Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ!
ท่าทางใดๆ ของพวกจูหยานนั้นมันย่อมจะไม่มีทางทำให้เย่หยวนกังวลไปได้

เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้รู้จักกลุ่มคนทั้งหลายนี้อยู่แล้ว เหตุใดต้องไปสนใจความรู้ของพวกเขาด้วย?

หลังจากพวกจูหยานทั้งหลายนั้นออกไปเย่หยวนก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องสมุดคัมภีร์เพื่อเริ่มศึกษาวิชาพื้นฐานของนิกายยาสุดล้ำในทันที นิกายยาสุดล้ำนั้นเป็นนิกายที่เน้นเรื่องวิชาการโอสถแน่นอนว่าคัมภีร์วิชาของพวกเขานั้นมันย่อมจะมีมากมายจนเกินกว่าจะนับได้

ห้องสมุดคัมภีร์ของนิกายยาสุดล้ำนั้นมันได้แบ่งออกเป็นห้องสมุดวิชายุทธและวิชาโอสถ

และห้องสมุดคัมภีร์วิชาโอสถนั้นมันก็เป็นตึกสูงถึงเจ็ดชั้น!

แน่นอนว่าการจะเข้าไปในแต่ละชั้นนั้นต้องได้รับการอนุญาตที่แตกต่างกัน

ในฐานะศิษย์ของจั่วเฉินนั้นเย่หยวนย่อมจะมีสิทธิ์พอเข้าไปถึงชั้นหกได้ไม่มีปัญหาใด

ในห้องสมุดคัมภีร์โอสถนี้นิกายยาสุดล้ำไม่ได้ตั้งข้อจำกัดไว้มากมาย

เพราะเต๋าโอสถนั้นมันแตกต่างจากเต๋ายุทธ เพราะต่อให้จะได้วิชาลับเหนือล้ำมาไว้ในมือมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขานั้นจะก้าวขึ้นสวรรค์ไปได้ทันที

สิ่งที่บันทึกไว้ในวิชาการโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธอย่างมาก

บางสิ่งที่ลึกล้ำจริงๆ นั้นต่อให้จะอ่านไปแค่ไหนก็ไม่อาจจะเข้าใจได้

ต่างจากวิชายุทธที่ยังพอเลียนแบบได้

การศึกษาโอสถนั้นมันมีแต่ต้องศึกษาตามระดับจากง่ายไปยากเท่านั้น ที่จะทำให้คนผู้หนึ่งจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่การศึกษามีข้อจำกัดไม่มากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อจำกัดเลย เพราะชั้นเจ็ดนั้นมันเป็นบันทึกวิชารากฐานของนิกายยาสุดล้ำ มีแต่คนที่มีอำนาจสูงสุดเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้

หลังจากเย่หยวนเดินเข้าห้องสมุดคัมภีร์มาเขาก็ไม่คิดหยุดและก้าวเดินตรงไปยังชั้นหกทันที

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากระดับลึกล้ำไปแค่ครึ่งก้าว แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องการย่อมจะเป็นอะไรที่มาจุดประกายเรื่องนี้

วิชาพื้นฐานของชั้นล่างๆ นั้นมันย่อมจะยังเป็นประโยชน์กับเขามาก แต่มันทำได้แค่เพิ่มความรู้พื้นฐานของเขาให้หนักแน่นเท่านั้นไม่อาจช่วยบรรลุ

เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องขึ้นมาชั้นหก

วิชาโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธที่ถูกเก็บไว้แยกเป็นระดับอาณาจักร

เหมือนอย่างคู่มือภาพร้อยสมุนไพรในมือเขานั้นมันมีเรื่องของสมุนไพรสวรรค์เขียนไว้ไม่มากแต่คุณค่าของมันนั้นมากพอจะเอาไปวางบนชั้นเจ็ดได้ง่ายๆ

ในชั้นหกนี้มันย่อมจะมีบันทึกคัมภีร์บางอย่างที่เย่หยวนไม่เข้าใจ

แต่เขานั้นพอจะเข้าใจคัมภีร์ส่วนมากบนนี้ได้เพราะว่าเขานั้นมีความรู้มากพอแล้ว

เหนือจากระดับลึกล้ำไปนั้นมันยิ่งยากเกินกว่าจะเข้าใจ คัมภีร์ล้ำค่าระดับนั้นย่อมจะไม่มีทางถูกเก็บไว้แค่บนชั้นเจ็ด

