Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2809 ขอโทษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2809 ขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2809 ขอโทษ!
“เอ๋? มันกลับเป็นพวกเย่หยวนทั้งหลายนั้น! ช่างเป็นธนูที่ทรงพลังนัก กลับหยุดการคืนชีพของเผ่าเลือดไปได้เช่นนี้!”

“เขาทำได้อย่างไรกัน? นี่มันอาจจะกลายเป็นอาวุธที่เปลี่ยนกระแสของสงครามครั้งนี้ไปเลยเชียวนะ!”

“เดิมทีแล้วพวกเราต่างไปว่าเขาว่าแค่มาอวดอ้างตัว เฮ้อ มีตาแต่กลับมืดบอดเสียจริงเรา! ที่แท้คำพูดของเขานั้นมันไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น!”

เมื่อเหล่าคนกองทัพทวีปสวรรค์แรกได้เห็นสภาพตรงหน้านั้นพวกเขาต่างก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที

ธนูธรรมดาๆ มันย่อมทำเช่นนี้ไม่ได้แน่

พวกเขานั้นคาดเดาได้ทันทีว่ามันคงเป็นอะไรบางอย่างที่เย่หยวนมาอาบธนูไว้

นี่มันเป็นของสำคัญอย่างมาก!

หากอาวุธเช่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากแล้วสงครามระหว่างทวีปสวรรค์แรกและเผ่าเลือดนั้นมันก็จะพลิกกลับได้ทันที

ส่วนอีกด้านฝ่ายเผ่าเลือดนั้นต่างขนลุกขนพองทั้งกาย

เพราะความตายของพวกพ้องนั้นไม่ได้น่ากลัวสำหรับเหล่าเผ่าเลือด

แต่ว่าอาวุธร้ายเช่นนี้มันจะกลายเป็นอาวุธสังหารพวกเขาได้ทุกเมื่อ ทำให้เอกลักษณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั้นถูกผนึกไป

อาวุธเช่นนี้มันปรากฏขึ้นบนสนามรบย่อมจะทำให้ใจของเผ่าเลือดหนาวสั่นขึ้นมา

เมื่อหลัวชวนที่กำลังต่อสู้ปกป้องเส้นทางมิติอยู่นั้นเห็นเย่หยวนเข้าเขาก็ต้องอ้าปากค้าง

เพราะเดิมทีนั้นตอนที่เย่หยวนเสี่ยงชีวิตส่งข่าวให้ทวีปสวรรค์แรกไปนั้นมันทำให้เขาต้องตกตะลึงอย่างมาก

แต่ความตกตะลึงนั้นมันก็ยังไม่เท่าที่เขามีในวันนี้

“จงเยว่ จูไห่ เฉินซี พวกเจ้าสามคนไปล่าไอ้เด็กนั่นเสีย! อย่าให้มันรอดไปได้!” หลัวชวนนั้นกล่าวขึ้น

จงเยว่รับคำก่อนจะทิ้งตัวซ่งเหมียวที่อยู่ตรงหน้าพุ่งเข้าใส่เย่หยวนไป

สามจักรพรรดิเที่ยงนั้นพุ่งเข้ามาไล่ล่าเย่หยวนพร้อมๆ กัน!

เลือดกัดกร่อนในร่างของซ่งเหมียวนั้นมันเดือดดาลจนแทบจะตายตกลงไปแล้ว

แต่จู่ๆ จงเยว่นั้นกลับปล่อยเขาในวาระสุดท้ายทำให้เขามีช่องว่างหนีรอด

แน่นอนว่าซ่งเหมียวย่อมจะไม่อยู่รอพุ่งตัวออกไปจากสนามรบทันที

“ถอย!”

