Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2945 หลอน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2945 หลอน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ม…ไม่ดีแล้ว ร่างวิญญาณของข้า…ร่างวิญญาณของข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว…”

“ร…ร้อน! ข้า…ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว!”

“ร่างวิญญาณของข้านั้นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมข้ายังไม่ไหวอีก?”

ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนที่เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

ความร้อนของทะเลเพลิงนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่าน

ร่างหมอกของคนทั้งหลายนั้นมันค่อยๆ จางหายลงไป

จนสุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า

เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าด้วยคำสอนของเย่หยวนในชั้นแรกกับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งของตนในตอนนี้

มันคงช่วยให้พวกเขาสามารถรอดไปได้

แต่พวกเขานั้นกลับคิดผิดอย่างมหันต์

หวางเฉียนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นมาจากภายในร่างวิญญาณกึ่งอมตะของตน…

ตอนนี้หวางเฉียนเหมือนกลับรู้สึกถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

เขานั้นคิดใช้ทะเลเพลิงนี้หลอมร่างตัวเอง

แต่มันกลับเปล่าประโยชน์!

ร่างกายของเขานั้นมันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มากนักและตัวเขาก็ยังเห็นว่าเย่หยวนนั้นนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ไม่ไกล

แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นร่างหมอกเสียที

ทว่าจู่ๆ เย่หยวนก็ขยับตัวพุ่งหายกลายเป็นหมอกไป

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆ ทำเป็นลึกลับ! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะโชคดีได้ทุกครั้งไป? ในรอบแรกนั้นเจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! ในรอบที่สองนี้เจ้าเสียเวลาคิดไปเป็นครึ่งวันแต่สุดท้ายก็ทำเหมือนพวกเรามิใช่หรือ? มันมีอะไรต่างกันตรงไหนเล่า?”

หวางเฉียนนั้นเข้าใจเรื่องของเจดีย์เจ็ดสีนี้ขึ้นมาไม่น้อย

เขาพอเดาได้แล้วว่าสมบัติสืบทอดในแต่ละรอบมันคงแตกต่างกันไป

แต่หากถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร…นั้นก็คงมีแต่ต้องลองผิดลองถูกเท่านั้นแล้ว

แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอทางออก และเย่หยวนเองก็ยังไม่เจอทางเช่นกัน

ในรอบแรกนั้นเขาก็แค่บังเอิญไปเจอทางเข้าเท่านั้นเอง

“อ้าก ร้อนโว้ย! ข้ารู้สึกเหมือนร่างวิญญาณของตนจะเหือดหายไปเลย! เย่หยวน เจ้าเจอหนทางรับมือมันหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้ขอเรียนรู้จากเจ้าอีกทีเถอะ!” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาทันที เจ้าบ้านี่มันยังมียางอายหรือไม่?

“ไป๋ชุยซาน! เจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เคยได้รับคำสอนจากบรรพบุรุษท่านมาก่อน นี้คิดจะตามหลังคนอื่นเช่นนี้จริงๆ?” หวางเฉียนกล่าวขึ้น

ไป๋ชุยซานหันไปมองหน้าหวางเฉียนก่อนจะทำเสียงเลียนแบบขึ้น “ช…ช่วยข้าด้วย! เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!”

เมื่อหวางเฉียนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืดทันที

นี่มันท่าทางกระดิกหางของเขาในตอนรอบแรกมิใช่หรือ?

นี่มันคือความอับอายชั่วชีวิต!

ไป๋ชุยซานเจ้าบ้านี่กลับเอาเกลือมาลูบแผลใส่เขา!

“ฮ่าๆ ใครกันนะที่มันก้มหัวขอร้องกราบเย่หยวนในรอบแรก? ทำไมหรือ? พริบตาเดียวก็ลืมคุณคนไปแล้วหรือ?” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นเบิกตากว้างอย่างคับแค้นออกมา “ไป๋ชุยซาน! วันนี้หากข้าหวางเฉียนไม่ได้สังหารเจ้าข้าก็มิใช่คนแล้ว!”

หวางเฉียนนั้นระเบิดพลังขึ้นมาทันที!

