Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2903 เจ้าโลกตะลึง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

“โหยวจินนั้น… ตาย?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แต่ต้องถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นมันได้เข้าสู่ความเงียบงัน

เจ้าโลกเฮยหยางนั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้าทันทีเพราะวินาทีก่อนนั้นเขายังว่าด่าเย่หยวนอย่างสุดตัว คิดถึงขั้นอยากจะส่งเย่หยวนไปตาย

แต่ตอนนี้…โหยวจินนั้นกลับเป็นคนตายลง!

นี่มันคือเจ้าโลกเผ่าเลือดคนแรกที่ตายลงตั้งแต่มีการสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้น!

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะเมินเฉย!

“ตายแล้ว! ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรเลย! เจ้าโลกโหยวจินตาย เฉียนั้วหนีไปได้อย่างบาดเจ็บสาหัส มหาจักรพรรดิเผ่าเลือดตายลงไปกว่าสามสิบคนและทหารอีกกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ตายลงสิ้น! ส่วนฝ่ายเรานั้นเสียกำลังไปเพียงเกือบสามพันคน! ชัยชนะครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะที่มหานครฉีใต้เป็นร้อยๆ เท่า!”

จางเฟยหงสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันไปด้วยซ้ำ

เพราะมันเหนือล้ำความเข้าใจ!

เดิมทีแล้วชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นมันนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว

แต่ว่าในชัยชนะครั้งนี้พวกเขากลับสังหารเจ้าโลกลงได้!

สังหารเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่ง!

อย่าว่าแต่ทหารสามแสนต่อให้จะเป็นทหารสามสิบล้านหรือสามร้อยล้านก็ไม่อาจจะมีความสำคัญเท่าเจ้าโลก คนเดียว!

เผ่าเลือดนั้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เท่าไหร่?

ในเมืองข่ายยักษ์นั้นมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านมาสมัครคัดเลือกร้อยบุตร!

เช่นนั้นแล้วจำนวนจักรพรรดิเซียนของสามทวีปนั้นมันคงจะมากเกินร้อยล้านไปได้ง่ายๆ!

แต่ในจักรพรรดิเซียนนับร้อยล้านนั้นมันมีเจ้าโลกเกิดขึ้นมาได้กี่คน?

เพราะหลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเองก็มีเจ้าโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แค่ห้าคนเท่านั้น

มันชัดเจนแล้วว่าตัวตนระดับเจ้าโลกนั้นสำคัญแค่ไหน!

แต่ตอนนี้เจ้าโลกคนหนึ่งกลับตายลงไป มีหรือที่จางเฟยหงจะไม่สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ?

เทพศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นเองก็แทบลืมหายใจไป

ยอดฝีมือระดับเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมายแค่ไหน?

แต่ครั้งนี้เขาตกตะลึงจนลืมหายใจไปจริงๆ!

“ตายไปไม่ถึงสามพัน? มัน…มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าเลือดนั้นมีแสงเนตรโลหิตที่ป้องกันเมืองได้ดีไม่แพ้ค่ายกลของเราๆ! ก…กลับมีคนตายแค่ไม่ถึงสามพัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง

จางเฟยหงตอบกลับไปด้วยใจที่เต้นรัว “เย่หยวนนั้นไม่รู้ไปเอาเลือดต้นมาจากไหน วินาทีที่เขาปล่อยพลังเลือดต้นนั้นออกมาแสงเนตรโลหิตมันก็สิ้นฤทธิ์ลงไปทันที! จากนั้น…มันก็เป็นการล่า! หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าปะทะโหยวจินที่บาดเจ็บหนักและสังหารเขาลงหลังจากไล่ล่ากันไปกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน!”

เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปพร้อมๆ กัน

เลือดต้น!

สิ้นฤทธิ์!

เจ้าจะบ้าหรือ?!

“ล…แล้วเขาไปเอาเลือดต้นมาจากไหน? ที่สำคัญต่อให้มันจะเป็นเลือดต้นมันก็คงไม่ถึงขั้นผนึกแสงเนตรโลหิตลงได้หรอกใช่ไหม?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นถามขึ้นมาด้วยความมึนงง

จางเฟยหงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ ท่านคงต้องลองถามเจ้าตัวเอาเองแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…”

ระหว่างที่จางเฟยหงตอบกลับไปนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานดังขึ้นมา

สะใจจนเกินไป!

ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นคิดว่าจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าแดนเผ่าเลือดหวังช่วยชีวิตศิษย์ทั้งสองกลับมา

ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมามันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!

ศิษย์ทั้งสองของเขานั้นกลับส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งกลับมาแทน!

ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานนั้นเจ้าโลกคนอื่นๆ ต่างก็ต้องเงียบปากไปทันที

นี่มันจะตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว!

เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งหลายนั้นยังด่าว่าเย่หยวน บอกว่าเย่หยวนหลงตัวเองเหลิงในความสำเร็จ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกตบหน้าเข้าในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา

หลงตัวเองเหลิงความสำเร็จ?

ลองไปสังหารเจ้าโลกลงให้ได้ก่อนค่อยมาว่าเถอะ!

“เจ้าพวกนี้นี่ เจ้าคิดจะเยาะเย้ยพ่อเจ้าใช่หรือไม่เล่า! เวลานี้รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หน้าชากันหรือไม่? ศิษย์ของพ่อเจ้านั้นมีคนใดบ้างที่ธรรมดา? อย่าว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่พวกเจ้านั้นเองที่วางตัวเหนือหัวผู้คนอยู่ทุกวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดบ้างที่เคยสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงได้? หือ? ส่งกำลังจากฉีใต้ออกไปตีข่ายยักษ์จนแตกพ่าย สะใจจริง! มันช่างสะใจดีเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”

เจ้าโลกหยุนซานนั้นรู้สึกสะใจอย่างมากที่สุดเพราะได้ตบหน้าคนทั้งหลายจนหัน

เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ลืมไปว่าตัวเองก็ได้ด่าว่าเย่หยวนและหลี่ชิงหยุนไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

แต่ตอนนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนั้นมาเยาะเย้ยเขาอีก

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างกับข่าวชัยชนะครั้งนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เข้ามาภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และอดไม่ได้ที่ต้องอ้าปากค้าง

นี่มันคือการผสานพลังของเจ้าโลกมากมาย เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยสุดยอดวิชามีพลังงานไร้สิ้นสุด

หากมิใช่เพราะเจ้าโลกทั้งหลายปล่อยให้เข้ามาแล้วต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดก็คงไม่อาจจะเล็ดลอด

เข้ามาได้

จากนั้นมันก็เกิดเงาร่างมากมายปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวพวกเย่หยวนไว้ให้พลังกดดันที่รุนแรง

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมารวมตัวกันมันต้องเป็นความหนักหน่วงปานใด?

แม้ว่าร่างทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกก็ตาม

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าแม้แต่หลี่ชิงหยุนหรือเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าซีดออกมาเมื่อได้เห็น

เจ้าโลกและมหาจักรพรรดินั้นมันแตกต่างกันฟ้ากับเหว!

เย่หยวนหันไปมองรอบๆ และนับได้ว่ามีเจ้าโลกทั้งหมดหกสิบสามคน!

นี่คงเป็นกำลังทั้งหมดที่เหลือของสวรรค์แรกแล้ว

“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กคนนี้เจ้าทำให้อาจารย์ได้หน้าใหญ่เสียจริง! เยี่ยมมาก! ทำได้สวยงามจริงๆ!” หยุนซานนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นเย่หยวน

แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ นั้นมันดูเหยเกแปลกๆ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โหยวจินนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหารลง มันควรเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับคำชมจากท่านอาจารย์!”

