Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ!

ระดับแท้ไประดับลึกล้ำนั้นมันเป็นระยะห่างที่กว้างมาก

เหมือนตัวชางหยงหนิงนั้นเองเขาก็ก้าวขึ้นมาถึงระดับแท้ได้ตั้งแต่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่แต่หากเทียบแล้วเขาย่อมจะด้อยกว่าศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำไปมาก

ในนิกายยาสุดล้ำนั้นระดับแท้คือมาตรฐานการเข้านิกาย

แต่มีคนไม่กี่คนที่สามารถก้าวไปถึงระดับลึกล้ำได้!

นักหลอมโอสถสวรรค์ส่วนใหญ่นั้นสามารถที่จะก้าวขึ้นระดับลึกล้ำได้ตอนที่พวกเขาอยู่ในระดับแปด

แต่มันก็มีบ้างที่ไม่อาจบรรลุระดับลึกล้ำไปได้เลย

คนที่สามารถบรรลุระดับลึกล้ำได้แต่ตั้งอยู่ระดับเจ็ดนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะ!

ส่วนคนที่สามารถบรรลุระดับลึกล้ำได้แต่ตั้งบรรลุระดับเจ็ดไปใหม่ๆ นั้นย่อมจะกลายเป็นคนสำคัญที่นิกายให้ความสำคัญอย่างมาก

ยอดอัจฉริยะเช่นนั้นมันมีโอกาสขึ้นไปได้ถึงระดับเก้าในวันหน้า!

ส่วนคนที่บรรลุระดับลึกล้ำได้ตอนยังอยู่ระดับหกนั้นนอกจากโจวซ่งฉวนแล้วมันก็แทบไม่มีใครอีก

เป้าหมายของหลู่เต้าอี้นั้นมันคือการก้าวขึ้นระดับลึกล้ำก่อนจะบรรลุระดับเจ็ดเช่นกัน

แค่นี้มันก็คงเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันพัฒนาสู่ระดับลึกล้ำได้ยากแค่ไหน!

ส่วนคนที่บรรลุได้ตั้งแต่ระดับห้านั้นมันย่อมจะไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!

แต่วันนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว!

ระดับลึกล้ำนั้นมันคือระดับคุณภาพโอสถสวรรค์แต่ก็นับเป็นอาณาจักรพลังด้วย

เพราะการจะขึ้นไปถึงระดับลึกล้ำได้นั้นมันย่อมจะต้องมีเต๋าโอสถที่เหนือล้ำฟ้าดิน มันต้องเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาถึงปากทางของปรมาจารย์โอสถสวรรค์โกลาหลแล้ว

ตอนนี้ตัวเย่หยวนอยู่ในสภาวะไร้ตัวตนปล่อยให้เต๋าโอสถไหลผ่านร่างไป

การบรรลุขึ้นมานั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แน่นอนแต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้คิดจะหยุดแค่ที่ระดับลึกล้ำ

เพราะการดึงกฎของหยุนซานนั้นมันทำให้เย่หยวนได้เปิดหูเปิดตาจนตอนนี้เขาก็ยังคงจดจ่อกับคัมภีร์อยู่

เรื่องการบรรลุของตัวเองนั้นเขาไม่ได้สนใจเลย

เขานั้นยังคงสนใจเพียงแค่ความรู้ในแผ่นหยกตรงหน้าแต่ว่าทั้งนิกายยาสุดล้ำนั้นมันได้แตกตื่นกันไปทั่วแล้ว!

ข่าวนี้มันเหมือนดั่งบอกว่าตะวันขึ้นทางทิศตะวันตก แน่นอนว่าคนทั้งนิกายย่อมจะต้องอ้าปากค้าง

ข่าวเรื่องหลู่เต้าอี้เอาชนะหวางจี้ใดๆ นั้นถูกกลบหายไปสิ้น

ชัยชนะสิบเก้าครั้งต่อเนื่องกัน!

