Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2942 ตัดทางหนีสิ้น!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2942 ตัดทางหนีสิ้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตึง!

เบื้องหน้าของคนทั้งหลายนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะผู้หนึ่งได้ตายลง

และไม่อาจจะคืนชีพกลับมาได้อีก

เขานั้นกลายเป็นอากาศธาตุไป!

คนที่ได้เห็นนั้นเริ่มกังวลหนักขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นหันไปมองหน้าตื่นตระหนกของคนทั้งหลายด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด

มดปลวกพวกนี้มันก็คิดว่าตัวเองนั้นจะหาคลื่นกำเนิดได้หรือ!

‘ต่อให้จะเอายัดใส่มือเจ้า พวกเจ้าจะเอามันไปได้?’

ไม่นานจากนั้นเขาก็หันไปเห็นว่ายังมีอีกหลายเงาร่างที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาออกตามหาคลื่นกำเนิด

“หือ? หากข้าจำไม่ผิดนั่นมันหลานของมหาจักรพรรดิล้ำไป๋หยิง ไป๋ชุยซาน? ไอ้เด็กนี่มันได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ที่สำคัญมันยังมีฝีมือที่ไม่ด้อยเลยด้วย!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้น

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้ง!

ครั้งนี้มันมีผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะตายตกลงไปอีกหลายคน!

หวางเฉียนนั้นรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเขานั้นมันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน

เขานั้นรู้ว่าพลังของเสียงกลองนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง

หากเขาอยู่นานจนเกินไปแล้วมันก็ย่อมจะทำให้แม้แต่ร่างของเขาได้รับความเสียหาย!

พวกเขาทั้งหลายเหล่าผู้มีร่างกึ่งวิญญาณอมตะนั้นเป็นแค่เพียงร่างวิญญาณกึ่งอมตะ

“หือ?”

แต่ตอนนี้เขากลับหันไปเห็นคนผู้หนึ่ง

เย่หยวน!

เสียงกลองในรอบนี้มันได้ทำให้ร่างวิญญาณของเย่หยวนแตกสลายลง!

แต่ไม่นานเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้ใหม่

เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างของเขามันดูจางลงไปมาก!

รอยยิ้มหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของหวางเฉียนก่อนจะพุ่งตัวมาหยุดหน้าเย่หยวนและกล่าว “นี่แค่กลองครั้งที่เจ็ดเจ้าก็ไม่อาจทนรับไว้ได้แล้ว? กลองที่เก้า ระฆังที่เจ็ดนั้นมันคงเอาชีวิตเจ้าไปได้แน่! ไอ้หนู เจ้าต้องระวังตัวให้ดีแล้ว!”

เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “วางใจเถอะ แม้แต่เจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ย่อมจะยังไม่ตาย!”

หวางเฉียนนั้นหัวเราะขึ้นมา “จะตายแล้วยังมีหน้ามาดื้อด้านอีก! วางใจเถอะ ข้าจะดูวาระสุดท้ายของเจ้าให้เอง!”

พูดจบแล้วหวางเฉียนก็หัวเราะลั่นเดินหายไป

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนค่อยๆ แตกสลายลงไปจึงได้เข้ามากล่าวแนะนำ “เย่หยวน เจ้าเลิกฝืนทนเถอะ เจ้าจะตายเอาเสียก่อน! ยอมแพ้เถอะ!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว! ข้ายอมแพ้!”

ในตอนนี้เองมันได้เกิดเสียงร้องดังขึ้นมาจากหลายทิศทาง

เพราะก่อนที่จะเข้ามานั้นเหล่ายอดฝีมือที่นำพวกเขามานั้นได้บอกไว้ว่าหากร้อง ‘ข้ายอมแพ้’ และเงยหน้าขึ้นฟ้าพวกเขาจะช่วยดึงตัวพวกเขากลับออกไป

แต่พวกเขานั้นกลับยังไม่ออก!

ตอนนี้มันจึงเกิดความแตกตื่นและหวาดกลัวขึ้น!

“ทำไม! ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่! ข้ายอมแพ้ไปแล้วนะ!”

“รีบๆ พาข้าออกไปทีเถอะ! ข้า…ข้าจะตายแล้ว!”

“ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้แล้วได้ยินหรือไม่!”

คนทั้งหลายนั้นต่างเงยหน้าร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน

แต่พวกเขานั้นได้พบว่าไม่ว่าจะร้องลั่นแค่ไหนมันก็ไม่มีพลังใดมาดึงตัวพวกเขาออกไป

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนมากมายต้องแตกสลายตายลงไป

ครั้งนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่อาจจะออกไปได้จริงๆ!

“หลอกลวง! เจ้าพวกนั้นมันหลอกลวงเรา! ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็จะไปหลอกหลอนพวกเจ้า! ฮือๆๆ…” คนมากมายเริ่มกล่าวด่าว่าขึ้นมา

ตอนนี้แม้แต่หวางเฉียนนั้นเองก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมา

ช่างเป็นวิธีการที่โหดร้ายนัก!

