Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2005 เพียงหนึ่งเผชิญกองทัพ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2005 เพียงหนึ่งเผชิญกองทัพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สะ…สร้างเทพสวรรค์?”

ในวินาทีแรกนั้นอิ้งหมัวหู่มึนงงอย่างมาก แต่ไม่นานเขาก็กลับมาตั้งสติและหันไปมองทางไป๋ตง

ในหมู่คนทั้งหลายนั้นหากจะให้พูดถึงว่ามีใครที่ใกล้เคียงจะเป็นเทพสวรรค์ได้มากที่สุดมันก็ย่อมจะเป็นไป๋ตงแน่แล้ว

ไป๋ตงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะส่ายหัวออกมา “ไม่มีประโยชน์ โอสถขั้นสูงของโอสถย้อนฝันพิรุณชำระนั้นมันเป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด เจ้าในตอนนี้ย่อมจะไม่อาจหลอมมันได้”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ครั้งก่อนที่ข้าได้หลอมโอสถย้อนฝันพิรุณชำระขึ้นมาข้าก็ได้เริ่มทำการศึกษาเจ้าโอสถตัวใหม่นี้แล้ว แม้ว่าในเวลานี้มันอาจจะยังทำให้เจ้ากลับไปยังจุดสูงสุดไม่ได้ แต่แค่อาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันก็ยังพอเป็นไปได้”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวทุกผู้คนต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกมาทันที

เช่นนั้นหมายความว่าวันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นจะมีเทพสวรรค์คอยปกปักดูแลอย่างนั้นหรือ?

ไป๋ตงเองก็ถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆ “จริงหรือ?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โอสถย้อนฝันพิรุณชำระนั้นมันเป็นโอสถที่ยากเย็นจริงๆ แต่หากเข้าใจมันได้แล้วมันก็จะหมดความยากเย็นใดๆ ไป ที่สำคัญเหล่าสมุนไพรวิญญาณที่โอสถนี้ต้องการมันก็มิได้เป็นสมุนไพรที่หายากเย็นใดๆ ก่อนที่จะไปยังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายข้าได้ขอร้องให้ทางหอมหาสมบัติเตรียมสมุนไพรระดับหกทั้งหลายนั้นไว้ให้แล้ว”

พูดไปเย่หยวนก็หยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมา

ไป๋ตงที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงมองเย่หยวนเขม็ง

เจ้าเด็กคนนี้มันทำให้ผู้คนต้องอิจฉาจนจะบ้าตายแล้ว!

เพียงเท่านั้น?

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ยังเป็นโอสถความยากเก้า!

คนอื่นๆ แค่ทำตามสูตรยังแทบไม่มีปัญญาแต่เจ้ากลับสร้างโอสถเลียนแบบขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

เป็นนักหลอมโอสถเหมือนกันแต่เหตุใดความแตกต่างมันช่างเหนือล้ำ?

ไป๋ตงได้แต่ต้องยอมรับว่าวิชาการโอสถของเย่หยวนคนนี้มันเหนือล้ำลึกซึ้งกว่าที่จะเอาผู้คนไปเปรียบเทียบ

ความเข้าใจของเย่หยวนที่มีต่อโอสถนั้นมันคือความเข้าใจตรงถึงต้นกำเนิด

และปัญหาก็คือนักหลอมโอสถคนอื่นๆ นั้นไม่ได้มองโอสถอย่างทะลุลึกซึ้งปานนั้น

สูตรโอสถนั้นมันไม่เคยจะเป็นสิ่งเหนือล้ำใดๆ ในสายตาของเย่หยวน

“แล้วฤทธิ์ของมันเป็นอย่างไร? ข้าได้ยินมาว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนนั้นเป็นถึงเทพสวรรค์สองดาว” ไป๋ตงรับโอสถไปพร้อมกล่าวถาม

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะ กำลังของเจ้าจะไม่อ่อนแอกว่ามันแน่ ถึงเวลานั้นข้าจะมอบเกราะศึกรุ้งเขียวให้เจ้าด้วย เจ้าย่อมจะไม่มีทางแพ้มันแน่”

ทุกผู้คนต่างตกตะลึงสายตาเปี่ยมไปด้วยความยินดี ไม่มีใครคาดฝันว่าเย่หยวนจะเตรียมการไว้พร้อมถึงขนาดนี้