เย่หยวนหันหลังพุ่งตัวหนีไปอย่างไม่รอช้าอีก

อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงจักรพรรดิเที่ยงสามคน เขาย่อมจะไม่มีทางรับมือได้

เป้าหมายของเขานั้นมันสำเร็จไปแล้ว มันย่อมจะไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องสู้ต่อ

การปรากฏตัวขึ้นนี้ของเย่หยวนมันทำให้สนามรบหวั่นไหว ทางฝ่ายมนุษย์นั้นกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหนึ่ง

แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ศึกครั้งนี้มันไม่อาจจะเอาชนะได้แล้ว

เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแต่ต้องถอยทัพ

ศึกทำลายเส้นทางมิตินี้ทางฝ่ายทวีปสวรรค์แรกได้พ่ายแพ้ลงเพราะว่าการปะทุขึ้นของเลือดกัดกร่อน

เย่หยวนนั้นเตือนคนทั้งหลายมาก่อนหน้าแต่กลับไม่มีใครเชื่อคำของเย่หยวนและกล่าวหาว่าเขานั้นแค่พูดจาอวดอ้าง

สุดท้ายกลับต้องมาตายลงไปเอง

สิ่งที่เย่หยวนเคลือบศรธนูไว้นั้นมันคือแก่นเลือดของเผ่าเลือดที่ผสมกับสมุนไพรสวรรค์ระดับห้าถึงแปดสิบเอ็ด ชนิด เย่หยวนได้ตั้งชื่อของมันว่าตะวันย่ำรุ่งชนะเลือด

สิ่งที่หาได้ยากที่สุดในการหลอมสร้างตะวันย่ำรุ่งชนะเลือดนี้มันมิใช่สมุนไพรสวรรค์ทั้งแปดสิบเอ็ดชนิดแต่เป็นแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้น

เพราะเผ่าเลือดนั้นสามารถคืนชีพกลับมาได้แม้จะเหลือเลือดเพียงแค่หยดเดียว

นี่มันเป็นความสามารถที่เหนือล้ำสวรรค์

ปกติแล้วมันย่อมจะไม่มีทางเก็บเอาแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาโดยไม่ให้เจ้าของฟื้นคืนชีพได้เลย

เพราะหากคิดอยากสังหารมันก็มีแต่ต้องลบล้างพวกเขาไปให้สิ้นเชิง

แต่เย่หยวนนั้นลอยโจมตีเผ่าเลือดไปนับร้อยๆ ในม่านหมอกนั้นและได้ลองเล่นอะไรไปหลายอย่าง

ตอนที่เขาสังหารเผ่าเลือดลงนั้นเขาใช้ดาบเต๋าของเขากดแก่นเลือดนั้นไว้

จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้พบว่าแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันไม่อาจจะคืนชีพขึ้นมาได้อีก!

ดาบเต๋าของเย่หยวนนั้นมันคือพลังที่เขาแย่งมาจากเต๋าสวรรค์ มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าสิ่งใด

แก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันกลับไม่อาจจะคืนชีพมาได้หากถูกดาบเต๋านั้นผนึกไว้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังหาแก่นเลือดมาได้ไม่มากนัก

เพราะว่าเรื่องเช่นนี้มันต้องใช้ทั้งจังหวะและมุมพร้อมถึงการเข้าถึงตัวอย่างไร้เสียง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นเย่หยวนมันก็คงเป็นเรื่องยากหากคิดเอาแก่นเลือดของพวกเผ่าเลือดมา

แก่นเลือดทั้งหลายนั้นมันถูกนำมาใช้หลังจากเย่หยวนหลอมกลั่นพวกมันไปอีกเป็นร้อยๆ ครั้ง

เย่หยวนนั้นลงมืออย่างไม่คิดพักจนทำให้สร้างธนูนี้ขึ้นมาได้หลายร้อยดอก

เย่หยวนนั้นมาเร็ว แต่ไปเร็วกว่า!