แน่นอนว่าเย่หยวนรู้ดีว่าคัมภีร์บันทึกที่เหนือล้ำอย่างแท้จริงนั้นมันถูกเก็บไว้ที่หอสุดแสงต่างหาก

ที่แห่งนั้นมันมีแต่เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงเท่านั้นที่จะเข้าไปอ่านได้

แต่ว่าหนังสือพวกนั้นมันก็ยังเกินมือเกินความเข้าใจเย่หยวนไปมาก ย่อมจะไม่ถือว่าเป็นประโยชน์ใดๆ ต่อตัวเขาในตอนนี้

บนชั้นหกนี้มันมีคนอ่านคัมภีร์อยู่ไม่มากนักและทั้งหมดก็ล้วนเป็นมหาจักรพรรดิ

เมื่อเย่หยวนก้าวขึ้นประตูมามันก็ย่อมจะทำให้สายตามากมายหันมาหา มันไม่ใช่ว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาบนนี้เพราะตัวหลู่เต้าอี้นั้นเองก็มีสิทธิ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน

แต่หลู่เต้าอี้ก็ไม่ขึ้นมาบนชั้นหกนี้

คัมภีร์โอสถบนนี้มันเกินมือเขาไปมาก

เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นจักรพรรดิเซียนก้าวขึ้นมาเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายก็เกิดความสงสัยกันไม่น้อย

เย่หยวนนั้นไม่สนใจสายตาของคนทั้งหลายนั้นและเดินเข้าไปยังชั้นคัมภีร์ทันที

บนชั้นนั้นมันมีแผ่นหยกมากมายวางเรียงกันอยู่และข้างๆ ของแผ่นหยกนั้นมันก็มีตัวอักษรเขียนไว้ว่าเป็นคัมภีร์บันทึกเรื่องใด

เย่หยวนนั้นมองดูผ่านตาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หยิบเอา ‘คำอธิบายโอสถสวรรค์ระดับลึกล้ำอย่างละเอียด’ ขึ้นมาอ่าน

“เจ้าหนุ่ม ทำอะไรเกินตัวนั้นมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ! โอสถสวรรค์ระดับลึกล้ำนั้นมันมิใช่สิ่งที่เจ้าในตอนนี้จะเข้าใจได้ กลับไปวางรากฐานให้ดีก่อนเถอะ ทำเช่นนั้นถึงจะได้ประโยชน์!” จู่ๆ มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเย่หยวน

เมื่อหันไปมองดูเขาก็พบชายแก่ในชุดคลุมสีดำ

เย่หยวนก้มหัวลงคารวะก่อนจะยิ้มตอบ “ขอบพระคุณบรรพบุรุษท่านที่ชี้แนะ ศิษย์ทราบแล้ว!”

แต่แม้เขาจะตอบเช่นนั้นไปเย่หยวนก็ยังไม่วางแผ่นหยกในมือลง

ชายแก่ชุดดำนั้นมีพลังเหนือล้ำ เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้แต่ก็เดาว่าคงเป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์แน่

เพราะฉะนั้นเย่หยวนถึงต้องเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษ

ชายแก่ชุดดำคนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “ไอ้หนุ่ม เจ้าจะทำหูทวนลมกับคำของข้า?”

เย่หยวนได้แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “บรรพบุรุษท่าน ศิษย์แค่มาเพื่อบรรลุระดับลึกล้ำเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายก็ต้องหยุดขำกันออกมาเป็นแถบๆ จักรพรรดิเซียนตัวน้อยคนหนึ่งมันกลับคิดจะมาบรรลุระดับลึกล้ำ มันช่างน่าขันเพราะพวกเขาเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายที่ยังอยู่ในนี้มันยังไม่มีใครบรรลุระดับลึกล้ำได้แม้สักคน

หากไม่พูดก็ไม่เท่าไหร่แต่เมื่อพูดออกมาแล้วชายแก่ก็ต้องดุว่าขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม “นอกจากจะทำอะไรเกินตัวแล้วเจ้ายังโอหังหลงตัวเองอีก! อาจารย์เจ้าคือใครกัน?”

เย่หยวนได้แต่ต้องตอบไปตามตรง “อาจารย์ข้านั้นคือท่านจั่วเฉิน!”