หลี่ชิงหยุนมองหน้าเย่หยวนและร้องขึ้น “ไม่ต้องมาพูดเช่นนั้น! มีหรือที่ข้าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะหน้าด้านไปแย่งความดีความชอบศิษย์น้องเล็ก? มันเป็นเจ้าที่รบเร้าให้เราออกทัพไปโจมตีเมืองข่ายยักษ์! และมันก็เป็นเจ้าที่ผนึกแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์ลงด้วยทำให้จักรพรรดิทั้งหลายไม่มีพลังต่อต้าน ทำให้ข้ามีโอกาสได้สังหารโหยวจิน หากมันมีพลังของแสงเนตรโลหิตมีหรือที่ข้าจะยังสังหารมันลงได้!”

เหมือนอย่างตอนที่เฉียนั้วมาโจมตีมหานครฉีใต้ก่อนๆ มานั้นที่เฟิงเสี่ยวเถียนสามารถรับมือยอดฝีมือคลื่นกำเนิดได้พร้อมกันสี่ห้าคนมันก็เพราะว่าเขาได้รับการสนับสนุน จากค่ายกล!

โหยวจินนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าโลกคนหนึ่ง หากเขาได้พลังเสริมจากแสงเนตรโลหิตแล้วหลี่ชิงหยุนย่อมจะลืมเรื่องฆ่าสังหารใดๆ ไปได้เลย

ได้ยินสองพี่น้องถ่อมตนเช่นนั้นออกมาเจ้าโลกคนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ

ชัยชนะยิ่งใหญ่ติดต่อกันนี้มันกลับเกิดขึ้นภายใต้มือคนจากสำนักหยุนซานสิ้น

ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าบ้าขี้โม้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือท้องฟ้าไปแล้ว

หนึ่งบรรลุเจ้าโลก หนึ่งเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดที่สังหารเจ้าโลกลงได้ ส่วนอีกคนนั้นยิ่งเป็นตัวประหลาดบุกเข้าไปเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมความลับเต็มตัว

นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

“เอาล่ะๆ ความดีความชอบของพวกเจ้านั้นข้าย่อมจะให้รางวัลอย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลย เย่หยวนข้าผู้นี้สงสัยแค่เรื่องเดียว เจ้าไปเอาเลือดต้นนั้นมาจากที่ใดกัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมา

เมื่อถูกถามเรื่องนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา

ได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่เย่หยวนค่อยๆ เล่าเรื่องราวของศิลาโลหิตโกลาหลออกมาสีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายมันก็ซีดขาวลง

ความดีใจในชัยชนะใดๆ นั้นมันหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกังวล

พวกเขานั้นคิดว่าคนที่เก่งกาจที่สุดของเผ่าเลือดมันคือหวังจั่ว

ใครจะไปคิดว่าในเผ่าเลือดมันกลับยังมีสิ่งที่เรียกว่าศิลาโลหิตโกลาหลนี้!

ดูจากที่เย่หยวนเล่ามานั้นหากเจ้าศิลานี้มันตื่นขึ้นแล้วมันคงทำให้เกิดหายนะแน่นอน!

เจ้าโลกหยุนซานนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้นดุว่า “เจ้าเด็กบ้านี่…เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองบ้าบิ่นแค่ไหน? เจ้าไม่คิดรักชีวิตบ้างหรืออย่างไร?”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่ได้เล่าถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น

แต่มีหรือที่เจ้าโลกหยุนซานจะไม่รู้?

มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันอันตรายแค่ไหน?

ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด มันย่อมจะทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไปเล่นลูกไม้เช่นนี้มันย่อมจะไม่ต่างอะไรจากการเอามีดมาลองปาดคอตัวเอง

พลาดไปนิดคงเท่ากับชีวิต

แต่เย่หยวนนั้นรอดกลับมาได้!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นธนูมันถูกง้างแล้วจะไม่ปล่อยมันก็ไม่ได้! ความลับเช่นนั้นหากข้าไม่เข้าไปดูแล้วจะให้ใครเข้าไปดูอีก? แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มา เลือดต้นที่ข้าได้มานี้มันสร้างชัยชนะใหญ่ยิ่งให้พวกเรา”

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าบุกเข้าไปหลอกลวงถึงศิลามารดาของเผ่าเลือด!

จะบ้าเกินไปแล้ว!

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าช่วยแสดงพลังของเลือดต้นนี้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยพลังของเลือดต้นให้ปะทุขึ้น

แต่ภาพนี้มันทำให้เจ้าโลกทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไป

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่…มันช่างเป็นคลื่นกำเนิดที่บริสุทธิ์นัก! ไม่แปลก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหยุดแสงเนตรโลหิตไว้ได้! ศิลาโลหิตโกลาหลนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายในตอนนี้ต่างคุ้นเคยกับคลื่นกำเนิดดี

พวกเขานั้นเคยต่อสู้กับเผ่าเลือดมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าย่อมจะเข้าใจพลังของเผ่าเลือดในระดับหนึ่ง

แต่ว่าแม้แต่ตัวหวังจั่วเองก็ยังไม่มีเลือดกำเนิดที่บริสุทธิ์ได้ปานนี้!

นี่มันคือเลือดต้นกำเนิดอย่างแท้จริง!

หากมองเสือดาวผ่านท่อมันก็อาจจะเห็นลายจุดแค่จุดเดียว พวกเขานั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน

“หากเจ้าศิลาโลหิตโกลาหลมันได้เกิดขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทุกสวรรค์แน่! ของเช่นนี้มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? เผ่าเลือดนั้นมันช่างซ่อนเรื่องราวได้ลึกล้ำนัก!” เจ้าโลกหยุนซานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เจ้าโลกคนอื่นๆ เองก็ต้องพยักหน้าตามเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกัน

แต่จากนั้นมันก็มีแต่ความสิ้นหวัง

เพราะพวกเขานั้นไร้พลังจะเปลี่ยนแปลงอะไร

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลายหากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้หวังจั่วมันคงกำลังไปบอกให้ศิลาโลหิตโกลาหลดึงเอาเลือดต้นนี้กลับไป! ข้านั้นมาเพื่อหวังจะให้พวกท่านทั้งหลายช่วยข้าผนึกเลือดต้นนี้ไว้! ถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ลองคาดเดาพลังของศิลาโลหิตโกลาหลนี้ไปด้วยเลย”

เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนนั้นไม่อาจเข้าใจขอบเขตพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้เลย

เขานั้นรู้แค่ว่ามันทรงพลังแต่ถามว่าทรงพลังแค่ไหนเขาก็ตอบไม่ได้เพราะเขานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ เกินกว่าจะกะคาดเดาได้

แต่เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะวัดได้แน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2903 เจ้าโลกตะลึง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

“โหยวจินนั้น… ตาย?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แต่ต้องถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นมันได้เข้าสู่ความเงียบงัน

เจ้าโลกเฮยหยางนั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้าทันทีเพราะวินาทีก่อนนั้นเขายังว่าด่าเย่หยวนอย่างสุดตัว คิดถึงขั้นอยากจะส่งเย่หยวนไปตาย

แต่ตอนนี้…โหยวจินนั้นกลับเป็นคนตายลง!

นี่มันคือเจ้าโลกเผ่าเลือดคนแรกที่ตายลงตั้งแต่มีการสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้น!

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะเมินเฉย!

