Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2846 อาจารย์ลุงน้อย!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2846 อาจารย์ลุงน้อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2846 อาจารย์ลุงน้อย!
คำโม้ของเย่หยวนที่ว่าจะไล่หวู่เจียงไปเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันย่อมจะถูกคนทั้งนิกายเย้ยหยัน

แต่ไม่นานมันก็เกิดข่าวใหญ่อีกอย่างหนึ่งตามขึ้นมา

เพราะพวกหวู่เจียงนับร้อยนั้นได้ถูกขับไล่ไปจริงๆ!

คนที่ลบหลู่เย่หยวนที่หน้าประตูนิกายนั้นมันต่างไม่มีใครพ้นโทษนี้ไปได้!

เรื่องนี้ทำให้คนทั้งนิกายยาสุดล้ำนั้นสั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดหาง!

“ไอ้เด็กนี่มันทำได้อย่างไรกัน? มันเป็นแค่จักรพรรดิเซียนคนเดียวแต่กลับขับไล่จักรพรรดิเที่ยงและจักรพรรดิเซียนนับร้อยได้?”

“คำโม้ที่ดูเกินตัวนั้นมันกลับเป็นจริงได้! เรื่องนี้มันแพร่กระจายไปทั่วจากปากของพวกหวู่เจียงเอง สุดท้ายคนที่กลายเป็นตัวตลกมันกลับเป็นตัวหวู่เจียงเสียอย่างนั้น สมน้ำหน้ามันจริงๆ!”

“บ้าน่า? คนตั้งร้อยกว่าคนกลับถูกไล่ไปง่ายๆ เช่นนั้นหรือ? นี่หรือว่านิกายยาสุดล้ำเรามันจะมาถึงวันแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว?”

“ในความคิดข้านะ ข้าว่ามันคงเป็นจั่วเฉินที่ออกตัวพูดช่วยเองแน่ๆ! เขานั้นเป็นคนที่เข้าใกล้ระดับเก้ามาก หากคนระดับนั้นคิดพูดขึ้นมาอย่างสุดตัวแล้วจริงๆ แม้แต่ท่านเจ้านิกายเองก็คงต้องไว้หน้าบ้าง! เพียงแค่ว่าจั่วเฉินนั้นจะเอาใจศิษย์ใหม่คนนี้มากจนเกินไปหรือไม่?”

เมื่อคำสั่งนี้มันออกมาจากปากของเจ้านิกายคนทั้งนิกายต่างก็ต้องคาดเดากันไปต่างๆ นานา

หวู่เจียงและพวกนั้นเป็นแค่คนธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่ได้มีอำนาจมากมายไม่มีตระกูลใหญ่โตหนุน

ในสถานการณ์สงครามอันวิกฤตเช่นนี้มันกลับเกิดคำสั่งเช่นนี้ออกมามันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายรู้สึกประหลาดใจ

เพราะว่าก่อนหน้าฝ่ายหัวโบราณและฝ่ายหัวใหม่นั้นต่างทำอะไรตามใจตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

และเจ้านิกายนั้นก็วางตัวเป็นกลางเสมอมา

แต่ครั้งนี้เขากลับขับไล่คนออกไปนับร้อยในคราเดียว มันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่สงครามกับเผ่าเลือดเริ่มขึ้น!

เพราะแม้ว่าศิษย์นิกายยาสุดล้ำกว่าครึ่งนั้นจะออกไปรบแนวหน้าที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์แต่ว่าคนทั้งหลายนั้นต่างก็อาสาออกไปรบเอง

คนที่ไม่อยากออกไปสู้ในสนามรบไม่เคยโดยบังคับให้ต้องไปมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

แต่ครั้งนี้มันมิใช่!

นี่ลมของนิกายเปลี่ยนทิศแล้วหรือว่านี่เกิดขึ้นเพราะจักรพรรดิเซียนแค่คนเดียว?

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร…คำพูดโม้ของเย่หยวนนั้นมันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ!

