Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2857 แลก!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2857 แลก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2857 แลก!
ห้าหมื่นแต้มนั้นมันมากแค่ไหน?

หากให้คำนวณแล้วสำหรับศิษย์จักรพรรดิเที่ยงนั้นการออกไปทำภารกิจอันตรายครั้งหนึ่งมันก็คงได้แต้มความดีประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยแต้ม

และนี่พูดถึงภารกิจอันตรายที่มีโอกาสรอดแค่หนึ่งในสิบ ภารกิจเช่นนี้แค่ทำได้ปีละสองครั้งก็ถือว่าเก่งกาจมากล้นแล้ว

หากมันเป็นภารกิจทั่วๆ ไปแล้วแต่ละครั้งย่อมจะให้ได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแต้ม

ส่วนศิษย์จักรพรรดิเซียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขานั้นย่อมจะหาแต้มความดีได้ยากกว่ามาก

ต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจล้นฟ้าเหนือล้ำกว่าหยางชิงแต่อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะคืนมันกลับไปได้ เพราะฉะนั้นคำพูดของเย่หยวนมันถึงได้ฟังดูเหมือนคำพูดของคนโง่!

“ฮ่าๆๆ ให้เจ้าจัดการ? เจ้าใช้หนี้ตัวเองคืนก่อนจะไปคิดช่วยคนอื่นดีไหม! หือ? มาพอดีเลยศิษย์พี่กั๋วฟาง เย่หยวนมันออกมาจากการเก็บตัวแล้ว มันติดหนี้ความดีนิกายอยู่ห้าหมื่นสี่พันแต้ม ถึงเวลาลากมันไปชดใช้แล้ว” หวังหลินนั้นหัวเราะขึ้น

ตอนนี้มีอีกเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เย่หยวน เขานั้นคือศิษย์จากโถงบังคับกฎกั๋วฟาง

เขานั้นมาเพื่อบังคับให้เย่หยวนชดใช้หนี้ความดีนั้นเอง!

ในเมื่อบรรลุระดับลึกล้ำมาแล้วก็ดี จะได้ไปหลอมโอสถสวรรค์ทันที

กั๋วฟางและหวังหลินนั้นสนิทกันไม่น้อยนอกจากนั้นอาจารย์ของกั๋วฟางยังเคยติดค้างหนี้บุญคุณมหาจักรพรรดิฉินชานมาก่อน ตัวเขานั้นย่อมจะเข้าข้างหวังหลินอย่างไม่ต้องสงสัย

แต้มความดีที่ติดนิกายนั้นมันต้องชดใช้ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นต้องเริ่มชดใช้ในวันแรกที่ออกมาจากการเก็บตัว เพราะแต้มความดีแค่ไม่กี่หมื่นนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่กับนิกายระดับนี้เลย

กั๋วฟางนั้นมองหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ศิษย์น้องเย่เชิญ!”

คนทั้งหลายนั้นรอดูเรื่องสนุกๆ กันอย่างตื่นตา

เมื่อโถงบังคับกฎออกตัวเองเช่นนี้แล้วเจ้าจะยังมีหน้าพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร?

มันมีแต่ต้องก้มหน้าก้มตาหลอมโอสถสวรรค์ชดใช้เท่านั้น!

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาอย่างไม่แยแส “ข้าไม่ไป”

เมื่อหวังหลินได้ยินเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที

‘นี่แหละที่ข้าอยากได้ยิน!’

แน่นอนว่าเมื่อกั๋วฟางได้ยินเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้น “จะไปหรือไม่นั้นมิใช่เจ้าที่จะตัดสิน!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันย่อมเป็นข้าที่ตัดสิน!”

กั๋วฟางนั้นกล่าวขึ้นต่อ “เช่นนั้นศิษย์น้องเย่คิดให้กั๋วผู้นี้ลงมือแล้ว? เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองมีอาจารย์ลุงจั่วเฉินปกป้องแล้วจะรอดไปได้ อำนาจของโถงบังคับกฎเรานั้นยิ่งใหญ่ที่สุดในนิกาย หากโถงบังคับกฎเราคิดจับใครแล้วแม้แต่อาจารย์ลุงจั่วเฉินเองก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”

กั๋วฟางนั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิครึ่งก้าว!