เขานั้นไม่รอให้จักรพรรดิเที่ยงทั้งหลายเข้ารุมล้อมก็พุ่งตัวหายลับขอบฟ้าไป

ศึกใหญ่นั้นมันจึงจบลงเท่านี้

แน่นอนว่าฝ่ายทวีปสวรรค์แรกนั้นย่อมจะสูญเสียไปมาก

กองทัพจักรพรรดิเซียนกว่าห้าหมื่นนั้นมันมีคนตายตกไปกว่าหมื่นและเหล่าคนที่รอดมาส่วนมากยังถูกพิษเลือด กัดกร่อนอีกด้วย

แต่ที่รอดมาได้ขนาดนี้มันก็เพราะว่าเย่หยวนไปได้ทันเวลา

ไม่เช่นนั้นแล้วศึกครั้งนี้มันคงเป็นโศกนาฏกรรม บางทีอาจจะถูกกวางล้างไปตรงนั้นเลยก็ได้

ผลที่เกิดขึ้นมาจากการปะทุของเลือดกัดกร่อนนั้นมันรุนแรงล้ำ

นอกเมืองทัศน์เหนือนั้นซ่งเหมียวยืนนิ่งอยู่บนอากาศด้วยใบหน้าซีดขาว

ตอนนี้เลือดกัดกร่อนนั้นมันกินร่างของเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ทำให้เวลานี้เขามีสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก

แต่เขานั้นกลับไม่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดใดๆ และจ้องมองไปที่ขอบฟ้า

จากนั้นมันก็ค่อยๆ ปรากฏเงาของคนพุ่งมาจากขอบฟ้า

ซ่งเหมียวนั้นยิ้มกว้างขึ้นทันที

เย่หยวนกลับมาได้อย่างปลอดภัย!

ได้เห็นซ่งเหมียวนั้นเย่หยวนก็ต้องผงะไปเช่นกัน

เพราะตอนนี้สภาพของเขาควรจะไปนอนพักมากกว่ามายืนอยู่เช่นนี้

“ผู้อาวุโสซ่ง ท่านมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”

ซ่งเหมียวนั้นมองหน้าเย่หยวนอยู่นานก่อนที่สุดท้ายจะคุกเข่าลงกล่าว “ซ่งผู้นี้นั้นมีตาหามีแววไม่! ซ่งโทษกล่าวไม่ฟังน้องเย่จนทำให้เกิดหายนะนี้ขึ้นมา! ซ่งผู้นี้ขอกราบอภัยน้องเย่ต่อหน้าคนทั้งเมือง!”

การคุกเข่าลงของเขานั้นมันทำให้ทั้งเมืองแตกตื่น

จักรพรรดิเที่ยงขั้นปลายผู้เป็นเจ้าเมืองทัศน์เหนือนั้นกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!

เหล่ายอดฝีมือในเมืองนั้นต่างสงสัยกันมาตลอดว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่เข้าไปพักรักษาตัว

พวกเขาไม่นึกฝันเลยว่าที่แท้เขานั้นกำลังรอการกลับมาของเย่หยวนเพื่อจะได้กล่าวขอโทษ!

คนที่เคยว่ากล่าวเย่หยวนไปก่อนนั้นต่างก้มหัวลงต่ำพร้อมๆ กัน

ซ่งเหมียวนั้นไม่ได้กล่าวพูดเย้ยหยันใดๆ ออกไป

เป็นพวกเขาต่างหากที่พูดไร้สาระ

ยิ่งเต้าเฉินนั้นยิ่งอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปให้มันพ้นๆ

เขานั้นใช้อำนาจชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำเพื่อปัดความเห็นของเย่หยวนอย่างไม่คิดสนใจ

สุดท้ายมันกลับทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น!

เย่หยวนเองก็ผงะไปเมื่อได้เห็นซ่งเหมียวทำเช่นนั้น

ซ่งเหมียวทำเช่นนี้มันย่อมชัดเจนแล้วว่าเวลานี้จิตใจของเขากำลังเศร้าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแค่ไหน

คนผู้นี้มีจิตใจที่เบิกกว้างนัก

เย่หยวนรีบเข้าไปพยุงตัวซ่งเหมียวขึ้นมา “ทำไมผู้อาวุโสซ่งถึงทำเช่นนี้? ท่านคือคนที่ช่วยชีวิตเย่ไว้ ท่านทำข้าอายุสั้นแล้ว!”

ซ่งเหมียวตอบกลับไปด้วยใบหน้าอับอาย “หากตอนนั้นซ่งให้โอกาสน้องเย่ได้กล่าวอธิบาย บางทีข้าผลลัพธ์มันอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ก็ได้!”