“แต่พี่ใหญ่ ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นมันมีเทพสวรรค์อยู่ถึงสามคน! และนอกจากเทพสวรรค์อีกสองคนนั้นแล้วพวกมันยังมีกำลังกองทัพเทพถ่องแท้อีกนับพันๆ” อิ้งหมัวหู่พูดขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

เพราะแม้ว่ากำลังระดับสูงสุดนั้นจะมีคนจัดการให้แล้วแต่กำลังที่เหลือของอีกฝ่ายก็ยังแข็งแกร่งมาก

เมื่อไป๋ตงถูกหลู่เหยียนสกัดไว้แล้วเทพสวรรค์หนึ่งดาวอีกสองคนนั้นก็จะบุกเข้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาพร้อมกับกองทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ คนที่เหลือนั้นย่อมจะไม่มีทางขัดขวางพวกเขาได้!

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มกว้างออกมา “แค่พวกหมูหมากาไก่มีอะไรให้ต้องกังวล? พวกเจ้าทำใจให้สบายแล้วไปพักผ่อนเสียเถอะ”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที

ดูท่าว่าเย่หยวนจะเตรียมการรับมือสถานการณ์ไว้นานแสนนานแล้ว

และแน่นอนว่าคำพูดเดียวของเขานี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายใจเย็นลงได้มาก

ในวันนี้สายตาของทหารบนกำแพงเมืองต้องเบิกกว้างเพราะจุดสีดำที่ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าและกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาทั้งหลาย

เหล่านักยุทธ์มากมายมหาศาลนั้นมันราวกับฝูงตั๊กแตนทำให้ผู้คนที่เห็นต้องขนลุกขนพอง

ทหารยามผู้หนึ่งร้องบอกขึ้น “นี่มัน… มันจะ… น่าเกรงขามเกินไปแล้ว! ข้าไม่เคยได้พบเจอเทพถ่องแท้มากมายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้!”

เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นภาพที่เส้นขอบฟ้าพวกเขาต่างก็หวาดกลัวจนขาสั่น

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเรื่องราวเช่นนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในมหาพิภพถงเทียน

กองทัพเทพถ่องแท้จำนวนมากมายเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังต้องขนลุก

และการใช้กำลังในระดับนี้เพื่อเข้าบุกเมืองจักรพรรดิน้อยๆ มันยิ่งไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อน

ทหารยามอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “มันจบแล้ว ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว! เราจะไปต่อสู้ได้อย่างไร? นี่มันคนละระดับกันแล้ว!”

แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นจะเตรียมใจตามไปพร้อมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แต่เรื่องราวตรงหน้านี้มันก็ยังทำให้พวกเขาต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

หัวหน้าทหารยามจึงตวาดว่ากล่าวลูกน้องขึ้น “จะยืนนิ่งรออะไรอีกเล่า? รีบไปรายงานเรื่องแก่ท่านเย่หยวนเร็ว!”

แต่ทหารยามผู้นั้นกลับไม่คิดขยับตัว ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาชี้ไปในทิศทางหนึ่ง “มะ…ไม่ต้องแล้ว ท่านเย่หยวน… ออกมาแล้ว”

คำพูดนี้มันทำให้ทหารทุกคนหันไปมองยังจุดที่เขาผู้นี้ชี้และได้พบกับชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองพร้อมมือไขว้หลัง สายตาของเขานั้นกำลังจับจ้องไปยังเส้นขอบฟ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศัตรูนั้น

“ทำไมนายท่านถึงออกมาคนเดียวเช่นนี้? หรือว่าท่านคิดจะออกไปจัดการกับทัพนับหมื่นนั้นด้วยตัวคนเดียว?” ทุกผู้คนร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

หัวหน้าทหารยามนั้นพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นานก่อนจะกล่าวถามขึ้น “ท่านเย่หยวน ท่าน… คิดจะทำอะไรหรือ?”

เย่หยวนหันกลับมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการเอง”

คำตอบนี้มันทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

ปะทะกับกองทัพด้วยตัวคนเดียว?

ที่สำคัญอีกฝ่ายยังมีจำนวนเทพถ่องแท้ราวห้าถึงหกพันคน!