แม้ว่าอันดับของเขานั้นจะต่ำกว่าหลัวห่าวแต่เขานั้นก็ติดอันดับเก้าเช่นกัน แค่จัดการเย่หยวนมันย่อมจะไม่ยากเย็นใดๆ เลย

และอำนาจของโถงบังคับกฎนั้นมันล้นฟ้าในนิกายยาสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือวิชาโอสถหรือวิชายุทธต่างก็ล้วนแต่ต้องทำตามกฎของพวกเขา

ได้เห็นเช่นนั้นหวังหลินและเจิ้งเฉียนก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นมา

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “มันก็แค่ห้าหมื่นแต้มไม่ใช่หรือ? ถ้าข้าคืนให้วันนี้มันจะจบเรื่องเลยไหมเล่า? เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันใหญ่แค่ไหนถึงได้ทำหน้าตาเช่นนั้นออกมา? น่ากลัวแท้ๆ!”

หวังหลินนั้นหัวเราะลั่นเมื่อได้ยิน “แค่ห้าหมื่นแต้ม? ฮ่าๆๆ…เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิหรือ? ต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิท่านทั้งหลายเองพวกท่านก็ไม่มีทางหาห้าหมื่นแต้มได้ในวันเดียวแน่นอน! พูดคำใหญ่โตเช่นนี้ออกมาไม่กลัวว่าปากจะฉีกบ้างหรือ?”

เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำพูดเย้ยหยันใดๆ และหันไปมองหน้ากั๋วฟาง “ข้าจะไปเอาแต้มแล้ว เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”

กั๋วฟางนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นก่อนจะพยักหน้า “หากเจ้าคิดถ่วงเวลาข้าก็เกรงว่ามันคงมีเวลาให้เจ้าถ่วงได้แค่วันเดียว!”

เย่หยวนนั้นเพิ่งออกจากการเก็บตัวมาในวันนี้ หากเขาสามารถจ่ายมันได้ในวันนี้ก็ถือว่าหายกัน

หากตัวเขาใช้อำนาจลงมือจับตัวเย่หยวน มันจะกลายเป็นเขาเองที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด

เย่หยวนเองก็ไม่คิดพูดจาต่อรองใดๆ อีกเดินหายไปทันที

โถงคุณงามนั้นคือสถานที่ที่นิกายยาสุดล้ำวางภารกิจให้แก่ศิษย์และเป็นที่รับแลกแต้มความดี

การใช้แต้มความดีนี้มันเป็นระบบปกติที่สำนักนิกายทั้งหลายนั้นต่างใช้กันทั่วฟ้าดิน

เพราะไม่ว่าจะเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่แต่ไหนมันก็ไม่ได้มีทรัพยากรไร้สิ้นสุด

เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ย่อมจะเริ่มร่อยหรอ

เพราะฉะนั้นสมาชิกแต่ละคนนั้นจึงมีหน้าที่ช่วยเหลือนิกายในด้านต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้านิกายเอง

เวลานี้มันได้มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เกินเข้ามาในโถงคุณงามทำให้คนทั้งหลายต้องหันมามองเป็นตาเดียว

เย่หยวนเดินมาหยุดหน้าโต๊ะรับเรื่องก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าเป็นศิษย์มหาจักรพรรดิจั่วเฉิน ขอพบอาจารย์ลุงเฟยเหวิน!”

เชินเฟยเหวินนั้นคือผู้ดูแลของโถงคุณงามและเป็นศิษย์พี่ของจั่วเฉินด้วย

เย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักตัวเขา แต่ได้ยินนามนี้มาจากหยางชิง

คนดูแลโต๊ะรับเรื่องตอนนี้เป็นเพียงแค่จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งเมื่อได้ยินนามของจั่วเฉินขึ้นมาเขาจึงรีบก้มหัวเดินกลับเข้าไปเรียกเชินเฟยเหวินออกมาหาเย่หยวนในทันที

“เจ้าคือเย่หยวน? ข้าได้ยินว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์ล้ำฟ้า เสียดายแค่ว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต! เจ้ามามีธุระใดหรือ?” เชินเฟยเหวินถามขึ้น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้ามาเพื่อแลกแต้มความดี”

เชินเฟยเหวินขมวดคิ้วถามขึ้นทันที “ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งออกจากการเก็บตัวใช่ไหม? ยังไม่ได้รับภารกิจอะไรนี่? จะเอาอะไรมาใช้แลกแต้มความดีเล่า?”