เขานั้นไม่คิดสนใจใดๆ ปล่อยพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเข้ามาปะทะร่างของไป๋ชุยซาน

ไป๋ชุยซานเองก็สะดุ้งตัวขึ้นเช่นกัน

เพราะว่าฝีมือของเขานั้นต่ำกว่าหวางเฉียนไปมาก

การที่หวางเฉียนได้กลายเป็นยอดคนของแดนวิญญาณกลางนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา

เมื่อเขาคนนี้คลั่งขึ้นมาไป๋ชุยซานรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันกดทับขุนเขาพุ่งเข้ามาหา

ตูม!

พริบตาต่อมาคนทั้งสองก็แลกหมัดกัน

หวางเฉียนนั้นปลิวออกไปพร้อมกระอักรุนแรง

ไป๋ชุยซานนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมามองอย่างงงๆ

“อ่าว ทำไมข้าเก่งขนาดนี้ได้?” ไป๋ชุยซานถามขึ้นอย่างมึนงง

“ฮ่าๆ นี่พี่ไป๋ไม่รู้จริงๆ? หรือว่าท่านแค่แกล้งไม่รู้กัน? แม้ว่าร่างวิญญาณของท่านนั้นจะยังไม่สมบูรณ์เท่าของอาจารย์เย่ แต่ว่าท่านนั้นก็สุดจะแข็งแกร่งแล้ว! ส่วนร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันถูกเผาในทะเลเพลิงมานานมากนัก เขาคงมีสภาพใกล้ตายเต็มทีแล้ว ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะเอาชนะท่านได้อีก?” ข้างๆ ตัวเขานั้นมีเสียงคนกล่าวขึ้นมา

เมื่อไป๋ชุยซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาทันที “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! ฮิๆ ระหว่างทางมานี้ข้ายังบอกว่าตัวเองจะปกป้องเย่หยวนแต่สุดท้ายพอเข้ามาแล้วกลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยเหลือข้าไว้! ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าเดาทางรอบนี้ออกหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!”

อีกด้านนั้นหวางเฉียนต้องกระอักเลือดออกมา

ไป๋ชุยซานเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าสภาพของตนในตอนนี้มันอ่อนแอมาก

แต่หากลองถามใจตัวเองว่าเขาสามารถเอาชนะไป๋ชุยซานได้หรือไม่เขาย่อมมั่นใจว่าจะทำได้

ใครจะไปคิดว่าเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

นี่มันแสดงให้เห็นว่าไป๋ชุยซานนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้นในการตีของกลองสนธยาระฆังอรุณในรอบแรก

มันกลับมีช่องว่างที่ใหญ่ขนาดนี้?

เขานั้นรีบขึ้นมาชั้นที่สองก็เพื่อจะแย่งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไป

ใครจะไปคิดว่าไป๋ชุยซานนั้นกลับพัฒนามาได้จนถึงขั้นนี้!

แต่วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้เห็นว่ามันมีใครบางคนหายไป

ตูม!

จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็ติดไฟขึ้นมา!

ร่างหมอกของเขานั้นมันผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิง

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนี้เขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา!

“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้ว! ในรอบแรกมันก็แค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูเข้าเท่านั้น มันแค่โชคล้วนๆ! ในรอบนี้มันเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว? ไหม้ไป! ไหม้ไปให้หมด! กลายเป็นจุณไปเสีย!”

ตอนนี้หวางเฉียนนั้นสะใจอย่างมาก

เพราะหากได้เห็นเย่หยวนตายลงต่อหน้าเขานั้นก็พร้อมที่จะตายลงในชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทนอยู่ต่อหน้าเย่หยวนได้อีกต่อไป

สีหน้าของพวกไป๋ชุยซานนั้นมันเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้เห็น

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? เย่หยวนเจ้า…เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ไป๋ชุยซานถามขึ้น

“อาจารย์เย่! อย่างทำให้พวกเรากลัวเช่นนี้สิ!”

“จบสิ้นแล้ว! รอบนี้แม้แต่อาจารย์เย่ท่านก็ยังพลาดท่าลง! ดูท่าเราคงได้ตายกันแน่แล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นได้เห็นเย่หยวนไหม้หายไปกับตา

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายที่ทนพลังของทะเลเพลิงนี้ไว้มันก็แทบไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว

ความหวังเดียวของพวกเขานั้นคือเย่หยวน

แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะรอดไปได้เช่นกัน

เท่านี้มันก็จบสิ้นกันแล้ว!