หัวหน้าทหารยามนั้นกล่าวขึ้นเตือน “นายท่าน ท่านอย่าได้คิดทิ้งชีวิตเลย! แม้ว่าเราจะอ่อนแอเพียงใดเราก็จะขอสู้ตายไปกับท่าน”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับไป “พวกเจ้าไม่ต้องลงมือใดๆ หรอก แค่หมูหมากาไก่ อย่าได้กังวลนักเลย”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาก็แทบพูดไม่ออก

หมูหมากาไก่?

ต่อให้จะเป็นเพียงแค่หมูหมากาไก่แต่เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วมันก็ยังมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้!

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายนั้นเดินทัพมาด้วยเสียงโห่ร้องทำให้คนทั้งหลายรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งจิตใจ

เย่หยวนขยับตัวพุ่งออกไปรับกองทัพนั้น

เมื่อคนทั้งหลายเห็นชายหนุ่มผู้นี้พุ่งตัวเข้ามาพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสุดมึนงงออกมา

“หยุด!”

ตอนนี้กองทัพใหญ่นั้นจึงได้หยุดการเดินทัพลงและมองดูเย่หยวนจากระยะไกล

และเหล่าผู้คนทั้งหลายที่เดินนำทัพมานั้นมันเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวผู้เก่งกาจ

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมารับหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงออกมาผู้เดียวเล่า? คนอื่นๆ ไปที่ไหนเสีย? พวกเจ้ากลัวกันจนไม่กล้าออกมาแล้วหรือ?”

“หึ เจ้าคือเย่หยวนผู้นั้นหรือ? เจ้าเสียใจไหมเล่าตอนนี้? คิดจะออกมารับโทษตายของคนหรือ? แต่ว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะท่านหลู่เหยียนนั้นได้ออกคำสั่งล้างบางออกมาแล้ว วันนี้จะไม่มีคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์หลบรอดไปได้!” เทพถ่องแท้เก้าดาวอีกคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา

“เด็กน้อย เจ้านั้นมันกินใจเสือดีหมีมาจริงๆ ถึงกล้าไปสังหารคุณหนูซือยีได้! ตอนนี้ต่อให้เจ้าจะยอมรับผิดอย่างไรมันก็ไร้ค่าแล้ว! เมื่อนี้จะต้องจมลงนรกไปพร้อมๆ กันเจ้า!”

เทพถ่องแท้เก้าดาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

เพราะเย่หยวนน้อยคนนี้มันเป็นได้เพียงแค่มดปลวกในสายตาของพวกเขา

ต่อให้เขาจะสังหารหลู่ซือยีลงได้แต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้สามดาว

ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ล้ำฟ้าอย่างไรมันก็ย่อมจะไม่มีทางต่อต้านเทพถ่องแท้เก้าดาวได้

แค่พวกเขาสักคนลงมือจัดการเย่หยวนก็ไม่มีทางจะรอดไปแล้ว

เย่หยวนนั้นมองหน้าเหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวทั้งหลายด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย “พวกเจ้าทั้งหลายนั้นต่างเป็นยอดคนผู้ดูแลภูมิภาค เห็นแก่ความยากลำบากที่บ่มเพาะมานานปีข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า รีบไปเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิต!”

เสียงนี้มันไม่ได้ดังมากมายแต่มันกลับก้องอยู่ในหูของทุกผู้คน

ทุกผู้คนต่างมึนงงอย่างมากโดยเฉพาะเหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวตรงหน้าพวกเขา

เด็กคนนี้มันกลัวจนสมองพังแล้วหรือ?

มันบอกว่าอย่างไร?

ไว้ชีวิต?

แค่ลำพังตัวมัน เทพถ่องแท้สามดาว?

“ฮ่าๆ เจ้าหนู ข้าคงไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่? เจ้าจะบอกว่าลำพังตัวเจ้าก็มีปัญญาล้างบางพวกเราแล้วหรือ?”

เย่หยวนพยักหน้ารับออกมา “ใช่แล้ว”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2005 เพียงหนึ่งเผชิญกองทัพ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2005 เพียงหนึ่งเผชิญกองทัพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สะ…สร้างเทพสวรรค์?”