เชินเฟยเหวินย่อมจะไม่รู้จักจักรพรรดิเซียนทั่วๆ ไป

แต่ชื่อเสียงของเย่หยวนนั้นต่อให้อยากจะปิดหูมันก็ยังคงได้ยิน

“หึๆ อาจารย์ลุงเฟยเหวิน เย่หยวนมันติดค้างหนี้ห้องสมุดคัมภีร์อยู่ถึงห้าหมื่นสี่พันแต้มแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะคืนในวันเดียว เราเห็นว่ามันเก่งกาจนักเลยตามมาดูด้วย” หวังหลินนั้นกล่าวขึ้นสอดทันที

เชินเฟยเหวินนั้นผงะไปก่อนจะหัวเราะขึ้น “ไอ้หนู โม้มากไปมันก็ไม่ดีนะ! อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ข้าเองก็ยังห้าแต้มความดีห้าหมื่นแต้มไม่ได้ในวันเดียว!”

หวังหลินนั้นยิ้มกล่าวขึ้นต่อ “อาจารย์ลุง เย่หยวนนั้นคือคนแห่งปาฏิหาริย์นะท่าน บางทีเขาอาจจะแลกห้าหมื่นแต้มได้จริงๆ ก็ได้!”

เชินเฟยเหวินนั้นย่อมรู้ว่าคนที่ตามมานั้นไม่ถูกกับเย่หยวนได้แต่ต้องขมวดคิ้วมองหน้าก่อนจะหันมายิ้มให้เย่หยวน “อ่อ? แล้วเจ้าจะเอาอะไรมาแลกกับแต้มห้าหมื่นแต้มเล่า?”

“พวกนี้!”

เย่หยวนเทของในแหวนออกมาเป็นกองแผ่นหยกมากมายจนท่วมหน้าเชินเฟยเหวินไป!

แผ่นหยกทั้งหลายนี้มันคือของที่เขาได้มาจากวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต

ห้าสิบปีที่ผ่านมาก่อนเขาจะออกเดินทางเขาได้ใช้เวลาศึกษาพวกมันทั้งหลายนี้

ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็คงไม่มีทางใดที่เขาจะบรรลุระดับลึกล้ำได้รวดเร็วปานนี้ ระดับความรู้ในแผ่นหยกทั้งหลายนั้นมันอาจจะไม่สูงเพราะเป็นแค่ของจากนิกายนอกของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตแต่มันก็เทียบเคียงกับแผ่นหยกบนห้องสมุดคัมภีร์ชั้นห้าได้

แต่ว่าความรู้ทั้งหลายนี้มันคือของหายากที่สาบสูญไปกับวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต! ตอนที่วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นยิ่งใหญ่ครองอำนาจพวกเขานั้นล้นฟ้าแค่ไหน?

วิชาการโอสถของพวกเขานั้นมันเหนือล้ำกว่านิกายยาสุดล้ำไปมากมาย!

ของธรรมดาๆ พวกเขาย่อมจะไม่เก็บไว้!

การที่ของพวกนี้ถูกเก็บไว้ในศาลาฝากสมบัตินั้นมันหมายถึงว่าพวกมันล้ำค่าแน่แล้ว

เดิมทีเย่หยวนก็คิดจะบริจาคของทั้งหลายนี้ให้นิกายยาสุดล้ำอยู่แล้วแต่ตอนนี้เมื่อตัวเขาดันไปติดหนี้แต้มความดีมันก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะได้แก้ปัญหาในเรื่องนี้ไปด้วยในคราเดียว

‘นี่มันเรื่องอะไร?’ เมื่อหวังหลินได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ข้าก็นึกว่ามันจะเก็บอะไรไว้กับตัวที่แท้มันเป็นแค่แผ่นหยก! ในสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มันจะยังมีวิชาของค่ายสำนักใดเหนือกว่านิกายยาสุดล้ำ?”