สถานการณ์ที่พวกหวู่เจียงช่วยกันก่อขึ้นมานั้นนอกจากมันจะไม่ทำให้จั่วเฉินเป็นตัวตลกแล้วมันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของจั่วเฉินยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเก่าแทน!

เพราะตอนนี้คนทั้งนิกายได้รู้แล้วว่าจั่วเฉินชนะ!

เช่นนั้นแล้วหมายความว่าฝ่ายหัวใหม่กำลังได้เปรียบหรือ?

เมื่อฮั่วจงได้ยินข่าวนี้เขาเองก็ต้องอ้าปากค้างไปเช่นกัน

เขานั้นถึงขั้นต้องถามย้ำว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับสามารถสั่งไล่พวกหวู่เจียงทั้งหลายและพวกนั้นกลับต้องออกไปจริง?

เขาย่อมจะนึกถึงตัวจั่วเฉินขึ้นมาทันที

นอกจากจั่วเฉินแล้วมันจะเป็นใครไปได้อีก?

แต่นี่มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นให้ค่าเย่หยวนมากแค่ไหน!

ศิษย์พี่สามจูหยานตบหลังฮั่วจงพร้อมกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “พวกเราไปหาศิษย์น้องคนนี้ของเรากันเถอะ! อาจารย์ท่านนั้นสอนเราเสมอว่าศิษย์พี่น้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเหมือนครอบครัว ตอนนี้ศิษย์น้องเพิ่งเข้านิกายมาแต่กลับถูกเราทิ้งไว้ไม่ดูแล ดูท่าตัวท่านเองก็คงไม่พอใจไม่น้อยใช่หรือไม่?”

คนทั้งห้านั้นคือศิษย์พี่ศิษย์น้องกันทั้งสิ้น

ก่อนหน้านี้พวกเขายังประชุมกันเรื่องที่ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี

แต่สุดท้ายปัญหาใดๆ มันกลับคลี่คลายลงไปอย่างที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไร!

ที่สำคัญมันยังจบลงด้วยชัยชนะด้วย!

จั่วเฉินนั้นรับศิษย์มาทั้งหมดสิบหกคนและเสียชีวิตไปแล้วห้าคนในสงคราม

ตอนนี้มันเหลือศิษย์ห้าคนในนิกายโดยมีจูหยาน ศิษย์พี่สามคนนี้เป็นพี่ใหญ่ที่สุด

คนที่เหลือนอกจากนี้ต่างติดตามจั่วเฉินออกไปรบที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์กันสิ้น

คนทั้งสิบเอ็ดนั้นมีเพียงแค่ฮั่วจงเท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิเที่ยง คนอื่นๆ นั้นต่างเป็นมหาจักรพรรดิกันสิ้น

เมื่อจูหยานและพวกได้ยินถึงเรื่องราวพวกเขาก็ต้องไม่พอใจและไม่คิดจะออกไปพบเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ความเป็นจริงมันกลับตบหน้าพวกเขาจนหัน

ความเป็นจริงนั้นได้บอกว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นให้ค่าแก่เย่หยวนคนนี้มากกว่าที่พวกเขาคิดไปมาก!

ฮั่วจงนั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เราคงได้แต่ต้องทำเช่นนั้น! ดูท่าศิษย์น้องของเราคนนี้มันจะเป็นที่รักของอาจารย์เสียเหลือเกิน!”

คำพูดนี้มันแฝงมาด้วยความน้อยใจ

จั่วเฉินนั้นเลี้ยงดูสั่งสอนศิษย์อย่างเข้มงวดเสมอมา

เขานั้นไม่เคยจะเอาใจศิษย์คนใดเช่นนี้มาก่อน

จูหยานและศิษย์คนอื่นๆ เองก็ย่อมคิดว่ามันเป็นฝีมือของจั่วเฉิน

แม้ว่าพวกเขานั้นจะสงสัยอยู่ลึกๆ ในใจว่าอาจารย์ของตนนั้นมีอำนาจมาถึงขนาดทำให้เจ้านิกายออกมาสั่งเองได้หรือไม่แต่หากมิใช่จั่วเฉินแล้วมันก็คงไม่มีใครไปอีก