ตอนนี้เขาเอาชนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกมาได้กว่าครึ่งแล้ว!

แต่ว่าเรื่องราวที่หลู่เต้าอี้ใช้เวลากว่าครึ่งเดือนสร้างขึ้นมานี้มันกลับถูกการบรรลุของเย่หยวนบดขยี้ลงทันที

เย่หยวนยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เอาชนะอีกฝ่ายได้เสียแล้ว!

เรื่องราวของพวกเขานั้นมันแตกต่างกันคนละชั้นมิติ!

เขาและหลู่เต้าอี้นั้นมันอยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว

เรื่องการท้าทายของหลู่เต้าอี้นั้นเย่หยวนย่อมจะไม่คิดจดจำมันใส่ใจ

แต่การบรรลุของเย่หยวนนั้นมันได้แย่งความสนใจไปจากตัวหลู่เต้าอี้จนสิ้น!

ตอนนี้มันไม่มีใครไปสนใจยอดอัจฉริยะที่ตั้งโจวซ่งฉวนเป็นเป้าหมายอีกต่อไปแล้ว

เพราะตอนนี้มันได้มียอดอัจฉริยะที่เหนือกว่าโจวซ่งฉวนปรากฏขึ้นมา!

เย่หยวนนั้นไม่ได้แค่เอาชนะไปเฉียดฉิวแต่ว่าเขานั้นเอาชนะไปอย่างสิ้นเชิง!

ก่อนหน้านี้ตำนานของนิกายยาสุดล้ำนั้นคือการบรรลุระดับลึกล้ำตอนอยู่ระดับหกขั้นสุด

แต่เย่หยวนนั้นกลับบรรลุได้ด้วยระดับห้าเท่านั้น!

มันต่างกันอาณาจักรหนึ่งเต็มๆ!

เจ้าเป็นอัจฉริยะ?

ฮ่าๆ ไปนั่งเล่นคนเดียวไป!

ในสายตาของอัจฉริยะนั้นมันไม่มีคำว่าก้าวตามมีแต่ต้องเหนือกว่า!

ในความคิดของเย่หยวนย่อมจะไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดเสียเวลาไปประลองกับหลู่เต้าอี้

เมื่อทางสำนักฉินชานได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปเป็นสิบๆ นาที!

เย่หยวนตัวตลกตัวนี้ของพวกเขามันได้ถูกทิ้งไปจากความสนใจแล้ว

เพราะในความคิดของพวกเขานั้นเย่หยวนเป็นได้แค่ขยะ

เป้าหมายของพวกเขานั้นคือจั่วเฉิน!

การตบหน้าเย่หยวนวันนั้นมันก็เพราะอยากจะตบหน้าจั่วเฉินด้วย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเย่หยวนมากมาย แต่ขยะคนหนึ่งในสายตาของพวกเขานั้นกลับผงาดขึ้นมากลายเป็นดาวเด่นแห่งเทือกเขาชัยบูรพาไปในพริบตา!

เรื่องนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องสิ้นหวัง!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหลู่เต้าอี้!

‘อ่า คิดอย่างนั้นแล้วจะมายืนอยู่หน้าบ้านข้าทำไมอีก? ไสหัวไปได้แล้ว’

‘ไปเถอะ ข้าไม่ประลองกับเจ้า เพราะมันไม่มีค่าอะไรเลย’

‘คิดอย่างไรก็เรื่องของเจ้าเถอะ’

น้ำเสียงและท่าทางเฉยชาของเย่หยวนนั้นมันยังดังก้องในหัวของเขา

ตอนนั้นช่างฟังดูน่าหัวเราะ

แต่ตอนนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าคำพูดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความหน้าด้านใดๆ แต่มันเป็นเพราะว่าเย่หยวนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย!

ในตอนนี้หลู่เต้าอี้ได้แต่ต้องนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อครั้งเดือนก่อน สายตาของเย่หยวนที่ไม่ได้สนใจพวกเขา!