“ฮ่าๆ ไอ้เจ้าโง่โอหัง! เจดีย์เจ็ดสีนี้มันตั้งมากี่ปีแล้ว? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าไม่เคยมีใครไปถึงระดับเจ็ดได้มาก่อน! แค่คนอย่างเจ้านี้ก็คิดจะพลิกสวรรค์หรือ?” หวางเฉียนหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เย่หยวนนั้นกำลังจะตายลงต่อหน้าแล้ว

ร่างหมอกของเย่หยวนนั้นมันกำลังไหม้และค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิงไป

เมื่อร่างหมอกของเย่หยวนมันไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้วเย่หยวนก็คงตายลงเช่นกัน

แน่นอนว่าสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนไปเรื่อยๆ

คนทั้งหลายได้แต่มองมันอย่างสิ้นหวัง

แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดจะขัดขืนใดๆ เลยแม้แต่น้อย

หวางเฉียนนั้นดีใจอย่างมากและรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นลงอย่างรวดเร็ว

เพราะการได้เห็นเย่หยวนตายต่อหน้านั้นเป็นความสุขเดียวที่เขามีในตอนนี้แล้ว!

จนสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็หายไปสิ้น

จุดที่เขาเคยอยู่นั้นมันกลายเป็นแค่ทะเลเพลิงไปจนสิ้นเชิง ผสานเข้ารวมกันเป็นหนึ่งไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออีก

“ฮ่าๆ ตายจนได้! กว่าจะตาย! ผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณและเอาเสี้ยวคลื่นกำเนิดแรกมาได้แล้วทำไม? สุดท้ายก็ตายลงมิใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…” หวางเฉียนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายได้แต่ทำหน้าตาเหยเกเพราะความหวังของพวกเขามันดับสูญสิ้นลงแล้ว

แต่ในตอนนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาจากทะเลเพลิง

พร้อมกับหวางเฉียนต้องผงะไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

จนเขาต้องขยี้ตาดู

‘นี่ตาข้าฝาดไปแล้วหรือ?’

ความคับแค้นของเขามันทำให้เขาเห็นภาพหลอนแล้ว?

นั่นคือ…เย่หยวน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2945 หลอน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2945 หลอน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ม…ไม่ดีแล้ว ร่างวิญญาณของข้า…ร่างวิญญาณของข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว…”

“ร…ร้อน! ข้า…ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว!”

“ร่างวิญญาณของข้านั้นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมข้ายังไม่ไหวอีก?”

ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนที่เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

ความร้อนของทะเลเพลิงนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่าน

ร่างหมอกของคนทั้งหลายนั้นมันค่อยๆ จางหายลงไป

จนสุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า

เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าด้วยคำสอนของเย่หยวนในชั้นแรกกับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งของตนในตอนนี้

มันคงช่วยให้พวกเขาสามารถรอดไปได้

แต่พวกเขานั้นกลับคิดผิดอย่างมหันต์

หวางเฉียนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นมาจากภายในร่างวิญญาณกึ่งอมตะของตน…

ตอนนี้หวางเฉียนเหมือนกลับรู้สึกถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

เขานั้นคิดใช้ทะเลเพลิงนี้หลอมร่างตัวเอง

แต่มันกลับเปล่าประโยชน์!

ร่างกายของเขานั้นมันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มากนักและตัวเขาก็ยังเห็นว่าเย่หยวนนั้นนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ไม่ไกล

แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นร่างหมอกเสียที

ทว่าจู่ๆ เย่หยวนก็ขยับตัวพุ่งหายกลายเป็นหมอกไป

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆ ทำเป็นลึกลับ! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะโชคดีได้ทุกครั้งไป? ในรอบแรกนั้นเจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! ในรอบที่สองนี้เจ้าเสียเวลาคิดไปเป็นครึ่งวันแต่สุดท้ายก็ทำเหมือนพวกเรามิใช่หรือ? มันมีอะไรต่างกันตรงไหนเล่า?”