“ตายแล้ว! ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรเลย! เจ้าโลกโหยวจินตาย เฉียนั้วหนีไปได้อย่างบาดเจ็บสาหัส มหาจักรพรรดิเผ่าเลือดตายลงไปกว่าสามสิบคนและทหารอีกกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ตายลงสิ้น! ส่วนฝ่ายเรานั้นเสียกำลังไปเพียงเกือบสามพันคน! ชัยชนะครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะที่มหานครฉีใต้เป็นร้อยๆ เท่า!”

จางเฟยหงสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันไปด้วยซ้ำ

เพราะมันเหนือล้ำความเข้าใจ!

เดิมทีแล้วชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นมันนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว

แต่ว่าในชัยชนะครั้งนี้พวกเขากลับสังหารเจ้าโลกลงได้!

สังหารเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่ง!

อย่าว่าแต่ทหารสามแสนต่อให้จะเป็นทหารสามสิบล้านหรือสามร้อยล้านก็ไม่อาจจะมีความสำคัญเท่าเจ้าโลก คนเดียว!

เผ่าเลือดนั้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เท่าไหร่?

ในเมืองข่ายยักษ์นั้นมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านมาสมัครคัดเลือกร้อยบุตร!

เช่นนั้นแล้วจำนวนจักรพรรดิเซียนของสามทวีปนั้นมันคงจะมากเกินร้อยล้านไปได้ง่ายๆ!

แต่ในจักรพรรดิเซียนนับร้อยล้านนั้นมันมีเจ้าโลกเกิดขึ้นมาได้กี่คน?

เพราะหลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเองก็มีเจ้าโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แค่ห้าคนเท่านั้น

มันชัดเจนแล้วว่าตัวตนระดับเจ้าโลกนั้นสำคัญแค่ไหน!

แต่ตอนนี้เจ้าโลกคนหนึ่งกลับตายลงไป มีหรือที่จางเฟยหงจะไม่สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ?

เทพศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นเองก็แทบลืมหายใจไป

ยอดฝีมือระดับเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมายแค่ไหน?

แต่ครั้งนี้เขาตกตะลึงจนลืมหายใจไปจริงๆ!

“ตายไปไม่ถึงสามพัน? มัน…มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าเลือดนั้นมีแสงเนตรโลหิตที่ป้องกันเมืองได้ดีไม่แพ้ค่ายกลของเราๆ! ก…กลับมีคนตายแค่ไม่ถึงสามพัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง

จางเฟยหงตอบกลับไปด้วยใจที่เต้นรัว “เย่หยวนนั้นไม่รู้ไปเอาเลือดต้นมาจากไหน วินาทีที่เขาปล่อยพลังเลือดต้นนั้นออกมาแสงเนตรโลหิตมันก็สิ้นฤทธิ์ลงไปทันที! จากนั้น…มันก็เป็นการล่า! หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าปะทะโหยวจินที่บาดเจ็บหนักและสังหารเขาลงหลังจากไล่ล่ากันไปกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน!”

เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปพร้อมๆ กัน

เลือดต้น!

สิ้นฤทธิ์!

เจ้าจะบ้าหรือ?!

“ล…แล้วเขาไปเอาเลือดต้นมาจากไหน? ที่สำคัญต่อให้มันจะเป็นเลือดต้นมันก็คงไม่ถึงขั้นผนึกแสงเนตรโลหิตลงได้หรอกใช่ไหม?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นถามขึ้นมาด้วยความมึนงง

จางเฟยหงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ ท่านคงต้องลองถามเจ้าตัวเอาเองแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…”

ระหว่างที่จางเฟยหงตอบกลับไปนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานดังขึ้นมา

สะใจจนเกินไป!

ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นคิดว่าจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าแดนเผ่าเลือดหวังช่วยชีวิตศิษย์ทั้งสองกลับมา

ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมามันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!

ศิษย์ทั้งสองของเขานั้นกลับส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งกลับมาแทน!

ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานนั้นเจ้าโลกคนอื่นๆ ต่างก็ต้องเงียบปากไปทันที

นี่มันจะตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว!

เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งหลายนั้นยังด่าว่าเย่หยวน บอกว่าเย่หยวนหลงตัวเองเหลิงในความสำเร็จ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกตบหน้าเข้าในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา

หลงตัวเองเหลิงความสำเร็จ?

ลองไปสังหารเจ้าโลกลงให้ได้ก่อนค่อยมาว่าเถอะ!

“เจ้าพวกนี้นี่ เจ้าคิดจะเยาะเย้ยพ่อเจ้าใช่หรือไม่เล่า! เวลานี้รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หน้าชากันหรือไม่? ศิษย์ของพ่อเจ้านั้นมีคนใดบ้างที่ธรรมดา? อย่าว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่พวกเจ้านั้นเองที่วางตัวเหนือหัวผู้คนอยู่ทุกวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดบ้างที่เคยสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงได้? หือ? ส่งกำลังจากฉีใต้ออกไปตีข่ายยักษ์จนแตกพ่าย สะใจจริง! มันช่างสะใจดีเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”

เจ้าโลกหยุนซานนั้นรู้สึกสะใจอย่างมากที่สุดเพราะได้ตบหน้าคนทั้งหลายจนหัน

เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ลืมไปว่าตัวเองก็ได้ด่าว่าเย่หยวนและหลี่ชิงหยุนไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

แต่ตอนนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนั้นมาเยาะเย้ยเขาอีก

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างกับข่าวชัยชนะครั้งนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เข้ามาภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และอดไม่ได้ที่ต้องอ้าปากค้าง

นี่มันคือการผสานพลังของเจ้าโลกมากมาย เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยสุดยอดวิชามีพลังงานไร้สิ้นสุด

หากมิใช่เพราะเจ้าโลกทั้งหลายปล่อยให้เข้ามาแล้วต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดก็คงไม่อาจจะเล็ดลอด

เข้ามาได้

จากนั้นมันก็เกิดเงาร่างมากมายปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวพวกเย่หยวนไว้ให้พลังกดดันที่รุนแรง

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมารวมตัวกันมันต้องเป็นความหนักหน่วงปานใด?

แม้ว่าร่างทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกก็ตาม

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าแม้แต่หลี่ชิงหยุนหรือเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าซีดออกมาเมื่อได้เห็น

เจ้าโลกและมหาจักรพรรดินั้นมันแตกต่างกันฟ้ากับเหว!

เย่หยวนหันไปมองรอบๆ และนับได้ว่ามีเจ้าโลกทั้งหมดหกสิบสามคน!

นี่คงเป็นกำลังทั้งหมดที่เหลือของสวรรค์แรกแล้ว

“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กคนนี้เจ้าทำให้อาจารย์ได้หน้าใหญ่เสียจริง! เยี่ยมมาก! ทำได้สวยงามจริงๆ!” หยุนซานนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นเย่หยวน

แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ นั้นมันดูเหยเกแปลกๆ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โหยวจินนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหารลง มันควรเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับคำชมจากท่านอาจารย์!”

หลี่ชิงหยุนมองหน้าเย่หยวนและร้องขึ้น “ไม่ต้องมาพูดเช่นนั้น! มีหรือที่ข้าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะหน้าด้านไปแย่งความดีความชอบศิษย์น้องเล็ก? มันเป็นเจ้าที่รบเร้าให้เราออกทัพไปโจมตีเมืองข่ายยักษ์! และมันก็เป็นเจ้าที่ผนึกแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์ลงด้วยทำให้จักรพรรดิทั้งหลายไม่มีพลังต่อต้าน ทำให้ข้ามีโอกาสได้สังหารโหยวจิน หากมันมีพลังของแสงเนตรโลหิตมีหรือที่ข้าจะยังสังหารมันลงได้!”

