจสิ่งของใดๆ ทางโลกทั้งสิ้น หากคิดอยากเชิญพวกเขาเหล่านั้นมาลงมือมันก็คงเป็นได้แค่ฝัน

มีเพียงแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์ด้วยกันเท่านั้นที่จะเชิญพวกเขาไปได้

เพราะฉะนั้นเทพสวรรค์เปียวหยูที่มีพลังฝีมือความเข้าใจเต๋าโอสถอย่างลึกซึ้งนี้จึงเป็นตัวตนที่สูงสุดเท่าที่ผู้คนทั่วๆ ไปจะเข้าถึงได้

ด้วยความสามารถด้านโอสถของเย่หยวนในตอนนี้เหล่าจอมเทพโอสถทั่วๆ ไปทั้งหลายมันย่อมไม่อาจอยู่ในสายตาของเขาได้

มีเพียงแค่เทพสวรรค์เปียวหยูยอดฝีมือระดับนี้เท่านั้นที่เขาคิดจะสนใจคบหาสมาคมด้วย

คำพูดเหล่านี้มันย่อมอาจจะฟังดูหลงตัวเองหากออกมาจากปากคนอื่น แต่ตงน้อยและพวกต่างก็รู้ดีว่าเย่หยวนเก่งกาจได้ขนาดนั้น

ในพริบตาเวลาก็ผ่านไปได้หลายปีจนในที่สุดพวกเย่หยวนทั้งหลายก็ได้เดินทางมาถึงยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว

“พระเจ้าช่วย ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวทำมาจากทองทั้งเมืองเลยหรือ?”

ต่อให้เขาจะพบเจอเรื่องราวมามากมายแค่ไหนจากการติดตามเย่หยวนแต่หนิงเทียนปิงก็ยังไม่เคยพบเคยเห็นความอลังการในระดับนี้มาก่อน

จะใช้คำว่าสุดยอดหรืออลังการมาบรรยายความหรูหราของเมืองนี้มันก็คงไม่พอ

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นถูกล้อมไปด้วยเทือกเขาโดยมีกำแพงเมืองเป็นสีทองอร่ามราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์ เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการ

“หึ เจ้าเองก็จะดูถูกยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวจนเกินไป! หินอิฐแต่ละก้อนในเมืองนี้มันถูกสร้างด้วยทรายเหล็กทองครึ่งแถมยังมีค่ายกลระดับเจ็ดติดตั้งไว้ภายใน ต่อให้เป็นเทพสวรรค์มาลงมือเองมันก็คงไม่มีทางทำให้เกิดรอยขีดข่วนใดๆ ได้” เซียวเฟิงอธิบาย

หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง “ทรายเหล็กทองครึ่ง! นั่นมันวัสดุระดับเจ็ดแค่ก้อนเล็กๆ ก็มีค่ากว่าทองนับหมื่นแล้ว! เมืองนี้มันตั้งกว้างตั้งใหญ่ เช่นนี้แล้วทรายเหล็กทองครึ่งของทั้งมหาพิภพถงเทียนมันจะไม่หมดสิ้นไปแล้วหรือ?”

เซียวเฟิงยิ้มขึ้น “หอมหาสมบัตินั้นตั้งอยู่ทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียน รายได้แต่ละวันของพวกเรานั้นมันมากเกินกว่าที่จะนับ เมืองนี้มันสุดแสนจะอลังการแน่นอนล่ะ แต่หากเทียบกับทรัพย์สินของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วมันยังเทียบไม่ได้แม้แต่ขนหน้าแข้งสักเส้น”

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนเองก็ตกตะลึงขึ้นในใจเช่นกัน

จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปานั้นจะนับว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดก็คงไม่ผิดนัก!

“หยุด! พวกเจ้าทั้งหลายมีเอกสารยืนยันตนหรือไม่?” ยามที่หน้าประตูเมืองร้องหยุดพวกเย่หยวนไว้

เมื่อเซียวเฟิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็รีบก้มหัวลงทันที “พี่ชายท่าน ข้านั้นเป็นผู้ดูแลในโถงวาโยขจี นี่คือเหรียญประจำตัวข้า คนเหล่านี้ทั้งหลายคือสหายของหอมหาสมบัติข้าเราหวังจะเข้าไปเจรจาธุรกิจกับโถงวาโยขจี หวังว่าท่านจะเข้าใจ”

เซียวเฟิงในตอนนี้นับเป็นยอดคนอันดับต้นๆ ของหอมหาสมบัติในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แม้แต่กับยามเขาก็ยังต้องก้มหัวให้

ยามคนนั้นยิ้มเย้ยออกมาเมื่อเห็นเหรียญ “แค่ผู้ดูแลระดับต่ำกลับกล้ามาพูดเรื่องธุรกิจที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าธุรกิจในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนี้มันเป็นเช่นใด? รีบๆ ไสหัวไปเสียเถอะ เข้าไปก็เสียเวลาคนอื่นเขาเปล่าๆ!”

เซียวเฟิงหันไปมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มแห้งๆ อย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ

เพราะตัวตนของเขานั้นมันต่ำต้อยจนเกินไปในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเช่นนี้ แม้แต่ยามก็ยังไม่คิดให้เกียรติเขา

เมืองที่ใหญ่แค่ไหนมันก็จะต้องทำธุรกิจที่ใหญ่เท่านั้น คนที่เดินทางมาคุยธุรกิจยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้มีใครบ้างที่ไม่ใช่มหาเศรษฐี?

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก่อนที่พวกเขาทั้งหลายจะได้เข้าไปในเมืองมันก็ยังต้องผ่านการตรวจสอบเอกสารต่างๆ มากมาย

แล้วแค่จอมเทพโอสถสี่ดาวจากเมืองจักรพรรดิเมืองหนึ่งมีหรือที่จะนำพาธุรกิจใหญ่โตใดมาได้?

ยอดฝีมือที่เขาผู้นี้เคยพบเจอมันก็มีมากมายไม่ขาดสาย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดจะสนใจว่าพวกเย่หยวน เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ทั้งหลายนี้จะมาทำอะไรเป็นการเป็นงานได้

แม้ว่าตัวเขาเองนั้นก็จะเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์สามดาว

เย่หยวนยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหายามคนนั้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายท่านนี้เรามีเรื่องสำคัญจริงๆ หวังว่าท่านจะช่วยเราหน่อย”

เขาหยิบโอสถออกมาราวกับเล่นกลยื่นมันไปต่อหน้ายามคนนั้น

ยามคนนั้นหรี่ตาลงทันทีก่อนจะรีบเก็บมันไป “รีบๆ เข้าไปได้แล้ว! อย่าได้ขวางทางผู้คน”

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นเทวะม่วงนั้นสำหรับยามตัวน้อยอย่างเขามันสุดแสนล้ำค่า

อาถที่เย่หยวนมอบให้เขานี้จะช่วยให้เขาสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้!

ของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้มีหรือที่เขาจะยังไล่พวกเย่หยวนกลับไปได้?

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะและเดินพาทุกผู้คนเข้ามาภายในเมือง

“น้องเย่ ข้าขอโทษด้วยจริงๆ ข้า…” เซียวเฟิงมองดูเย่หยวนด้วยความรู้สึกผิด

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าจะไม่อาจพาทุกคนเข้าได้แม้แต่หน้าประตูเมือง

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่เซียว ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะเหรียญของท่านแล้วต่อให้ข้าจะจ่ายสินบนเขาก็คงไม่กล้ารับ”

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นนับเป็นฐานหลักของจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา แตกต่างจากหอมหาสมบัติของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ต้องอยู่ด้วยการพึ่งพาคนอื่นอย่างสิ้นเชิง

ในเมืองนี้มันมีคนร่ำรวยยอดฝีมือมากมายเดินทางมาจากทุกสารทิศในทุกวัน

หากไม่มีคนจากหอมหาสมบัติมาช่วยนำทางแล้ว ยามทั้งหลายที่หน้าประตูก็คงไม่กล้าจะปล่อยพวกเขาเข้ามาง่ายๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ยืนยันพาตัวเซียวเฟิงมาด้วย

หนิงเทียนปิงพูดขึ้น “ช่างหลงตัวเองเสียจริง! หลังจากเราจดลงธุรกิจได้แล้วต้องไปทำให้พวกมันรู้เสียหน่อยว่าคนเราอย่าตัดสินใครจากภายนอก!”

เย่หยวนยิ้มขึ้น “โลกใบนี้พูดจากันด้วยพลัง แม้เราจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แต่เมื่อมาถึงยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเช่นนี้แล้วมันก็ไม่มีค่าใด แม้แต่เทพสวรรค์ทั้งหลายยามคนนั้นยังกล้าปฏิเสธมีหรือที่เขาจะมาสนในนภาสวรรค์แค่ไม่กี่คนอย่างพวกเรา?”

หนิงเทียนปิงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เขาก็ยังกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “หึ! แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า คิดเสียว่าทำบุญให้หมามัน!”

จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้เดินผ่านเมืองตรงมายังส่วนที่ดูหรูหราที่สุดของเมือง

หลังจากผ่านร้านรวงมากมายมา ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็มาถึงยังตึกหลังหนึ่ง

เซียวเฟิงแสดงเหรียญประจำตัวให้แก่ยามและบอก “ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลระดับต่ำของโถงวาโยขจีนามเซียวเฟิง อาจารย์ข้านามลู่เจ๋อเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัด นี่คือคำแนะนำตัวที่อาจารย์ข้าเขียนมา ข้าหวังจะขอเข้าพบกับท่านผู้อาวุโสเจียงหยวน!”

เมื่อยามคนนั้นได้ยินเซียวเฟิงแนะนำตัวเขาก็แสดงสีหน้าท่าทางดูถูกออกมาอย่างชัดเจน หลังจากมองอ่านดูในจดหมายแล้วเขาก็โบกมือขึ้น “พวกเจ้าไปรอที่เรือนต้อนรับด้านนั้น”

เซียวเฟิงโล่งใจขึ้นอย่างมาก เพราะเขากลัวเหลือเกินว่ายามของที่นี่เองก็จะไล่ผู้คนไปตั้งแต่แรกเห็น

เมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัดนั้นเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้การดูแลของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว อาจารย์ของเซียวเฟิง ลู่เจ๋อเองนั้นก็เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัด

เพียงแค่ว่าเมื่อมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิแล้วอำนาจเช่นนั้นมันย่อมดูไร้ค่า

เจียงหยวนที่เขาถามหานี้คือผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจี เป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้มีตำแหน่งสูงส่งในหอมหาสมบัติ

ก่อนที่เซียวเฟิงจะมายังที่แห่งนี้เขาได้ส่งเรื่องไปขอจดหมายแนะนำจากอาจารย์

เพียงแค่ว่าคนที่อ่านจะไว้หน้าอาจารย์เขาไหม มันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจรู้ได้

เมื่อมาถึงเรือนรับรองพวกเขาก็ได้แต่ยืนมึนงง

เพราะด้านในเรือนนั้นมันเต็มไปด้วยผู้คนที่สำคัญแต่ละคนที่มานั้นต่างมีพลังฝีมือไม่ธรรมดา

คนใช้ผู้หนึ่งเดินมามอบป้ายหมายเลขให้แก่เซียวเฟิงและพูดสั่งขึ้น “นี่เลขของเจ้า ถือไว้ให้ดีเมื่อใดที่เราเรียกเจ้าก็เข้าไป”

แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงถึงตำแหน่งของผู้อาวุโสเจียงหยวนแล้ว ดูท่าคนที่คิดจะมาติดต่อเจรจากับเขานั้นจะมีไม่น้อยทีเดียว

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าการรอครั้งนี้มันจะกินเวลาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน

หลังจากเจ็ดวันผ่านไปในที่สุดหมายเลขของพวกเขาก็ถูกเรียก

คนใช้นั้นพาพวกเขาเข้าไปในตัวเรือนก่อนจะพบกับชายวัยกลางคนท่าทางดุดันผู้หนึ่ง

ชายวัยกลางคนนั้นกล่าวขึ้น “เอาจดหมายแนะนำมา”

เซียวเฟิงรีบยื่นมอบมันไปให้ ชายคนนั้นมองดูมันเล็กน้อยก่อนจะโยนมันกลับมา “พวกเจ้าไปได้ ท่านผู้นำตระกูลไม่มีเวลามาพบเจอกับพวกเจ้าทั้งหลาย”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1915 ไม่พบ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 1915 ไม่พบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียวเฟิงนั้นได้แต่เปิดปากแต่ไม่อาจพูดอะไรออกมา

คำพูดของเย่หยวนนี้เขาไม่อาจเข้าใจได้

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นคือสถานที่ที่โด่งดังในเรื่องโอสถอย่างมากภายในดินแดนมนุษย์ด้วยกัน

และเหตุผลมันก็มิใช่ใครที่ไหนนอกจากตัวเทพสวรรค์เปียวหยู จอมเทพโอสถเจ็ดดาวผู้นี้ที่มีชื่อเสียงดังสนั่นไปทุกทิศ

เพราะจอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้นคือสุดยอดตัวตนที่ผู้คนธรรมดาจะเข้าใจได้แล้ว

