Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!
“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ? นี่มันแต้มความดีไม่จำกัดเชียวนะ!”

“หากมีทรัพยากรไม่จำกัดแล้วความเร็วการบ่มเพาะมันก็ย่อมจะรวดเร็วขึ้นมากล้น อีกทั้งยังสามารถเอาสมบัติทั้งหลายมาใช้ได้ตามใจชอบ แต่เขา…กลับไม่อยากได้มัน?”

“บริจาคสมบัติมากมายปานนี้มันก็แค่จะชดใช้แต้มความดีที่ติดค้างห้องสมุดคัมภีร์ไว้? น่าเสียดายแท้! แต่ว่าพวกหวังหลินนั้นก็คงโดนตบจนหน้าชาไปแล้ว!”

พูดอีกก็ถูกอีก

เพราะตอนนี้พวกหวังหลินนั้นแทบอยากจะมุดดินหนีไปให้มันพ้นๆ

ไหนบอกว่าห้าหมื่นแต้มความดีนั้นมันเยอะมาก?

‘ข้าหาได้ห้าแสน ห้าล้าน ห้าสิบห้าร้อยล้านก็ยังได้ แต่ข้าไม่เอา!’

‘ข้าแค่จะคืนให้เจ้าห้าหมื่นตามตกลง!’

‘แล้วเป็นอย่างไรเล่า? รู้สึกหน้าชาขึ้นมาหรือไม่?’

ซ่งชิงหยางนั้นได้แต่อ้าปากค้างเพราะอาจารย์ลุงของเขานี้จะอวดเบ่งได้เก่งเกินไปแล้ว!

แต่ว่าเขานั้นก็ส่ายหัวออกมาในที่สุด “ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นนิกายมันคงติดค้างเจ้ามากเกินไป! สมบัตินี้มันล้ำค่าเกินไป!”

หากมันเป็นศิษย์ทั่วๆ ไปนั้นยังพอว่า

แต่เย่หยวนคือใคร? เขานั้นคืออาจารย์ลุง!

ต่อให้จะเอาให้ซ่งชิงหยางก็ไม่กล้ารับมันไว้!

เย่หยวนย่อมเข้าใจความคิดของซ่งชิงหยางจึงยิ้มตอบกลับไป “หากท่านเจ้านิกายคิดว่ามันมากเกินไป ข้าก็มีข้อเสนอหนึ่งให้ ท่านเจ้านิกายจะช่วยรับฟังได้หรือไม่?”

ซ่งชิงหยางตอบกลับทันที “ว่ามาเถอะ!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “ตอนนี้ศัตรูร้ายมันมาระรานถึงหน้าบ้านพวกเรา หากพวกเรายังเอาแต่เก็บตัวเห็นถึงแค่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วมันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายโดยแท้ ในเมื่อนิกายยาสุดล้ำเรานั้นคือผู้ปกครองด้านการโอสถเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเจ้าคนนายคนหน่อย ข้าว่าทรัพยากรบางอย่างของนิกายเรานั้นมันสามารถเปิดให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้ามาใช้ได้! อย่างเช่นห้องสมุดคัมภีร์นี้หรือลานฝึกหลายๆ ลานของเราที่มักว่างอยู่เสมอ”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมามันก็ย่อมจะเกิดเสียงฮือฮาขึ้นตาม

เพราะนี่มันคือเรื่องใหญ่!

สิ่งที่นิกายมีเหนือล้ำกว่าคนอื่นนั้นมันก็คือความรู้และทรัพยากรนี้

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายใดพวกเขาก็ล้วนปกปิดไม่เปิดเผยวิชาต่อกัน

เย่หยวนนั้นเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะว่าเขานั้นมีสถานะที่สูงพอ

สำหรับศิษย์ทั่วๆ ไปแล้วนั้นแค่การเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปแค่วันเดียวมันก็ถือว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินตัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย

ตอนนี้เย่หยวนนั้นกลับเสนอออกมาว่าจะให้เปิดห้องสมุดคัมภีร์ให้คนนอกในทวีปสวรรค์แรกได้เข้าใช้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!