เขานั้นรู้ดีว่าตอนที่เย่หยวนหันมาถามเขามันก็เพื่อหวังจะให้เขาช่วยพูดเป็นคนกลาง

แต่เขานั้นกลับไม่สนใจและปิดปากของเย่หยวนลง

เย่หยวนนั้นเป็นแค่คนนอกจากทวีปเล็กๆ คำพูดของเขาคนเดียวย่อมไร้น้ำหนัก

เมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงนิกายยาสุดล้ำที่ยิ่งใหญ่นั้น มันย่อมจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาคนเดียว

เพราะฉะนั้นต่อให้พูดอะไรมันก็คงไร้ค่า

เพราะฉะนั้นเย่หยวนถึงเลือกจะเงียบไป

แต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้เกลียดแค้นชังใดๆ คนทั้งหลายและยังเอาเวลาในคืนนั้นไปสร้างธนูที่พลิกสถานการณ์สงครามได้มาช่วยเหลือ

ไม่เช่นนั้นแล้ววันนี้มันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของเมืองทัศน์เหนือก็เป็นได้

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ผู้อาวุโสซ่ง นี่มันมิใช่เวลามาทำเช่นนี้ เลือดกัดกร่อนในร่างท่านนั้นมันลุกลามไปทั่วแล้ว หากช้ากว่านี้มันจะรักษาไม่ทันการ”

ซ่งเหมียวตอบกลับไป “ชีวิตเน่าๆ ของซ่งผู้นี้มันไม่มีค่าใดมากมายแล้ว! หากตายก็ตายไปเถอะ! แต่หากข้าไม่ได้กล่าวขอโทษเจ้าแล้วข้าคงนอนตายตาไม่หลับ!”

เย่หยวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสซ่งเชื่อข้าหรือยัง?”

ซ่งเหมียวเงยหน้าขึ้นพยักรับเย่หยวนอย่างหนักแน่น

เย่หยวนจึงกล่าวไป “เลือดกัดกร่อนของเผ่าเลือดนี้มันอาจจะยังพอมีทางรักษาอยู่!”

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2809 ขอโทษ

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2809 ขอโทษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2809 ขอโทษ!
“เอ๋? มันกลับเป็นพวกเย่หยวนทั้งหลายนั้น! ช่างเป็นธนูที่ทรงพลังนัก กลับหยุดการคืนชีพของเผ่าเลือดไปได้เช่นนี้!”

“เขาทำได้อย่างไรกัน? นี่มันอาจจะกลายเป็นอาวุธที่เปลี่ยนกระแสของสงครามครั้งนี้ไปเลยเชียวนะ!”

“เดิมทีแล้วพวกเราต่างไปว่าเขาว่าแค่มาอวดอ้างตัว เฮ้อ มีตาแต่กลับมืดบอดเสียจริงเรา! ที่แท้คำพูดของเขานั้นมันไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น!”

เมื่อเหล่าคนกองทัพทวีปสวรรค์แรกได้เห็นสภาพตรงหน้านั้นพวกเขาต่างก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที

ธนูธรรมดาๆ มันย่อมทำเช่นนี้ไม่ได้แน่

พวกเขานั้นคาดเดาได้ทันทีว่ามันคงเป็นอะไรบางอย่างที่เย่หยวนมาอาบธนูไว้

นี่มันเป็นของสำคัญอย่างมาก!

หากอาวุธเช่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากแล้วสงครามระหว่างทวีปสวรรค์แรกและเผ่าเลือดนั้นมันก็จะพลิกกลับได้ทันที

ส่วนอีกด้านฝ่ายเผ่าเลือดนั้นต่างขนลุกขนพองทั้งกาย

เพราะความตายของพวกพ้องนั้นไม่ได้น่ากลัวสำหรับเหล่าเผ่าเลือด

แต่ว่าอาวุธร้ายเช่นนี้มันจะกลายเป็นอาวุธสังหารพวกเขาได้ทุกเมื่อ ทำให้เอกลักษณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั้นถูกผนึกไป