ชายแก่ชุดดำคนนั้นหัวเราะตอบกลับมา “จั่วเฉินไอ้เด็กนั่นมันตาบอดไปแล้วหรืออย่างไร? ทำไมถึงไปเก็บศิษย์ที่โอหังหลงตัวไม่สมเป็นมันเช่นนี้? เจ้าไปในที่ที่เจ้าควรไปเสีย อย่าได้มารบกวนคนเขาอ่านคัมภีร์กันที่นี่!”

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “บรรพบุรุษท่านข้าแค่ขึ้นมาอ่านคัมภีร์เงียบๆ คนที่รบกวนคนอื่นมันคือท่านต่างหาก”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวขึ้นมาคนทั้งหลายก็ต้องผงะไป

ช่างโอหังนัก!

นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร?

แต่ต่อให้จะไม่รู้คนที่กล้าเรียกจั่วเฉินว่าไอ้เด็กนั่นได้มันก็ย่อมจะมิใช่คนที่ธรรมดาแน่นอนแล้ว

แต่เจ้ากลับกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขา!

ชายแก่ชุดดำนั้นหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “หึๆ พูดได้ดี! ต่อให้จั่วเฉินมันมามันก็คงไม่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าข้า สหายหนุ่ม เจ้ามันช่างกล้าเสียจริงๆ!”

เย่หยวนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ศิษย์นั้นแค่พูดความจริงเท่านั้น! ศิษย์มีสิทธิ์จะขึ้นมาชั้นหกได้และย่อมมีสิทธิ์จะอ่านคัมภีร์ได้ด้วย ต่อให้จะเรียกท่านเจ้านิกายลงมาจัดการข้าก็ไม่มีทางเป็นคนผิดแน่ บรรพบุรุษท่านไม่มีอำนาจไล่ข้าลงไป แต่หากท่านยืนกรานจะให้ข้าลงไปให้ได้แล้วศิษย์ก็คงมีแต่ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากโถงบังคับกฎเท่านั้น!”

คำพูดนี้มันทำให้ชายแก่ชุดดำนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที

เพราะนี่มันเท่ากับว่าคิดใช้นามของโถงบังคับกฎมาเอาชนะเขา!

เขานั้นคิดไล่ออกไปเพราะหวังดีแต่เจ้าเด็กคนนี้นอกจากจะไม่รับมันแล้วกลับยังเถียงกลับเขามาอย่างไม่ไว้หน้าอีก!

หากเรื่องนี้มันไปถึงโถงบังคับกฎจริงๆ แล้วเขาเองก็คงไม่อาจจะอธิบายได้เช่นกัน

ด้วยตำแหน่งของเย่หยวนนั้นเขามีสิทธิ์จะขึ้นมาบนชั้นหกจริงๆ

เขาคนนี้เป็นผู้ดูแลห้องสมุดคัมภีร์และหากเขาฝืนไล่เย่หยวนออกไปมันก็จะกลายเป็นความผิดของเขาเต็มๆ

โถงบังคับกฎนั้นไม่เคยละเว้นใคร!

เขาผู้เป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นกลับไปกลั่นแกล้งจักรพรรดิเซียน ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่มีทางรอดจากความผิดไปได้

“เฮอะ! ดี! ดีมาก! ข้าอยากจะเห็นนักว่าคนอย่างเจ้านั้นจะบรรลุระดับลึกล้ำขึ้นมาได้เมื่อไหร่! เจ้ามีนามว่าเย่หยวน? ข้าจะจำเจ้าไว้ เดี๋ยวหากได้เจอจั่วเฉินมันข้าจะไปถามมันหน่อยว่ามันสั่งสอนศิษย์มาอย่างไร!”

ชายแก่คนนั้นเดินหันหน้ากลับออกไปทำให้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง

“เจ้าเด็กนี่มันถึงขั้นกล้าเถียงท่านผู้อาวุโสฟานหลี่ จนท่านหมดทางสู้เลย!”

“กล้าบ้าบออะไรเล่า? ข้าว่ามันรนหาที่ตายมากกว่า! ผู้อาวุโสฟานหลี่ท่านนั้นคือศิษย์พี่ของท่านเจ้านิกายมีตำแหน่งอาวุโสอย่างมาก! ไอ้เด็กนี่กลับไปทำให้ท่านไม่พอใจต่อให้อาจารย์ลุงจั่วเฉินจะรักมันแค่ไหนก็คงไม่อาจปกป้องมันได้แล้ว!”