ศิษย์ทั้งหลายนั้นหันมามองหน้าเย่หยวนราวกับเป็นคนโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

มันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอกว่านิกายต้องทำอะไรอย่างไร?

วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งชี้หน้าด่าว่าเย่หยวนขึ้น “โอหังนัก! เย่หยวน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน? นิกายเรามีวิธีการอย่างไรนั้นมันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอก? ทรัพยากรทั้งหลายนั้นมันคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำ เปิดมันให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้าดูมันย่อมเท่ากับทำลายรากฐานของนิกาย! เจ้ามีแผนร้ายต่อนิกายแล้ว!”

คนผู้นี้ย่อมจะมิใช่ใครอื่นนอกจากฉินชาน!

มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นออกโรงเองแล้ว

แต่ว่าเย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักอีกฝ่ายและต้องถามกลับไปด้วยใบหน้ามึนงง “เจ้าบ่มเพาะจนสมองเน่าไปแล้ว? หากข้าคิดทำลายรากฐานนิกายข้าจะเอาแผ่นหยกพวกนี้ออกมาให้เพื่ออะไร?”

ฉินชานนั้นหน้าดำตอบกลับมาทันที “ไอ้เด็กโอหัง! ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสพูดจาสามหาว คนอย่างเจ้ามันต้องโดนลงโทษ!”

ในตอนนั้นเองที่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้นมาเสริม “เจ้านิกาย ไอ้เด็กคนนี้มันโอหัง! ไม่สนใจไว้หน้าผู้เฒ่าผู้แก่ สมควรถูกสังหาร!”

เขานั้นคือเจียงเหยียนเตาหนึ่งในกระดูกสันหลังของฝ่ายอนุรักษ์

คำพูดของเย่หยวนนั้นย่อมจะทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

และมิใช่แค่เขาเท่านั้นคำพูดของเย่หยวนมันได้ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์แทบทุกคนไม่พอใจตามๆ กัน

ตอนนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนั้นจึงเริ่มด่าว่าเย่หยวนออกมาอย่างไม่ขาดปาก

ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ในนิกายยาสุดล้ำส่วนมากมันจะเป็นคนจากฝ่ายอนุรักษ์

เพราะฉะนั้นคำพูดเดียวของเย่หยวนนี้มันจึงทำให้เกิดการด่าว่าอย่างไม่มีใครขึ้นมาห้ามได้!

ออกมาจากปากพวกเขานั้นเย่หยวนกลายเป็นคนร้ายหมายทำลายบ้านเมืองคิดทำลายขายนิกายให้คนภายนอกและเรียกร้องให้ใช้โทษประหารเท่านั้น

คนทั้งหลายนั้นต่างมองว่าเย่หยวนคงจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว!

กลายเป็นเป้าหมายของคนมากขนาดนี้ต่อให้จะเป็นจั่วเฉินเองก็คงปกป้องไม่ได้แล้ว!

แม้ว่าซ่งชิงหยางและคนเบื้องบนทั้งหลายนั้นจะวางหน้านิ่งได้แต่ในใจของพวกเขานั้นกลับด่าทอกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก

ไม่เคารพผู้อาวุโส?

พ่อเจ้านั้นยังไม่กล้าจะเงยหน้ามองอาจารย์ลุงท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้ามันช่างเก่งกาจกันเสียจริง!

แต่ว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปจริงๆ

เพียงแค่ว่าด้วยตัวตนของเย่หยวนนี้ หรือว่าท่านทั้งหลายนั้นเองก็จะมีความต้องการไปในทางนี้ด้วย?

“พวกเจ้าหุบปาก!” ซ่งชิงหยางนั้นตวาดกล่าวขึ้นมาจนคนทั้งหลายต้องเงียบปากลง

ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เย่หยวน เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจได้ทันที เรื่องนี้เจ้านิกายคนเดียวคงไม่อาจตัดสิน! แต่ข้าจะเอาข้อเสนอของเจ้านี้กลับไปรายงานในหอสุดแสงเพื่อให้ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านนั้นช่วยตัดสินใจ!”