เขาคนนี้ ยอดอัจฉริยะที่เทียบเคียงกับโจวซ่งฉวนได้นั้นกลับถูกเมินสิ้น!

และคนที่เมินเขานั้นมันเป็นแค่เด็กใหม่ที่มีพลังบ่มเพาะไม่เท่าเขาด้วยซ้ำ!

 มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? มันเป็นไปได้… 

หลู่เต้าอี้บ่นออกมาไม่ขาดปากราวกับคนเสียสติ

เรื่องราวนี้มันถูกยืนยันมาแล้วโดยตัวบรรพบุรุษผู้ดูแลห้องสมุดคัมภีร์อย่างฟานหลี่

ตอนที่เขาบรรลุนั้นคนที่อยู่รอบๆ เองก็มีไม่น้อยด้วย

 ข้าไม่ยอมรับ! ข้า…จะไปท้าทายเขา!  หลู่เต้าอี้กล่าวขึ้นก่อนจะพุ่งตัวออกไป

ฉินชานนั้นขยับมือดึงตัวหลู่เต้าอี้กลับมานั่งที่เก่า

ฉินชานมองหน้าหลู่เต้าอี้ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยใจ  เต้าอี้ช่างมันเถอะ! แม้ว่าพูดเช่นนี้มันจะเป็นภัยต่อเจ้า แต่อาจารย์มีแต่ต้องพูดเท่านั้น ชาตินี้เจ้าไม่อาจจะเอาชนะเขาได้หรอก! พวกเจ้านั้น…ห่างชั้นกันคนละมิติ! 

 อ๊าก! 

หลู่เต้าอี้กระอักเลือดขึ้นมาก่อนจะล้มฟุบหมดสติลงไปทันที

เมื่อเหล่าศิษย์คนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าซีดลงทันที

 อาจารย์พูดตรงเกินไปมันจะไม่เป็นการทำลายตัวศิษย์น้องเอาหรือ?  หวังหลินอดถามขึ้นไม่ได้

ฉินชานถอนใจยาวออกมา  เขานั้นแตกต่างกับเย่หยวนกันคนละโลก! ต่อให้จะเป็นอาจารย์ปู่โจวซ่งฉวนท่านเองก็คงไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้! หากเต้าอี้ไม่รู้ถึงเรื่องนี้แล้ว เต๋าโอสถของเขามันก็คงจะหยุดลงแค่นี้ ไม่อาจพัฒนาไปได้อีกแม้แต่น้อย! แท้จริงแล้วตัวเขานั้นมากพรสวรรค์เก่งกาจพอจะเทียบเคียงอาจารย์ปู่โจวซ่งฉวนได้ มันไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปเทียบกับเขาคนนั้นเลย หากเต้าอี้เข้าใจจุดนี้แล้ววันหน้ามันก็ต้องกลายเป็นยอดคนใหญ่โตได้แน่! เพียงแค่ว่า…คงยากเย็นเหลือเกินแล้ว! 

ฉินชานนั้นเป็นอัจฉริยะในยุคของตัวเองเช่นกัน เขาย่อมจะเข้าใจศักดิ์ศรีของอัจฉริยะ!

ยิ่งอัจฉริยะเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปราะบางเท่านั้น!

เพราะฉะนั้นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัตินิกายยาสุดล้ำมันจึงเป็นโจวซ่งฉวน และหลู่เต้าอี้ที่เทียบเคียงกับโจวซ่งฉวนได้นั้นจะไม่มีความเย่อหยิ่งในตัวหรือ?

แต่ว่ายิ่งเป็นเช่นนั้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปราะบางเท่านั้น การจะดึงตัวเองกลับขึ้นมาจากความพ่ายแพ้ที่ราบคาบนั้นมันคงเป็นเรื่องยากยิ่งแล้ว!

เขาจะก้าวกลับขึ้นมาได้หรือไม่มันก็ต้องวัดกันด้วยใจเท่านั้นแล้ว

ฉินชานนั้นทำเช่นนี้ก็หวังเพื่อจะให้หลู่เต้าอี้รีบๆ ยอมรับความจริงและกลับมามุ่งมั่นฝึกฝนให้หนักกว่าเก่า!