เหมือนอย่างตอนที่เฉียนั้วมาโจมตีมหานครฉีใต้ก่อนๆ มานั้นที่เฟิงเสี่ยวเถียนสามารถรับมือยอดฝีมือคลื่นกำเนิดได้พร้อมกันสี่ห้าคนมันก็เพราะว่าเขาได้รับการสนับสนุน จากค่ายกล!

โหยวจินนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าโลกคนหนึ่ง หากเขาได้พลังเสริมจากแสงเนตรโลหิตแล้วหลี่ชิงหยุนย่อมจะลืมเรื่องฆ่าสังหารใดๆ ไปได้เลย

ได้ยินสองพี่น้องถ่อมตนเช่นนั้นออกมาเจ้าโลกคนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ

ชัยชนะยิ่งใหญ่ติดต่อกันนี้มันกลับเกิดขึ้นภายใต้มือคนจากสำนักหยุนซานสิ้น

ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าบ้าขี้โม้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือท้องฟ้าไปแล้ว

หนึ่งบรรลุเจ้าโลก หนึ่งเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดที่สังหารเจ้าโลกลงได้ ส่วนอีกคนนั้นยิ่งเป็นตัวประหลาดบุกเข้าไปเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมความลับเต็มตัว

นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

“เอาล่ะๆ ความดีความชอบของพวกเจ้านั้นข้าย่อมจะให้รางวัลอย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลย เย่หยวนข้าผู้นี้สงสัยแค่เรื่องเดียว เจ้าไปเอาเลือดต้นนั้นมาจากที่ใดกัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมา

เมื่อถูกถามเรื่องนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา

ได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่เย่หยวนค่อยๆ เล่าเรื่องราวของศิลาโลหิตโกลาหลออกมาสีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายมันก็ซีดขาวลง

ความดีใจในชัยชนะใดๆ นั้นมันหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกังวล

พวกเขานั้นคิดว่าคนที่เก่งกาจที่สุดของเผ่าเลือดมันคือหวังจั่ว

ใครจะไปคิดว่าในเผ่าเลือดมันกลับยังมีสิ่งที่เรียกว่าศิลาโลหิตโกลาหลนี้!

ดูจากที่เย่หยวนเล่ามานั้นหากเจ้าศิลานี้มันตื่นขึ้นแล้วมันคงทำให้เกิดหายนะแน่นอน!

เจ้าโลกหยุนซานนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้นดุว่า “เจ้าเด็กบ้านี่…เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองบ้าบิ่นแค่ไหน? เจ้าไม่คิดรักชีวิตบ้างหรืออย่างไร?”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่ได้เล่าถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น

แต่มีหรือที่เจ้าโลกหยุนซานจะไม่รู้?

มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันอันตรายแค่ไหน?

ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด มันย่อมจะทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไปเล่นลูกไม้เช่นนี้มันย่อมจะไม่ต่างอะไรจากการเอามีดมาลองปาดคอตัวเอง

พลาดไปนิดคงเท่ากับชีวิต

แต่เย่หยวนนั้นรอดกลับมาได้!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นธนูมันถูกง้างแล้วจะไม่ปล่อยมันก็ไม่ได้! ความลับเช่นนั้นหากข้าไม่เข้าไปดูแล้วจะให้ใครเข้าไปดูอีก? แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มา เลือดต้นที่ข้าได้มานี้มันสร้างชัยชนะใหญ่ยิ่งให้พวกเรา”

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าบุกเข้าไปหลอกลวงถึงศิลามารดาของเผ่าเลือด!

จะบ้าเกินไปแล้ว!

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าช่วยแสดงพลังของเลือดต้นนี้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยพลังของเลือดต้นให้ปะทุขึ้น

แต่ภาพนี้มันทำให้เจ้าโลกทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไป

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่…มันช่างเป็นคลื่นกำเนิดที่บริสุทธิ์นัก! ไม่แปลก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหยุดแสงเนตรโลหิตไว้ได้! ศิลาโลหิตโกลาหลนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายในตอนนี้ต่างคุ้นเคยกับคลื่นกำเนิดดี

พวกเขานั้นเคยต่อสู้กับเผ่าเลือดมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าย่อมจะเข้าใจพลังของเผ่าเลือดในระดับหนึ่ง

แต่ว่าแม้แต่ตัวหวังจั่วเองก็ยังไม่มีเลือดกำเนิดที่บริสุทธิ์ได้ปานนี้!

นี่มันคือเลือดต้นกำเนิดอย่างแท้จริง!

หากมองเสือดาวผ่านท่อมันก็อาจจะเห็นลายจุดแค่จุดเดียว พวกเขานั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน

“หากเจ้าศิลาโลหิตโกลาหลมันได้เกิดขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทุกสวรรค์แน่! ของเช่นนี้มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? เผ่าเลือดนั้นมันช่างซ่อนเรื่องราวได้ลึกล้ำนัก!” เจ้าโลกหยุนซานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เจ้าโลกคนอื่นๆ เองก็ต้องพยักหน้าตามเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกัน

แต่จากนั้นมันก็มีแต่ความสิ้นหวัง

เพราะพวกเขานั้นไร้พลังจะเปลี่ยนแปลงอะไร

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลายหากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้หวังจั่วมันคงกำลังไปบอกให้ศิลาโลหิตโกลาหลดึงเอาเลือดต้นนี้กลับไป! ข้านั้นมาเพื่อหวังจะให้พวกท่านทั้งหลายช่วยข้าผนึกเลือดต้นนี้ไว้! ถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ลองคาดเดาพลังของศิลาโลหิตโกลาหลนี้ไปด้วยเลย”

เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนนั้นไม่อาจเข้าใจขอบเขตพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้เลย

เขานั้นรู้แค่ว่ามันทรงพลังแต่ถามว่าทรงพลังแค่ไหนเขาก็ตอบไม่ได้เพราะเขานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ เกินกว่าจะกะคาดเดาได้

แต่เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะวัดได้แน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2903 เจ้าโลกตะลึง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

“โหยวจินนั้น… ตาย?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แต่ต้องถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นมันได้เข้าสู่ความเงียบงัน

เจ้าโลกเฮยหยางนั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้าทันทีเพราะวินาทีก่อนนั้นเขายังว่าด่าเย่หยวนอย่างสุดตัว คิดถึงขั้นอยากจะส่งเย่หยวนไปตาย

แต่ตอนนี้…โหยวจินนั้นกลับเป็นคนตายลง!

นี่มันคือเจ้าโลกเผ่าเลือดคนแรกที่ตายลงตั้งแต่มีการสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้น!

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะเมินเฉย!

“ตายแล้ว! ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรเลย! เจ้าโลกโหยวจินตาย เฉียนั้วหนีไปได้อย่างบาดเจ็บสาหัส มหาจักรพรรดิเผ่าเลือดตายลงไปกว่าสามสิบคนและทหารอีกกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ตายลงสิ้น! ส่วนฝ่ายเรานั้นเสียกำลังไปเพียงเกือบสามพันคน! ชัยชนะครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะที่มหานครฉีใต้เป็นร้อยๆ เท่า!”

จางเฟยหงสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันไปด้วยซ้ำ

เพราะมันเหนือล้ำความเข้าใจ!

เดิมทีแล้วชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นมันนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว

แต่ว่าในชัยชนะครั้งนี้พวกเขากลับสังหารเจ้าโลกลงได้!

สังหารเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่ง!