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านเจ้านิกายแล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นต่างแตกตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน! นี่ลมจะเปลี่ยนทิศแล้วหรือ? ข้อเสนอจากปากจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนั้นกลับจะไปถึงหูผู้อาวุโสหอสุดแสงได้? จะบ้าไปใหญ่แล้ว!

ตอนนี้คนทั้งหลายเหมือนตัวเองถูกตบหน้าเข้าด้วยมือที่มองไม่เห็น

พวกเจียงเหยียนเตาและฉินชานทั้งหลายนั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมา

เจ้านิกายและเหล่าคนเบื้องบนนั้นกลับสนใจความคิดของเด็กน้อยคนหนึ่ง?

ต่อให้จะมอบสมบัติล้ำค่าให้แค่ไหนมันก็มีสิทธิ์ถึงขั้นก้าวก่ายนิกายได้?

แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มสงบใจลงได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการมอบสมบัติขนาดนี้ให้นิกายมันก็ทำให้เย่หยวนเป็นคนมากคุณ ตอนนี้เจ้านิกายจึงคิดไว้หน้าเย่หยวนไปก่อน

ส่วนเรื่องการรายงานหอสุดแสง?

มันย่อมไม่มีทาง!

“เย่หยวน โอกาสดีๆ เช่นนั้นเจ้าคงสามารถแลกโอสถสุดจักรวรรดิออกมาได้ไม่ยาก! แต่เพื่อจะอวดเบ่งเจ้านั้นกลับลืมพี่เจ้าไปแล้วหรือ?” หยางชิงถามขึ้นมา

เย่หยวนหันมามองก่อนจะกล่าวขึ้น “โอสถสุดจักรวรรดิเพื่อ? โอสถสวรรค์ของนิกายนั้นมันก็ได้แค่เท่านั้น! ข้าจะหลอมโอสถสวรรค์ที่ดีกว่านั้นให้เจ้าได้ไปตบหน้าคนให้สาใจเลย!”

หยางชิงเบิกตากว้างขึ้นมา “นี่เรื่องจริง?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน!”

เจิ้งเฉียนกล่าวขึ้นมาขัดเมื่อได้ยิน “หึๆ พูดจาอวดดีเสียจริงๆ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าดูถูกโอสถสวรรค์ของนิกาย? อย่าได้ลืมว่าเจ้านั้นแค่ระดับห้า! บรรลุระดับลึกล้ำแล้วทำไม? เจ้าหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับลึกล้ำได้หรือ? น่าหัวเราะนัก!”

หวังหลินกล่าวขึ้นมาตาม “หึๆ ในนิกายยาสุดล้ำนี้มันไม่ได้มีแค่เจ้าที่บรรลุระดับลึกล้ำมาได้นะ! ยอดฝีมือระดับลึกล้ำนั้นมันมีอยู่มากมาย!”

เย่หยวนหันมามองหน้าหวังหลินก่อนจะยิ้มถามขึ้น “ศิษย์พี่หวัง หน้าท่านหายชาหรือยัง?”

หวังหลินที่ได้ยินนั้นต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำทันที

เขานั้นเสียท่าจริงๆ!

คิดเล่นงานเย่หยวนกี่ครั้งสุดท้ายก็ถูกตบหน้ากลับมาทุกครั้ง!

น่าอับอายนัก!

“พวกเจ้าพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แต่คำที่ออกมาแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบมันด้วยเล่า!” เย่หยวนยิ้มเย็นเยือกตอบกลับไป

คำพูดของเขานี้มันช่างโอหัง เป็นการข่มขู่โดยแท้!

เข้านิกายมาสิบปีนี้เย่หยวนทำเรื่องใหญ่โตไปแล้วกี่ครั้ง?

ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนั้นเย่หยวนก็ได้ทำให้นิกายต้องสั่นคลอนและเรื่องใหม่แต่ละครั้งนั้นมันก็ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

จนถึงวันนี้นิกายยาสุดล้ำนั้นเหมือนกำลังหมุนรอบตัวเย่หยวนก็ไม่ปาน

ขยะผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันมีดีอะไรกันแน่?

“มันเอาสมุนไพรสวรรค์ใดไปบ้าง?” ฉินชานถามขึ้น

“ชาลึกล้ำเข็มกระเรียน ฝนศักดิ์สิทธิ์ห้าทิศ…” หวังหลินค่อยๆ รายงานชื่อของสมุนไพรสวรรค์ที่เย่หยวนเอากลับไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน

ฉินชานนั้นอดเบิกตากว้างขึ้นไม่ได้ “โอสถวงจรอนันต์?!”

หวังหลินยิ้มตอบกลับอาจารย์ไป “ใช่แล้ว! ไอ้เด็กคนนี้มันคงไม่รู้จักฟ้าดิน! เพิ่งบรรลุระดับลึกล้ำมาได้สิบปีมันก็คิดว่าจะหลอมโอสถวงจรอนันต์ได้แล้ว นี่มันคือโอสถสวรรค์ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์! ฮ่าๆๆ…หยางชิงมันคงได้ตายห่าเพราะความโอหังของเย่หยวนมันแล้ว!”

ฉินชานนั้นเองก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ไอ้เด็กนี่ มัน…โอสถวงจรอนันต์ ต่อให้จะเป็นข้า ข้าก็คงพอหลอมได้แค่ถึงระดับแท้เท่านั้น! มันคิดว่ามันเป็นใครถึงกล้าเลือกหลอมโอสถสวรรค์นี้?”

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2859 ยากที่สุดในประวัติศาสตร์!
“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ? นี่มันแต้มความดีไม่จำกัดเชียวนะ!”

“หากมีทรัพยากรไม่จำกัดแล้วความเร็วการบ่มเพาะมันก็ย่อมจะรวดเร็วขึ้นมากล้น อีกทั้งยังสามารถเอาสมบัติทั้งหลายมาใช้ได้ตามใจชอบ แต่เขา…กลับไม่อยากได้มัน?”

“บริจาคสมบัติมากมายปานนี้มันก็แค่จะชดใช้แต้มความดีที่ติดค้างห้องสมุดคัมภีร์ไว้? น่าเสียดายแท้! แต่ว่าพวกหวังหลินนั้นก็คงโดนตบจนหน้าชาไปแล้ว!”

พูดอีกก็ถูกอีก

เพราะตอนนี้พวกหวังหลินนั้นแทบอยากจะมุดดินหนีไปให้มันพ้นๆ

ไหนบอกว่าห้าหมื่นแต้มความดีนั้นมันเยอะมาก?

‘ข้าหาได้ห้าแสน ห้าล้าน ห้าสิบห้าร้อยล้านก็ยังได้ แต่ข้าไม่เอา!’

‘ข้าแค่จะคืนให้เจ้าห้าหมื่นตามตกลง!’

‘แล้วเป็นอย่างไรเล่า? รู้สึกหน้าชาขึ้นมาหรือไม่?’

ซ่งชิงหยางนั้นได้แต่อ้าปากค้างเพราะอาจารย์ลุงของเขานี้จะอวดเบ่งได้เก่งเกินไปแล้ว!

แต่ว่าเขานั้นก็ส่ายหัวออกมาในที่สุด “ไม่ได้ หากทำเช่นนั้นนิกายมันคงติดค้างเจ้ามากเกินไป! สมบัตินี้มันล้ำค่าเกินไป!”

หากมันเป็นศิษย์ทั่วๆ ไปนั้นยังพอว่า

แต่เย่หยวนคือใคร? เขานั้นคืออาจารย์ลุง!

ต่อให้จะเอาให้ซ่งชิงหยางก็ไม่กล้ารับมันไว้!

เย่หยวนย่อมเข้าใจความคิดของซ่งชิงหยางจึงยิ้มตอบกลับไป “หากท่านเจ้านิกายคิดว่ามันมากเกินไป ข้าก็มีข้อเสนอหนึ่งให้ ท่านเจ้านิกายจะช่วยรับฟังได้หรือไม่?”