อาวุธเช่นนี้มันปรากฏขึ้นบนสนามรบย่อมจะทำให้ใจของเผ่าเลือดหนาวสั่นขึ้นมา

เมื่อหลัวชวนที่กำลังต่อสู้ปกป้องเส้นทางมิติอยู่นั้นเห็นเย่หยวนเข้าเขาก็ต้องอ้าปากค้าง

เพราะเดิมทีนั้นตอนที่เย่หยวนเสี่ยงชีวิตส่งข่าวให้ทวีปสวรรค์แรกไปนั้นมันทำให้เขาต้องตกตะลึงอย่างมาก

แต่ความตกตะลึงนั้นมันก็ยังไม่เท่าที่เขามีในวันนี้

“จงเยว่ จูไห่ เฉินซี พวกเจ้าสามคนไปล่าไอ้เด็กนั่นเสีย! อย่าให้มันรอดไปได้!” หลัวชวนนั้นกล่าวขึ้น

จงเยว่รับคำก่อนจะทิ้งตัวซ่งเหมียวที่อยู่ตรงหน้าพุ่งเข้าใส่เย่หยวนไป

สามจักรพรรดิเที่ยงนั้นพุ่งเข้ามาไล่ล่าเย่หยวนพร้อมๆ กัน!

เลือดกัดกร่อนในร่างของซ่งเหมียวนั้นมันเดือดดาลจนแทบจะตายตกลงไปแล้ว

แต่จู่ๆ จงเยว่นั้นกลับปล่อยเขาในวาระสุดท้ายทำให้เขามีช่องว่างหนีรอด

แน่นอนว่าซ่งเหมียวย่อมจะไม่อยู่รอพุ่งตัวออกไปจากสนามรบทันที

“ถอย!”

เย่หยวนหันหลังพุ่งตัวหนีไปอย่างไม่รอช้าอีก

อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงจักรพรรดิเที่ยงสามคน เขาย่อมจะไม่มีทางรับมือได้

เป้าหมายของเขานั้นมันสำเร็จไปแล้ว มันย่อมจะไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องสู้ต่อ

การปรากฏตัวขึ้นนี้ของเย่หยวนมันทำให้สนามรบหวั่นไหว ทางฝ่ายมนุษย์นั้นกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหนึ่ง

แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ศึกครั้งนี้มันไม่อาจจะเอาชนะได้แล้ว

เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแต่ต้องถอยทัพ

ศึกทำลายเส้นทางมิตินี้ทางฝ่ายทวีปสวรรค์แรกได้พ่ายแพ้ลงเพราะว่าการปะทุขึ้นของเลือดกัดกร่อน

เย่หยวนนั้นเตือนคนทั้งหลายมาก่อนหน้าแต่กลับไม่มีใครเชื่อคำของเย่หยวนและกล่าวหาว่าเขานั้นแค่พูดจาอวดอ้าง

สุดท้ายกลับต้องมาตายลงไปเอง

สิ่งที่เย่หยวนเคลือบศรธนูไว้นั้นมันคือแก่นเลือดของเผ่าเลือดที่ผสมกับสมุนไพรสวรรค์ระดับห้าถึงแปดสิบเอ็ด ชนิด เย่หยวนได้ตั้งชื่อของมันว่าตะวันย่ำรุ่งชนะเลือด

สิ่งที่หาได้ยากที่สุดในการหลอมสร้างตะวันย่ำรุ่งชนะเลือดนี้มันมิใช่สมุนไพรสวรรค์ทั้งแปดสิบเอ็ดชนิดแต่เป็นแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้น

เพราะเผ่าเลือดนั้นสามารถคืนชีพกลับมาได้แม้จะเหลือเลือดเพียงแค่หยดเดียว

นี่มันเป็นความสามารถที่เหนือล้ำสวรรค์

ปกติแล้วมันย่อมจะไม่มีทางเก็บเอาแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาโดยไม่ให้เจ้าของฟื้นคืนชีพได้เลย

เพราะหากคิดอยากสังหารมันก็มีแต่ต้องลบล้างพวกเขาไปให้สิ้นเชิง

แต่เย่หยวนนั้นลอยโจมตีเผ่าเลือดไปนับร้อยๆ ในม่านหมอกนั้นและได้ลองเล่นอะไรไปหลายอย่าง

ตอนที่เขาสังหารเผ่าเลือดลงนั้นเขาใช้ดาบเต๋าของเขากดแก่นเลือดนั้นไว้

จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้พบว่าแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันไม่อาจจะคืนชีพขึ้นมาได้อีก!