จูหยานนั้นกล่าวขึ้น “การที่เขาถูกอาจารย์ให้ค่ามากขนาดนั้นมันย่อมจะเพราะว่าศิษย์น้องคนนี้ของเรามีด้านที่เหนือล้ำกว่าใครๆ แน่นอน! แทนที่จะมาพูดน้อยใจอยู่นี่เราควรจะไปฝึกฝนตัวให้แข็งแกร่งเพื่อให้อาจารย์เห็นค่าของเรามากกว่า! ครั้งนี้ที่เจ้านิกายออกปากสั่งเองมันก็อาจจะเพราะว่าลมสงครามเริ่มเปลี่ยนทิศก็เป็นได้ สภาพของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ในตอนนี้มันอาจจะไม่สู้ดีนักจึงต้องการคนเพิ่ม!”

ฮั่วจงนั้นได้สติกลับมาก่อนจะกล่าว “ศิษย์พี่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เป็นศิษย์น้องเองที่คิดอะไรไม่รอบคอบ!”

ศิษย์พี่น้องทั้งห้านั้นได้เดินทางมาหาเย่หยวนแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเย่หยวน

จูหยานและพวกทั้งหลายนั้นต่างกลัวว่ามันจะกลายเป็นรอยร้าวใหม่ระหว่างพวกเขากับเย่หยวน จึงได้แต่ต้องเข้ามานั่งรออยู่ภายใน

เวลานี้ตัวเย่หยวนนั้นได้ไปยังหอสุดแสงแล้ว

หอสุดแสงนั้นตั้งอยู่ในห้วงมิติแยก

เมื่อเย่หยวนเข้ามาถึงนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานวิญญาณที่หนาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

พลังฟ้าดินภายในนี้มันหนาแน่นกว่าภายนอกไม่รู้กี่สิบเท่า!

ไม่ว่าอย่างไรเทือกเขาชัยบูรพานั้นก็เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่มีสายวิญญาณตัดผ่านทำให้มีพลังงานวิญญาณหนาแน่นเป็นอันดับต้นๆ ของทวีปสวรรค์แรก

แต่ว่าพลังงานวิญญาณภายในหอสุดแสงนี้มันยิ่งหนาแน่นกว่าภายในนิกายไปมากล้น!

ที่แห่งนี้มันมีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ของตนเองหมุนวนเหมือนโลกภายนอก

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ทันทีว่าที่แห่งนี้ต่างหากคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำที่แท้จริง

ซ่งชิงหยางนั้นเดินนำเย่หยวนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง

เบื้องหน้าของเขานั้นมันมีป้ายชื่อสลักไว้มากมาย

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่อาจสัมผัสชีพวายชนม์จากป้ายชื่อทั้งหลายนี้ กลับกันเขานั้นกลับสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ดูศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง!

“หอสุดแสงนั้นคือรากฐานที่แท้จริงของนิกายยาสุดล้ำ มีแต่เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงและเจ้านิกายเท่านั้นที่จะเข้ามาในที่แห่งนี้ได้! ป้ายชื่อทั้งหลายนั้นคือบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของนิกายเราที่บ่มเพาะไปถึงระดับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดและทิ้งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไว้ให้ก่อนตายลง เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าที่แห่งนี้ก็ได้ถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งชะตาของนิกายยาสุดล้ำ ทำให้นิกายยาสุดล้ำของเรายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ! แม้ว่าท่านบรรพบุรุษหยุนซานนั้นจะบอกให้ท่านเข้าหอสุดแสงมาแต่ว่าท่านก็ต้องไปคำนับและเอาการยอมรับจากเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายมาให้ได้ก่อนมันถึงจะได้ตำแหน่งผู้อาวุโสหอสุดแสงจริงๆ มาครอง!” ซ่งชิงหยางกล่าว

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็แทบลืมหายใจไปเช่นกัน

เพราะตรงหน้าของเขานี้มันมีป้ายชื่ออยู่ราวสามพันชื่อได้!