ซ่งชิงหยางตอบกลับทันที “ว่ามาเถอะ!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “ตอนนี้ศัตรูร้ายมันมาระรานถึงหน้าบ้านพวกเรา หากพวกเรายังเอาแต่เก็บตัวเห็นถึงแค่ประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วมันก็เท่ากับการฆ่าตัวตายโดยแท้ ในเมื่อนิกายยาสุดล้ำเรานั้นคือผู้ปกครองด้านการโอสถเราก็ต้องทำตัวให้เหมือนเจ้าคนนายคนหน่อย ข้าว่าทรัพยากรบางอย่างของนิกายเรานั้นมันสามารถเปิดให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้ามาใช้ได้! อย่างเช่นห้องสมุดคัมภีร์นี้หรือลานฝึกหลายๆ ลานของเราที่มักว่างอยู่เสมอ”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมามันก็ย่อมจะเกิดเสียงฮือฮาขึ้นตาม

เพราะนี่มันคือเรื่องใหญ่!

สิ่งที่นิกายมีเหนือล้ำกว่าคนอื่นนั้นมันก็คือความรู้และทรัพยากรนี้

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายใดพวกเขาก็ล้วนปกปิดไม่เปิดเผยวิชาต่อกัน

เย่หยวนนั้นเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปได้ง่ายๆ แต่ก็เพราะว่าเขานั้นมีสถานะที่สูงพอ

สำหรับศิษย์ทั่วๆ ไปแล้วนั้นแค่การเข้าห้องสมุดคัมภีร์ไปแค่วันเดียวมันก็ถือว่าเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินตัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย

ตอนนี้เย่หยวนนั้นกลับเสนอออกมาว่าจะให้เปิดห้องสมุดคัมภีร์ให้คนนอกในทวีปสวรรค์แรกได้เข้าใช้ มันจะบ้าเกินไปแล้ว!

ศิษย์ทั้งหลายนั้นหันมามองหน้าเย่หยวนราวกับเป็นคนโง่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?

มันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอกว่านิกายต้องทำอะไรอย่างไร?

วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งชี้หน้าด่าว่าเย่หยวนขึ้น “โอหังนัก! เย่หยวน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน? นิกายเรามีวิธีการอย่างไรนั้นมันใช่หน้าที่เจ้าหรือที่จะมาบอก? ทรัพยากรทั้งหลายนั้นมันคือรากฐานของนิกายยาสุดล้ำ เปิดมันให้คนทวีปสวรรค์แรกเข้าดูมันย่อมเท่ากับทำลายรากฐานของนิกาย! เจ้ามีแผนร้ายต่อนิกายแล้ว!”

คนผู้นี้ย่อมจะมิใช่ใครอื่นนอกจากฉินชาน!

มหาจักรพรรดิไร้สุดสวรรค์นั้นออกโรงเองแล้ว

แต่ว่าเย่หยวนย่อมจะไม่รู้จักอีกฝ่ายและต้องถามกลับไปด้วยใบหน้ามึนงง “เจ้าบ่มเพาะจนสมองเน่าไปแล้ว? หากข้าคิดทำลายรากฐานนิกายข้าจะเอาแผ่นหยกพวกนี้ออกมาให้เพื่ออะไร?”

ฉินชานนั้นหน้าดำตอบกลับมาทันที “ไอ้เด็กโอหัง! ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสพูดจาสามหาว คนอย่างเจ้ามันต้องโดนลงโทษ!”

ในตอนนั้นเองที่มหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้นมาเสริม “เจ้านิกาย ไอ้เด็กคนนี้มันโอหัง! ไม่สนใจไว้หน้าผู้เฒ่าผู้แก่ สมควรถูกสังหาร!”