เพราะนี่เป็นทางเดียวที่เขาคิดออกแล้ว!

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังยากเกินหวังได้!

หวังหลินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความขมขื่นในใจ  เพราะอะไรกัน? ไอ้เด็กนั่นมันมีดีอะไรถึงได้บรรลุระดับลึกล้ำได้? มันแค่ระดับห้าเองแท้ๆ! 

นึกย้อนกลับไปถึงภาพเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นเขาได้แต่คิดว่าเย่หยวนช่างน่าขัน แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับดูสูงส่งเกินมือเขาจะเอื้อมถึง!

หลายคนนั้นพอได้เงินมาหน่อยก็ชอบอวดตัวและทำท่าเหมือนยิ่งใหญ่เพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดหายไป แต่ว่าคนรวยจริงๆ นั้นไม่ค่อยจะอวดให้คนอื่นได้เห็น พวกเขานั้นแค่ใช้ชีวิตไปตามปกติของตน เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่เพิ่งมีเงินมาอวดอ้างตัวว่าร่ำรวยเก่งกาจต่อหน้าเศรษฐีมันก็มีแต่จะต้องเจอสภาพเช่นนี้!

อับอายไปจนถึงต้นตระกูล!

ตัวฉินชานนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกขึ้นมาเพราะดูท่าเขาเองก็ไม่อยากจะรับความจริงนี้ไว้สักเท่าไหร่

 นั่นสิ มันมีดีอะไรกันแน่? เรื่องใหญ่โตเช่นนี้พวกท่านทั้งหลายที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เองก็คงตกตะลึงกันไม่น้อยเลยใช่ไหม?  ฉินชานกล่าวขึ้น

……………………………..

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2853 ห่างชั้นกันคนละมิติ!

ระดับแท้ไประดับลึกล้ำนั้นมันเป็นระยะห่างที่กว้างมาก

เหมือนตัวชางหยงหนิงนั้นเองเขาก็ก้าวขึ้นมาถึงระดับแท้ได้ตั้งแต่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่แต่หากเทียบแล้วเขาย่อมจะด้อยกว่าศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำไปมาก

ในนิกายยาสุดล้ำนั้นระดับแท้คือมาตรฐานการเข้านิกาย

แต่มีคนไม่กี่คนที่สามารถก้าวไปถึงระดับลึกล้ำได้!

นักหลอมโอสถสวรรค์ส่วนใหญ่นั้นสามารถที่จะก้าวขึ้นระดับลึกล้ำได้ตอนที่พวกเขาอยู่ในระดับแปด

แต่มันก็มีบ้างที่ไม่อาจบรรลุระดับลึกล้ำไปได้เลย

คนที่สามารถบรรลุระดับลึกล้ำได้แต่ตั้งอยู่ระดับเจ็ดนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะ!

ส่วนคนที่สามารถบรรลุระดับลึกล้ำได้แต่ตั้งบรรลุระดับเจ็ดไปใหม่ๆ นั้นย่อมจะกลายเป็นคนสำคัญที่นิกายให้ความสำคัญอย่างมาก

ยอดอัจฉริยะเช่นนั้นมันมีโอกาสขึ้นไปได้ถึงระดับเก้าในวันหน้า!

ส่วนคนที่บรรลุระดับลึกล้ำได้ตอนยังอยู่ระดับหกนั้นนอกจากโจวซ่งฉวนแล้วมันก็แทบไม่มีใครอีก

เป้าหมายของหลู่เต้าอี้นั้นมันคือการก้าวขึ้นระดับลึกล้ำก่อนจะบรรลุระดับเจ็ดเช่นกัน

แค่นี้มันก็คงเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันพัฒนาสู่ระดับลึกล้ำได้ยากแค่ไหน!