หวางเฉียนนั้นเข้าใจเรื่องของเจดีย์เจ็ดสีนี้ขึ้นมาไม่น้อย

เขาพอเดาได้แล้วว่าสมบัติสืบทอดในแต่ละรอบมันคงแตกต่างกันไป

แต่หากถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร…นั้นก็คงมีแต่ต้องลองผิดลองถูกเท่านั้นแล้ว

แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอทางออก และเย่หยวนเองก็ยังไม่เจอทางเช่นกัน

ในรอบแรกนั้นเขาก็แค่บังเอิญไปเจอทางเข้าเท่านั้นเอง

“อ้าก ร้อนโว้ย! ข้ารู้สึกเหมือนร่างวิญญาณของตนจะเหือดหายไปเลย! เย่หยวน เจ้าเจอหนทางรับมือมันหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้ขอเรียนรู้จากเจ้าอีกทีเถอะ!” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาทันที เจ้าบ้านี่มันยังมียางอายหรือไม่?

“ไป๋ชุยซาน! เจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เคยได้รับคำสอนจากบรรพบุรุษท่านมาก่อน นี้คิดจะตามหลังคนอื่นเช่นนี้จริงๆ?” หวางเฉียนกล่าวขึ้น

ไป๋ชุยซานหันไปมองหน้าหวางเฉียนก่อนจะทำเสียงเลียนแบบขึ้น “ช…ช่วยข้าด้วย! เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!”

เมื่อหวางเฉียนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืดทันที

นี่มันท่าทางกระดิกหางของเขาในตอนรอบแรกมิใช่หรือ?

นี่มันคือความอับอายชั่วชีวิต!

ไป๋ชุยซานเจ้าบ้านี่กลับเอาเกลือมาลูบแผลใส่เขา!

“ฮ่าๆ ใครกันนะที่มันก้มหัวขอร้องกราบเย่หยวนในรอบแรก? ทำไมหรือ? พริบตาเดียวก็ลืมคุณคนไปแล้วหรือ?” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นเบิกตากว้างอย่างคับแค้นออกมา “ไป๋ชุยซาน! วันนี้หากข้าหวางเฉียนไม่ได้สังหารเจ้าข้าก็มิใช่คนแล้ว!”

หวางเฉียนนั้นระเบิดพลังขึ้นมาทันที!

เขานั้นไม่คิดสนใจใดๆ ปล่อยพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเข้ามาปะทะร่างของไป๋ชุยซาน

ไป๋ชุยซานเองก็สะดุ้งตัวขึ้นเช่นกัน

เพราะว่าฝีมือของเขานั้นต่ำกว่าหวางเฉียนไปมาก

การที่หวางเฉียนได้กลายเป็นยอดคนของแดนวิญญาณกลางนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา

เมื่อเขาคนนี้คลั่งขึ้นมาไป๋ชุยซานรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันกดทับขุนเขาพุ่งเข้ามาหา

ตูม!

พริบตาต่อมาคนทั้งสองก็แลกหมัดกัน

หวางเฉียนนั้นปลิวออกไปพร้อมกระอักรุนแรง

ไป๋ชุยซานนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมามองอย่างงงๆ

“อ่าว ทำไมข้าเก่งขนาดนี้ได้?” ไป๋ชุยซานถามขึ้นอย่างมึนงง

“ฮ่าๆ นี่พี่ไป๋ไม่รู้จริงๆ? หรือว่าท่านแค่แกล้งไม่รู้กัน? แม้ว่าร่างวิญญาณของท่านนั้นจะยังไม่สมบูรณ์เท่าของอาจารย์เย่ แต่ว่าท่านนั้นก็สุดจะแข็งแกร่งแล้ว! ส่วนร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันถูกเผาในทะเลเพลิงมานานมากนัก เขาคงมีสภาพใกล้ตายเต็มทีแล้ว ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะเอาชนะท่านได้อีก?” ข้างๆ ตัวเขานั้นมีเสียงคนกล่าวขึ้นมา

เมื่อไป๋ชุยซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาทันที “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! ฮิๆ ระหว่างทางมานี้ข้ายังบอกว่าตัวเองจะปกป้องเย่หยวนแต่สุดท้ายพอเข้ามาแล้วกลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยเหลือข้าไว้! ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าเดาทางรอบนี้ออกหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!”