“หึๆ จริงๆ ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะบรรลุระดับลึกล้ำได้อย่างไร!”

เย่หยวนนั้นย่อมรู้ดีว่าฟานหลี่เตือนขึ้นเพราะหวังดี แต่เขานั้นก็ยอมรับความหวังดีนั้นไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับดื้อด้านคิดจะยัดเยียดความหวังดีให้อย่างไม่รู้จักตัวเย่หยวนเลย

บางทีเป็นอัจฉริยะมันก็เหนื่อย…

อยากดูก็ปล่อยให้ดูสิ จะห้ามทำไม

เย่หยวนไม่คิดกับเรื่องนี้ให้มากความและปล่อยจิตตัวเองลงเข้าแผ่นหยกไปอย่างระมัดระวัง

ไม่นานนักเรื่องที่เย่หยวนไม่กล้ารับคำท้าของหลู่เต้าอี้แต่ไม่ยอมแพ้หน้าด้านๆ มันก็แพร่ไปทั้งนิกายอย่างรวดเร็ว เดิมทีแล้วเรื่องของจักรพรรดิเซียนคนเดียวมันย่อมจะไม่เป็นที่สนใจใดๆ ของคนในนิกายได้

แต่เรื่องที่เย่หยวนก่อขึ้นตอนมาถึงนิกายนั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินไป ต่อให้อยากจะปิดเงียบไว้มันก็คงทำไม่ได้

เรื่องราวมันทับถมกันมาเรื่อยๆ จนไม่นานสำนักจั่วเฉินก็ต้องกลายเป็นที่เยาะเย้ยของคนทั้งนิกาย

ตอนที่เจ้านิกายออกคำสั่งลงมาเองนั้นมันย่อมจะไม่มีใครคิดว่าเป็นคำสั่งเพื่อไว้หน้าเย่หยวน

เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่มันจึงคิดว่าเป็นเพราะจั่วเฉินปกป้องเย่หยวนแทน

ตอนนี้คนที่เขาปกป้องอย่างสุดตัวนั้นกลับเป็นแค่เต่าหัวหดไป มันจะไม่เป็นที่เย้ยหยันของคนหรือ?

อีกด้านทางหลู่เต้าอี้นั้นเองก็เลื่องชื่อขึ้นทุกวันจนทำให้คนทั้งหลายในนิกายยาสุดล้ำแทบลืมหายใจ

หลู่เต้าอี้นั้นออกมาจากการเก็บตัวนานสิบปีและประกาศว่าตัวเองจะขึ้นเป็นเสาหลักของฝ่ายอนุรักษ์

แม้ว่าเขานั้นจะเป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าแต่ว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะที่เทียบเคียงโจวซ่งฉวนได้

เรื่องนี้มันหมายถึงอะไร?

มันหมายความว่าวิธีการของฝ่ายอนุรักษ์หัวโบราณนั้นมันถูกต้อง!

หากพวกเขานั้นสร้างเจ้าโลกขึ้นมาได้มันย่อมจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสงครามแน่นอน

บนยอดเขาสวรรค์นั้นฉินชานหัวเราะลั่นขึ้นมา “ดี! เป็นศิษย์ที่ดีนัก! อาจารย์มองไม่ผิดจริงๆ! ครั้งนี้เจ้าได้ทำให้อาจารย์มีหน้ามีตาขึ้นมามากนัก!”

สองวันก่อนนั้นเขาได้รับชัยชนะมาอย่างท่วมท้นกลายเป็นคนดังของนิกายในชั่วข้ามคืน

ต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์เองก็ยังรับการทักทายจากเขาด้วยรอยยิ้ม

หลู่เต้าอี้ยิ้มขึ้นมา “อาจารย์สิ่งที่น่าทึ่งมันยังมาไม่ถึง! เพราะจากพรุ่งนี้ไป ข้าจะท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกทั้งหลาย! ให้ทุกคนได้รู้ว่าข้าหลู่เต้าอี้นั้นเป็นยอดอัจฉริยะคนที่สองต่อจากท่านโจวซ่งฉวน! ข้าจะให้ทุกคนในนิกายได้รู้ว่าวิธีการของอาจารย์ท่านนั้นมันถูกต้องแล้ว!”