อย่าว่าแต่ทหารสามแสนต่อให้จะเป็นทหารสามสิบล้านหรือสามร้อยล้านก็ไม่อาจจะมีความสำคัญเท่าเจ้าโลก คนเดียว!

เผ่าเลือดนั้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เท่าไหร่?

ในเมืองข่ายยักษ์นั้นมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านมาสมัครคัดเลือกร้อยบุตร!

เช่นนั้นแล้วจำนวนจักรพรรดิเซียนของสามทวีปนั้นมันคงจะมากเกินร้อยล้านไปได้ง่ายๆ!

แต่ในจักรพรรดิเซียนนับร้อยล้านนั้นมันมีเจ้าโลกเกิดขึ้นมาได้กี่คน?

เพราะหลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเองก็มีเจ้าโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แค่ห้าคนเท่านั้น

มันชัดเจนแล้วว่าตัวตนระดับเจ้าโลกนั้นสำคัญแค่ไหน!

แต่ตอนนี้เจ้าโลกคนหนึ่งกลับตายลงไป มีหรือที่จางเฟยหงจะไม่สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ?

เทพศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นเองก็แทบลืมหายใจไป

ยอดฝีมือระดับเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมายแค่ไหน?

แต่ครั้งนี้เขาตกตะลึงจนลืมหายใจไปจริงๆ!

“ตายไปไม่ถึงสามพัน? มัน…มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าเลือดนั้นมีแสงเนตรโลหิตที่ป้องกันเมืองได้ดีไม่แพ้ค่ายกลของเราๆ! ก…กลับมีคนตายแค่ไม่ถึงสามพัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง

จางเฟยหงตอบกลับไปด้วยใจที่เต้นรัว “เย่หยวนนั้นไม่รู้ไปเอาเลือดต้นมาจากไหน วินาทีที่เขาปล่อยพลังเลือดต้นนั้นออกมาแสงเนตรโลหิตมันก็สิ้นฤทธิ์ลงไปทันที! จากนั้น…มันก็เป็นการล่า! หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าปะทะโหยวจินที่บาดเจ็บหนักและสังหารเขาลงหลังจากไล่ล่ากันไปกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน!”

เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปพร้อมๆ กัน

เลือดต้น!

สิ้นฤทธิ์!

เจ้าจะบ้าหรือ?!

“ล…แล้วเขาไปเอาเลือดต้นมาจากไหน? ที่สำคัญต่อให้มันจะเป็นเลือดต้นมันก็คงไม่ถึงขั้นผนึกแสงเนตรโลหิตลงได้หรอกใช่ไหม?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นถามขึ้นมาด้วยความมึนงง

จางเฟยหงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ ท่านคงต้องลองถามเจ้าตัวเอาเองแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…”

ระหว่างที่จางเฟยหงตอบกลับไปนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานดังขึ้นมา

สะใจจนเกินไป!

ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นคิดว่าจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าแดนเผ่าเลือดหวังช่วยชีวิตศิษย์ทั้งสองกลับมา

ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมามันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!

ศิษย์ทั้งสองของเขานั้นกลับส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งกลับมาแทน!

ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานนั้นเจ้าโลกคนอื่นๆ ต่างก็ต้องเงียบปากไปทันที

นี่มันจะตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว!

เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งหลายนั้นยังด่าว่าเย่หยวน บอกว่าเย่หยวนหลงตัวเองเหลิงในความสำเร็จ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกตบหน้าเข้าในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา

หลงตัวเองเหลิงความสำเร็จ?

ลองไปสังหารเจ้าโลกลงให้ได้ก่อนค่อยมาว่าเถอะ!

“เจ้าพวกนี้นี่ เจ้าคิดจะเยาะเย้ยพ่อเจ้าใช่หรือไม่เล่า! เวลานี้รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หน้าชากันหรือไม่? ศิษย์ของพ่อเจ้านั้นมีคนใดบ้างที่ธรรมดา? อย่าว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่พวกเจ้านั้นเองที่วางตัวเหนือหัวผู้คนอยู่ทุกวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดบ้างที่เคยสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงได้? หือ? ส่งกำลังจากฉีใต้ออกไปตีข่ายยักษ์จนแตกพ่าย สะใจจริง! มันช่างสะใจดีเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”

เจ้าโลกหยุนซานนั้นรู้สึกสะใจอย่างมากที่สุดเพราะได้ตบหน้าคนทั้งหลายจนหัน

เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ลืมไปว่าตัวเองก็ได้ด่าว่าเย่หยวนและหลี่ชิงหยุนไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

แต่ตอนนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนั้นมาเยาะเย้ยเขาอีก

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างกับข่าวชัยชนะครั้งนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เข้ามาภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และอดไม่ได้ที่ต้องอ้าปากค้าง

นี่มันคือการผสานพลังของเจ้าโลกมากมาย เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยสุดยอดวิชามีพลังงานไร้สิ้นสุด

หากมิใช่เพราะเจ้าโลกทั้งหลายปล่อยให้เข้ามาแล้วต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดก็คงไม่อาจจะเล็ดลอด

เข้ามาได้

จากนั้นมันก็เกิดเงาร่างมากมายปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวพวกเย่หยวนไว้ให้พลังกดดันที่รุนแรง

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมารวมตัวกันมันต้องเป็นความหนักหน่วงปานใด?

แม้ว่าร่างทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกก็ตาม

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าแม้แต่หลี่ชิงหยุนหรือเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าซีดออกมาเมื่อได้เห็น

เจ้าโลกและมหาจักรพรรดินั้นมันแตกต่างกันฟ้ากับเหว!

เย่หยวนหันไปมองรอบๆ และนับได้ว่ามีเจ้าโลกทั้งหมดหกสิบสามคน!

นี่คงเป็นกำลังทั้งหมดที่เหลือของสวรรค์แรกแล้ว

“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กคนนี้เจ้าทำให้อาจารย์ได้หน้าใหญ่เสียจริง! เยี่ยมมาก! ทำได้สวยงามจริงๆ!” หยุนซานนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นเย่หยวน

แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ นั้นมันดูเหยเกแปลกๆ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โหยวจินนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหารลง มันควรเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับคำชมจากท่านอาจารย์!”

หลี่ชิงหยุนมองหน้าเย่หยวนและร้องขึ้น “ไม่ต้องมาพูดเช่นนั้น! มีหรือที่ข้าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะหน้าด้านไปแย่งความดีความชอบศิษย์น้องเล็ก? มันเป็นเจ้าที่รบเร้าให้เราออกทัพไปโจมตีเมืองข่ายยักษ์! และมันก็เป็นเจ้าที่ผนึกแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์ลงด้วยทำให้จักรพรรดิทั้งหลายไม่มีพลังต่อต้าน ทำให้ข้ามีโอกาสได้สังหารโหยวจิน หากมันมีพลังของแสงเนตรโลหิตมีหรือที่ข้าจะยังสังหารมันลงได้!”

เหมือนอย่างตอนที่เฉียนั้วมาโจมตีมหานครฉีใต้ก่อนๆ มานั้นที่เฟิงเสี่ยวเถียนสามารถรับมือยอดฝีมือคลื่นกำเนิดได้พร้อมกันสี่ห้าคนมันก็เพราะว่าเขาได้รับการสนับสนุน จากค่ายกล!

โหยวจินนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าโลกคนหนึ่ง หากเขาได้พลังเสริมจากแสงเนตรโลหิตแล้วหลี่ชิงหยุนย่อมจะลืมเรื่องฆ่าสังหารใดๆ ไปได้เลย

ได้ยินสองพี่น้องถ่อมตนเช่นนั้นออกมาเจ้าโลกคนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ

ชัยชนะยิ่งใหญ่ติดต่อกันนี้มันกลับเกิดขึ้นภายใต้มือคนจากสำนักหยุนซานสิ้น

ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าบ้าขี้โม้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือท้องฟ้าไปแล้ว

หนึ่งบรรลุเจ้าโลก หนึ่งเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดที่สังหารเจ้าโลกลงได้ ส่วนอีกคนนั้นยิ่งเป็นตัวประหลาดบุกเข้าไปเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมความลับเต็มตัว

นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

“เอาล่ะๆ ความดีความชอบของพวกเจ้านั้นข้าย่อมจะให้รางวัลอย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลย เย่หยวนข้าผู้นี้สงสัยแค่เรื่องเดียว เจ้าไปเอาเลือดต้นนั้นมาจากที่ใดกัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมา

เมื่อถูกถามเรื่องนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา

ได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่เย่หยวนค่อยๆ เล่าเรื่องราวของศิลาโลหิตโกลาหลออกมาสีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายมันก็ซีดขาวลง

ความดีใจในชัยชนะใดๆ นั้นมันหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกังวล

พวกเขานั้นคิดว่าคนที่เก่งกาจที่สุดของเผ่าเลือดมันคือหวังจั่ว

ใครจะไปคิดว่าในเผ่าเลือดมันกลับยังมีสิ่งที่เรียกว่าศิลาโลหิตโกลาหลนี้!

ดูจากที่เย่หยวนเล่ามานั้นหากเจ้าศิลานี้มันตื่นขึ้นแล้วมันคงทำให้เกิดหายนะแน่นอน!

เจ้าโลกหยุนซานนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้นดุว่า “เจ้าเด็กบ้านี่…เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองบ้าบิ่นแค่ไหน? เจ้าไม่คิดรักชีวิตบ้างหรืออย่างไร?”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่ได้เล่าถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น

แต่มีหรือที่เจ้าโลกหยุนซานจะไม่รู้?

มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันอันตรายแค่ไหน?

ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด มันย่อมจะทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไปเล่นลูกไม้เช่นนี้มันย่อมจะไม่ต่างอะไรจากการเอามีดมาลองปาดคอตัวเอง

พลาดไปนิดคงเท่ากับชีวิต

แต่เย่หยวนนั้นรอดกลับมาได้!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นธนูมันถูกง้างแล้วจะไม่ปล่อยมันก็ไม่ได้! ความลับเช่นนั้นหากข้าไม่เข้าไปดูแล้วจะให้ใครเข้าไปดูอีก? แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มา เลือดต้นที่ข้าได้มานี้มันสร้างชัยชนะใหญ่ยิ่งให้พวกเรา”

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าบุกเข้าไปหลอกลวงถึงศิลามารดาของเผ่าเลือด!

จะบ้าเกินไปแล้ว!

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าช่วยแสดงพลังของเลือดต้นนี้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยพลังของเลือดต้นให้ปะทุขึ้น

แต่ภาพนี้มันทำให้เจ้าโลกทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไป

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่…มันช่างเป็นคลื่นกำเนิดที่บริสุทธิ์นัก! ไม่แปลก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหยุดแสงเนตรโลหิตไว้ได้! ศิลาโลหิตโกลาหลนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายในตอนนี้ต่างคุ้นเคยกับคลื่นกำเนิดดี

พวกเขานั้นเคยต่อสู้กับเผ่าเลือดมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าย่อมจะเข้าใจพลังของเผ่าเลือดในระดับหนึ่ง

แต่ว่าแม้แต่ตัวหวังจั่วเองก็ยังไม่มีเลือดกำเนิดที่บริสุทธิ์ได้ปานนี้!

นี่มันคือเลือดต้นกำเนิดอย่างแท้จริง!

หากมองเสือดาวผ่านท่อมันก็อาจจะเห็นลายจุดแค่จุดเดียว พวกเขานั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน

“หากเจ้าศิลาโลหิตโกลาหลมันได้เกิดขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทุกสวรรค์แน่! ของเช่นนี้มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? เผ่าเลือดนั้นมันช่างซ่อนเรื่องราวได้ลึกล้ำนัก!” เจ้าโลกหยุนซานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เจ้าโลกคนอื่นๆ เองก็ต้องพยักหน้าตามเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกัน

แต่จากนั้นมันก็มีแต่ความสิ้นหวัง

เพราะพวกเขานั้นไร้พลังจะเปลี่ยนแปลงอะไร

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลายหากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้หวังจั่วมันคงกำลังไปบอกให้ศิลาโลหิตโกลาหลดึงเอาเลือดต้นนี้กลับไป! ข้านั้นมาเพื่อหวังจะให้พวกท่านทั้งหลายช่วยข้าผนึกเลือดต้นนี้ไว้! ถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ลองคาดเดาพลังของศิลาโลหิตโกลาหลนี้ไปด้วยเลย”

เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนนั้นไม่อาจเข้าใจขอบเขตพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้เลย

เขานั้นรู้แค่ว่ามันทรงพลังแต่ถามว่าทรงพลังแค่ไหนเขาก็ตอบไม่ได้เพราะเขานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ เกินกว่าจะกะคาดเดาได้

แต่เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะวัดได้แน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2903 เจ้าโลกตะลึง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2903 เจ้าโลกตะลึง!

“โหยวจินนั้น… ตาย?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นได้แต่ต้องถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ

เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ที่มีแต่เสียงบ่นว่าเมื่อวินาทีก่อนนั้นมันได้เข้าสู่ความเงียบงัน

เจ้าโลกเฮยหยางนั้นรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งหน้าทันทีเพราะวินาทีก่อนนั้นเขายังว่าด่าเย่หยวนอย่างสุดตัว คิดถึงขั้นอยากจะส่งเย่หยวนไปตาย

แต่ตอนนี้…โหยวจินนั้นกลับเป็นคนตายลง!

นี่มันคือเจ้าโลกเผ่าเลือดคนแรกที่ตายลงตั้งแต่มีการสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้น!

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าจะเมินเฉย!

“ตายแล้ว! ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรเลย! เจ้าโลกโหยวจินตาย เฉียนั้วหนีไปได้อย่างบาดเจ็บสาหัส มหาจักรพรรดิเผ่าเลือดตายลงไปกว่าสามสิบคนและทหารอีกกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ตายลงสิ้น! ส่วนฝ่ายเรานั้นเสียกำลังไปเพียงเกือบสามพันคน! ชัยชนะครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะที่มหานครฉีใต้เป็นร้อยๆ เท่า!”

จางเฟยหงสั่นสะท้านขึ้นมาทั้งร่างตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรกเขาคิดว่าตัวเองกำลังนอนฝันไปด้วยซ้ำ

เพราะมันเหนือล้ำความเข้าใจ!

เดิมทีแล้วชัยชนะที่มหานครฉีใต้นั้นมันนับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว

แต่ว่าในชัยชนะครั้งนี้พวกเขากลับสังหารเจ้าโลกลงได้!

สังหารเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่ง!

อย่าว่าแต่ทหารสามแสนต่อให้จะเป็นทหารสามสิบล้านหรือสามร้อยล้านก็ไม่อาจจะมีความสำคัญเท่าเจ้าโลก คนเดียว!

เผ่าเลือดนั้นมีจักรพรรดิเซียนอยู่เท่าไหร่?

ในเมืองข่ายยักษ์นั้นมีจักรพรรดิเซียนถึงแปดล้านมาสมัครคัดเลือกร้อยบุตร!