ในวินาทีแรกนั้นอิ้งหมัวหู่มึนงงอย่างมาก แต่ไม่นานเขาก็กลับมาตั้งสติและหันไปมองทางไป๋ตง

ในหมู่คนทั้งหลายนั้นหากจะให้พูดถึงว่ามีใครที่ใกล้เคียงจะเป็นเทพสวรรค์ได้มากที่สุดมันก็ย่อมจะเป็นไป๋ตงแน่แล้ว

ไป๋ตงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะส่ายหัวออกมา “ไม่มีประโยชน์ โอสถขั้นสูงของโอสถย้อนฝันพิรุณชำระนั้นมันเป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด เจ้าในตอนนี้ย่อมจะไม่อาจหลอมมันได้”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ครั้งก่อนที่ข้าได้หลอมโอสถย้อนฝันพิรุณชำระขึ้นมาข้าก็ได้เริ่มทำการศึกษาเจ้าโอสถตัวใหม่นี้แล้ว แม้ว่าในเวลานี้มันอาจจะยังทำให้เจ้ากลับไปยังจุดสูงสุดไม่ได้ แต่แค่อาณาจักรเทพสวรรค์นั้นมันก็ยังพอเป็นไปได้”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวทุกผู้คนต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกมาทันที

เช่นนั้นหมายความว่าวันหน้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นจะมีเทพสวรรค์คอยปกปักดูแลอย่างนั้นหรือ?

ไป๋ตงเองก็ถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆ “จริงหรือ?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โอสถย้อนฝันพิรุณชำระนั้นมันเป็นโอสถที่ยากเย็นจริงๆ แต่หากเข้าใจมันได้แล้วมันก็จะหมดความยากเย็นใดๆ ไป ที่สำคัญเหล่าสมุนไพรวิญญาณที่โอสถนี้ต้องการมันก็มิได้เป็นสมุนไพรที่หายากเย็นใดๆ ก่อนที่จะไปยังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายข้าได้ขอร้องให้ทางหอมหาสมบัติเตรียมสมุนไพรระดับหกทั้งหลายนั้นไว้ให้แล้ว”

พูดไปเย่หยวนก็หยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมา

ไป๋ตงที่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงมองเย่หยวนเขม็ง

เจ้าเด็กคนนี้มันทำให้ผู้คนต้องอิจฉาจนจะบ้าตายแล้ว!

เพียงเท่านั้น?

ไม่ว่าจะอย่างไรเสียมันก็ยังเป็นโอสถความยากเก้า!

คนอื่นๆ แค่ทำตามสูตรยังแทบไม่มีปัญญาแต่เจ้ากลับสร้างโอสถเลียนแบบขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

เป็นนักหลอมโอสถเหมือนกันแต่เหตุใดความแตกต่างมันช่างเหนือล้ำ?

ไป๋ตงได้แต่ต้องยอมรับว่าวิชาการโอสถของเย่หยวนคนนี้มันเหนือล้ำลึกซึ้งกว่าที่จะเอาผู้คนไปเปรียบเทียบ

ความเข้าใจของเย่หยวนที่มีต่อโอสถนั้นมันคือความเข้าใจตรงถึงต้นกำเนิด

และปัญหาก็คือนักหลอมโอสถคนอื่นๆ นั้นไม่ได้มองโอสถอย่างทะลุลึกซึ้งปานนั้น

สูตรโอสถนั้นมันไม่เคยจะเป็นสิ่งเหนือล้ำใดๆ ในสายตาของเย่หยวน

“แล้วฤทธิ์ของมันเป็นอย่างไร? ข้าได้ยินมาว่าเทพสวรรค์หลู่เหยียนนั้นเป็นถึงเทพสวรรค์สองดาว” ไป๋ตงรับโอสถไปพร้อมกล่าวถาม

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “วางใจเถอะ กำลังของเจ้าจะไม่อ่อนแอกว่ามันแน่ ถึงเวลานั้นข้าจะมอบเกราะศึกรุ้งเขียวให้เจ้าด้วย เจ้าย่อมจะไม่มีทางแพ้มันแน่”

ทุกผู้คนต่างตกตะลึงสายตาเปี่ยมไปด้วยความยินดี ไม่มีใครคาดฝันว่าเย่หยวนจะเตรียมการไว้พร้อมถึงขนาดนี้

