Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2964 ทุกขลาภ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2964 ทุกขลาภ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2964 ทุกขลาภ!

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างรู้ดีว่าคนที่จะตายแต่ไม่ยอมตายลงเช่นนี้ มันย่อมจะยังมีบ่วงความห่วงอะไรบางอย่างอยู่

เหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไปที่หากตายลงอย่างมีเรื่องค้างคาพวกเขาก็จะต้องตายตาไม่หลับ

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนในตอนนี้คงเจ็บปวดมากแค่ไหน

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คิดส่งวิญญาณของเย่หยวนให้เป็นอิสระ

แต่คนที่พูดส่งวิญญาณให้เย่หยวนนั้นคือเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

เวลานี้ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันจึงปะทุกำลังขึ้นมาทันที

เสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันเหมือนเป็นความหวังให้เย่หยวน!

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็แทบจะไม่เหลือสติแล้วเช่นกัน

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเหมือนดั่งยอดแสงประภาคารสาดส่องเข้ามาในจิตของเขา

ห่วงของเขานั้นคืออะไร?

มันคือการเข้าไปหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยและขอยืมร่มคลื่นม่วงมามิใช่หรือ?

การตอบสนองระหว่างร่างวิญญาณหมอกหุ้มกลับทำให้เย่หยวนผู้ที่กำลังอยู่ในความยุ่งเหยิงได้เห็นแสงสว่างนำทางเข้าชายฝั่ง

ยอดเจ้าโลกทั้งสี่ต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าเล่นลูกไม้อะไรของเจ้ากัน? เจ้าเด็กนั่นกลับฟื้นคืนชีพมาได้?”

เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมึนงง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ได้แต่ต้องทำหน้างงๆ ตอบกลับไป “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้าแค่เห็นว่ามันทรมานนักจึงคิดสวดส่งวิญญาณมันให้ นี่มัน…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไร”

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เหมือนได้เห็นผีจริงๆ! เจ้าคิดส่งวิญญาณมันให้แต่แทนที่วิญญาณมันจะหลุดพ้น มันกลับตั้งสติมาได้อย่างหนักแน่นแทน! หือ? มันเริ่มกลับมาควบคุมร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้แล้ว!”

“ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของมันนั้นได้กลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปมากมาย เมล็ดคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นย่อมถูกฝังไว้ในร่างวิญญาณของมัน หากวันหนึ่งมันบ่มเพาะไปถึงระดับเมล็ดคลื่นกำเนิด มันก็คงจะเติบโตขึ้นมาได้! นี่มันเป็นโคตรสมบัติสำหรับมันโดยแท้เลย!” พูดไปแม้แต่ตัวเจ้าโลกเชียหลงเองก็ยังอิจฉา

สภาพของเย่หยวนนั้นหากตายก็ตายแล้วไป

แต่หากไม่ตายขึ้นมา อนาคตมันคงไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันเกิดขึ้นจากความโกลาหลและย่อมจะเข้ากับคลื่นกำเนิดได้ง่าย

ภายใต้สภาวะที่คนยังมีสติอยู่ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มก็จะไม่สามารถกลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปได้

สุดท้ายมันก็คงเอากลับออกไปได้ไม่มาก

แต่ในสภาพที่ไร้สตินั้นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเย่หยวนได้กลืนคลื่นกำเนิดมากมายเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ

จนสุดท้ายแล้วร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นก็กลับมาก่อรูปร่างอีกครั้ง

ภายในร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นมันเหมือนมีคลื่นกำเนิดมากมายที่ดูเหมือนจะถูกแต่ก็ผิด

เขานั้นยังมีพลังไม่ถึงจึงยังไม่อาจจะมองมันออกได้

แต่เขานั้นรู้ดีว่าคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นมันล้ำค่าแค่ไหน

คลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นสิ่งที่คิดอยากมีก็มีได้หรือ?

สำหรับยอดเต๋านั้นมันมีแต่ต้องบ่มเพาะให้ถึงที่สุดเท่านั้นที่คนผู้หนึ่งจะเริ่มสามารถเข้าถึงคลื่นกำเนิดได้

เต๋าของเย่หยวนนั้นยังไม่สมบูรณ์ทำให้เขานั้นยังไม่อาจจะเข้าใจคลื่นกำเนิดได้อย่างแท้จริง

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันได้บรรทุก ‘สัมผัส’ ของคลื่นกำเนิดทั้งหลายไว้ในร่างวิญญาณนี้แล้ว

เย่หยวนนั้นสามารถลองยอดเต๋าในทิศทางต่างๆ ได้ด้วย ‘สัมผัส’ นี้

นี่มันเหมือนว่าเขานั้นเข้าใจแต่ละยอดเต๋าขึ้นอย่างมาก!