เจิ้งเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นตาม “ศิษย์พี่หวังพูดอะไรกัน มันคงคิดใช้จำนวนเข้าสู้แน่ๆ! คิดดูสิว่าหากแผ่นหยกหนึ่งอันมีค่าห้าสิบแต้มแล้ว พันแผ่นหยกมันก็เท่ากับห้าหมื่นแต้มนะ!”

แต่แผ่นหยกวิชากระจอกๆ แผ่นหนึ่งจะมีค่าถึงห้าสิบแต้ม?

ไม่มีทาง!

ห้องสมุดคัมภีร์ของนิกายยาสุดล้ำนั้นมันมีบันทึกมากมายจรดเพดาน

แผ่นหยกในนั้นมันมีมากมายหลายระดับ

แผ่นหยกทั้งหลายตรงหน้านี้มันคงเป็นได้แค่ของประดับไม่มีค่าใดๆ มากมาย

ที่สำคัญไปกว่านั้นแค่ของจากจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งมันจะมีค่าใด?

หรือจะบอกว่าแผ่นหยกนี้มันมีค่ากว่าความรู้ที่เจ้าโลกทั้งหลายเขียนกันในช่วงแสนๆ ปีที่ผ่านมา?

เชินเฟยเหวินยิ้มกล่าวขึ้น “หลานศิษย์เย่ หากเจ้าคิดจะใช้จำนวนเจ้าแลกแล้วมันคงไม่พอหรอกนะ! เจ้าน่าจะรู้ว่าในห้องสมุดคัมภีร์ของเรานั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน วิชาทั่วๆ ไปนั้นมันไม่อาจจะมีค่าเทียบเคียงใดๆ กับของในห้องสมุดคัมภีร์ได้เลย ต่อให้จะรับไว้มันก็คงไม่อาจมอบแต้มความดีให้ได้หรอก ของพวกนี้อย่างมากก็ได้แค่สามสี่แต้มความดีเท่านั้น เจ้าเก็บมันไว้เองเถอะ”

เย่หยวนไม่คิดจะเถียงให้มากความ “อาจารย์ลุงรีบร้อนเกินไปหรือไม่? ทำไมไม่ลองดูมันก่อนเล่า? จะเป็นไรไป?”

เชินเฟยเหวินได้แต่ต้องส่ายหัวกล่าวขึ้น “ได้ๆ เห็นแก่หน้าเจ้าข้าจะดูให้ก่อนก็ได้”

หวังหลินและพวกนั้นยิ้มเย้ยอยู่ด้านหลัง

มันดื้อด้านดีจริงๆ!

จากนั้นเชินเฟยเหวินก็เริ่มหยิบแผ่นหยกหนึ่งขึ้นมาส่งจิตลงไปอ่าน

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ซีดขาวลง!

“นี่…นี่มันบทหทัยลับเข้าฝันที่สาบสูญ!”

ความตกตะลึงบนใบหน้าของเชินเฟยเหวินนั้นมันไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

บทหทัยลับเข้าฝันนั้นมันคือของล้ำค่าที่เอาไปไว้บนชั้นหกห้องสมุดคัมภีร์ได้ง่ายๆ

ที่สำคัญมันยังสมบูรณ์อย่างมากด้วย!

เย่หยวนนั้นยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นท่าทางนั้นก่อนจะถาม “อาจารย์ลุงว่าอย่างไร ลองดูอีกสักแผ่นไหม?”

เชินเฟยเหวินที่ได้ยินต้องมือสั่นขึ้นมาก่อนจะมองหน้าเย่หยวนราวกับได้เห็นผี

‘เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่าแผ่นหยกตรงหน้าทั้งหมดนี้มันมีระดับเดียวกับบทหทัยลับเข้าฝันหรอกใช่ไหม?’

แม้จะยังไม่อยากเชื่อแต่เขาก็หยิบแผ่นหยกอีกชิ้นขึ้นมาอ่านจนหน้าซีดขาวเป็นกระดาษอีกครั้ง!

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2857 แลก!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2857 แลก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2857 แลก!
ห้าหมื่นแต้มนั้นมันมากแค่ไหน?