นิกายยาสุดล้ำนั้นมันกลับให้กำเนิดมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดมากมายปานนี้

เย่หยวนนั้นเคยได้ยินจากปากหมี่เทียนว่าคลื่นกำเนิดนั้นคือสิ่งที่สำคัญมากต่อการบรรลุอาณาจักรเจ้าโลก

มีแต่เหล่าคนที่บ่มเพาะถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดแล้วเท่านั้นที่จะเริ่มสร้างคลื่นกำเนิดมาได้

ของล้ำค่าเช่นนั้นเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายนั้นกลับทิ้งมันไว้ในป้ายชื่อของตัวเอง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิกายยาสุดล้ำมันถึงได้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาปานนี้ได้!

“ว่าไง นี่คือศิษย์คนใหม่ที่อาจารย์รับมาหรือ? แค่จักรพรรดิเซียนจริงๆ ด้วย อาจารย์เฒ่าของข้านี้ช่างก่อเรื่องได้เก่งเสียจริงๆ ถึงขั้นไปหาเด็กน้อยคนหนึ่งมาเป็นศิษย์น้องให้ข้าได้!”

จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกถึงเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าจนสุดท้ายเห็นเป็นร่างของชายแก่ที่มีแค่หนังหุ้มกระดูกกำลังจ้องมองมาด้วยท่าทางสนใจ

ชายแก่คนนี้ทำให้เย่หยวนรู้สึกได้ถึงความลึกล้ำอย่างแท้จริง

แม้ว่าเขานั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดเหมือนๆ กับซ่งชิงหยางแต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับรู้สึกได้ว่าเขาคนนี้แข็งแกร่งกว่าซ่งชิงหยางไปมาก

เย่หยวนนั้นรู้สึกว่าคนผู้นี้สามารถที่จะบรรลุอาณาจักรเจ้าโลกไปได้ในทุกเมื่อ!

เมื่อซ่งชิงหยางได้เห็นชายแก่คนนี้เขาก็รีบโค้งหัวลงต่ำทันที “ศิษย์ซ่งชิงหยางขอคารวะผู้อาวุโสหลี่ชิงหยุน! อาจารย์ลุงเย่ ท่านผู้นี้คือศิษย์คนโตของบรรพบุรุษหยุนซาน ท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของท่านนามว่าหลี่ชิงหยุน!”

เย่หยวนนั้นรีบก้มหัวลงทักทายทันที “เย่หยวนขอคารวะศิษย์พี่ใหญ่!”

หลี่ชิงหยุนยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะร้องตะโกนขึ้น “พวกเวรทั้งหลาย ออกมาคารวะอาจารย์ลุงของพวกเจ้าเสีย! เจ้าคิดว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ หรือ? หึๆ หากอาจารย์เฒ่ามันรู้เข้าพวกเจ้าคงได้ฉิบหายกันหมดแน่!”

เสียงร้องนี้มันทำให้เกิดเงาร่างมากมายขึ้นมารอบๆ ห้องโถงด้วยสีหน้าเหยเก

พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างมีพลังสุดแสนแข็งแกร่งแต่เทียบกับหลี่ชิงหยุนแล้วมันยังด้อยกว่าไปขั้นหนึ่ง

แต่หากเอามาเทียบกับซ่งชิงหยางแล้วพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก

แค่มองดูรู้ได้แล้วว่าคนทั้งหลายนั้นมีอายุแค่ไหน แต่สีหน้าของแต่ละคนนั้นมันดูไม่ได้ทีเดียว

“ค…คารวะอาจารย์ลุงน้อย!” ชายแก่ที่ใบหน้ามีแต่กระคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอับอายไม่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2846 อาจารย์ลุงน้อย!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2846 อาจารย์ลุงน้อย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2846 อาจารย์ลุงน้อย!
คำโม้ของเย่หยวนที่ว่าจะไล่หวู่เจียงไปเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นั้นมันย่อมจะถูกคนทั้งนิกายเย้ยหยัน

แต่ไม่นานมันก็เกิดข่าวใหญ่อีกอย่างหนึ่งตามขึ้นมา

เพราะพวกหวู่เจียงนับร้อยนั้นได้ถูกขับไล่ไปจริงๆ!