นี่มันเท่ากับว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาหลังชนฝาแล้ว!

ดูท่าคนภายนอกนั้นคงได้วางแผนเตรียมการเรื่องนี้กันมาแต่แรก

หากพวกเขานั้นไม่อาจจะผสานกับคลื่นกำเนิดได้มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพาพวกเขาออกไป!

นี่มันมิใช่สมบัติสืบทอดใดๆ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!

หากพวกเขาไม่อาจจะผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แล้วพวกเขาก็จะไม่อาจหาตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้แล้วเช่นนั้นเหล่า ยอดอัจฉริยะร่างวิญญาณกึ่งอมตะนี้จะยังมีค่าใด?

แน่นอนว่านี่มันคือการบังคับให้คนทั้งหลายจนตรอก

เมื่อไม่มีทางจะถอยคนเรานั้นก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อผ่านเรื่องตรงหน้าเข้าไปถึงพลังคลื่นกำเนิดให้ได้เท่านั้น!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้อง “หุบปากได้แล้ว!”

เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากในกลุ่มคนที่เข้ามา ทำให้เสียงของคนที่ร้องอยู่นั้นต้องเงียบลงไปทันที

คนทั้งหลายนั้นหันมามองหวางเฉียนด้วยท่าทางหวาดกลัว

หวางเฉียนนั้นหันมองดูทุกผู้คนก่อนจะกล่าวตะโกนลั่น “พวกเจ้าไม่ต้องหวังจะหนีออกไปแล้ว! ตอนนี้มันคงมีแค่คนผู้เดียวที่จะออกไปได้! มีแต่คนที่หาคลื่นกำเนิดเจอและผสานมันเข้าเต๋าของตัวเองได้เท่านั้นที่จะได้ออกไป! ร้องไห้ไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์! เอาเวลาไปหาคลื่นกำเนิดเอาเถอะ! มีแต่ทางนั้นที่จะรอดออกไปได้!”

คำพูดเดียวนี้ดึงสติคนทั้งหลายกลับมาทันที!

คนทั้งหลายได้เข้าใจเสียที!

ใช่แล้ว ตราบเท่าที่พวกเขาเจอคลื่นกำเนิดได้มันก็จะรอดออกไปได้!

เพราะฉะนั้นการตามหาของคนทั้งหลายมันจึงบ้าคลั่งกว่าเก่าอย่างมาก

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ตั้งสติกลับมาได้และร้องบอกเย่หยวน “ไป! รีบๆ ไปหาคลื่นกำเนิดกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเราจะได้ตายกันหมด!”

“ที่แห่งนี้มันคือดินแดนสมบัติสืบทอดแท้ๆ ทำไมถึงได้มีของอย่างกลองสนธยาระฆังอรุณกัน?” เย่หยวนบ่นขึ้นมา

ไป๋ชุยซานที่ได้เห็นต้องทำหน้าเครียดกล่าว “พระเจ้าช่วย เจ้าจะยังมีหน้ามาคิดเรื่องนั้นอีก? ช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเจ้าจะได้ตายแล้ว!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่สนใจคำชวนใดๆ นั้นและบ่นขึ้นต่อ “สังหารคนไปตอนนี้มันจะได้อะไร? ระดับแรกนั้นมันย่อมจะซ่อนคลื่นกำเนิดใดๆ ไว้กัน? หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแค่สังหารคน? แต่มันไม่น่าใช่! กลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันน่าประหลาดเกินไป!”

“พระเจ้าช่วยเถอะ จะมีอะไรประหลาดอีก? รีบๆ ไปตามหาคลื่นกำเนิดกันได้แล้ว!” ไป๋ชุยซานเริ่มลนลาน

แต่ว่าเขาคนนี้ก็ช่างรักเพื่อนเสียจริงๆ ได้เห็นว่าเย่หยวนไม่ขยับตัวเขาเองก็ยังไม่ออกไปไหน

เวลานี้เองที่เย่หยวนได้ยิ้มกว้างขึ้นมาและนั่งลงกับพื้นไป

ไป๋ชุยซานต้องผงะเมื่อได้เห็น “เจ้านี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! หากเราหาคลื่นกำเนิดไม่ได้เราจะได้ตายกันหมด!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ไป๋ ท่านออกไปตามหาเถอะ ข้าไม่คิดหามันอีกแล้ว!”

ไป๋ชุยซานเองก็ได้แต่ต้องกระทืบเท้าอย่างหมดคำพูด “ไอ้บ้านี่! เจ้ามันบ้า! ถ้าอย่างนั้นข้าไปเองแล้ว!”

ตึง!

เสียงกลองที่เก้าดังขึ้นมาทำให้ร่างของเย่หยวนแตกสลายลงอีกครั้ง!