เขานั้นคือเจียงเหยียนเตาหนึ่งในกระดูกสันหลังของฝ่ายอนุรักษ์

คำพูดของเย่หยวนนั้นย่อมจะทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

และมิใช่แค่เขาเท่านั้นคำพูดของเย่หยวนมันได้ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์แทบทุกคนไม่พอใจตามๆ กัน

ตอนนี้เหล่ามหาจักรพรรดิทั้งหลายนั้นจึงเริ่มด่าว่าเย่หยวนออกมาอย่างไม่ขาดปาก

ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ในนิกายยาสุดล้ำส่วนมากมันจะเป็นคนจากฝ่ายอนุรักษ์

เพราะฉะนั้นคำพูดเดียวของเย่หยวนนี้มันจึงทำให้เกิดการด่าว่าอย่างไม่มีใครขึ้นมาห้ามได้!

ออกมาจากปากพวกเขานั้นเย่หยวนกลายเป็นคนร้ายหมายทำลายบ้านเมืองคิดทำลายขายนิกายให้คนภายนอกและเรียกร้องให้ใช้โทษประหารเท่านั้น

คนทั้งหลายนั้นต่างมองว่าเย่หยวนคงจบสิ้นลงตรงนี้แล้ว!

กลายเป็นเป้าหมายของคนมากขนาดนี้ต่อให้จะเป็นจั่วเฉินเองก็คงปกป้องไม่ได้แล้ว!

แม้ว่าซ่งชิงหยางและคนเบื้องบนทั้งหลายนั้นจะวางหน้านิ่งได้แต่ในใจของพวกเขานั้นกลับด่าทอกลับไปด้วยใบหน้าเหยเก

ไม่เคารพผู้อาวุโส?

พ่อเจ้านั้นยังไม่กล้าจะเงยหน้ามองอาจารย์ลุงท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้ามันช่างเก่งกาจกันเสียจริง!

แต่ว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปจริงๆ

เพียงแค่ว่าด้วยตัวตนของเย่หยวนนี้ หรือว่าท่านทั้งหลายนั้นเองก็จะมีความต้องการไปในทางนี้ด้วย?

“พวกเจ้าหุบปาก!” ซ่งชิงหยางนั้นตวาดกล่าวขึ้นมาจนคนทั้งหลายต้องเงียบปากลง

ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เย่หยวน เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าจะตัดสินใจได้ทันที เรื่องนี้เจ้านิกายคนเดียวคงไม่อาจตัดสิน! แต่ข้าจะเอาข้อเสนอของเจ้านี้กลับไปรายงานในหอสุดแสงเพื่อให้ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านนั้นช่วยตัดสินใจ!”

เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านเจ้านิกายแล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นต่างแตกตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยิน! นี่ลมจะเปลี่ยนทิศแล้วหรือ? ข้อเสนอจากปากจักรพรรดิเซียนคนหนึ่งนั้นกลับจะไปถึงหูผู้อาวุโสหอสุดแสงได้? จะบ้าไปใหญ่แล้ว!

ตอนนี้คนทั้งหลายเหมือนตัวเองถูกตบหน้าเข้าด้วยมือที่มองไม่เห็น

พวกเจียงเหยียนเตาและฉินชานทั้งหลายนั้นต่างอ้าปากค้างขึ้นมา

เจ้านิกายและเหล่าคนเบื้องบนนั้นกลับสนใจความคิดของเด็กน้อยคนหนึ่ง?

ต่อให้จะมอบสมบัติล้ำค่าให้แค่ไหนมันก็มีสิทธิ์ถึงขั้นก้าวก่ายนิกายได้?

แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มสงบใจลงได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการมอบสมบัติขนาดนี้ให้นิกายมันก็ทำให้เย่หยวนเป็นคนมากคุณ ตอนนี้เจ้านิกายจึงคิดไว้หน้าเย่หยวนไปก่อน

ส่วนเรื่องการรายงานหอสุดแสง?

มันย่อมไม่มีทาง!

“เย่หยวน โอกาสดีๆ เช่นนั้นเจ้าคงสามารถแลกโอสถสุดจักรวรรดิออกมาได้ไม่ยาก! แต่เพื่อจะอวดเบ่งเจ้านั้นกลับลืมพี่เจ้าไปแล้วหรือ?” หยางชิงถามขึ้นมา

เย่หยวนหันมามองก่อนจะกล่าวขึ้น “โอสถสุดจักรวรรดิเพื่อ? โอสถสวรรค์ของนิกายนั้นมันก็ได้แค่เท่านั้น! ข้าจะหลอมโอสถสวรรค์ที่ดีกว่านั้นให้เจ้าได้ไปตบหน้าคนให้สาใจเลย!”