เหล่ายอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นล้วนแล้วต่างทำตัวลึกลับอย่างที่แม้แต่เทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่อาจพบเจอพวกเขาได้ง่ายๆ

และแน่นอนว่าจอมเทพโอสถแปดดาวมันยิ่งต้องลึกลับมากเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั่วๆ ไป

เมื่อก้าวขึ้นไปถึงระดับของจอมเทพโอสถแปดดาวแล้วพวกเขาทั้งหลายนั้นก็แทบจะไม่สนใจสิ่งของใดๆ ทางโลกทั้งสิ้น หากคิดอยากเชิญพวกเขาเหล่านั้นมาลงมือมันก็คงเป็นได้แค่ฝัน

มีเพียงแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์ด้วยกันเท่านั้นที่จะเชิญพวกเขาไปได้

เพราะฉะนั้นเทพสวรรค์เปียวหยูที่มีพลังฝีมือความเข้าใจเต๋าโอสถอย่างลึกซึ้งนี้จึงเป็นตัวตนที่สูงสุดเท่าที่ผู้คนทั่วๆ ไปจะเข้าถึงได้

ด้วยความสามารถด้านโอสถของเย่หยวนในตอนนี้เหล่าจอมเทพโอสถทั่วๆ ไปทั้งหลายมันย่อมไม่อาจอยู่ในสายตาของเขาได้

มีเพียงแค่เทพสวรรค์เปียวหยูยอดฝีมือระดับนี้เท่านั้นที่เขาคิดจะสนใจคบหาสมาคมด้วย

คำพูดเหล่านี้มันย่อมอาจจะฟังดูหลงตัวเองหากออกมาจากปากคนอื่น แต่ตงน้อยและพวกต่างก็รู้ดีว่าเย่หยวนเก่งกาจได้ขนาดนั้น

ในพริบตาเวลาก็ผ่านไปได้หลายปีจนในที่สุดพวกเย่หยวนทั้งหลายก็ได้เดินทางมาถึงยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว

“พระเจ้าช่วย ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวทำมาจากทองทั้งเมืองเลยหรือ?”

ต่อให้เขาจะพบเจอเรื่องราวมามากมายแค่ไหนจากการติดตามเย่หยวนแต่หนิงเทียนปิงก็ยังไม่เคยพบเคยเห็นความอลังการในระดับนี้มาก่อน

จะใช้คำว่าสุดยอดหรืออลังการมาบรรยายความหรูหราของเมืองนี้มันก็คงไม่พอ

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นถูกล้อมไปด้วยเทือกเขาโดยมีกำแพงเมืองเป็นสีทองอร่ามราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์ เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการ

“หึ เจ้าเองก็จะดูถูกยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวจนเกินไป! หินอิฐแต่ละก้อนในเมืองนี้มันถูกสร้างด้วยทรายเหล็กทองครึ่งแถมยังมีค่ายกลระดับเจ็ดติดตั้งไว้ภายใน ต่อให้เป็นเทพสวรรค์มาลงมือเองมันก็คงไม่มีทางทำให้เกิดรอยขีดข่วนใดๆ ได้” เซียวเฟิงอธิบาย

หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง “ทรายเหล็กทองครึ่ง! นั่นมันวัสดุระดับเจ็ดแค่ก้อนเล็กๆ ก็มีค่ากว่าทองนับหมื่นแล้ว! เมืองนี้มันตั้งกว้างตั้งใหญ่ เช่นนี้แล้วทรายเหล็กทองครึ่งของทั้งมหาพิภพถงเทียนมันจะไม่หมดสิ้นไปแล้วหรือ?”

เซียวเฟิงยิ้มขึ้น “หอมหาสมบัตินั้นตั้งอยู่ทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียน รายได้แต่ละวันของพวกเรานั้นมันมากเกินกว่าที่จะนับ เมืองนี้มันสุดแสนจะอลังการแน่นอนล่ะ แต่หากเทียบกับทรัพย์สินของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วมันยังเทียบไม่ได้แม้แต่ขนหน้าแข้งสักเส้น”

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนเองก็ตกตะลึงขึ้นในใจเช่นกัน

จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปานั้นจะนับว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดก็คงไม่ผิดนัก!