เมื่อเขากลับมาประกอบเป็นร่างใหม่ร่างกายของเขามันก็ดูจางลงไปอีกมาก

หวางเฉียนเห็นเย่หยวนเพราะว่าเขานั้นทำตัวได้เด่นกว่าใครๆ

เขาจึงได้เดินเข้ามากล่าวเย้ยหยัน “คนอื่นๆ เขาออกไปตามหาคลื่นกำเนิดกันแต่เจ้ากลับมานั่งเล่นอยู่นี่?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและค่อยๆ วิเคราะห์พลังของเสียงกลองนั้นไปพร้อมกับวิเคราะห์ความรู้สึกตอนที่ร่างกายแตกสลายลง

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้องเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกเมิน “เจ้าไปหาคลื่นกำเนิดเสีย! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเองแล้ว!”

เย่หยวนยังไม่คิดสนใจ!

ตูม!

หวางเฉียนนั้นไม่ลังเลปล่อยฝ่ามือสังหารออกมาทันที กำลังของเขานั้นมันเหนือกว่าเฟิงรุ่ยไปด้วยซ้ำ ร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไปทันที แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้อีกครั้ง

ร่างวิญญาณอมตะนั้นต่อให้มันจะเป็นแค่ร่างวิญญาณกึ่งอมตะมันก็มิใช่สิ่งที่จะสังหารลงได้ง่ายๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นการถูกสังหารเช่นนี้มันไม่ได้สร้างความเสียดายใดๆ ให้เย่หยวนเลย

สิ่งที่เป็นภัยจริงๆ นั้นมันคือกลองสนธยาระฆังอรุณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่ากลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันไม่ได้แค่ทำลายร่างวิญญาณของเขาแต่มันทำลายไปถึงสติ!

หรือก็คือหากเป็นเช่นนี้ต่อไปในสุดท้ายแล้วเขาจะไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงมองและกล่าว “ไอ้เจ้าสวะ เจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าสังหารเจ้าไม่ได้?”

เขาจึงได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาสุดตัวจนทำให้คลื่นวิญญาณหนักหน่วงเข้าปกคลุมพื้นที่

ตึง!

ในตอนนี้เสียงของระฆังแรกมันได้ดังขึ้น

หวางเฉียนนั้นกระอักขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงโจมตีออกไปพร้อมเสียงระฆัง!

แน่นอนว่าร่างของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไป

พลังของระฆังนั้นมันรุนแรงกว่ากลองไปมาก!

ครั้งนี้มีคนตายลงไปมากมาย!

“แทนที่จะมาเสียเวลากับข้าตรงนี้เจ้าออกไปหาคลื่นกำเนิดจะไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าเองก็จะได้ตายด้วย!” เย่หยวนกล่าว

หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก แต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดของเย่หยวนมันสมเหตุสมผล หากเขาหาคลื่นกำเนิดไม่ได้ เขาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน หวางเฉียนนั้นกัดฟันแน่นพุ่งตัวหายไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2942 ตัดทางหนีสิ้น!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2942 ตัดทางหนีสิ้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตึง!

เบื้องหน้าของคนทั้งหลายนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะผู้หนึ่งได้ตายลง

และไม่อาจจะคืนชีพกลับมาได้อีก

เขานั้นกลายเป็นอากาศธาตุไป!

คนที่ได้เห็นนั้นเริ่มกังวลหนักขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นหันไปมองหน้าตื่นตระหนกของคนทั้งหลายด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด

มดปลวกพวกนี้มันก็คิดว่าตัวเองนั้นจะหาคลื่นกำเนิดได้หรือ!

‘ต่อให้จะเอายัดใส่มือเจ้า พวกเจ้าจะเอามันไปได้?’

ไม่นานจากนั้นเขาก็หันไปเห็นว่ายังมีอีกหลายเงาร่างที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาออกตามหาคลื่นกำเนิด

“หือ? หากข้าจำไม่ผิดนั่นมันหลานของมหาจักรพรรดิล้ำไป๋หยิง ไป๋ชุยซาน? ไอ้เด็กนี่มันได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ที่สำคัญมันยังมีฝีมือที่ไม่ด้อยเลยด้วย!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้น

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้ง!

ครั้งนี้มันมีผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะตายตกลงไปอีกหลายคน!

หวางเฉียนนั้นรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเขานั้นมันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน

เขานั้นรู้ว่าพลังของเสียงกลองนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง

หากเขาอยู่นานจนเกินไปแล้วมันก็ย่อมจะทำให้แม้แต่ร่างของเขาได้รับความเสียหาย!

พวกเขาทั้งหลายเหล่าผู้มีร่างกึ่งวิญญาณอมตะนั้นเป็นแค่เพียงร่างวิญญาณกึ่งอมตะ

“หือ?”

แต่ตอนนี้เขากลับหันไปเห็นคนผู้หนึ่ง

เย่หยวน!

เสียงกลองในรอบนี้มันได้ทำให้ร่างวิญญาณของเย่หยวนแตกสลายลง!