หากให้คำนวณแล้วสำหรับศิษย์จักรพรรดิเที่ยงนั้นการออกไปทำภารกิจอันตรายครั้งหนึ่งมันก็คงได้แต้มความดีประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยแต้ม

และนี่พูดถึงภารกิจอันตรายที่มีโอกาสรอดแค่หนึ่งในสิบ ภารกิจเช่นนี้แค่ทำได้ปีละสองครั้งก็ถือว่าเก่งกาจมากล้นแล้ว

หากมันเป็นภารกิจทั่วๆ ไปแล้วแต่ละครั้งย่อมจะให้ได้ไม่เกินหนึ่งร้อยแต้ม

ส่วนศิษย์จักรพรรดิเซียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขานั้นย่อมจะหาแต้มความดีได้ยากกว่ามาก

ต่อให้เย่หยวนจะเก่งกาจล้นฟ้าเหนือล้ำกว่าหยางชิงแต่อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีกว่าจะคืนมันกลับไปได้ เพราะฉะนั้นคำพูดของเย่หยวนมันถึงได้ฟังดูเหมือนคำพูดของคนโง่!

“ฮ่าๆๆ ให้เจ้าจัดการ? เจ้าใช้หนี้ตัวเองคืนก่อนจะไปคิดช่วยคนอื่นดีไหม! หือ? มาพอดีเลยศิษย์พี่กั๋วฟาง เย่หยวนมันออกมาจากการเก็บตัวแล้ว มันติดหนี้ความดีนิกายอยู่ห้าหมื่นสี่พันแต้ม ถึงเวลาลากมันไปชดใช้แล้ว” หวังหลินนั้นหัวเราะขึ้น

ตอนนี้มีอีกเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เย่หยวน เขานั้นคือศิษย์จากโถงบังคับกฎกั๋วฟาง

เขานั้นมาเพื่อบังคับให้เย่หยวนชดใช้หนี้ความดีนั้นเอง!

ในเมื่อบรรลุระดับลึกล้ำมาแล้วก็ดี จะได้ไปหลอมโอสถสวรรค์ทันที

กั๋วฟางและหวังหลินนั้นสนิทกันไม่น้อยนอกจากนั้นอาจารย์ของกั๋วฟางยังเคยติดค้างหนี้บุญคุณมหาจักรพรรดิฉินชานมาก่อน ตัวเขานั้นย่อมจะเข้าข้างหวังหลินอย่างไม่ต้องสงสัย

แต้มความดีที่ติดนิกายนั้นมันต้องชดใช้ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นต้องเริ่มชดใช้ในวันแรกที่ออกมาจากการเก็บตัว เพราะแต้มความดีแค่ไม่กี่หมื่นนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่กับนิกายระดับนี้เลย

กั๋วฟางนั้นมองหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้นมา “ศิษย์น้องเย่เชิญ!”

คนทั้งหลายนั้นรอดูเรื่องสนุกๆ กันอย่างตื่นตา

เมื่อโถงบังคับกฎออกตัวเองเช่นนี้แล้วเจ้าจะยังมีหน้าพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร?

มันมีแต่ต้องก้มหน้าก้มตาหลอมโอสถสวรรค์ชดใช้เท่านั้น!

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาอย่างไม่แยแส “ข้าไม่ไป”

เมื่อหวังหลินได้ยินเขาก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที

‘นี่แหละที่ข้าอยากได้ยิน!’

แน่นอนว่าเมื่อกั๋วฟางได้ยินเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้น “จะไปหรือไม่นั้นมิใช่เจ้าที่จะตัดสิน!”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันย่อมเป็นข้าที่ตัดสิน!”

กั๋วฟางนั้นกล่าวขึ้นต่อ “เช่นนั้นศิษย์น้องเย่คิดให้กั๋วผู้นี้ลงมือแล้ว? เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองมีอาจารย์ลุงจั่วเฉินปกป้องแล้วจะรอดไปได้ อำนาจของโถงบังคับกฎเรานั้นยิ่งใหญ่ที่สุดในนิกาย หากโถงบังคับกฎเราคิดจับใครแล้วแม้แต่อาจารย์ลุงจั่วเฉินเองก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”

กั๋วฟางนั้นเป็นถึงมหาจักรพรรดิครึ่งก้าว!