ส่วนคนที่บรรลุได้ตั้งแต่ระดับห้านั้นมันย่อมจะไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!

แต่วันนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว!

ระดับลึกล้ำนั้นมันคือระดับคุณภาพโอสถสวรรค์แต่ก็นับเป็นอาณาจักรพลังด้วย

เพราะการจะขึ้นไปถึงระดับลึกล้ำได้นั้นมันย่อมจะต้องมีเต๋าโอสถที่เหนือล้ำฟ้าดิน มันต้องเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาถึงปากทางของปรมาจารย์โอสถสวรรค์โกลาหลแล้ว

ตอนนี้ตัวเย่หยวนอยู่ในสภาวะไร้ตัวตนปล่อยให้เต๋าโอสถไหลผ่านร่างไป

การบรรลุขึ้นมานั้นมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แน่นอนแต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้คิดจะหยุดแค่ที่ระดับลึกล้ำ

เพราะการดึงกฎของหยุนซานนั้นมันทำให้เย่หยวนได้เปิดหูเปิดตาจนตอนนี้เขาก็ยังคงจดจ่อกับคัมภีร์อยู่

เรื่องการบรรลุของตัวเองนั้นเขาไม่ได้สนใจเลย

เขานั้นยังคงสนใจเพียงแค่ความรู้ในแผ่นหยกตรงหน้าแต่ว่าทั้งนิกายยาสุดล้ำนั้นมันได้แตกตื่นกันไปทั่วแล้ว!

ข่าวนี้มันเหมือนดั่งบอกว่าตะวันขึ้นทางทิศตะวันตก แน่นอนว่าคนทั้งนิกายย่อมจะต้องอ้าปากค้าง

ข่าวเรื่องหลู่เต้าอี้เอาชนะหวางจี้ใดๆ นั้นถูกกลบหายไปสิ้น

ชัยชนะสิบเก้าครั้งต่อเนื่องกัน!

ตอนนี้เขาเอาชนะนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับหกมาได้กว่าครึ่งแล้ว!

แต่ว่าเรื่องราวที่หลู่เต้าอี้ใช้เวลากว่าครึ่งเดือนสร้างขึ้นมานี้มันกลับถูกการบรรลุของเย่หยวนบดขยี้ลงทันที

เย่หยวนยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เอาชนะอีกฝ่ายได้เสียแล้ว!

เรื่องราวของพวกเขานั้นมันแตกต่างกันคนละชั้นมิติ!

เขาและหลู่เต้าอี้นั้นมันอยู่กันคนละโลกอยู่แล้ว

เรื่องการท้าทายของหลู่เต้าอี้นั้นเย่หยวนย่อมจะไม่คิดจดจำมันใส่ใจ

แต่การบรรลุของเย่หยวนนั้นมันได้แย่งความสนใจไปจากตัวหลู่เต้าอี้จนสิ้น!

ตอนนี้มันไม่มีใครไปสนใจยอดอัจฉริยะที่ตั้งโจวซ่งฉวนเป็นเป้าหมายอีกต่อไปแล้ว

เพราะตอนนี้มันได้มียอดอัจฉริยะที่เหนือกว่าโจวซ่งฉวนปรากฏขึ้นมา!

เย่หยวนนั้นไม่ได้แค่เอาชนะไปเฉียดฉิวแต่ว่าเขานั้นเอาชนะไปอย่างสิ้นเชิง!

ก่อนหน้านี้ตำนานของนิกายยาสุดล้ำนั้นคือการบรรลุระดับลึกล้ำตอนอยู่ระดับหกขั้นสุด

แต่เย่หยวนนั้นกลับบรรลุได้ด้วยระดับห้าเท่านั้น!

มันต่างกันอาณาจักรหนึ่งเต็มๆ!

เจ้าเป็นอัจฉริยะ?

ฮ่าๆ ไปนั่งเล่นคนเดียวไป!

ในสายตาของอัจฉริยะนั้นมันไม่มีคำว่าก้าวตามมีแต่ต้องเหนือกว่า!