แต่ไม่นานเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้ใหม่

เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างของเขามันดูจางลงไปมาก!

รอยยิ้มหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของหวางเฉียนก่อนจะพุ่งตัวมาหยุดหน้าเย่หยวนและกล่าว “นี่แค่กลองครั้งที่เจ็ดเจ้าก็ไม่อาจทนรับไว้ได้แล้ว? กลองที่เก้า ระฆังที่เจ็ดนั้นมันคงเอาชีวิตเจ้าไปได้แน่! ไอ้หนู เจ้าต้องระวังตัวให้ดีแล้ว!”

เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “วางใจเถอะ แม้แต่เจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ย่อมจะยังไม่ตาย!”

หวางเฉียนนั้นหัวเราะขึ้นมา “จะตายแล้วยังมีหน้ามาดื้อด้านอีก! วางใจเถอะ ข้าจะดูวาระสุดท้ายของเจ้าให้เอง!”

พูดจบแล้วหวางเฉียนก็หัวเราะลั่นเดินหายไป

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนค่อยๆ แตกสลายลงไปจึงได้เข้ามากล่าวแนะนำ “เย่หยวน เจ้าเลิกฝืนทนเถอะ เจ้าจะตายเอาเสียก่อน! ยอมแพ้เถอะ!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว! ข้ายอมแพ้!”

ในตอนนี้เองมันได้เกิดเสียงร้องดังขึ้นมาจากหลายทิศทาง

เพราะก่อนที่จะเข้ามานั้นเหล่ายอดฝีมือที่นำพวกเขามานั้นได้บอกไว้ว่าหากร้อง ‘ข้ายอมแพ้’ และเงยหน้าขึ้นฟ้าพวกเขาจะช่วยดึงตัวพวกเขากลับออกไป

แต่พวกเขานั้นกลับยังไม่ออก!

ตอนนี้มันจึงเกิดความแตกตื่นและหวาดกลัวขึ้น!

“ทำไม! ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่! ข้ายอมแพ้ไปแล้วนะ!”

“รีบๆ พาข้าออกไปทีเถอะ! ข้า…ข้าจะตายแล้ว!”

“ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้แล้วได้ยินหรือไม่!”

คนทั้งหลายนั้นต่างเงยหน้าร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน

แต่พวกเขานั้นได้พบว่าไม่ว่าจะร้องลั่นแค่ไหนมันก็ไม่มีพลังใดมาดึงตัวพวกเขาออกไป

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนมากมายต้องแตกสลายตายลงไป

ครั้งนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่อาจจะออกไปได้จริงๆ!

“หลอกลวง! เจ้าพวกนั้นมันหลอกลวงเรา! ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็จะไปหลอกหลอนพวกเจ้า! ฮือๆๆ…” คนมากมายเริ่มกล่าวด่าว่าขึ้นมา

ตอนนี้แม้แต่หวางเฉียนนั้นเองก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมา

ช่างเป็นวิธีการที่โหดร้ายนัก!

นี่มันเท่ากับว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาหลังชนฝาแล้ว!

ดูท่าคนภายนอกนั้นคงได้วางแผนเตรียมการเรื่องนี้กันมาแต่แรก

หากพวกเขานั้นไม่อาจจะผสานกับคลื่นกำเนิดได้มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพาพวกเขาออกไป!

นี่มันมิใช่สมบัติสืบทอดใดๆ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!

หากพวกเขาไม่อาจจะผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แล้วพวกเขาก็จะไม่อาจหาตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้แล้วเช่นนั้นเหล่า ยอดอัจฉริยะร่างวิญญาณกึ่งอมตะนี้จะยังมีค่าใด?

แน่นอนว่านี่มันคือการบังคับให้คนทั้งหลายจนตรอก

เมื่อไม่มีทางจะถอยคนเรานั้นก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อผ่านเรื่องตรงหน้าเข้าไปถึงพลังคลื่นกำเนิดให้ได้เท่านั้น!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้อง “หุบปากได้แล้ว!”

เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากในกลุ่มคนที่เข้ามา ทำให้เสียงของคนที่ร้องอยู่นั้นต้องเงียบลงไปทันที

คนทั้งหลายนั้นหันมามองหวางเฉียนด้วยท่าทางหวาดกลัว

หวางเฉียนนั้นหันมองดูทุกผู้คนก่อนจะกล่าวตะโกนลั่น “พวกเจ้าไม่ต้องหวังจะหนีออกไปแล้ว! ตอนนี้มันคงมีแค่คนผู้เดียวที่จะออกไปได้! มีแต่คนที่หาคลื่นกำเนิดเจอและผสานมันเข้าเต๋าของตัวเองได้เท่านั้นที่จะได้ออกไป! ร้องไห้ไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์! เอาเวลาไปหาคลื่นกำเนิดเอาเถอะ! มีแต่ทางนั้นที่จะรอดออกไปได้!”