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2851 ไม่ฟังบรรพบุรุษ!
ท่าทางใดๆ ของพวกจูหยานนั้นมันย่อมจะไม่มีทางทำให้เย่หยวนกังวลไปได้

เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้รู้จักกลุ่มคนทั้งหลายนี้อยู่แล้ว เหตุใดต้องไปสนใจความรู้ของพวกเขาด้วย?

หลังจากพวกจูหยานทั้งหลายนั้นออกไปเย่หยวนก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องสมุดคัมภีร์เพื่อเริ่มศึกษาวิชาพื้นฐานของนิกายยาสุดล้ำในทันที นิกายยาสุดล้ำนั้นเป็นนิกายที่เน้นเรื่องวิชาการโอสถแน่นอนว่าคัมภีร์วิชาของพวกเขานั้นมันย่อมจะมีมากมายจนเกินกว่าจะนับได้

ห้องสมุดคัมภีร์ของนิกายยาสุดล้ำนั้นมันได้แบ่งออกเป็นห้องสมุดวิชายุทธและวิชาโอสถ

และห้องสมุดคัมภีร์วิชาโอสถนั้นมันก็เป็นตึกสูงถึงเจ็ดชั้น!

แน่นอนว่าการจะเข้าไปในแต่ละชั้นนั้นต้องได้รับการอนุญาตที่แตกต่างกัน

ในฐานะศิษย์ของจั่วเฉินนั้นเย่หยวนย่อมจะมีสิทธิ์พอเข้าไปถึงชั้นหกได้ไม่มีปัญหาใด

ในห้องสมุดคัมภีร์โอสถนี้นิกายยาสุดล้ำไม่ได้ตั้งข้อจำกัดไว้มากมาย

เพราะเต๋าโอสถนั้นมันแตกต่างจากเต๋ายุทธ เพราะต่อให้จะได้วิชาลับเหนือล้ำมาไว้ในมือมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขานั้นจะก้าวขึ้นสวรรค์ไปได้ทันที

สิ่งที่บันทึกไว้ในวิชาการโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธอย่างมาก

บางสิ่งที่ลึกล้ำจริงๆ นั้นต่อให้จะอ่านไปแค่ไหนก็ไม่อาจจะเข้าใจได้

ต่างจากวิชายุทธที่ยังพอเลียนแบบได้

การศึกษาโอสถนั้นมันมีแต่ต้องศึกษาตามระดับจากง่ายไปยากเท่านั้น ที่จะทำให้คนผู้หนึ่งจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่การศึกษามีข้อจำกัดไม่มากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อจำกัดเลย เพราะชั้นเจ็ดนั้นมันเป็นบันทึกวิชารากฐานของนิกายยาสุดล้ำ มีแต่คนที่มีอำนาจสูงสุดเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้

หลังจากเย่หยวนเดินเข้าห้องสมุดคัมภีร์มาเขาก็ไม่คิดหยุดและก้าวเดินตรงไปยังชั้นหกทันที

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากระดับลึกล้ำไปแค่ครึ่งก้าว แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องการย่อมจะเป็นอะไรที่มาจุดประกายเรื่องนี้

วิชาพื้นฐานของชั้นล่างๆ นั้นมันย่อมจะยังเป็นประโยชน์กับเขามาก แต่มันทำได้แค่เพิ่มความรู้พื้นฐานของเขาให้หนักแน่นเท่านั้นไม่อาจช่วยบรรลุ

เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องขึ้นมาชั้นหก

วิชาโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธที่ถูกเก็บไว้แยกเป็นระดับอาณาจักร

เหมือนอย่างคู่มือภาพร้อยสมุนไพรในมือเขานั้นมันมีเรื่องของสมุนไพรสวรรค์เขียนไว้ไม่มากแต่คุณค่าของมันนั้นมากพอจะเอาไปวางบนชั้นเจ็ดได้ง่ายๆ

ในชั้นหกนี้มันย่อมจะมีบันทึกคัมภีร์บางอย่างที่เย่หยวนไม่เข้าใจ

แต่เขานั้นพอจะเข้าใจคัมภีร์ส่วนมากบนนี้ได้เพราะว่าเขานั้นมีความรู้มากพอแล้ว

เหนือจากระดับลึกล้ำไปนั้นมันยิ่งยากเกินกว่าจะเข้าใจ คัมภีร์ล้ำค่าระดับนั้นย่อมจะไม่มีทางถูกเก็บไว้แค่บนชั้นเจ็ด