เช่นนั้นแล้วจำนวนจักรพรรดิเซียนของสามทวีปนั้นมันคงจะมากเกินร้อยล้านไปได้ง่ายๆ!

แต่ในจักรพรรดิเซียนนับร้อยล้านนั้นมันมีเจ้าโลกเกิดขึ้นมาได้กี่คน?

เพราะหลายพันปีที่ผ่านมานี้เผ่าเลือดเองก็มีเจ้าโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แค่ห้าคนเท่านั้น

มันชัดเจนแล้วว่าตัวตนระดับเจ้าโลกนั้นสำคัญแค่ไหน!

แต่ตอนนี้เจ้าโลกคนหนึ่งกลับตายลงไป มีหรือที่จางเฟยหงจะไม่สั่นสะท้านไปทั้งกายใจ?

เทพศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นเองก็แทบลืมหายใจไป

ยอดฝีมือระดับเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมายแค่ไหน?

แต่ครั้งนี้เขาตกตะลึงจนลืมหายใจไปจริงๆ!

“ตายไปไม่ถึงสามพัน? มัน…มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เผ่าเลือดนั้นมีแสงเนตรโลหิตที่ป้องกันเมืองได้ดีไม่แพ้ค่ายกลของเราๆ! ก…กลับมีคนตายแค่ไม่ถึงสามพัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นกล่าวถามขึ้นมาด้วยเสียงหลง

จางเฟยหงตอบกลับไปด้วยใจที่เต้นรัว “เย่หยวนนั้นไม่รู้ไปเอาเลือดต้นมาจากไหน วินาทีที่เขาปล่อยพลังเลือดต้นนั้นออกมาแสงเนตรโลหิตมันก็สิ้นฤทธิ์ลงไปทันที! จากนั้น…มันก็เป็นการล่า! หลี่ชิงหยุนนั้นเข้าปะทะโหยวจินที่บาดเจ็บหนักและสังหารเขาลงหลังจากไล่ล่ากันไปกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน!”

เมื่อเจ้าโลกทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องยืนนิ่งไปพร้อมๆ กัน

เลือดต้น!

สิ้นฤทธิ์!

เจ้าจะบ้าหรือ?!

“ล…แล้วเขาไปเอาเลือดต้นมาจากไหน? ที่สำคัญต่อให้มันจะเป็นเลือดต้นมันก็คงไม่ถึงขั้นผนึกแสงเนตรโลหิตลงได้หรอกใช่ไหม?” เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นถามขึ้นมาด้วยความมึนงง

จางเฟยหงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบ ท่านคงต้องลองถามเจ้าตัวเอาเองแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…”

ระหว่างที่จางเฟยหงตอบกลับไปนั้นมันก็มีเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานดังขึ้นมา

สะใจจนเกินไป!

ก่อนหน้านี้เขาถึงขั้นคิดว่าจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าแดนเผ่าเลือดหวังช่วยชีวิตศิษย์ทั้งสองกลับมา

ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมามันจะกลับตาลปัตรเช่นนี้!

ศิษย์ทั้งสองของเขานั้นกลับส่งข่าวที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งกลับมาแทน!

ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าโลกหยุนซานนั้นเจ้าโลกคนอื่นๆ ต่างก็ต้องเงียบปากไปทันที

นี่มันจะตบหน้ากันแรงเกินไปแล้ว!

เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งหลายนั้นยังด่าว่าเย่หยวน บอกว่าเย่หยวนหลงตัวเองเหลิงในความสำเร็จ

แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ถูกตบหน้าเข้าในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมา

หลงตัวเองเหลิงความสำเร็จ?

ลองไปสังหารเจ้าโลกลงให้ได้ก่อนค่อยมาว่าเถอะ!

“เจ้าพวกนี้นี่ เจ้าคิดจะเยาะเย้ยพ่อเจ้าใช่หรือไม่เล่า! เวลานี้รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หน้าชากันหรือไม่? ศิษย์ของพ่อเจ้านั้นมีคนใดบ้างที่ธรรมดา? อย่าว่าแต่ศิษย์เลย แม้แต่พวกเจ้านั้นเองที่วางตัวเหนือหัวผู้คนอยู่ทุกวันนี้ มีพวกเจ้าคนใดบ้างที่เคยสังหารเจ้าโลกเผ่าเลือดลงได้? หือ? ส่งกำลังจากฉีใต้ออกไปตีข่ายยักษ์จนแตกพ่าย สะใจจริง! มันช่างสะใจดีเสียจริงๆ! ฮ่าๆๆ…”

เจ้าโลกหยุนซานนั้นรู้สึกสะใจอย่างมากที่สุดเพราะได้ตบหน้าคนทั้งหลายจนหัน

เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ลืมไปว่าตัวเองก็ได้ด่าว่าเย่หยวนและหลี่ชิงหยุนไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

แต่ตอนนี้มันย่อมจะไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนั้นมาเยาะเย้ยเขาอีก

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างกับข่าวชัยชนะครั้งนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้เข้ามาภายในเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์และอดไม่ได้ที่ต้องอ้าปากค้าง

นี่มันคือการผสานพลังของเจ้าโลกมากมาย เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยสุดยอดวิชามีพลังงานไร้สิ้นสุด

หากมิใช่เพราะเจ้าโลกทั้งหลายปล่อยให้เข้ามาแล้วต่อให้จะเป็นยอดฝีมือคลื่นกำเนิดก็คงไม่อาจจะเล็ดลอด

เข้ามาได้

จากนั้นมันก็เกิดเงาร่างมากมายปรากฏขึ้นมาล้อมรอบตัวพวกเย่หยวนไว้ให้พลังกดดันที่รุนแรง

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นมารวมตัวกันมันต้องเป็นความหนักหน่วงปานใด?

แม้ว่าร่างทั้งหลายนั้นมันจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกก็ตาม

เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าแม้แต่หลี่ชิงหยุนหรือเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าซีดออกมาเมื่อได้เห็น

เจ้าโลกและมหาจักรพรรดินั้นมันแตกต่างกันฟ้ากับเหว!

เย่หยวนหันไปมองรอบๆ และนับได้ว่ามีเจ้าโลกทั้งหมดหกสิบสามคน!

นี่คงเป็นกำลังทั้งหมดที่เหลือของสวรรค์แรกแล้ว

“ฮ่าๆๆ…ไอ้เด็กคนนี้เจ้าทำให้อาจารย์ได้หน้าใหญ่เสียจริง! เยี่ยมมาก! ทำได้สวยงามจริงๆ!” หยุนซานนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็นเย่หยวน

แต่ใบหน้าของคนอื่นๆ นั้นมันดูเหยเกแปลกๆ

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โหยวจินนั้นถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหารลง มันควรเป็นศิษย์พี่ที่ได้รับคำชมจากท่านอาจารย์!”

หลี่ชิงหยุนมองหน้าเย่หยวนและร้องขึ้น “ไม่ต้องมาพูดเช่นนั้น! มีหรือที่ข้าศิษย์พี่ใหญ่คนนี้จะหน้าด้านไปแย่งความดีความชอบศิษย์น้องเล็ก? มันเป็นเจ้าที่รบเร้าให้เราออกทัพไปโจมตีเมืองข่ายยักษ์! และมันก็เป็นเจ้าที่ผนึกแสงเนตรโลหิตของเมืองข่ายยักษ์ลงด้วยทำให้จักรพรรดิทั้งหลายไม่มีพลังต่อต้าน ทำให้ข้ามีโอกาสได้สังหารโหยวจิน หากมันมีพลังของแสงเนตรโลหิตมีหรือที่ข้าจะยังสังหารมันลงได้!”