คำพูดเดียวนี้ดึงสติคนทั้งหลายกลับมาทันที!

คนทั้งหลายได้เข้าใจเสียที!

ใช่แล้ว ตราบเท่าที่พวกเขาเจอคลื่นกำเนิดได้มันก็จะรอดออกไปได้!

เพราะฉะนั้นการตามหาของคนทั้งหลายมันจึงบ้าคลั่งกว่าเก่าอย่างมาก

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ตั้งสติกลับมาได้และร้องบอกเย่หยวน “ไป! รีบๆ ไปหาคลื่นกำเนิดกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเราจะได้ตายกันหมด!”

“ที่แห่งนี้มันคือดินแดนสมบัติสืบทอดแท้ๆ ทำไมถึงได้มีของอย่างกลองสนธยาระฆังอรุณกัน?” เย่หยวนบ่นขึ้นมา

ไป๋ชุยซานที่ได้เห็นต้องทำหน้าเครียดกล่าว “พระเจ้าช่วย เจ้าจะยังมีหน้ามาคิดเรื่องนั้นอีก? ช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเจ้าจะได้ตายแล้ว!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่สนใจคำชวนใดๆ นั้นและบ่นขึ้นต่อ “สังหารคนไปตอนนี้มันจะได้อะไร? ระดับแรกนั้นมันย่อมจะซ่อนคลื่นกำเนิดใดๆ ไว้กัน? หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแค่สังหารคน? แต่มันไม่น่าใช่! กลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันน่าประหลาดเกินไป!”

“พระเจ้าช่วยเถอะ จะมีอะไรประหลาดอีก? รีบๆ ไปตามหาคลื่นกำเนิดกันได้แล้ว!” ไป๋ชุยซานเริ่มลนลาน

แต่ว่าเขาคนนี้ก็ช่างรักเพื่อนเสียจริงๆ ได้เห็นว่าเย่หยวนไม่ขยับตัวเขาเองก็ยังไม่ออกไปไหน

เวลานี้เองที่เย่หยวนได้ยิ้มกว้างขึ้นมาและนั่งลงกับพื้นไป

ไป๋ชุยซานต้องผงะเมื่อได้เห็น “เจ้านี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! หากเราหาคลื่นกำเนิดไม่ได้เราจะได้ตายกันหมด!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ไป๋ ท่านออกไปตามหาเถอะ ข้าไม่คิดหามันอีกแล้ว!”

ไป๋ชุยซานเองก็ได้แต่ต้องกระทืบเท้าอย่างหมดคำพูด “ไอ้บ้านี่! เจ้ามันบ้า! ถ้าอย่างนั้นข้าไปเองแล้ว!”

ตึง!

เสียงกลองที่เก้าดังขึ้นมาทำให้ร่างของเย่หยวนแตกสลายลงอีกครั้ง!

เมื่อเขากลับมาประกอบเป็นร่างใหม่ร่างกายของเขามันก็ดูจางลงไปอีกมาก

หวางเฉียนเห็นเย่หยวนเพราะว่าเขานั้นทำตัวได้เด่นกว่าใครๆ

เขาจึงได้เดินเข้ามากล่าวเย้ยหยัน “คนอื่นๆ เขาออกไปตามหาคลื่นกำเนิดกันแต่เจ้ากลับมานั่งเล่นอยู่นี่?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและค่อยๆ วิเคราะห์พลังของเสียงกลองนั้นไปพร้อมกับวิเคราะห์ความรู้สึกตอนที่ร่างกายแตกสลายลง

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้องเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกเมิน “เจ้าไปหาคลื่นกำเนิดเสีย! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเองแล้ว!”

เย่หยวนยังไม่คิดสนใจ!

ตูม!

หวางเฉียนนั้นไม่ลังเลปล่อยฝ่ามือสังหารออกมาทันที กำลังของเขานั้นมันเหนือกว่าเฟิงรุ่ยไปด้วยซ้ำ ร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไปทันที แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้อีกครั้ง

ร่างวิญญาณอมตะนั้นต่อให้มันจะเป็นแค่ร่างวิญญาณกึ่งอมตะมันก็มิใช่สิ่งที่จะสังหารลงได้ง่ายๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นการถูกสังหารเช่นนี้มันไม่ได้สร้างความเสียดายใดๆ ให้เย่หยวนเลย

สิ่งที่เป็นภัยจริงๆ นั้นมันคือกลองสนธยาระฆังอรุณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่ากลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันไม่ได้แค่ทำลายร่างวิญญาณของเขาแต่มันทำลายไปถึงสติ!

หรือก็คือหากเป็นเช่นนี้ต่อไปในสุดท้ายแล้วเขาจะไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงมองและกล่าว “ไอ้เจ้าสวะ เจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าสังหารเจ้าไม่ได้?”

เขาจึงได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาสุดตัวจนทำให้คลื่นวิญญาณหนักหน่วงเข้าปกคลุมพื้นที่

ตึง!