ในความคิดของเย่หยวนย่อมจะไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดเสียเวลาไปประลองกับหลู่เต้าอี้

เมื่อทางสำนักฉินชานได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปเป็นสิบๆ นาที!

เย่หยวนตัวตลกตัวนี้ของพวกเขามันได้ถูกทิ้งไปจากความสนใจแล้ว

เพราะในความคิดของพวกเขานั้นเย่หยวนเป็นได้แค่ขยะ

เป้าหมายของพวกเขานั้นคือจั่วเฉิน!

การตบหน้าเย่หยวนวันนั้นมันก็เพราะอยากจะตบหน้าจั่วเฉินด้วย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเย่หยวนมากมาย แต่ขยะคนหนึ่งในสายตาของพวกเขานั้นกลับผงาดขึ้นมากลายเป็นดาวเด่นแห่งเทือกเขาชัยบูรพาไปในพริบตา!

เรื่องนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องสิ้นหวัง!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหลู่เต้าอี้!

‘อ่า คิดอย่างนั้นแล้วจะมายืนอยู่หน้าบ้านข้าทำไมอีก? ไสหัวไปได้แล้ว’

‘ไปเถอะ ข้าไม่ประลองกับเจ้า เพราะมันไม่มีค่าอะไรเลย’

‘คิดอย่างไรก็เรื่องของเจ้าเถอะ’

น้ำเสียงและท่าทางเฉยชาของเย่หยวนนั้นมันยังดังก้องในหัวของเขา

ตอนนั้นช่างฟังดูน่าหัวเราะ

แต่ตอนนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าคำพูดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความหน้าด้านใดๆ แต่มันเป็นเพราะว่าเย่หยวนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย!

ในตอนนี้หลู่เต้าอี้ได้แต่ต้องนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อครั้งเดือนก่อน สายตาของเย่หยวนที่ไม่ได้สนใจพวกเขา!

เขาคนนี้ ยอดอัจฉริยะที่เทียบเคียงกับโจวซ่งฉวนได้นั้นกลับถูกเมินสิ้น!

และคนที่เมินเขานั้นมันเป็นแค่เด็กใหม่ที่มีพลังบ่มเพาะไม่เท่าเขาด้วยซ้ำ!

 มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? มันเป็นไปได้… 

หลู่เต้าอี้บ่นออกมาไม่ขาดปากราวกับคนเสียสติ

เรื่องราวนี้มันถูกยืนยันมาแล้วโดยตัวบรรพบุรุษผู้ดูแลห้องสมุดคัมภีร์อย่างฟานหลี่

ตอนที่เขาบรรลุนั้นคนที่อยู่รอบๆ เองก็มีไม่น้อยด้วย

 ข้าไม่ยอมรับ! ข้า…จะไปท้าทายเขา!  หลู่เต้าอี้กล่าวขึ้นก่อนจะพุ่งตัวออกไป

ฉินชานนั้นขยับมือดึงตัวหลู่เต้าอี้กลับมานั่งที่เก่า

ฉินชานมองหน้าหลู่เต้าอี้ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยใจ  เต้าอี้ช่างมันเถอะ! แม้ว่าพูดเช่นนี้มันจะเป็นภัยต่อเจ้า แต่อาจารย์มีแต่ต้องพูดเท่านั้น ชาตินี้เจ้าไม่อาจจะเอาชนะเขาได้หรอก! พวกเจ้านั้น…ห่างชั้นกันคนละมิติ! 

 อ๊าก! 