หยางชิงเบิกตากว้างขึ้นมา “นี่เรื่องจริง?”

เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน!”

เจิ้งเฉียนกล่าวขึ้นมาขัดเมื่อได้ยิน “หึๆ พูดจาอวดดีเสียจริงๆ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าดูถูกโอสถสวรรค์ของนิกาย? อย่าได้ลืมว่าเจ้านั้นแค่ระดับห้า! บรรลุระดับลึกล้ำแล้วทำไม? เจ้าหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับลึกล้ำได้หรือ? น่าหัวเราะนัก!”

หวังหลินกล่าวขึ้นมาตาม “หึๆ ในนิกายยาสุดล้ำนี้มันไม่ได้มีแค่เจ้าที่บรรลุระดับลึกล้ำมาได้นะ! ยอดฝีมือระดับลึกล้ำนั้นมันมีอยู่มากมาย!”

เย่หยวนหันมามองหน้าหวังหลินก่อนจะยิ้มถามขึ้น “ศิษย์พี่หวัง หน้าท่านหายชาหรือยัง?”

หวังหลินที่ได้ยินนั้นต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าแดงก่ำทันที

เขานั้นเสียท่าจริงๆ!

คิดเล่นงานเย่หยวนกี่ครั้งสุดท้ายก็ถูกตบหน้ากลับมาทุกครั้ง!

น่าอับอายนัก!

“พวกเจ้าพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แต่คำที่ออกมาแล้วเจ้าต้องรับผิดชอบมันด้วยเล่า!” เย่หยวนยิ้มเย็นเยือกตอบกลับไป

คำพูดของเขานี้มันช่างโอหัง เป็นการข่มขู่โดยแท้!

เข้านิกายมาสิบปีนี้เย่หยวนทำเรื่องใหญ่โตไปแล้วกี่ครั้ง?

ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนั้นเย่หยวนก็ได้ทำให้นิกายต้องสั่นคลอนและเรื่องใหม่แต่ละครั้งนั้นมันก็ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนๆ ไปอย่างสิ้นเชิง

จนถึงวันนี้นิกายยาสุดล้ำนั้นเหมือนกำลังหมุนรอบตัวเย่หยวนก็ไม่ปาน

ขยะผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันมีดีอะไรกันแน่?

“มันเอาสมุนไพรสวรรค์ใดไปบ้าง?” ฉินชานถามขึ้น

“ชาลึกล้ำเข็มกระเรียน ฝนศักดิ์สิทธิ์ห้าทิศ…” หวังหลินค่อยๆ รายงานชื่อของสมุนไพรสวรรค์ที่เย่หยวนเอากลับไปด้วยท่าทางเย้ยหยัน

ฉินชานนั้นอดเบิกตากว้างขึ้นไม่ได้ “โอสถวงจรอนันต์?!”

หวังหลินยิ้มตอบกลับอาจารย์ไป “ใช่แล้ว! ไอ้เด็กคนนี้มันคงไม่รู้จักฟ้าดิน! เพิ่งบรรลุระดับลึกล้ำมาได้สิบปีมันก็คิดว่าจะหลอมโอสถวงจรอนันต์ได้แล้ว นี่มันคือโอสถสวรรค์ที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์! ฮ่าๆๆ…หยางชิงมันคงได้ตายห่าเพราะความโอหังของเย่หยวนมันแล้ว!”

ฉินชานนั้นเองก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ไอ้เด็กนี่ มัน…โอสถวงจรอนันต์ ต่อให้จะเป็นข้า ข้าก็คงพอหลอมได้แค่ถึงระดับแท้เท่านั้น! มันคิดว่ามันเป็นใครถึงกล้าเลือกหลอมโอสถสวรรค์นี้?”

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+