คนที่ลบหลู่เย่หยวนที่หน้าประตูนิกายนั้นมันต่างไม่มีใครพ้นโทษนี้ไปได้!

เรื่องนี้ทำให้คนทั้งนิกายยาสุดล้ำนั้นสั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดหาง!

“ไอ้เด็กนี่มันทำได้อย่างไรกัน? มันเป็นแค่จักรพรรดิเซียนคนเดียวแต่กลับขับไล่จักรพรรดิเที่ยงและจักรพรรดิเซียนนับร้อยได้?”

“คำโม้ที่ดูเกินตัวนั้นมันกลับเป็นจริงได้! เรื่องนี้มันแพร่กระจายไปทั่วจากปากของพวกหวู่เจียงเอง สุดท้ายคนที่กลายเป็นตัวตลกมันกลับเป็นตัวหวู่เจียงเสียอย่างนั้น สมน้ำหน้ามันจริงๆ!”

“บ้าน่า? คนตั้งร้อยกว่าคนกลับถูกไล่ไปง่ายๆ เช่นนั้นหรือ? นี่หรือว่านิกายยาสุดล้ำเรามันจะมาถึงวันแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว?”

“ในความคิดข้านะ ข้าว่ามันคงเป็นจั่วเฉินที่ออกตัวพูดช่วยเองแน่ๆ! เขานั้นเป็นคนที่เข้าใกล้ระดับเก้ามาก หากคนระดับนั้นคิดพูดขึ้นมาอย่างสุดตัวแล้วจริงๆ แม้แต่ท่านเจ้านิกายเองก็คงต้องไว้หน้าบ้าง! เพียงแค่ว่าจั่วเฉินนั้นจะเอาใจศิษย์ใหม่คนนี้มากจนเกินไปหรือไม่?”

เมื่อคำสั่งนี้มันออกมาจากปากของเจ้านิกายคนทั้งนิกายต่างก็ต้องคาดเดากันไปต่างๆ นานา

หวู่เจียงและพวกนั้นเป็นแค่คนธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่ได้มีอำนาจมากมายไม่มีตระกูลใหญ่โตหนุน

ในสถานการณ์สงครามอันวิกฤตเช่นนี้มันกลับเกิดคำสั่งเช่นนี้ออกมามันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายรู้สึกประหลาดใจ

เพราะว่าก่อนหน้าฝ่ายหัวโบราณและฝ่ายหัวใหม่นั้นต่างทำอะไรตามใจตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

และเจ้านิกายนั้นก็วางตัวเป็นกลางเสมอมา

แต่ครั้งนี้เขากลับขับไล่คนออกไปนับร้อยในคราเดียว มันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่สงครามกับเผ่าเลือดเริ่มขึ้น!

เพราะแม้ว่าศิษย์นิกายยาสุดล้ำกว่าครึ่งนั้นจะออกไปรบแนวหน้าที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์แต่ว่าคนทั้งหลายนั้นต่างก็อาสาออกไปรบเอง

คนที่ไม่อยากออกไปสู้ในสนามรบไม่เคยโดยบังคับให้ต้องไปมาก่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

แต่ครั้งนี้มันมิใช่!

นี่ลมของนิกายเปลี่ยนทิศแล้วหรือว่านี่เกิดขึ้นเพราะจักรพรรดิเซียนแค่คนเดียว?

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร…คำพูดโม้ของเย่หยวนนั้นมันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ!

สถานการณ์ที่พวกหวู่เจียงช่วยกันก่อขึ้นมานั้นนอกจากมันจะไม่ทำให้จั่วเฉินเป็นตัวตลกแล้วมันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของจั่วเฉินยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเก่าแทน!