“แต่พี่ใหญ่ ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นมันมีเทพสวรรค์อยู่ถึงสามคน! และนอกจากเทพสวรรค์อีกสองคนนั้นแล้วพวกมันยังมีกำลังกองทัพเทพถ่องแท้อีกนับพันๆ” อิ้งหมัวหู่พูดขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

เพราะแม้ว่ากำลังระดับสูงสุดนั้นจะมีคนจัดการให้แล้วแต่กำลังที่เหลือของอีกฝ่ายก็ยังแข็งแกร่งมาก

เมื่อไป๋ตงถูกหลู่เหยียนสกัดไว้แล้วเทพสวรรค์หนึ่งดาวอีกสองคนนั้นก็จะบุกเข้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มาพร้อมกับกองทัพเทพถ่องแท้นับพันๆ คนที่เหลือนั้นย่อมจะไม่มีทางขัดขวางพวกเขาได้!

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มกว้างออกมา “แค่พวกหมูหมากาไก่มีอะไรให้ต้องกังวล? พวกเจ้าทำใจให้สบายแล้วไปพักผ่อนเสียเถอะ”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินเช่นนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที

ดูท่าว่าเย่หยวนจะเตรียมการรับมือสถานการณ์ไว้นานแสนนานแล้ว

และแน่นอนว่าคำพูดเดียวของเขานี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายใจเย็นลงได้มาก

ในวันนี้สายตาของทหารบนกำแพงเมืองต้องเบิกกว้างเพราะจุดสีดำที่ปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้าและกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาทั้งหลาย

เหล่านักยุทธ์มากมายมหาศาลนั้นมันราวกับฝูงตั๊กแตนทำให้ผู้คนที่เห็นต้องขนลุกขนพอง

ทหารยามผู้หนึ่งร้องบอกขึ้น “นี่มัน… มันจะ… น่าเกรงขามเกินไปแล้ว! ข้าไม่เคยได้พบเจอเทพถ่องแท้มากมายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้!”

เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นภาพที่เส้นขอบฟ้าพวกเขาต่างก็หวาดกลัวจนขาสั่น

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเรื่องราวเช่นนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในมหาพิภพถงเทียน

กองทัพเทพถ่องแท้จำนวนมากมายเช่นนี้มันย่อมทำให้ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังต้องขนลุก

และการใช้กำลังในระดับนี้เพื่อเข้าบุกเมืองจักรพรรดิน้อยๆ มันยิ่งไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อน

ทหารยามอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “มันจบแล้ว ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว! เราจะไปต่อสู้ได้อย่างไร? นี่มันคนละระดับกันแล้ว!”

แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นจะเตรียมใจตามไปพร้อมเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แต่เรื่องราวตรงหน้านี้มันก็ยังทำให้พวกเขาต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

หัวหน้าทหารยามจึงตวาดว่ากล่าวลูกน้องขึ้น “จะยืนนิ่งรออะไรอีกเล่า? รีบไปรายงานเรื่องแก่ท่านเย่หยวนเร็ว!”

แต่ทหารยามผู้นั้นกลับไม่คิดขยับตัว ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาชี้ไปในทิศทางหนึ่ง “มะ…ไม่ต้องแล้ว ท่านเย่หยวน… ออกมาแล้ว”

คำพูดนี้มันทำให้ทหารทุกคนหันไปมองยังจุดที่เขาผู้นี้ชี้และได้พบกับชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดกำแพงเมืองพร้อมมือไขว้หลัง สายตาของเขานั้นกำลังจับจ้องไปยังเส้นขอบฟ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศัตรูนั้น

“ทำไมนายท่านถึงออกมาคนเดียวเช่นนี้? หรือว่าท่านคิดจะออกไปจัดการกับทัพนับหมื่นนั้นด้วยตัวคนเดียว?” ทุกผู้คนร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

หัวหน้าทหารยามนั้นพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นานก่อนจะกล่าวถามขึ้น “ท่านเย่หยวน ท่าน… คิดจะทำอะไรหรือ?”

เย่หยวนหันกลับมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการเอง”

คำตอบนี้มันทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

ปะทะกับกองทัพด้วยตัวคนเดียว?

ที่สำคัญอีกฝ่ายยังมีจำนวนเทพถ่องแท้ราวห้าถึงหกพันคน!