อีกด้านนั้นหวางเฉียนต้องกระอักเลือดออกมา

ไป๋ชุยซานเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าสภาพของตนในตอนนี้มันอ่อนแอมาก

แต่หากลองถามใจตัวเองว่าเขาสามารถเอาชนะไป๋ชุยซานได้หรือไม่เขาย่อมมั่นใจว่าจะทำได้

ใครจะไปคิดว่าเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

นี่มันแสดงให้เห็นว่าไป๋ชุยซานนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้นในการตีของกลองสนธยาระฆังอรุณในรอบแรก

มันกลับมีช่องว่างที่ใหญ่ขนาดนี้?

เขานั้นรีบขึ้นมาชั้นที่สองก็เพื่อจะแย่งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไป

ใครจะไปคิดว่าไป๋ชุยซานนั้นกลับพัฒนามาได้จนถึงขั้นนี้!

แต่วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้เห็นว่ามันมีใครบางคนหายไป

ตูม!

จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็ติดไฟขึ้นมา!

ร่างหมอกของเขานั้นมันผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิง

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนี้เขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา!

“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้ว! ในรอบแรกมันก็แค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูเข้าเท่านั้น มันแค่โชคล้วนๆ! ในรอบนี้มันเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว? ไหม้ไป! ไหม้ไปให้หมด! กลายเป็นจุณไปเสีย!”

ตอนนี้หวางเฉียนนั้นสะใจอย่างมาก

เพราะหากได้เห็นเย่หยวนตายลงต่อหน้าเขานั้นก็พร้อมที่จะตายลงในชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทนอยู่ต่อหน้าเย่หยวนได้อีกต่อไป

สีหน้าของพวกไป๋ชุยซานนั้นมันเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้เห็น

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? เย่หยวนเจ้า…เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ไป๋ชุยซานถามขึ้น

“อาจารย์เย่! อย่างทำให้พวกเรากลัวเช่นนี้สิ!”

“จบสิ้นแล้ว! รอบนี้แม้แต่อาจารย์เย่ท่านก็ยังพลาดท่าลง! ดูท่าเราคงได้ตายกันแน่แล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นได้เห็นเย่หยวนไหม้หายไปกับตา

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายที่ทนพลังของทะเลเพลิงนี้ไว้มันก็แทบไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว

ความหวังเดียวของพวกเขานั้นคือเย่หยวน

แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะรอดไปได้เช่นกัน

เท่านี้มันก็จบสิ้นกันแล้ว!

“ฮ่าๆ ไอ้เจ้าโง่โอหัง! เจดีย์เจ็ดสีนี้มันตั้งมากี่ปีแล้ว? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าไม่เคยมีใครไปถึงระดับเจ็ดได้มาก่อน! แค่คนอย่างเจ้านี้ก็คิดจะพลิกสวรรค์หรือ?” หวางเฉียนหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เย่หยวนนั้นกำลังจะตายลงต่อหน้าแล้ว

ร่างหมอกของเย่หยวนนั้นมันกำลังไหม้และค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิงไป

เมื่อร่างหมอกของเย่หยวนมันไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้วเย่หยวนก็คงตายลงเช่นกัน

แน่นอนว่าสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนไปเรื่อยๆ

คนทั้งหลายได้แต่มองมันอย่างสิ้นหวัง

แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดจะขัดขืนใดๆ เลยแม้แต่น้อย

หวางเฉียนนั้นดีใจอย่างมากและรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นลงอย่างรวดเร็ว

เพราะการได้เห็นเย่หยวนตายต่อหน้านั้นเป็นความสุขเดียวที่เขามีในตอนนี้แล้ว!

จนสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็หายไปสิ้น

จุดที่เขาเคยอยู่นั้นมันกลายเป็นแค่ทะเลเพลิงไปจนสิ้นเชิง ผสานเข้ารวมกันเป็นหนึ่งไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออีก

“ฮ่าๆ ตายจนได้! กว่าจะตาย! ผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณและเอาเสี้ยวคลื่นกำเนิดแรกมาได้แล้วทำไม? สุดท้ายก็ตายลงมิใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…” หวางเฉียนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายได้แต่ทำหน้าตาเหยเกเพราะความหวังของพวกเขามันดับสูญสิ้นลงแล้ว

แต่ในตอนนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาจากทะเลเพลิง

พร้อมกับหวางเฉียนต้องผงะไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

จนเขาต้องขยี้ตาดู

‘นี่ตาข้าฝาดไปแล้วหรือ?’