เพราะตอนนี้คนทั้งนิกายได้รู้แล้วว่าจั่วเฉินชนะ!

เช่นนั้นแล้วหมายความว่าฝ่ายหัวใหม่กำลังได้เปรียบหรือ?

เมื่อฮั่วจงได้ยินข่าวนี้เขาเองก็ต้องอ้าปากค้างไปเช่นกัน

เขานั้นถึงขั้นต้องถามย้ำว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับสามารถสั่งไล่พวกหวู่เจียงทั้งหลายและพวกนั้นกลับต้องออกไปจริง?

เขาย่อมจะนึกถึงตัวจั่วเฉินขึ้นมาทันที

นอกจากจั่วเฉินแล้วมันจะเป็นใครไปได้อีก?

แต่นี่มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นให้ค่าเย่หยวนมากแค่ไหน!

ศิษย์พี่สามจูหยานตบหลังฮั่วจงพร้อมกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “พวกเราไปหาศิษย์น้องคนนี้ของเรากันเถอะ! อาจารย์ท่านนั้นสอนเราเสมอว่าศิษย์พี่น้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเหมือนครอบครัว ตอนนี้ศิษย์น้องเพิ่งเข้านิกายมาแต่กลับถูกเราทิ้งไว้ไม่ดูแล ดูท่าตัวท่านเองก็คงไม่พอใจไม่น้อยใช่หรือไม่?”

คนทั้งห้านั้นคือศิษย์พี่ศิษย์น้องกันทั้งสิ้น

ก่อนหน้านี้พวกเขายังประชุมกันเรื่องที่ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรดี

แต่สุดท้ายปัญหาใดๆ มันกลับคลี่คลายลงไปอย่างที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไร!

ที่สำคัญมันยังจบลงด้วยชัยชนะด้วย!

จั่วเฉินนั้นรับศิษย์มาทั้งหมดสิบหกคนและเสียชีวิตไปแล้วห้าคนในสงคราม

ตอนนี้มันเหลือศิษย์ห้าคนในนิกายโดยมีจูหยาน ศิษย์พี่สามคนนี้เป็นพี่ใหญ่ที่สุด

คนที่เหลือนอกจากนี้ต่างติดตามจั่วเฉินออกไปรบที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์กันสิ้น

คนทั้งสิบเอ็ดนั้นมีเพียงแค่ฮั่วจงเท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิเที่ยง คนอื่นๆ นั้นต่างเป็นมหาจักรพรรดิกันสิ้น

เมื่อจูหยานและพวกได้ยินถึงเรื่องราวพวกเขาก็ต้องไม่พอใจและไม่คิดจะออกไปพบเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ความเป็นจริงมันกลับตบหน้าพวกเขาจนหัน

ความเป็นจริงนั้นได้บอกว่าอาจารย์ของพวกเขานั้นให้ค่าแก่เย่หยวนคนนี้มากกว่าที่พวกเขาคิดไปมาก!

ฮั่วจงนั้นยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เราคงได้แต่ต้องทำเช่นนั้น! ดูท่าศิษย์น้องของเราคนนี้มันจะเป็นที่รักของอาจารย์เสียเหลือเกิน!”

คำพูดนี้มันแฝงมาด้วยความน้อยใจ

จั่วเฉินนั้นเลี้ยงดูสั่งสอนศิษย์อย่างเข้มงวดเสมอมา

เขานั้นไม่เคยจะเอาใจศิษย์คนใดเช่นนี้มาก่อน

จูหยานและศิษย์คนอื่นๆ เองก็ย่อมคิดว่ามันเป็นฝีมือของจั่วเฉิน

แม้ว่าพวกเขานั้นจะสงสัยอยู่ลึกๆ ในใจว่าอาจารย์ของตนนั้นมีอำนาจมาถึงขนาดทำให้เจ้านิกายออกมาสั่งเองได้หรือไม่แต่หากมิใช่จั่วเฉินแล้วมันก็คงไม่มีใครไปอีก