ดาบเต๋าของเย่หยวนนั้นมันคือพลังที่เขาแย่งมาจากเต๋าสวรรค์ มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าสิ่งใด

แก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันกลับไม่อาจจะคืนชีพมาได้หากถูกดาบเต๋านั้นผนึกไว้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังหาแก่นเลือดมาได้ไม่มากนัก

เพราะว่าเรื่องเช่นนี้มันต้องใช้ทั้งจังหวะและมุมพร้อมถึงการเข้าถึงตัวอย่างไร้เสียง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นเย่หยวนมันก็คงเป็นเรื่องยากหากคิดเอาแก่นเลือดของพวกเผ่าเลือดมา

แก่นเลือดทั้งหลายนั้นมันถูกนำมาใช้หลังจากเย่หยวนหลอมกลั่นพวกมันไปอีกเป็นร้อยๆ ครั้ง

เย่หยวนนั้นลงมืออย่างไม่คิดพักจนทำให้สร้างธนูนี้ขึ้นมาได้หลายร้อยดอก

เย่หยวนนั้นมาเร็ว แต่ไปเร็วกว่า!

เขานั้นไม่รอให้จักรพรรดิเที่ยงทั้งหลายเข้ารุมล้อมก็พุ่งตัวหายลับขอบฟ้าไป

ศึกใหญ่นั้นมันจึงจบลงเท่านี้

แน่นอนว่าฝ่ายทวีปสวรรค์แรกนั้นย่อมจะสูญเสียไปมาก

กองทัพจักรพรรดิเซียนกว่าห้าหมื่นนั้นมันมีคนตายตกไปกว่าหมื่นและเหล่าคนที่รอดมาส่วนมากยังถูกพิษเลือด กัดกร่อนอีกด้วย

แต่ที่รอดมาได้ขนาดนี้มันก็เพราะว่าเย่หยวนไปได้ทันเวลา

ไม่เช่นนั้นแล้วศึกครั้งนี้มันคงเป็นโศกนาฏกรรม บางทีอาจจะถูกกวางล้างไปตรงนั้นเลยก็ได้

ผลที่เกิดขึ้นมาจากการปะทุของเลือดกัดกร่อนนั้นมันรุนแรงล้ำ

นอกเมืองทัศน์เหนือนั้นซ่งเหมียวยืนนิ่งอยู่บนอากาศด้วยใบหน้าซีดขาว

ตอนนี้เลือดกัดกร่อนนั้นมันกินร่างของเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ทำให้เวลานี้เขามีสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก

แต่เขานั้นกลับไม่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดใดๆ และจ้องมองไปที่ขอบฟ้า

จากนั้นมันก็ค่อยๆ ปรากฏเงาของคนพุ่งมาจากขอบฟ้า

ซ่งเหมียวนั้นยิ้มกว้างขึ้นทันที

เย่หยวนกลับมาได้อย่างปลอดภัย!

ได้เห็นซ่งเหมียวนั้นเย่หยวนก็ต้องผงะไปเช่นกัน

เพราะตอนนี้สภาพของเขาควรจะไปนอนพักมากกว่ามายืนอยู่เช่นนี้

“ผู้อาวุโสซ่ง ท่านมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”

ซ่งเหมียวนั้นมองหน้าเย่หยวนอยู่นานก่อนที่สุดท้ายจะคุกเข่าลงกล่าว “ซ่งผู้นี้นั้นมีตาหามีแววไม่! ซ่งโทษกล่าวไม่ฟังน้องเย่จนทำให้เกิดหายนะนี้ขึ้นมา! ซ่งผู้นี้ขอกราบอภัยน้องเย่ต่อหน้าคนทั้งเมือง!”