ความคับแค้นของเขามันทำให้เขาเห็นภาพหลอนแล้ว?

นั่นคือ…เย่หยวน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2945 หลอน?

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2945 หลอน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ม…ไม่ดีแล้ว ร่างวิญญาณของข้า…ร่างวิญญาณของข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว…”

“ร…ร้อน! ข้า…ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้ว!”

“ร่างวิญญาณของข้านั้นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเท่าไหร่แล้ว ทำไมข้ายังไม่ไหวอีก?”

ยิ่งเวลาผ่านไปมันก็ยิ่งมีคนที่เริ่มทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

ความร้อนของทะเลเพลิงนี้มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่าน

ร่างหมอกของคนทั้งหลายนั้นมันค่อยๆ จางหายลงไป

จนสุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า

เดิมทีแล้วพวกเขาคิดว่าด้วยคำสอนของเย่หยวนในชั้นแรกกับร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งของตนในตอนนี้

มันคงช่วยให้พวกเขาสามารถรอดไปได้

แต่พวกเขานั้นกลับคิดผิดอย่างมหันต์

หวางเฉียนนั้นเองก็ไม่ต่างกัน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นมาจากภายในร่างวิญญาณกึ่งอมตะของตน…

ตอนนี้หวางเฉียนเหมือนกลับรู้สึกถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง

เขานั้นคิดใช้ทะเลเพลิงนี้หลอมร่างตัวเอง

แต่มันกลับเปล่าประโยชน์!

ร่างกายของเขานั้นมันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

เย่หยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มากนักและตัวเขาก็ยังเห็นว่าเย่หยวนนั้นนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ไม่ไกล

แต่เขาก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นร่างหมอกเสียที

ทว่าจู่ๆ เย่หยวนก็ขยับตัวพุ่งหายกลายเป็นหมอกไป

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ฮ่าๆ ทำเป็นลึกลับ! เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะโชคดีได้ทุกครั้งไป? ในรอบแรกนั้นเจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! ในรอบที่สองนี้เจ้าเสียเวลาคิดไปเป็นครึ่งวันแต่สุดท้ายก็ทำเหมือนพวกเรามิใช่หรือ? มันมีอะไรต่างกันตรงไหนเล่า?”

หวางเฉียนนั้นเข้าใจเรื่องของเจดีย์เจ็ดสีนี้ขึ้นมาไม่น้อย

เขาพอเดาได้แล้วว่าสมบัติสืบทอดในแต่ละรอบมันคงแตกต่างกันไป

แต่หากถามว่ามันแตกต่างกันอย่างไร…นั้นก็คงมีแต่ต้องลองผิดลองถูกเท่านั้นแล้ว

แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่เจอทางออก และเย่หยวนเองก็ยังไม่เจอทางเช่นกัน

ในรอบแรกนั้นเขาก็แค่บังเอิญไปเจอทางเข้าเท่านั้นเอง

“อ้าก ร้อนโว้ย! ข้ารู้สึกเหมือนร่างวิญญาณของตนจะเหือดหายไปเลย! เย่หยวน เจ้าเจอหนทางรับมือมันหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้ขอเรียนรู้จากเจ้าอีกทีเถอะ!” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาทันที เจ้าบ้านี่มันยังมียางอายหรือไม่?

“ไป๋ชุยซาน! เจ้าจะอย่างไรก็เป็นยอดอัจฉริยะที่เคยได้รับคำสอนจากบรรพบุรุษท่านมาก่อน นี้คิดจะตามหลังคนอื่นเช่นนี้จริงๆ?” หวางเฉียนกล่าวขึ้น

ไป๋ชุยซานหันไปมองหน้าหวางเฉียนก่อนจะทำเสียงเลียนแบบขึ้น “ช…ช่วยข้าด้วย! เย่หยวน ช…ช่วยข้าด้วย!”

เมื่อหวางเฉียนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าดำมืดทันที

นี่มันท่าทางกระดิกหางของเขาในตอนรอบแรกมิใช่หรือ?

นี่มันคือความอับอายชั่วชีวิต!