จูหยานนั้นกล่าวขึ้น “การที่เขาถูกอาจารย์ให้ค่ามากขนาดนั้นมันย่อมจะเพราะว่าศิษย์น้องคนนี้ของเรามีด้านที่เหนือล้ำกว่าใครๆ แน่นอน! แทนที่จะมาพูดน้อยใจอยู่นี่เราควรจะไปฝึกฝนตัวให้แข็งแกร่งเพื่อให้อาจารย์เห็นค่าของเรามากกว่า! ครั้งนี้ที่เจ้านิกายออกปากสั่งเองมันก็อาจจะเพราะว่าลมสงครามเริ่มเปลี่ยนทิศก็เป็นได้ สภาพของเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ในตอนนี้มันอาจจะไม่สู้ดีนักจึงต้องการคนเพิ่ม!”

ฮั่วจงนั้นได้สติกลับมาก่อนจะกล่าว “ศิษย์พี่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เป็นศิษย์น้องเองที่คิดอะไรไม่รอบคอบ!”

ศิษย์พี่น้องทั้งห้านั้นได้เดินทางมาหาเย่หยวนแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเย่หยวน

จูหยานและพวกทั้งหลายนั้นต่างกลัวว่ามันจะกลายเป็นรอยร้าวใหม่ระหว่างพวกเขากับเย่หยวน จึงได้แต่ต้องเข้ามานั่งรออยู่ภายใน

เวลานี้ตัวเย่หยวนนั้นได้ไปยังหอสุดแสงแล้ว

หอสุดแสงนั้นตั้งอยู่ในห้วงมิติแยก

เมื่อเย่หยวนเข้ามาถึงนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานวิญญาณที่หนาแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

พลังฟ้าดินภายในนี้มันหนาแน่นกว่าภายนอกไม่รู้กี่สิบเท่า!

ไม่ว่าอย่างไรเทือกเขาชัยบูรพานั้นก็เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่มีสายวิญญาณตัดผ่านทำให้มีพลังงานวิญญาณหนาแน่นเป็นอันดับต้นๆ ของทวีปสวรรค์แรก

แต่ว่าพลังงานวิญญาณภายในหอสุดแสงนี้มันยิ่งหนาแน่นกว่าภายในนิกายไปมากล้น!

ที่แห่งนี้มันมีดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ของตนเองหมุนวนเหมือนโลกภายนอก

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ทันทีว่าที่แห่งนี้ต่างหากคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำที่แท้จริง

ซ่งชิงหยางนั้นเดินนำเย่หยวนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง

เบื้องหน้าของเขานั้นมันมีป้ายชื่อสลักไว้มากมาย

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่อาจสัมผัสชีพวายชนม์จากป้ายชื่อทั้งหลายนี้ กลับกันเขานั้นกลับสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ดูศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง!

“หอสุดแสงนั้นคือรากฐานที่แท้จริงของนิกายยาสุดล้ำ มีแต่เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงและเจ้านิกายเท่านั้นที่จะเข้ามาในที่แห่งนี้ได้! ป้ายชื่อทั้งหลายนั้นคือบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของนิกายเราที่บ่มเพาะไปถึงระดับมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดและทิ้งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไว้ให้ก่อนตายลง เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าที่แห่งนี้ก็ได้ถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งชะตาของนิกายยาสุดล้ำ ทำให้นิกายยาสุดล้ำของเรายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ! แม้ว่าท่านบรรพบุรุษหยุนซานนั้นจะบอกให้ท่านเข้าหอสุดแสงมาแต่ว่าท่านก็ต้องไปคำนับและเอาการยอมรับจากเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายมาให้ได้ก่อนมันถึงจะได้ตำแหน่งผู้อาวุโสหอสุดแสงจริงๆ มาครอง!” ซ่งชิงหยางกล่าว

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็แทบลืมหายใจไปเช่นกัน

เพราะตรงหน้าของเขานี้มันมีป้ายชื่ออยู่ราวสามพันชื่อได้!