การคุกเข่าลงของเขานั้นมันทำให้ทั้งเมืองแตกตื่น

จักรพรรดิเที่ยงขั้นปลายผู้เป็นเจ้าเมืองทัศน์เหนือนั้นกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!

เหล่ายอดฝีมือในเมืองนั้นต่างสงสัยกันมาตลอดว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่เข้าไปพักรักษาตัว

พวกเขาไม่นึกฝันเลยว่าที่แท้เขานั้นกำลังรอการกลับมาของเย่หยวนเพื่อจะได้กล่าวขอโทษ!

คนที่เคยว่ากล่าวเย่หยวนไปก่อนนั้นต่างก้มหัวลงต่ำพร้อมๆ กัน

ซ่งเหมียวนั้นไม่ได้กล่าวพูดเย้ยหยันใดๆ ออกไป

เป็นพวกเขาต่างหากที่พูดไร้สาระ

ยิ่งเต้าเฉินนั้นยิ่งอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปให้มันพ้นๆ

เขานั้นใช้อำนาจชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำเพื่อปัดความเห็นของเย่หยวนอย่างไม่คิดสนใจ

สุดท้ายมันกลับทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น!

เย่หยวนเองก็ผงะไปเมื่อได้เห็นซ่งเหมียวทำเช่นนั้น

ซ่งเหมียวทำเช่นนี้มันย่อมชัดเจนแล้วว่าเวลานี้จิตใจของเขากำลังเศร้าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแค่ไหน

คนผู้นี้มีจิตใจที่เบิกกว้างนัก

เย่หยวนรีบเข้าไปพยุงตัวซ่งเหมียวขึ้นมา “ทำไมผู้อาวุโสซ่งถึงทำเช่นนี้? ท่านคือคนที่ช่วยชีวิตเย่ไว้ ท่านทำข้าอายุสั้นแล้ว!”

ซ่งเหมียวตอบกลับไปด้วยใบหน้าอับอาย “หากตอนนั้นซ่งให้โอกาสน้องเย่ได้กล่าวอธิบาย บางทีข้าผลลัพธ์มันอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ก็ได้!”

เขานั้นรู้ดีว่าตอนที่เย่หยวนหันมาถามเขามันก็เพื่อหวังจะให้เขาช่วยพูดเป็นคนกลาง

แต่เขานั้นกลับไม่สนใจและปิดปากของเย่หยวนลง

เย่หยวนนั้นเป็นแค่คนนอกจากทวีปเล็กๆ คำพูดของเขาคนเดียวย่อมไร้น้ำหนัก

เมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงนิกายยาสุดล้ำที่ยิ่งใหญ่นั้น มันย่อมจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาคนเดียว

เพราะฉะนั้นต่อให้พูดอะไรมันก็คงไร้ค่า

เพราะฉะนั้นเย่หยวนถึงเลือกจะเงียบไป

แต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้เกลียดแค้นชังใดๆ คนทั้งหลายและยังเอาเวลาในคืนนั้นไปสร้างธนูที่พลิกสถานการณ์สงครามได้มาช่วยเหลือ

ไม่เช่นนั้นแล้ววันนี้มันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของเมืองทัศน์เหนือก็เป็นได้

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ผู้อาวุโสซ่ง นี่มันมิใช่เวลามาทำเช่นนี้ เลือดกัดกร่อนในร่างท่านนั้นมันลุกลามไปทั่วแล้ว หากช้ากว่านี้มันจะรักษาไม่ทันการ”

ซ่งเหมียวตอบกลับไป “ชีวิตเน่าๆ ของซ่งผู้นี้มันไม่มีค่าใดมากมายแล้ว! หากตายก็ตายไปเถอะ! แต่หากข้าไม่ได้กล่าวขอโทษเจ้าแล้วข้าคงนอนตายตาไม่หลับ!”

เย่หยวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสซ่งเชื่อข้าหรือยัง?”

ซ่งเหมียวเงยหน้าขึ้นพยักรับเย่หยวนอย่างหนักแน่น

เย่หยวนจึงกล่าวไป “เลือดกัดกร่อนของเผ่าเลือดนี้มันอาจจะยังพอมีทางรักษาอยู่!”

……………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+