ในตอนนี้เสียงของระฆังแรกมันได้ดังขึ้น

หวางเฉียนนั้นกระอักขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงโจมตีออกไปพร้อมเสียงระฆัง!

แน่นอนว่าร่างของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไป

พลังของระฆังนั้นมันรุนแรงกว่ากลองไปมาก!

ครั้งนี้มีคนตายลงไปมากมาย!

“แทนที่จะมาเสียเวลากับข้าตรงนี้เจ้าออกไปหาคลื่นกำเนิดจะไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าเองก็จะได้ตายด้วย!” เย่หยวนกล่าว

หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก แต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดของเย่หยวนมันสมเหตุสมผล หากเขาหาคลื่นกำเนิดไม่ได้ เขาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน หวางเฉียนนั้นกัดฟันแน่นพุ่งตัวหายไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2942 ตัดทางหนีสิ้น!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2942 ตัดทางหนีสิ้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตึง!

เบื้องหน้าของคนทั้งหลายนั้นผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะผู้หนึ่งได้ตายลง

และไม่อาจจะคืนชีพกลับมาได้อีก

เขานั้นกลายเป็นอากาศธาตุไป!

คนที่ได้เห็นนั้นเริ่มกังวลหนักขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นหันไปมองหน้าตื่นตระหนกของคนทั้งหลายด้วยความเย้ยหยันอย่างถึงที่สุด

มดปลวกพวกนี้มันก็คิดว่าตัวเองนั้นจะหาคลื่นกำเนิดได้หรือ!

‘ต่อให้จะเอายัดใส่มือเจ้า พวกเจ้าจะเอามันไปได้?’

ไม่นานจากนั้นเขาก็หันไปเห็นว่ายังมีอีกหลายเงาร่างที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาออกตามหาคลื่นกำเนิด

“หือ? หากข้าจำไม่ผิดนั่นมันหลานของมหาจักรพรรดิล้ำไป๋หยิง ไป๋ชุยซาน? ไอ้เด็กนี่มันได้รับการสั่งสอนโดยตรงจากท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ย ที่สำคัญมันยังมีฝีมือที่ไม่ด้อยเลยด้วย!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้น

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้ง!

ครั้งนี้มันมีผู้มีร่างวิญญาณกึ่งอมตะตายตกลงไปอีกหลายคน!

หวางเฉียนนั้นรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเขานั้นมันเริ่มจะหนักหน่วงขึ้นเช่นกัน

เขานั้นรู้ว่าพลังของเสียงกลองนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้ง

หากเขาอยู่นานจนเกินไปแล้วมันก็ย่อมจะทำให้แม้แต่ร่างของเขาได้รับความเสียหาย!

พวกเขาทั้งหลายเหล่าผู้มีร่างกึ่งวิญญาณอมตะนั้นเป็นแค่เพียงร่างวิญญาณกึ่งอมตะ

“หือ?”

แต่ตอนนี้เขากลับหันไปเห็นคนผู้หนึ่ง

เย่หยวน!

เสียงกลองในรอบนี้มันได้ทำให้ร่างวิญญาณของเย่หยวนแตกสลายลง!

แต่ไม่นานเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้ใหม่

เพียงแค่ว่าตอนนี้ร่างของเขามันดูจางลงไปมาก!

รอยยิ้มหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของหวางเฉียนก่อนจะพุ่งตัวมาหยุดหน้าเย่หยวนและกล่าว “นี่แค่กลองครั้งที่เจ็ดเจ้าก็ไม่อาจทนรับไว้ได้แล้ว? กลองที่เก้า ระฆังที่เจ็ดนั้นมันคงเอาชีวิตเจ้าไปได้แน่! ไอ้หนู เจ้าต้องระวังตัวให้ดีแล้ว!”

เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “วางใจเถอะ แม้แต่เจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ย่อมจะยังไม่ตาย!”

หวางเฉียนนั้นหัวเราะขึ้นมา “จะตายแล้วยังมีหน้ามาดื้อด้านอีก! วางใจเถอะ ข้าจะดูวาระสุดท้ายของเจ้าให้เอง!”

พูดจบแล้วหวางเฉียนก็หัวเราะลั่นเดินหายไป

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนค่อยๆ แตกสลายลงไปจึงได้เข้ามากล่าวแนะนำ “เย่หยวน เจ้าเลิกฝืนทนเถอะ เจ้าจะตายเอาเสียก่อน! ยอมแพ้เถอะ!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว! ข้ายอมแพ้!”

ในตอนนี้เองมันได้เกิดเสียงร้องดังขึ้นมาจากหลายทิศทาง

เพราะก่อนที่จะเข้ามานั้นเหล่ายอดฝีมือที่นำพวกเขามานั้นได้บอกไว้ว่าหากร้อง ‘ข้ายอมแพ้’ และเงยหน้าขึ้นฟ้าพวกเขาจะช่วยดึงตัวพวกเขากลับออกไป

แต่พวกเขานั้นกลับยังไม่ออก!