แน่นอนว่าเย่หยวนรู้ดีว่าคัมภีร์บันทึกที่เหนือล้ำอย่างแท้จริงนั้นมันถูกเก็บไว้ที่หอสุดแสงต่างหาก

ที่แห่งนั้นมันมีแต่เหล่าผู้อาวุโสหอสุดแสงเท่านั้นที่จะเข้าไปอ่านได้

แต่ว่าหนังสือพวกนั้นมันก็ยังเกินมือเกินความเข้าใจเย่หยวนไปมาก ย่อมจะไม่ถือว่าเป็นประโยชน์ใดๆ ต่อตัวเขาในตอนนี้

บนชั้นหกนี้มันมีคนอ่านคัมภีร์อยู่ไม่มากนักและทั้งหมดก็ล้วนเป็นมหาจักรพรรดิ

เมื่อเย่หยวนก้าวขึ้นประตูมามันก็ย่อมจะทำให้สายตามากมายหันมาหา มันไม่ใช่ว่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาบนนี้เพราะตัวหลู่เต้าอี้นั้นเองก็มีสิทธิ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน

แต่หลู่เต้าอี้ก็ไม่ขึ้นมาบนชั้นหกนี้

คัมภีร์โอสถบนนี้มันเกินมือเขาไปมาก

เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นจักรพรรดิเซียนก้าวขึ้นมาเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายก็เกิดความสงสัยกันไม่น้อย

เย่หยวนนั้นไม่สนใจสายตาของคนทั้งหลายนั้นและเดินเข้าไปยังชั้นคัมภีร์ทันที

บนชั้นนั้นมันมีแผ่นหยกมากมายวางเรียงกันอยู่และข้างๆ ของแผ่นหยกนั้นมันก็มีตัวอักษรเขียนไว้ว่าเป็นคัมภีร์บันทึกเรื่องใด

เย่หยวนนั้นมองดูผ่านตาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หยิบเอา ‘คำอธิบายโอสถสวรรค์ระดับลึกล้ำอย่างละเอียด’ ขึ้นมาอ่าน

“เจ้าหนุ่ม ทำอะไรเกินตัวนั้นมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ! โอสถสวรรค์ระดับลึกล้ำนั้นมันมิใช่สิ่งที่เจ้าในตอนนี้จะเข้าใจได้ กลับไปวางรากฐานให้ดีก่อนเถอะ ทำเช่นนั้นถึงจะได้ประโยชน์!” จู่ๆ มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเย่หยวน

เมื่อหันไปมองดูเขาก็พบชายแก่ในชุดคลุมสีดำ

เย่หยวนก้มหัวลงคารวะก่อนจะยิ้มตอบ “ขอบพระคุณบรรพบุรุษท่านที่ชี้แนะ ศิษย์ทราบแล้ว!”

แต่แม้เขาจะตอบเช่นนั้นไปเย่หยวนก็ยังไม่วางแผ่นหยกในมือลง

ชายแก่ชุดดำนั้นมีพลังเหนือล้ำ เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้แต่ก็เดาว่าคงเป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์แน่

เพราะฉะนั้นเย่หยวนถึงต้องเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษ

ชายแก่ชุดดำคนนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา “ไอ้หนุ่ม เจ้าจะทำหูทวนลมกับคำของข้า?”

เย่หยวนได้แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “บรรพบุรุษท่าน ศิษย์แค่มาเพื่อบรรลุระดับลึกล้ำเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายก็ต้องหยุดขำกันออกมาเป็นแถบๆ จักรพรรดิเซียนตัวน้อยคนหนึ่งมันกลับคิดจะมาบรรลุระดับลึกล้ำ มันช่างน่าขันเพราะพวกเขาเหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายที่ยังอยู่ในนี้มันยังไม่มีใครบรรลุระดับลึกล้ำได้แม้สักคน

หากไม่พูดก็ไม่เท่าไหร่แต่เมื่อพูดออกมาแล้วชายแก่ก็ต้องดุว่าขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม “นอกจากจะทำอะไรเกินตัวแล้วเจ้ายังโอหังหลงตัวเองอีก! อาจารย์เจ้าคือใครกัน?”

เย่หยวนได้แต่ต้องตอบไปตามตรง “อาจารย์ข้านั้นคือท่านจั่วเฉิน!”