สำหรับเย่หยวนต่อจากนี้ไปแล้วการบ่มเพาะแต่ละอย่างของเขามันจะรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

“ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้ทุกขลาภเช่นนี้มา เจ้าโลกบู๋เมี่ยคิดปลดปล่อยข้าแต่เขาคงไม่คิดว่ามันกลับจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เรื่องราวบนโลกหล้านี้มันช่างน่าพิศวงนัก” เย่หยวนกล่าวขึ้น

เขานั้นรู้ดีว่าสภาพก่อนหน้าของตนนั้นอันตรายแค่ไหน

หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาตั้งสติได้อีกแล้ว

เมื่อกลับมาตั้งสติได้เย่หยวนก็ไม่คิดลังเลใดๆ และเดินทางเข้าไปต่อทันที

คลื่นกำเนิดรอบๆ ของเขานั้นมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันกลับไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้อีก

เพราะจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็มีเท่านี้ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นก็กลืนคลื่นกำเนิดได้แค่จำนวนจำกัด

มันจึงไม่อาจจะกลืนได้มากกว่านี้แล้ว

เย่หยวนจึงตามเสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางนั้นเขาได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมากมาย!

ดูท่าแล้วการปะทะกันของสี่ยอดเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะรุนแรงจนเกินจินตนาการ

“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าเด็กนี่มันมาหาเจ้าจริงๆ! มันมาพร้อมกับนังเด็กนั่นดูท่าคงมาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยนี้แล้ว?

เด็กมนุษย์คนนี้มันมีแผนอะไรกันแน่” เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้น

ลูกไม้ใดๆ ของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่อาจปิดบังสายตาของยอดเจ้าโลกได้

แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งสี่นั้นได้เห็นมาตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนเข้าสนามรบเทพฉงนมาแล้ว

เพราะฉะนั้นความเป็นความตายของเย่หยวนมันจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่คนทั้งหลายสนใจมากมาย

รวมไปถึงตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยด้วย

“หลังมันมาแล้วเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวตอบไป

ระหว่างทางนั้นเย่หยวนไม่ได้เจออันตรายใดๆ แม้แต่น้อย

เพราะไม่ว่าจะเป็นอันตรายใดๆ มันก็คงถูกสี่ยอดเจ้าโลกนั้นกำจัดลงสิ้นแล้ว

เย่หยวนนั้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและพบมังกรยักษ์สีฟ้าครามบินอยู่บนทะเลสาบเลือดสีแดงสด

และเขาก็ยังเห็นว่าในทะเลสาบนั้นมีเทพตัวใหญ่ยืนอยู่!

แต่ว่าพวกมันทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นคือสี่ยอดเจ้าโลก

เย่หยวนนั้นเห็นร่มสีม่วงอันใหญ่อยู่กลางม่านหมอกหนานั้น

พร้อมๆ กันนั้นร่มมันก็ส่งแสงสีม่วงออกมาย้อมหมอกให้เป็นสีม่วงอ่อน

เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันคือร่มคลื่นม่วง!

“เจ้าเด็กมนุษย์ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยมัน” เชียหลงกล่าวขึ้นถามเป็นคนแรก

แม้จะถูกอีกฝ่ายมองออกว่าเป็นมนุษย์แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจและตอบไปด้วยการพยักหน้ารับ “ที่ผู้อาวุโสว่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ย”

“ฮ่าๆๆ…ไสหัวไป! แค่ตัวเจ้านี้มันจะทำอะไรได้!” เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

สำหรับยอดเจ้าโลกแล้วตัวเย่หยวนนั้นมันไร้ค่ายิ่งกว่ามด

แค่ลมหายใจของพวกเขาก็สามารถสังหารได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนมั่นตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ไม่ต้องขู่หรอก ตอนนี้แผนของท่านมันล้มเหลวแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคนทั้งสามมันก็เปลี่ยนสีไปทันที

เฉียเกอนั้นยิ้มตอบกลับไป “แค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์มันก็กล้ามาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้าลงไม่ได้จริง?”