ตอนนี้มันจึงเกิดความแตกตื่นและหวาดกลัวขึ้น!

“ทำไม! ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่! ข้ายอมแพ้ไปแล้วนะ!”

“รีบๆ พาข้าออกไปทีเถอะ! ข้า…ข้าจะตายแล้ว!”

“ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้! ข้ายอมแพ้แล้วได้ยินหรือไม่!”

คนทั้งหลายนั้นต่างเงยหน้าร้องลั่นขึ้นมาตามๆ กัน

แต่พวกเขานั้นได้พบว่าไม่ว่าจะร้องลั่นแค่ไหนมันก็ไม่มีพลังใดมาดึงตัวพวกเขาออกไป

ตึง!

กลองดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนมากมายต้องแตกสลายตายลงไป

ครั้งนี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่อาจจะออกไปได้จริงๆ!

“หลอกลวง! เจ้าพวกนั้นมันหลอกลวงเรา! ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็จะไปหลอกหลอนพวกเจ้า! ฮือๆๆ…” คนมากมายเริ่มกล่าวด่าว่าขึ้นมา

ตอนนี้แม้แต่หวางเฉียนนั้นเองก็ต้องทำหน้าเหยเกขึ้นมา

ช่างเป็นวิธีการที่โหดร้ายนัก!

นี่มันเท่ากับว่าเป็นการบังคับให้พวกเขาหลังชนฝาแล้ว!

ดูท่าคนภายนอกนั้นคงได้วางแผนเตรียมการเรื่องนี้กันมาแต่แรก

หากพวกเขานั้นไม่อาจจะผสานกับคลื่นกำเนิดได้มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพาพวกเขาออกไป!

นี่มันมิใช่สมบัติสืบทอดใดๆ มันต้องสำเร็จเท่านั้น!

หากพวกเขาไม่อาจจะผสานเข้ากับคลื่นกำเนิดได้แล้วพวกเขาก็จะไม่อาจหาตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยได้แล้วเช่นนั้นเหล่า ยอดอัจฉริยะร่างวิญญาณกึ่งอมตะนี้จะยังมีค่าใด?

แน่นอนว่านี่มันคือการบังคับให้คนทั้งหลายจนตรอก

เมื่อไม่มีทางจะถอยคนเรานั้นก็มีแต่ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อผ่านเรื่องตรงหน้าเข้าไปถึงพลังคลื่นกำเนิดให้ได้เท่านั้น!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้อง “หุบปากได้แล้ว!”

เขานั้นแข็งแกร่งอย่างมากในกลุ่มคนที่เข้ามา ทำให้เสียงของคนที่ร้องอยู่นั้นต้องเงียบลงไปทันที

คนทั้งหลายนั้นหันมามองหวางเฉียนด้วยท่าทางหวาดกลัว

หวางเฉียนนั้นหันมองดูทุกผู้คนก่อนจะกล่าวตะโกนลั่น “พวกเจ้าไม่ต้องหวังจะหนีออกไปแล้ว! ตอนนี้มันคงมีแค่คนผู้เดียวที่จะออกไปได้! มีแต่คนที่หาคลื่นกำเนิดเจอและผสานมันเข้าเต๋าของตัวเองได้เท่านั้นที่จะได้ออกไป! ร้องไห้ไปตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์! เอาเวลาไปหาคลื่นกำเนิดเอาเถอะ! มีแต่ทางนั้นที่จะรอดออกไปได้!”

คำพูดเดียวนี้ดึงสติคนทั้งหลายกลับมาทันที!

คนทั้งหลายได้เข้าใจเสียที!

ใช่แล้ว ตราบเท่าที่พวกเขาเจอคลื่นกำเนิดได้มันก็จะรอดออกไปได้!

เพราะฉะนั้นการตามหาของคนทั้งหลายมันจึงบ้าคลั่งกว่าเก่าอย่างมาก

ไป๋ชุยซานนั้นเองก็ตั้งสติกลับมาได้และร้องบอกเย่หยวน “ไป! รีบๆ ไปหาคลื่นกำเนิดกันเถอะ ไม่เช่นนั้นเราจะได้ตายกันหมด!”

“ที่แห่งนี้มันคือดินแดนสมบัติสืบทอดแท้ๆ ทำไมถึงได้มีของอย่างกลองสนธยาระฆังอรุณกัน?” เย่หยวนบ่นขึ้นมา

ไป๋ชุยซานที่ได้เห็นต้องทำหน้าเครียดกล่าว “พระเจ้าช่วย เจ้าจะยังมีหน้ามาคิดเรื่องนั้นอีก? ช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเจ้าจะได้ตายแล้ว!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่สนใจคำชวนใดๆ นั้นและบ่นขึ้นต่อ “สังหารคนไปตอนนี้มันจะได้อะไร? ระดับแรกนั้นมันย่อมจะซ่อนคลื่นกำเนิดใดๆ ไว้กัน? หรือว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแค่สังหารคน? แต่มันไม่น่าใช่! กลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันน่าประหลาดเกินไป!”