“หยุด! พวกเจ้าทั้งหลายมีเอกสารยืนยันตนหรือไม่?” ยามที่หน้าประตูเมืองร้องหยุดพวกเย่หยวนไว้

เมื่อเซียวเฟิงได้เห็นเช่นนั้นเขาก็รีบก้มหัวลงทันที “พี่ชายท่าน ข้านั้นเป็นผู้ดูแลในโถงวาโยขจี นี่คือเหรียญประจำตัวข้า คนเหล่านี้ทั้งหลายคือสหายของหอมหาสมบัติข้าเราหวังจะเข้าไปเจรจาธุรกิจกับโถงวาโยขจี หวังว่าท่านจะเข้าใจ”

เซียวเฟิงในตอนนี้นับเป็นยอดคนอันดับต้นๆ ของหอมหาสมบัติในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แม้แต่กับยามเขาก็ยังต้องก้มหัวให้

ยามคนนั้นยิ้มเย้ยออกมาเมื่อเห็นเหรียญ “แค่ผู้ดูแลระดับต่ำกลับกล้ามาพูดเรื่องธุรกิจที่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าธุรกิจในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนี้มันเป็นเช่นใด? รีบๆ ไสหัวไปเสียเถอะ เข้าไปก็เสียเวลาคนอื่นเขาเปล่าๆ!”

เซียวเฟิงหันไปมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มแห้งๆ อย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ

เพราะตัวตนของเขานั้นมันต่ำต้อยจนเกินไปในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเช่นนี้ แม้แต่ยามก็ยังไม่คิดให้เกียรติเขา

เมืองที่ใหญ่แค่ไหนมันก็จะต้องทำธุรกิจที่ใหญ่เท่านั้น คนที่เดินทางมาคุยธุรกิจยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้มีใครบ้างที่ไม่ใช่มหาเศรษฐี?

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก่อนที่พวกเขาทั้งหลายจะได้เข้าไปในเมืองมันก็ยังต้องผ่านการตรวจสอบเอกสารต่างๆ มากมาย

แล้วแค่จอมเทพโอสถสี่ดาวจากเมืองจักรพรรดิเมืองหนึ่งมีหรือที่จะนำพาธุรกิจใหญ่โตใดมาได้?

ยอดฝีมือที่เขาผู้นี้เคยพบเจอมันก็มีมากมายไม่ขาดสาย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดจะสนใจว่าพวกเย่หยวน เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ทั้งหลายนี้จะมาทำอะไรเป็นการเป็นงานได้

แม้ว่าตัวเขาเองนั้นก็จะเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์สามดาว

เย่หยวนยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหายามคนนั้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายท่านนี้เรามีเรื่องสำคัญจริงๆ หวังว่าท่านจะช่วยเราหน่อย”

เขาหยิบโอสถออกมาราวกับเล่นกลยื่นมันไปต่อหน้ายามคนนั้น

ยามคนนั้นหรี่ตาลงทันทีก่อนจะรีบเก็บมันไป “รีบๆ เข้าไปได้แล้ว! อย่าได้ขวางทางผู้คน”

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นเทวะม่วงนั้นสำหรับยามตัวน้อยอย่างเขามันสุดแสนล้ำค่า

อาถที่เย่หยวนมอบให้เขานี้จะช่วยให้เขาสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้!

ของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้มีหรือที่เขาจะยังไล่พวกเย่หยวนกลับไปได้?

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะและเดินพาทุกผู้คนเข้ามาภายในเมือง

“น้องเย่ ข้าขอโทษด้วยจริงๆ ข้า…” เซียวเฟิงมองดูเย่หยวนด้วยความรู้สึกผิด

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าจะไม่อาจพาทุกคนเข้าได้แม้แต่หน้าประตูเมือง

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “พี่เซียว ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะเหรียญของท่านแล้วต่อให้ข้าจะจ่ายสินบนเขาก็คงไม่กล้ารับ”

ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นนับเป็นฐานหลักของจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปา แตกต่างจากหอมหาสมบัติของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ต้องอยู่ด้วยการพึ่งพาคนอื่นอย่างสิ้นเชิง

ในเมืองนี้มันมีคนร่ำรวยยอดฝีมือมากมายเดินทางมาจากทุกสารทิศในทุกวัน

หากไม่มีคนจากหอมหาสมบัติมาช่วยนำทางแล้ว ยามทั้งหลายที่หน้าประตูก็คงไม่กล้าจะปล่อยพวกเขาเข้ามาง่ายๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้ยืนยันพาตัวเซียวเฟิงมาด้วย

หนิงเทียนปิงพูดขึ้น “ช่างหลงตัวเองเสียจริง! หลังจากเราจดลงธุรกิจได้แล้วต้องไปทำให้พวกมันรู้เสียหน่อยว่าคนเราอย่าตัดสินใครจากภายนอก!”