ไป๋ชุยซานเจ้าบ้านี่กลับเอาเกลือมาลูบแผลใส่เขา!

“ฮ่าๆ ใครกันนะที่มันก้มหัวขอร้องกราบเย่หยวนในรอบแรก? ทำไมหรือ? พริบตาเดียวก็ลืมคุณคนไปแล้วหรือ?” ไป๋ชุยซานร้องลั่นขึ้นมา

หวางเฉียนนั้นเบิกตากว้างอย่างคับแค้นออกมา “ไป๋ชุยซาน! วันนี้หากข้าหวางเฉียนไม่ได้สังหารเจ้าข้าก็มิใช่คนแล้ว!”

หวางเฉียนนั้นระเบิดพลังขึ้นมาทันที!

เขานั้นไม่คิดสนใจใดๆ ปล่อยพลังวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเข้ามาปะทะร่างของไป๋ชุยซาน

ไป๋ชุยซานเองก็สะดุ้งตัวขึ้นเช่นกัน

เพราะว่าฝีมือของเขานั้นต่ำกว่าหวางเฉียนไปมาก

การที่หวางเฉียนได้กลายเป็นยอดคนของแดนวิญญาณกลางนั้นมันย่อมจะหมายความว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา

เมื่อเขาคนนี้คลั่งขึ้นมาไป๋ชุยซานรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันกดทับขุนเขาพุ่งเข้ามาหา

ตูม!

พริบตาต่อมาคนทั้งสองก็แลกหมัดกัน

หวางเฉียนนั้นปลิวออกไปพร้อมกระอักรุนแรง

ไป๋ชุยซานนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมามองอย่างงงๆ

“อ่าว ทำไมข้าเก่งขนาดนี้ได้?” ไป๋ชุยซานถามขึ้นอย่างมึนงง

“ฮ่าๆ นี่พี่ไป๋ไม่รู้จริงๆ? หรือว่าท่านแค่แกล้งไม่รู้กัน? แม้ว่าร่างวิญญาณของท่านนั้นจะยังไม่สมบูรณ์เท่าของอาจารย์เย่ แต่ว่าท่านนั้นก็สุดจะแข็งแกร่งแล้ว! ส่วนร่างวิญญาณของหวางเฉียนนั้นมันถูกเผาในทะเลเพลิงมานานมากนัก เขาคงมีสภาพใกล้ตายเต็มทีแล้ว ในตอนนี้มีหรือที่เขาจะเอาชนะท่านได้อีก?” ข้างๆ ตัวเขานั้นมีเสียงคนกล่าวขึ้นมา

เมื่อไป๋ชุยซานได้ยินเช่นนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาทันที “ที่แท้มันเป็นเช่นนั้น! ฮิๆ ระหว่างทางมานี้ข้ายังบอกว่าตัวเองจะปกป้องเย่หยวนแต่สุดท้ายพอเข้ามาแล้วกลับเป็นเย่หยวนที่ช่วยเหลือข้าไว้! ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าเดาทางรอบนี้ออกหรือยัง? เฒ่าไป๋คนนี้จะรอไม่ไหวแล้ว!”

อีกด้านนั้นหวางเฉียนต้องกระอักเลือดออกมา

ไป๋ชุยซานเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เขานั้นย่อมรู้ดีว่าสภาพของตนในตอนนี้มันอ่อนแอมาก

แต่หากลองถามใจตัวเองว่าเขาสามารถเอาชนะไป๋ชุยซานได้หรือไม่เขาย่อมมั่นใจว่าจะทำได้

ใครจะไปคิดว่าเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว!

นี่มันแสดงให้เห็นว่าไป๋ชุยซานนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้นในการตีของกลองสนธยาระฆังอรุณในรอบแรก

มันกลับมีช่องว่างที่ใหญ่ขนาดนี้?

เขานั้นรีบขึ้นมาชั้นที่สองก็เพื่อจะแย่งเสี้ยวคลื่นกำเนิดไป

ใครจะไปคิดว่าไป๋ชุยซานนั้นกลับพัฒนามาได้จนถึงขั้นนี้!

แต่วินาทีเดียวกันนั้นเขาก็ได้เห็นว่ามันมีใครบางคนหายไป

ตูม!

จู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็ติดไฟขึ้นมา!