แม้ว่าอันดับของเขานั้นจะต่ำกว่าหลัวห่าวแต่เขานั้นก็ติดอันดับเก้าเช่นกัน แค่จัดการเย่หยวนมันย่อมจะไม่ยากเย็นใดๆ เลย

และอำนาจของโถงบังคับกฎนั้นมันล้นฟ้าในนิกายยาสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือวิชาโอสถหรือวิชายุทธต่างก็ล้วนแต่ต้องทำตามกฎของพวกเขา

ได้เห็นเช่นนั้นหวังหลินและเจิ้งเฉียนก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นมา

เย่หยวนยักไหล่ตอบกลับไป “มันก็แค่ห้าหมื่นแต้มไม่ใช่หรือ? ถ้าข้าคืนให้วันนี้มันจะจบเรื่องเลยไหมเล่า? เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันใหญ่แค่ไหนถึงได้ทำหน้าตาเช่นนั้นออกมา? น่ากลัวแท้ๆ!”

หวังหลินนั้นหัวเราะลั่นเมื่อได้ยิน “แค่ห้าหมื่นแต้ม? ฮ่าๆๆ…เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นมหาจักรพรรดิหรือ? ต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิท่านทั้งหลายเองพวกท่านก็ไม่มีทางหาห้าหมื่นแต้มได้ในวันเดียวแน่นอน! พูดคำใหญ่โตเช่นนี้ออกมาไม่กลัวว่าปากจะฉีกบ้างหรือ?”

เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำพูดเย้ยหยันใดๆ และหันไปมองหน้ากั๋วฟาง “ข้าจะไปเอาแต้มแล้ว เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”

กั๋วฟางนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นก่อนจะพยักหน้า “หากเจ้าคิดถ่วงเวลาข้าก็เกรงว่ามันคงมีเวลาให้เจ้าถ่วงได้แค่วันเดียว!”

เย่หยวนนั้นเพิ่งออกจากการเก็บตัวมาในวันนี้ หากเขาสามารถจ่ายมันได้ในวันนี้ก็ถือว่าหายกัน

หากตัวเขาใช้อำนาจลงมือจับตัวเย่หยวน มันจะกลายเป็นเขาเองที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด

เย่หยวนเองก็ไม่คิดพูดจาต่อรองใดๆ อีกเดินหายไปทันที

โถงคุณงามนั้นคือสถานที่ที่นิกายยาสุดล้ำวางภารกิจให้แก่ศิษย์และเป็นที่รับแลกแต้มความดี

การใช้แต้มความดีนี้มันเป็นระบบปกติที่สำนักนิกายทั้งหลายนั้นต่างใช้กันทั่วฟ้าดิน

เพราะไม่ว่าจะเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่แต่ไหนมันก็ไม่ได้มีทรัพยากรไร้สิ้นสุด

เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ย่อมจะเริ่มร่อยหรอ

เพราะฉะนั้นสมาชิกแต่ละคนนั้นจึงมีหน้าที่ช่วยเหลือนิกายในด้านต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้านิกายเอง

เวลานี้มันได้มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เกินเข้ามาในโถงคุณงามทำให้คนทั้งหลายต้องหันมามองเป็นตาเดียว

เย่หยวนเดินมาหยุดหน้าโต๊ะรับเรื่องก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าเป็นศิษย์มหาจักรพรรดิจั่วเฉิน ขอพบอาจารย์ลุงเฟยเหวิน!”

เชินเฟยเหวินนั้นคือผู้ดูแลของโถงคุณงามและเป็นศิษย์พี่ของจั่วเฉินด้วย

เย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักตัวเขา แต่ได้ยินนามนี้มาจากหยางชิง

คนดูแลโต๊ะรับเรื่องตอนนี้เป็นเพียงแค่จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งเมื่อได้ยินนามของจั่วเฉินขึ้นมาเขาจึงรีบก้มหัวเดินกลับเข้าไปเรียกเชินเฟยเหวินออกมาหาเย่หยวนในทันที

“เจ้าคือเย่หยวน? ข้าได้ยินว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์ล้ำฟ้า เสียดายแค่ว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต! เจ้ามามีธุระใดหรือ?” เชินเฟยเหวินถามขึ้น

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้ามาเพื่อแลกแต้มความดี”

เชินเฟยเหวินขมวดคิ้วถามขึ้นทันที “ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งออกจากการเก็บตัวใช่ไหม? ยังไม่ได้รับภารกิจอะไรนี่? จะเอาอะไรมาใช้แลกแต้มความดีเล่า?”