หลู่เต้าอี้กระอักเลือดขึ้นมาก่อนจะล้มฟุบหมดสติลงไปทันที

เมื่อเหล่าศิษย์คนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหน้าซีดลงทันที

 อาจารย์พูดตรงเกินไปมันจะไม่เป็นการทำลายตัวศิษย์น้องเอาหรือ?  หวังหลินอดถามขึ้นไม่ได้

ฉินชานถอนใจยาวออกมา  เขานั้นแตกต่างกับเย่หยวนกันคนละโลก! ต่อให้จะเป็นอาจารย์ปู่โจวซ่งฉวนท่านเองก็คงไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้! หากเต้าอี้ไม่รู้ถึงเรื่องนี้แล้ว เต๋าโอสถของเขามันก็คงจะหยุดลงแค่นี้ ไม่อาจพัฒนาไปได้อีกแม้แต่น้อย! แท้จริงแล้วตัวเขานั้นมากพรสวรรค์เก่งกาจพอจะเทียบเคียงอาจารย์ปู่โจวซ่งฉวนได้ มันไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องไปเทียบกับเขาคนนั้นเลย หากเต้าอี้เข้าใจจุดนี้แล้ววันหน้ามันก็ต้องกลายเป็นยอดคนใหญ่โตได้แน่! เพียงแค่ว่า…คงยากเย็นเหลือเกินแล้ว! 

ฉินชานนั้นเป็นอัจฉริยะในยุคของตัวเองเช่นกัน เขาย่อมจะเข้าใจศักดิ์ศรีของอัจฉริยะ!

ยิ่งอัจฉริยะเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปราะบางเท่านั้น!

เพราะฉะนั้นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัตินิกายยาสุดล้ำมันจึงเป็นโจวซ่งฉวน และหลู่เต้าอี้ที่เทียบเคียงกับโจวซ่งฉวนได้นั้นจะไม่มีความเย่อหยิ่งในตัวหรือ?

แต่ว่ายิ่งเป็นเช่นนั้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปราะบางเท่านั้น การจะดึงตัวเองกลับขึ้นมาจากความพ่ายแพ้ที่ราบคาบนั้นมันคงเป็นเรื่องยากยิ่งแล้ว!

เขาจะก้าวกลับขึ้นมาได้หรือไม่มันก็ต้องวัดกันด้วยใจเท่านั้นแล้ว

ฉินชานนั้นทำเช่นนี้ก็หวังเพื่อจะให้หลู่เต้าอี้รีบๆ ยอมรับความจริงและกลับมามุ่งมั่นฝึกฝนให้หนักกว่าเก่า!

เพราะนี่เป็นทางเดียวที่เขาคิดออกแล้ว!

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังยากเกินหวังได้!

หวังหลินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความขมขื่นในใจ  เพราะอะไรกัน? ไอ้เด็กนั่นมันมีดีอะไรถึงได้บรรลุระดับลึกล้ำได้? มันแค่ระดับห้าเองแท้ๆ! 

นึกย้อนกลับไปถึงภาพเมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นเขาได้แต่คิดว่าเย่หยวนช่างน่าขัน แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับดูสูงส่งเกินมือเขาจะเอื้อมถึง!

หลายคนนั้นพอได้เงินมาหน่อยก็ชอบอวดตัวและทำท่าเหมือนยิ่งใหญ่เพื่อชดเชยในส่วนที่ขาดหายไป แต่ว่าคนรวยจริงๆ นั้นไม่ค่อยจะอวดให้คนอื่นได้เห็น พวกเขานั้นแค่ใช้ชีวิตไปตามปกติของตน เพราะฉะนั้นเมื่อคนที่เพิ่งมีเงินมาอวดอ้างตัวว่าร่ำรวยเก่งกาจต่อหน้าเศรษฐีมันก็มีแต่จะต้องเจอสภาพเช่นนี้!

อับอายไปจนถึงต้นตระกูล!

ตัวฉินชานนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกขึ้นมาเพราะดูท่าเขาเองก็ไม่อยากจะรับความจริงนี้ไว้สักเท่าไหร่

 นั่นสิ มันมีดีอะไรกันแน่? เรื่องใหญ่โตเช่นนี้พวกท่านทั้งหลายที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์เองก็คงตกตะลึงกันไม่น้อยเลยใช่ไหม?  ฉินชานกล่าวขึ้น

……………………………..

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+