ร่างหมอกของเขานั้นมันผสานเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิง

เมื่อหวางเฉียนเห็นเช่นนี้เขาก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นมา!

“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้ว! ในรอบแรกมันก็แค่แมวตาบอดที่บังเอิญไปเจอหนูเข้าเท่านั้น มันแค่โชคล้วนๆ! ในรอบนี้มันเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว? ไหม้ไป! ไหม้ไปให้หมด! กลายเป็นจุณไปเสีย!”

ตอนนี้หวางเฉียนนั้นสะใจอย่างมาก

เพราะหากได้เห็นเย่หยวนตายลงต่อหน้าเขานั้นก็พร้อมที่จะตายลงในชั้นนี้ด้วยเช่นกัน

เพราะตอนนี้เขาไม่อาจจะทนอยู่ต่อหน้าเย่หยวนได้อีกต่อไป

สีหน้าของพวกไป๋ชุยซานนั้นมันเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้เห็น

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน? เย่หยวนเจ้า…เจ้าไม่เป็นไรนะ?” ไป๋ชุยซานถามขึ้น

“อาจารย์เย่! อย่างทำให้พวกเรากลัวเช่นนี้สิ!”

“จบสิ้นแล้ว! รอบนี้แม้แต่อาจารย์เย่ท่านก็ยังพลาดท่าลง! ดูท่าเราคงได้ตายกันแน่แล้ว!”

คนทั้งหลายนั้นได้เห็นเย่หยวนไหม้หายไปกับตา

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายที่ทนพลังของทะเลเพลิงนี้ไว้มันก็แทบไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว

ความหวังเดียวของพวกเขานั้นคือเย่หยวน

แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะรอดไปได้เช่นกัน

เท่านี้มันก็จบสิ้นกันแล้ว!

“ฮ่าๆ ไอ้เจ้าโง่โอหัง! เจดีย์เจ็ดสีนี้มันตั้งมากี่ปีแล้ว? ไม่รู้หรืออย่างไรว่าไม่เคยมีใครไปถึงระดับเจ็ดได้มาก่อน! แค่คนอย่างเจ้านี้ก็คิดจะพลิกสวรรค์หรือ?” หวางเฉียนหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายนั้นต่างหันมามองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เย่หยวนนั้นกำลังจะตายลงต่อหน้าแล้ว

ร่างหมอกของเย่หยวนนั้นมันกำลังไหม้และค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลเพลิงไป

เมื่อร่างหมอกของเย่หยวนมันไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้วเย่หยวนก็คงตายลงเช่นกัน

แน่นอนว่าสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็ค่อยๆ ถูกทะเลเพลิงกลืนไปเรื่อยๆ

คนทั้งหลายได้แต่มองมันอย่างสิ้นหวัง

แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดจะขัดขืนใดๆ เลยแม้แต่น้อย

หวางเฉียนนั้นดีใจอย่างมากและรู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นลงอย่างรวดเร็ว

เพราะการได้เห็นเย่หยวนตายต่อหน้านั้นเป็นความสุขเดียวที่เขามีในตอนนี้แล้ว!

จนสุดท้ายร่างหมอกของเย่หยวนมันก็หายไปสิ้น

จุดที่เขาเคยอยู่นั้นมันกลายเป็นแค่ทะเลเพลิงไปจนสิ้นเชิง ผสานเข้ารวมกันเป็นหนึ่งไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออีก

“ฮ่าๆ ตายจนได้! กว่าจะตาย! ผ่านกลองสนธยาระฆังอรุณและเอาเสี้ยวคลื่นกำเนิดแรกมาได้แล้วทำไม? สุดท้ายก็ตายลงมิใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…” หวางเฉียนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

คนทั้งหลายได้แต่ทำหน้าตาเหยเกเพราะความหวังของพวกเขามันดับสูญสิ้นลงแล้ว

แต่ในตอนนั้นเองที่เงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาจากทะเลเพลิง

พร้อมกับหวางเฉียนต้องผงะไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

จนเขาต้องขยี้ตาดู

‘นี่ตาข้าฝาดไปแล้วหรือ?’

ความคับแค้นของเขามันทำให้เขาเห็นภาพหลอนแล้ว?

นั่นคือ…เย่หยวน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+