เชินเฟยเหวินย่อมจะไม่รู้จักจักรพรรดิเซียนทั่วๆ ไป

แต่ชื่อเสียงของเย่หยวนนั้นต่อให้อยากจะปิดหูมันก็ยังคงได้ยิน

“หึๆ อาจารย์ลุงเฟยเหวิน เย่หยวนมันติดค้างหนี้ห้องสมุดคัมภีร์อยู่ถึงห้าหมื่นสี่พันแต้มแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าจะคืนในวันเดียว เราเห็นว่ามันเก่งกาจนักเลยตามมาดูด้วย” หวังหลินนั้นกล่าวขึ้นสอดทันที

เชินเฟยเหวินนั้นผงะไปก่อนจะหัวเราะขึ้น “ไอ้หนู โม้มากไปมันก็ไม่ดีนะ! อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่ข้าเองก็ยังห้าแต้มความดีห้าหมื่นแต้มไม่ได้ในวันเดียว!”

หวังหลินนั้นยิ้มกล่าวขึ้นต่อ “อาจารย์ลุง เย่หยวนนั้นคือคนแห่งปาฏิหาริย์นะท่าน บางทีเขาอาจจะแลกห้าหมื่นแต้มได้จริงๆ ก็ได้!”

เชินเฟยเหวินนั้นย่อมรู้ว่าคนที่ตามมานั้นไม่ถูกกับเย่หยวนได้แต่ต้องขมวดคิ้วมองหน้าก่อนจะหันมายิ้มให้เย่หยวน “อ่อ? แล้วเจ้าจะเอาอะไรมาแลกกับแต้มห้าหมื่นแต้มเล่า?”

“พวกนี้!”

เย่หยวนเทของในแหวนออกมาเป็นกองแผ่นหยกมากมายจนท่วมหน้าเชินเฟยเหวินไป!

แผ่นหยกทั้งหลายนี้มันคือของที่เขาได้มาจากวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต

ห้าสิบปีที่ผ่านมาก่อนเขาจะออกเดินทางเขาได้ใช้เวลาศึกษาพวกมันทั้งหลายนี้

ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็คงไม่มีทางใดที่เขาจะบรรลุระดับลึกล้ำได้รวดเร็วปานนี้ ระดับความรู้ในแผ่นหยกทั้งหลายนั้นมันอาจจะไม่สูงเพราะเป็นแค่ของจากนิกายนอกของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตแต่มันก็เทียบเคียงกับแผ่นหยกบนห้องสมุดคัมภีร์ชั้นห้าได้

แต่ว่าความรู้ทั้งหลายนี้มันคือของหายากที่สาบสูญไปกับวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต! ตอนที่วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นยิ่งใหญ่ครองอำนาจพวกเขานั้นล้นฟ้าแค่ไหน?

วิชาการโอสถของพวกเขานั้นมันเหนือล้ำกว่านิกายยาสุดล้ำไปมากมาย!

ของธรรมดาๆ พวกเขาย่อมจะไม่เก็บไว้!

การที่ของพวกนี้ถูกเก็บไว้ในศาลาฝากสมบัตินั้นมันหมายถึงว่าพวกมันล้ำค่าแน่แล้ว

เดิมทีเย่หยวนก็คิดจะบริจาคของทั้งหลายนี้ให้นิกายยาสุดล้ำอยู่แล้วแต่ตอนนี้เมื่อตัวเขาดันไปติดหนี้แต้มความดีมันก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะได้แก้ปัญหาในเรื่องนี้ไปด้วยในคราเดียว

‘นี่มันเรื่องอะไร?’ เมื่อหวังหลินได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ข้าก็นึกว่ามันจะเก็บอะไรไว้กับตัวที่แท้มันเป็นแค่แผ่นหยก! ในสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มันจะยังมีวิชาของค่ายสำนักใดเหนือกว่านิกายยาสุดล้ำ?”