เย่หยวนยิ้มขึ้น “โลกใบนี้พูดจากันด้วยพลัง แม้เราจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แต่เมื่อมาถึงยังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิเช่นนี้แล้วมันก็ไม่มีค่าใด แม้แต่เทพสวรรค์ทั้งหลายยามคนนั้นยังกล้าปฏิเสธมีหรือที่เขาจะมาสนในนภาสวรรค์แค่ไม่กี่คนอย่างพวกเรา?”

หนิงเทียนปิงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เขาก็ยังกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “หึ! แค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า คิดเสียว่าทำบุญให้หมามัน!”

จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้เดินผ่านเมืองตรงมายังส่วนที่ดูหรูหราที่สุดของเมือง

หลังจากผ่านร้านรวงมากมายมา ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็มาถึงยังตึกหลังหนึ่ง

เซียวเฟิงแสดงเหรียญประจำตัวให้แก่ยามและบอก “ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลระดับต่ำของโถงวาโยขจีนามเซียวเฟิง อาจารย์ข้านามลู่เจ๋อเป็นจอมเทพโอสถห้าดาวแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัด นี่คือคำแนะนำตัวที่อาจารย์ข้าเขียนมา ข้าหวังจะขอเข้าพบกับท่านผู้อาวุโสเจียงหยวน!”

เมื่อยามคนนั้นได้ยินเซียวเฟิงแนะนำตัวเขาก็แสดงสีหน้าท่าทางดูถูกออกมาอย่างชัดเจน หลังจากมองอ่านดูในจดหมายแล้วเขาก็โบกมือขึ้น “พวกเจ้าไปรอที่เรือนต้อนรับด้านนั้น”

เซียวเฟิงโล่งใจขึ้นอย่างมาก เพราะเขากลัวเหลือเกินว่ายามของที่นี่เองก็จะไล่ผู้คนไปตั้งแต่แรกเห็น

เมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัดนั้นเป็นเมืองหลวงที่อยู่ใต้การดูแลของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว อาจารย์ของเซียวเฟิง ลู่เจ๋อเองนั้นก็เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงจักรพรรดิธารสงัด

เพียงแค่ว่าเมื่อมาถึงยอดเมืองหลวงจักรพรรดิแล้วอำนาจเช่นนั้นมันย่อมดูไร้ค่า

เจียงหยวนที่เขาถามหานี้คือผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจี เป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้มีตำแหน่งสูงส่งในหอมหาสมบัติ

ก่อนที่เซียวเฟิงจะมายังที่แห่งนี้เขาได้ส่งเรื่องไปขอจดหมายแนะนำจากอาจารย์

เพียงแค่ว่าคนที่อ่านจะไว้หน้าอาจารย์เขาไหม มันก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจรู้ได้

เมื่อมาถึงเรือนรับรองพวกเขาก็ได้แต่ยืนมึนงง

เพราะด้านในเรือนนั้นมันเต็มไปด้วยผู้คนที่สำคัญแต่ละคนที่มานั้นต่างมีพลังฝีมือไม่ธรรมดา

คนใช้ผู้หนึ่งเดินมามอบป้ายหมายเลขให้แก่เซียวเฟิงและพูดสั่งขึ้น “นี่เลขของเจ้า ถือไว้ให้ดีเมื่อใดที่เราเรียกเจ้าก็เข้าไป”

แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงถึงตำแหน่งของผู้อาวุโสเจียงหยวนแล้ว ดูท่าคนที่คิดจะมาติดต่อเจรจากับเขานั้นจะมีไม่น้อยทีเดียว

พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่นึกไม่ฝันว่าการรอครั้งนี้มันจะกินเวลาถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน

หลังจากเจ็ดวันผ่านไปในที่สุดหมายเลขของพวกเขาก็ถูกเรียก

คนใช้นั้นพาพวกเขาเข้าไปในตัวเรือนก่อนจะพบกับชายวัยกลางคนท่าทางดุดันผู้หนึ่ง

ชายวัยกลางคนนั้นกล่าวขึ้น “เอาจดหมายแนะนำมา”

เซียวเฟิงรีบยื่นมอบมันไปให้ ชายคนนั้นมองดูมันเล็กน้อยก่อนจะโยนมันกลับมา “พวกเจ้าไปได้ ท่านผู้นำตระกูลไม่มีเวลามาพบเจอกับพวกเจ้าทั้งหลาย”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+