เหมือนอย่างตอนที่เฉียนั้วมาโจมตีมหานครฉีใต้ก่อนๆ มานั้นที่เฟิงเสี่ยวเถียนสามารถรับมือยอดฝีมือคลื่นกำเนิดได้พร้อมกันสี่ห้าคนมันก็เพราะว่าเขาได้รับการสนับสนุน จากค่ายกล!

โหยวจินนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าโลกคนหนึ่ง หากเขาได้พลังเสริมจากแสงเนตรโลหิตแล้วหลี่ชิงหยุนย่อมจะลืมเรื่องฆ่าสังหารใดๆ ไปได้เลย

ได้ยินสองพี่น้องถ่อมตนเช่นนั้นออกมาเจ้าโลกคนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ

ชัยชนะยิ่งใหญ่ติดต่อกันนี้มันกลับเกิดขึ้นภายใต้มือคนจากสำนักหยุนซานสิ้น

ตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าบ้าขี้โม้นี้มันยิ่งใหญ่เหนือท้องฟ้าไปแล้ว

หนึ่งบรรลุเจ้าโลก หนึ่งเป็นยอดฝีมือพลังคลื่นกำเนิดที่สังหารเจ้าโลกลงได้ ส่วนอีกคนนั้นยิ่งเป็นตัวประหลาดบุกเข้าไปเป็นบุตรโลหิตศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมความลับเต็มตัว

นี่มันจะยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

“เอาล่ะๆ ความดีความชอบของพวกเจ้านั้นข้าย่อมจะให้รางวัลอย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งมาเถียงกันเลย เย่หยวนข้าผู้นี้สงสัยแค่เรื่องเดียว เจ้าไปเอาเลือดต้นนั้นมาจากที่ใดกัน?” เทพศักดิ์สิทธิ์ถามขึ้นมา

เมื่อถูกถามเรื่องนี้เย่หยวนก็ได้แต่ต้องทำหน้าเครียดขึ้นมา

ได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนนั้นเจ้าโลกทั้งหลายก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากที่เย่หยวนค่อยๆ เล่าเรื่องราวของศิลาโลหิตโกลาหลออกมาสีหน้าของเจ้าโลกทั้งหลายมันก็ซีดขาวลง

ความดีใจในชัยชนะใดๆ นั้นมันหายไปหมดสิ้นเหลือไว้เพียงความกังวล

พวกเขานั้นคิดว่าคนที่เก่งกาจที่สุดของเผ่าเลือดมันคือหวังจั่ว

ใครจะไปคิดว่าในเผ่าเลือดมันกลับยังมีสิ่งที่เรียกว่าศิลาโลหิตโกลาหลนี้!

ดูจากที่เย่หยวนเล่ามานั้นหากเจ้าศิลานี้มันตื่นขึ้นแล้วมันคงทำให้เกิดหายนะแน่นอน!

เจ้าโลกหยุนซานนั้นมองหน้าเย่หยวนและกล่าวขึ้นดุว่า “เจ้าเด็กบ้านี่…เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเองบ้าบิ่นแค่ไหน? เจ้าไม่คิดรักชีวิตบ้างหรืออย่างไร?”

แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะไม่ได้เล่าถึงความอันตรายที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น

แต่มีหรือที่เจ้าโลกหยุนซานจะไม่รู้?

มีหรือที่เขาจะมองไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันอันตรายแค่ไหน?

ศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันคือศิลามารดาของเผ่าเลือด มันย่อมจะทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไปเล่นลูกไม้เช่นนี้มันย่อมจะไม่ต่างอะไรจากการเอามีดมาลองปาดคอตัวเอง

พลาดไปนิดคงเท่ากับชีวิต

แต่เย่หยวนนั้นรอดกลับมาได้!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ตอนนั้นธนูมันถูกง้างแล้วจะไม่ปล่อยมันก็ไม่ได้! ความลับเช่นนั้นหากข้าไม่เข้าไปดูแล้วจะให้ใครเข้าไปดูอีก? แม้ว่ามันจะอันตรายแต่ก็ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์มา เลือดต้นที่ข้าได้มานี้มันสร้างชัยชนะใหญ่ยิ่งให้พวกเรา”

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต้องอ้าปากค้าง จักรพรรดิเซียนคนหนึ่งกลับกล้าบุกเข้าไปหลอกลวงถึงศิลามารดาของเผ่าเลือด!

จะบ้าเกินไปแล้ว!

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “เย่หยวน เจ้าช่วยแสดงพลังของเลือดต้นนี้ให้ข้าดูได้หรือไม่?”

เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยพลังของเลือดต้นให้ปะทุขึ้น

แต่ภาพนี้มันทำให้เจ้าโลกทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไป

เทพศักดิ์สิทธิ์นั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “นี่…มันช่างเป็นคลื่นกำเนิดที่บริสุทธิ์นัก! ไม่แปลก ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะหยุดแสงเนตรโลหิตไว้ได้! ศิลาโลหิตโกลาหลนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายในตอนนี้ต่างคุ้นเคยกับคลื่นกำเนิดดี

พวกเขานั้นเคยต่อสู้กับเผ่าเลือดมาหลายครั้งนับไม่ถ้วนแน่นอนว่าย่อมจะเข้าใจพลังของเผ่าเลือดในระดับหนึ่ง

แต่ว่าแม้แต่ตัวหวังจั่วเองก็ยังไม่มีเลือดกำเนิดที่บริสุทธิ์ได้ปานนี้!

นี่มันคือเลือดต้นกำเนิดอย่างแท้จริง!

หากมองเสือดาวผ่านท่อมันก็อาจจะเห็นลายจุดแค่จุดเดียว พวกเขานั้นไม่อาจจะจินตนาการได้เลยว่าพลังที่แท้จริงของศิลาโลหิตโกลาหลนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน

“หากเจ้าศิลาโลหิตโกลาหลมันได้เกิดขึ้นมาแล้วมันคงได้กลายเป็นหายนะของทุกสวรรค์แน่! ของเช่นนี้มันมีอยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? เผ่าเลือดนั้นมันช่างซ่อนเรื่องราวได้ลึกล้ำนัก!” เจ้าโลกหยุนซานกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เจ้าโลกคนอื่นๆ เองก็ต้องพยักหน้าตามเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนี้เช่นกัน

แต่จากนั้นมันก็มีแต่ความสิ้นหวัง

เพราะพวกเขานั้นไร้พลังจะเปลี่ยนแปลงอะไร

เย่หยวนกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสทั้งหลายหากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้หวังจั่วมันคงกำลังไปบอกให้ศิลาโลหิตโกลาหลดึงเอาเลือดต้นนี้กลับไป! ข้านั้นมาเพื่อหวังจะให้พวกท่านทั้งหลายช่วยข้าผนึกเลือดต้นนี้ไว้! ถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกท่านทั้งหลายจะได้ลองคาดเดาพลังของศิลาโลหิตโกลาหลนี้ไปด้วยเลย”

เพราะแท้จริงตัวเย่หยวนนั้นไม่อาจเข้าใจขอบเขตพลังของศิลาโลหิตโกลาหลได้เลย

เขานั้นรู้แค่ว่ามันทรงพลังแต่ถามว่าทรงพลังแค่ไหนเขาก็ตอบไม่ได้เพราะเขานั้นยังมีพลังบ่มเพาะที่ต่ำ เกินกว่าจะกะคาดเดาได้

แต่เจ้าโลกทั้งหลายย่อมจะวัดได้แน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+