นิกายยาสุดล้ำนั้นมันกลับให้กำเนิดมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดมากมายปานนี้

เย่หยวนนั้นเคยได้ยินจากปากหมี่เทียนว่าคลื่นกำเนิดนั้นคือสิ่งที่สำคัญมากต่อการบรรลุอาณาจักรเจ้าโลก

มีแต่เหล่าคนที่บ่มเพาะถึงอาณาจักรมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดแล้วเท่านั้นที่จะเริ่มสร้างคลื่นกำเนิดมาได้

ของล้ำค่าเช่นนั้นเหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายนั้นกลับทิ้งมันไว้ในป้ายชื่อของตัวเอง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิกายยาสุดล้ำมันถึงได้ยิ่งใหญ่ขึ้นมาปานนี้ได้!

“ว่าไง นี่คือศิษย์คนใหม่ที่อาจารย์รับมาหรือ? แค่จักรพรรดิเซียนจริงๆ ด้วย อาจารย์เฒ่าของข้านี้ช่างก่อเรื่องได้เก่งเสียจริงๆ ถึงขั้นไปหาเด็กน้อยคนหนึ่งมาเป็นศิษย์น้องให้ข้าได้!”

จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกถึงเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าจนสุดท้ายเห็นเป็นร่างของชายแก่ที่มีแค่หนังหุ้มกระดูกกำลังจ้องมองมาด้วยท่าทางสนใจ

ชายแก่คนนี้ทำให้เย่หยวนรู้สึกได้ถึงความลึกล้ำอย่างแท้จริง

แม้ว่าเขานั้นจะเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์ขั้นสุดเหมือนๆ กับซ่งชิงหยางแต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับรู้สึกได้ว่าเขาคนนี้แข็งแกร่งกว่าซ่งชิงหยางไปมาก

เย่หยวนนั้นรู้สึกว่าคนผู้นี้สามารถที่จะบรรลุอาณาจักรเจ้าโลกไปได้ในทุกเมื่อ!

เมื่อซ่งชิงหยางได้เห็นชายแก่คนนี้เขาก็รีบโค้งหัวลงต่ำทันที “ศิษย์ซ่งชิงหยางขอคารวะผู้อาวุโสหลี่ชิงหยุน! อาจารย์ลุงเย่ ท่านผู้นี้คือศิษย์คนโตของบรรพบุรุษหยุนซาน ท่านเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของท่านนามว่าหลี่ชิงหยุน!”

เย่หยวนนั้นรีบก้มหัวลงทักทายทันที “เย่หยวนขอคารวะศิษย์พี่ใหญ่!”

หลี่ชิงหยุนยิ้มขึ้นมาทันทีก่อนจะร้องตะโกนขึ้น “พวกเวรทั้งหลาย ออกมาคารวะอาจารย์ลุงของพวกเจ้าเสีย! เจ้าคิดว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ หรือ? หึๆ หากอาจารย์เฒ่ามันรู้เข้าพวกเจ้าคงได้ฉิบหายกันหมดแน่!”

เสียงร้องนี้มันทำให้เกิดเงาร่างมากมายขึ้นมารอบๆ ห้องโถงด้วยสีหน้าเหยเก

พวกเขาแต่ละคนนั้นต่างมีพลังสุดแสนแข็งแกร่งแต่เทียบกับหลี่ชิงหยุนแล้วมันยังด้อยกว่าไปขั้นหนึ่ง

แต่หากเอามาเทียบกับซ่งชิงหยางแล้วพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก

แค่มองดูรู้ได้แล้วว่าคนทั้งหลายนั้นมีอายุแค่ไหน แต่สีหน้าของแต่ละคนนั้นมันดูไม่ได้ทีเดียว

“ค…คารวะอาจารย์ลุงน้อย!” ชายแก่ที่ใบหน้ามีแต่กระคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางอับอายไม่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+