ชายแก่ชุดดำคนนั้นหัวเราะตอบกลับมา “จั่วเฉินไอ้เด็กนั่นมันตาบอดไปแล้วหรืออย่างไร? ทำไมถึงไปเก็บศิษย์ที่โอหังหลงตัวไม่สมเป็นมันเช่นนี้? เจ้าไปในที่ที่เจ้าควรไปเสีย อย่าได้มารบกวนคนเขาอ่านคัมภีร์กันที่นี่!”

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “บรรพบุรุษท่านข้าแค่ขึ้นมาอ่านคัมภีร์เงียบๆ คนที่รบกวนคนอื่นมันคือท่านต่างหาก”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวขึ้นมาคนทั้งหลายก็ต้องผงะไป

ช่างโอหังนัก!

นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร?

แต่ต่อให้จะไม่รู้คนที่กล้าเรียกจั่วเฉินว่าไอ้เด็กนั่นได้มันก็ย่อมจะมิใช่คนที่ธรรมดาแน่นอนแล้ว

แต่เจ้ากลับกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขา!

ชายแก่ชุดดำนั้นหัวเราะขึ้นเมื่อได้ยิน “หึๆ พูดได้ดี! ต่อให้จั่วเฉินมันมามันก็คงไม่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าข้า สหายหนุ่ม เจ้ามันช่างกล้าเสียจริงๆ!”

เย่หยวนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ศิษย์นั้นแค่พูดความจริงเท่านั้น! ศิษย์มีสิทธิ์จะขึ้นมาชั้นหกได้และย่อมมีสิทธิ์จะอ่านคัมภีร์ได้ด้วย ต่อให้จะเรียกท่านเจ้านิกายลงมาจัดการข้าก็ไม่มีทางเป็นคนผิดแน่ บรรพบุรุษท่านไม่มีอำนาจไล่ข้าลงไป แต่หากท่านยืนกรานจะให้ข้าลงไปให้ได้แล้วศิษย์ก็คงมีแต่ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากโถงบังคับกฎเท่านั้น!”

คำพูดนี้มันทำให้ชายแก่ชุดดำนั้นหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที

เพราะนี่มันเท่ากับว่าคิดใช้นามของโถงบังคับกฎมาเอาชนะเขา!

เขานั้นคิดไล่ออกไปเพราะหวังดีแต่เจ้าเด็กคนนี้นอกจากจะไม่รับมันแล้วกลับยังเถียงกลับเขามาอย่างไม่ไว้หน้าอีก!

หากเรื่องนี้มันไปถึงโถงบังคับกฎจริงๆ แล้วเขาเองก็คงไม่อาจจะอธิบายได้เช่นกัน

ด้วยตำแหน่งของเย่หยวนนั้นเขามีสิทธิ์จะขึ้นมาบนชั้นหกจริงๆ

เขาคนนี้เป็นผู้ดูแลห้องสมุดคัมภีร์และหากเขาฝืนไล่เย่หยวนออกไปมันก็จะกลายเป็นความผิดของเขาเต็มๆ

โถงบังคับกฎนั้นไม่เคยละเว้นใคร!

เขาผู้เป็นถึงมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์นั้นกลับไปกลั่นแกล้งจักรพรรดิเซียน ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่มีทางรอดจากความผิดไปได้

“เฮอะ! ดี! ดีมาก! ข้าอยากจะเห็นนักว่าคนอย่างเจ้านั้นจะบรรลุระดับลึกล้ำขึ้นมาได้เมื่อไหร่! เจ้ามีนามว่าเย่หยวน? ข้าจะจำเจ้าไว้ เดี๋ยวหากได้เจอจั่วเฉินมันข้าจะไปถามมันหน่อยว่ามันสั่งสอนศิษย์มาอย่างไร!”

ชายแก่คนนั้นเดินหันหน้ากลับออกไปทำให้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง

“เจ้าเด็กนี่มันถึงขั้นกล้าเถียงท่านผู้อาวุโสฟานหลี่ จนท่านหมดทางสู้เลย!”

“กล้าบ้าบออะไรเล่า? ข้าว่ามันรนหาที่ตายมากกว่า! ผู้อาวุโสฟานหลี่ท่านนั้นคือศิษย์พี่ของท่านเจ้านิกายมีตำแหน่งอาวุโสอย่างมาก! ไอ้เด็กนี่กลับไปทำให้ท่านไม่พอใจต่อให้อาจารย์ลุงจั่วเฉินจะรักมันแค่ไหนก็คงไม่อาจปกป้องมันได้แล้ว!”