“พระเจ้าช่วยเถอะ จะมีอะไรประหลาดอีก? รีบๆ ไปตามหาคลื่นกำเนิดกันได้แล้ว!” ไป๋ชุยซานเริ่มลนลาน

แต่ว่าเขาคนนี้ก็ช่างรักเพื่อนเสียจริงๆ ได้เห็นว่าเย่หยวนไม่ขยับตัวเขาเองก็ยังไม่ออกไปไหน

เวลานี้เองที่เย่หยวนได้ยิ้มกว้างขึ้นมาและนั่งลงกับพื้นไป

ไป๋ชุยซานต้องผงะเมื่อได้เห็น “เจ้านี่ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! หากเราหาคลื่นกำเนิดไม่ได้เราจะได้ตายกันหมด!”

แต่เย่หยวนนั้นกลับส่ายหัวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่ไป๋ ท่านออกไปตามหาเถอะ ข้าไม่คิดหามันอีกแล้ว!”

ไป๋ชุยซานเองก็ได้แต่ต้องกระทืบเท้าอย่างหมดคำพูด “ไอ้บ้านี่! เจ้ามันบ้า! ถ้าอย่างนั้นข้าไปเองแล้ว!”

ตึง!

เสียงกลองที่เก้าดังขึ้นมาทำให้ร่างของเย่หยวนแตกสลายลงอีกครั้ง!

เมื่อเขากลับมาประกอบเป็นร่างใหม่ร่างกายของเขามันก็ดูจางลงไปอีกมาก

หวางเฉียนเห็นเย่หยวนเพราะว่าเขานั้นทำตัวได้เด่นกว่าใครๆ

เขาจึงได้เดินเข้ามากล่าวเย้ยหยัน “คนอื่นๆ เขาออกไปตามหาคลื่นกำเนิดกันแต่เจ้ากลับมานั่งเล่นอยู่นี่?”

เย่หยวนไม่คิดสนใจและค่อยๆ วิเคราะห์พลังของเสียงกลองนั้นไปพร้อมกับวิเคราะห์ความรู้สึกตอนที่ร่างกายแตกสลายลง

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงร้องเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกเมิน “เจ้าไปหาคลื่นกำเนิดเสีย! ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเองแล้ว!”

เย่หยวนยังไม่คิดสนใจ!

ตูม!

หวางเฉียนนั้นไม่ลังเลปล่อยฝ่ามือสังหารออกมาทันที กำลังของเขานั้นมันเหนือกว่าเฟิงรุ่ยไปด้วยซ้ำ ร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไปทันที แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมารวมเป็นร่างได้อีกครั้ง

ร่างวิญญาณอมตะนั้นต่อให้มันจะเป็นแค่ร่างวิญญาณกึ่งอมตะมันก็มิใช่สิ่งที่จะสังหารลงได้ง่ายๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นการถูกสังหารเช่นนี้มันไม่ได้สร้างความเสียดายใดๆ ให้เย่หยวนเลย

สิ่งที่เป็นภัยจริงๆ นั้นมันคือกลองสนธยาระฆังอรุณ!

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่ากลองสนธยาระฆังอรุณนี้มันไม่ได้แค่ทำลายร่างวิญญาณของเขาแต่มันทำลายไปถึงสติ!

หรือก็คือหากเป็นเช่นนี้ต่อไปในสุดท้ายแล้วเขาจะไม่อาจฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก!

หวางเฉียนนั้นหรี่ตาลงมองและกล่าว “ไอ้เจ้าสวะ เจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าสังหารเจ้าไม่ได้?”

เขาจึงได้ปล่อยคลื่นพลังออกมาสุดตัวจนทำให้คลื่นวิญญาณหนักหน่วงเข้าปกคลุมพื้นที่

ตึง!

ในตอนนี้เสียงของระฆังแรกมันได้ดังขึ้น

หวางเฉียนนั้นกระอักขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงโจมตีออกไปพร้อมเสียงระฆัง!

แน่นอนว่าร่างของเย่หยวนนั้นแตกสลายลงไป

พลังของระฆังนั้นมันรุนแรงกว่ากลองไปมาก!

ครั้งนี้มีคนตายลงไปมากมาย!

“แทนที่จะมาเสียเวลากับข้าตรงนี้เจ้าออกไปหาคลื่นกำเนิดจะไม่ดีกว่าหรือ ไม่เช่นนั้นเจ้าเองก็จะได้ตายด้วย!” เย่หยวนกล่าว

หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก แต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดของเย่หยวนมันสมเหตุสมผล หากเขาหาคลื่นกำเนิดไม่ได้ เขาเองก็คงไม่รอดเช่นกัน หวางเฉียนนั้นกัดฟันแน่นพุ่งตัวหายไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+