เจิ้งเฉียนยิ้มกล่าวขึ้นตาม “ศิษย์พี่หวังพูดอะไรกัน มันคงคิดใช้จำนวนเข้าสู้แน่ๆ! คิดดูสิว่าหากแผ่นหยกหนึ่งอันมีค่าห้าสิบแต้มแล้ว พันแผ่นหยกมันก็เท่ากับห้าหมื่นแต้มนะ!”

แต่แผ่นหยกวิชากระจอกๆ แผ่นหนึ่งจะมีค่าถึงห้าสิบแต้ม?

ไม่มีทาง!

ห้องสมุดคัมภีร์ของนิกายยาสุดล้ำนั้นมันมีบันทึกมากมายจรดเพดาน

แผ่นหยกในนั้นมันมีมากมายหลายระดับ

แผ่นหยกทั้งหลายตรงหน้านี้มันคงเป็นได้แค่ของประดับไม่มีค่าใดๆ มากมาย

ที่สำคัญไปกว่านั้นแค่ของจากจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งมันจะมีค่าใด?

หรือจะบอกว่าแผ่นหยกนี้มันมีค่ากว่าความรู้ที่เจ้าโลกทั้งหลายเขียนกันในช่วงแสนๆ ปีที่ผ่านมา?

เชินเฟยเหวินยิ้มกล่าวขึ้น “หลานศิษย์เย่ หากเจ้าคิดจะใช้จำนวนเจ้าแลกแล้วมันคงไม่พอหรอกนะ! เจ้าน่าจะรู้ว่าในห้องสมุดคัมภีร์ของเรานั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน วิชาทั่วๆ ไปนั้นมันไม่อาจจะมีค่าเทียบเคียงใดๆ กับของในห้องสมุดคัมภีร์ได้เลย ต่อให้จะรับไว้มันก็คงไม่อาจมอบแต้มความดีให้ได้หรอก ของพวกนี้อย่างมากก็ได้แค่สามสี่แต้มความดีเท่านั้น เจ้าเก็บมันไว้เองเถอะ”

เย่หยวนไม่คิดจะเถียงให้มากความ “อาจารย์ลุงรีบร้อนเกินไปหรือไม่? ทำไมไม่ลองดูมันก่อนเล่า? จะเป็นไรไป?”

เชินเฟยเหวินได้แต่ต้องส่ายหัวกล่าวขึ้น “ได้ๆ เห็นแก่หน้าเจ้าข้าจะดูให้ก่อนก็ได้”

หวังหลินและพวกนั้นยิ้มเย้ยอยู่ด้านหลัง

มันดื้อด้านดีจริงๆ!

จากนั้นเชินเฟยเหวินก็เริ่มหยิบแผ่นหยกหนึ่งขึ้นมาส่งจิตลงไปอ่าน

แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็ซีดขาวลง!

“นี่…นี่มันบทหทัยลับเข้าฝันที่สาบสูญ!”

ความตกตะลึงบนใบหน้าของเชินเฟยเหวินนั้นมันไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

บทหทัยลับเข้าฝันนั้นมันคือของล้ำค่าที่เอาไปไว้บนชั้นหกห้องสมุดคัมภีร์ได้ง่ายๆ

ที่สำคัญมันยังสมบูรณ์อย่างมากด้วย!

เย่หยวนนั้นยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นท่าทางนั้นก่อนจะถาม “อาจารย์ลุงว่าอย่างไร ลองดูอีกสักแผ่นไหม?”

เชินเฟยเหวินที่ได้ยินต้องมือสั่นขึ้นมาก่อนจะมองหน้าเย่หยวนราวกับได้เห็นผี

‘เจ้าคงไม่ได้จะบอกว่าแผ่นหยกตรงหน้าทั้งหมดนี้มันมีระดับเดียวกับบทหทัยลับเข้าฝันหรอกใช่ไหม?’

แม้จะยังไม่อยากเชื่อแต่เขาก็หยิบแผ่นหยกอีกชิ้นขึ้นมาอ่านจนหน้าซีดขาวเป็นกระดาษอีกครั้ง!

………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+