“หึๆ จริงๆ ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะบรรลุระดับลึกล้ำได้อย่างไร!”

เย่หยวนนั้นย่อมรู้ดีว่าฟานหลี่เตือนขึ้นเพราะหวังดี แต่เขานั้นก็ยอมรับความหวังดีนั้นไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับดื้อด้านคิดจะยัดเยียดความหวังดีให้อย่างไม่รู้จักตัวเย่หยวนเลย

บางทีเป็นอัจฉริยะมันก็เหนื่อย…

อยากดูก็ปล่อยให้ดูสิ จะห้ามทำไม

เย่หยวนไม่คิดกับเรื่องนี้ให้มากความและปล่อยจิตตัวเองลงเข้าแผ่นหยกไปอย่างระมัดระวัง

ไม่นานนักเรื่องที่เย่หยวนไม่กล้ารับคำท้าของหลู่เต้าอี้แต่ไม่ยอมแพ้หน้าด้านๆ มันก็แพร่ไปทั้งนิกายอย่างรวดเร็ว เดิมทีแล้วเรื่องของจักรพรรดิเซียนคนเดียวมันย่อมจะไม่เป็นที่สนใจใดๆ ของคนในนิกายได้

แต่เรื่องที่เย่หยวนก่อขึ้นตอนมาถึงนิกายนั้นมันยิ่งใหญ่จนเกินไป ต่อให้อยากจะปิดเงียบไว้มันก็คงทำไม่ได้

เรื่องราวมันทับถมกันมาเรื่อยๆ จนไม่นานสำนักจั่วเฉินก็ต้องกลายเป็นที่เยาะเย้ยของคนทั้งนิกาย

ตอนที่เจ้านิกายออกคำสั่งลงมาเองนั้นมันย่อมจะไม่มีใครคิดว่าเป็นคำสั่งเพื่อไว้หน้าเย่หยวน

เพราะฉะนั้นคนส่วนใหญ่มันจึงคิดว่าเป็นเพราะจั่วเฉินปกป้องเย่หยวนแทน

ตอนนี้คนที่เขาปกป้องอย่างสุดตัวนั้นกลับเป็นแค่เต่าหัวหดไป มันจะไม่เป็นที่เย้ยหยันของคนหรือ?

อีกด้านทางหลู่เต้าอี้นั้นเองก็เลื่องชื่อขึ้นทุกวันจนทำให้คนทั้งหลายในนิกายยาสุดล้ำแทบลืมหายใจ

หลู่เต้าอี้นั้นออกมาจากการเก็บตัวนานสิบปีและประกาศว่าตัวเองจะขึ้นเป็นเสาหลักของฝ่ายอนุรักษ์

แม้ว่าเขานั้นจะเป็นแค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าแต่ว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะที่เทียบเคียงโจวซ่งฉวนได้

เรื่องนี้มันหมายถึงอะไร?

มันหมายความว่าวิธีการของฝ่ายอนุรักษ์หัวโบราณนั้นมันถูกต้อง!

หากพวกเขานั้นสร้างเจ้าโลกขึ้นมาได้มันย่อมจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสงครามแน่นอน

บนยอดเขาสวรรค์นั้นฉินชานหัวเราะลั่นขึ้นมา “ดี! เป็นศิษย์ที่ดีนัก! อาจารย์มองไม่ผิดจริงๆ! ครั้งนี้เจ้าได้ทำให้อาจารย์มีหน้ามีตาขึ้นมามากนัก!”

สองวันก่อนนั้นเขาได้รับชัยชนะมาอย่างท่วมท้นกลายเป็นคนดังของนิกายในชั่วข้ามคืน

ต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์เองก็ยังรับการทักทายจากเขาด้วยรอยยิ้ม

หลู่เต้าอี้ยิ้มขึ้นมา “อาจารย์สิ่งที่น่าทึ่งมันยังมาไม่ถึง! เพราะจากพรุ่งนี้ไป ข้าจะท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกทั้งหลาย! ให้ทุกคนได้รู้ว่าข้าหลู่เต้าอี้นั้นเป็นยอดอัจฉริยะคนที่สองต่อจากท่านโจวซ่งฉวน! ข้าจะให้ทุกคนในนิกายได้รู้ว่าวิธีการของอาจารย์ท่านนั้นมันถูกต้องแล้ว!”

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+