หัวหน้าทหารยามนั้นกล่าวขึ้นเตือน “นายท่าน ท่านอย่าได้คิดทิ้งชีวิตเลย! แม้ว่าเราจะอ่อนแอเพียงใดเราก็จะขอสู้ตายไปกับท่าน”

เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับไป “พวกเจ้าไม่ต้องลงมือใดๆ หรอก แค่หมูหมากาไก่ อย่าได้กังวลนักเลย”

เมื่อทุกผู้คนได้ยินพวกเขาก็แทบพูดไม่ออก

หมูหมากาไก่?

ต่อให้จะเป็นเพียงแค่หมูหมากาไก่แต่เมื่อขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วมันก็ยังมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้!

เหล่านักยุทธ์ทั้งหลายนั้นเดินทัพมาด้วยเสียงโห่ร้องทำให้คนทั้งหลายรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งจิตใจ

เย่หยวนขยับตัวพุ่งออกไปรับกองทัพนั้น

เมื่อคนทั้งหลายเห็นชายหนุ่มผู้นี้พุ่งตัวเข้ามาพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสุดมึนงงออกมา

“หยุด!”

ตอนนี้กองทัพใหญ่นั้นจึงได้หยุดการเดินทัพลงและมองดูเย่หยวนจากระยะไกล

และเหล่าผู้คนทั้งหลายที่เดินนำทัพมานั้นมันเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวผู้เก่งกาจ

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมารับหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงออกมาผู้เดียวเล่า? คนอื่นๆ ไปที่ไหนเสีย? พวกเจ้ากลัวกันจนไม่กล้าออกมาแล้วหรือ?”

“หึ เจ้าคือเย่หยวนผู้นั้นหรือ? เจ้าเสียใจไหมเล่าตอนนี้? คิดจะออกมารับโทษตายของคนหรือ? แต่ว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะท่านหลู่เหยียนนั้นได้ออกคำสั่งล้างบางออกมาแล้ว วันนี้จะไม่มีคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์หลบรอดไปได้!” เทพถ่องแท้เก้าดาวอีกคนหนึ่งก้าวเท้าออกมา

“เด็กน้อย เจ้านั้นมันกินใจเสือดีหมีมาจริงๆ ถึงกล้าไปสังหารคุณหนูซือยีได้! ตอนนี้ต่อให้เจ้าจะยอมรับผิดอย่างไรมันก็ไร้ค่าแล้ว! เมื่อนี้จะต้องจมลงนรกไปพร้อมๆ กันเจ้า!”

เทพถ่องแท้เก้าดาวอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

เพราะเย่หยวนน้อยคนนี้มันเป็นได้เพียงแค่มดปลวกในสายตาของพวกเขา

ต่อให้เขาจะสังหารหลู่ซือยีลงได้แต่สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงแค่เทพถ่องแท้สามดาว

ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ล้ำฟ้าอย่างไรมันก็ย่อมจะไม่มีทางต่อต้านเทพถ่องแท้เก้าดาวได้

แค่พวกเขาสักคนลงมือจัดการเย่หยวนก็ไม่มีทางจะรอดไปแล้ว

เย่หยวนนั้นมองหน้าเหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวทั้งหลายด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย “พวกเจ้าทั้งหลายนั้นต่างเป็นยอดคนผู้ดูแลภูมิภาค เห็นแก่ความยากลำบากที่บ่มเพาะมานานปีข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า รีบไปเสียแล้วข้าจะไว้ชีวิต!”

เสียงนี้มันไม่ได้ดังมากมายแต่มันกลับก้องอยู่ในหูของทุกผู้คน

ทุกผู้คนต่างมึนงงอย่างมากโดยเฉพาะเหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวตรงหน้าพวกเขา

เด็กคนนี้มันกลัวจนสมองพังแล้วหรือ?

มันบอกว่าอย่างไร?

ไว้ชีวิต?

แค่ลำพังตัวมัน เทพถ่องแท้สามดาว?

“ฮ่าๆ เจ้าหนู ข้าคงไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่? เจ้าจะบอกว่าลำพังตัวเจ้าก็มีปัญญาล้างบางพวกเราแล้วหรือ?”

เย่หยวนพยักหน้ารับออกมา “ใช่แล้ว”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+