“สังหารไม่ได้หรอก!”

ก่อนที่เย่หยวนจะกล่าวขึ้นต่อ “เจ้าโลกเฉียเกอ หากเจ้ามีปัญญาจริงๆ เจ้าจะยังเสียเวลามาคุยกับมดปลวกอย่างข้า? เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงได้แต่ต้องยืนให้ข้าเล่นงานเท่านั้นแล้ว”

ยอดเจ้าโลกนั้นมันเป็นฉายานามที่เหนือล้ำจริงๆ แต่มันก็ต้องดูด้วยว่ากำลังขู่ใคร

เหมือนดั่งที่คนทั้งสามนั้นกำลังรับมือกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยคนเดียวในตอนนี้

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็เห็นมาตั้งแต่แรกว่าคนทั้งสี่นั้นเข้าถึงสภาวะสมดุลแล้ว

ใครก็ตามที่ทำลายสมดุลนี้คงไม่ได้ตายดี

ถึงเวลานี้แล้วมันมีแต่ต้องให้คนทั้งสี่นั้นถอนกำลังกลับออกไปพร้อมๆ กัน

แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนกล่าวเช่นนั้นขึ้นมาสีหน้าของสามยอดเจ้าโลกก็ต้องเปลี่ยนสีไป

มดตัวหนึ่งกลับกล้ามาอวดดีต่อหน้าพวกเขา!

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ไอ้หนู! ตาเจ้ามันดีนัก! แต่เจ้าคิดหรือว่าด้วยกำลังของตัวเองเพียงเท่านี้มันจะทำอะไรเราได้?” เชียหลงกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน

เย่หยวนพยักหน้ารับ “อาจจะได้!”

เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นตอบไป “ฮ่าๆๆ เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้เจ้ามังกรผู้นี้คันได้บ้างหรือไม่!”

“อ่า เช่นนั้นเจ้ารอก่อน”

เย่หยวนหันหน้าทิ้งเชียหลงและหันไปมองเจ้าโลกบู๋เมี่ยแทน “เจ้าโลกบู๋เมี่ย ข้าอยากจะขอยืมร่มคลื่นม่วง!”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2964 ทุกขลาภ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2964 ทุกขลาภ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2964 ทุกขลาภ!

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างรู้ดีว่าคนที่จะตายแต่ไม่ยอมตายลงเช่นนี้ มันย่อมจะยังมีบ่วงความห่วงอะไรบางอย่างอยู่

เหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไปที่หากตายลงอย่างมีเรื่องค้างคาพวกเขาก็จะต้องตายตาไม่หลับ

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนในตอนนี้คงเจ็บปวดมากแค่ไหน

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คิดส่งวิญญาณของเย่หยวนให้เป็นอิสระ

แต่คนที่พูดส่งวิญญาณให้เย่หยวนนั้นคือเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

เวลานี้ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันจึงปะทุกำลังขึ้นมาทันที

เสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันเหมือนเป็นความหวังให้เย่หยวน!

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็แทบจะไม่เหลือสติแล้วเช่นกัน

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเหมือนดั่งยอดแสงประภาคารสาดส่องเข้ามาในจิตของเขา

ห่วงของเขานั้นคืออะไร?

มันคือการเข้าไปหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยและขอยืมร่มคลื่นม่วงมามิใช่หรือ?

การตอบสนองระหว่างร่างวิญญาณหมอกหุ้มกลับทำให้เย่หยวนผู้ที่กำลังอยู่ในความยุ่งเหยิงได้เห็นแสงสว่างนำทางเข้าชายฝั่ง

ยอดเจ้าโลกทั้งสี่ต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าเล่นลูกไม้อะไรของเจ้ากัน? เจ้าเด็กนั่นกลับฟื้นคืนชีพมาได้?”

เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมึนงง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ได้แต่ต้องทำหน้างงๆ ตอบกลับไป “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้าแค่เห็นว่ามันทรมานนักจึงคิดสวดส่งวิญญาณมันให้ นี่มัน…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไร”

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เหมือนได้เห็นผีจริงๆ! เจ้าคิดส่งวิญญาณมันให้แต่แทนที่วิญญาณมันจะหลุดพ้น มันกลับตั้งสติมาได้อย่างหนักแน่นแทน! หือ? มันเริ่มกลับมาควบคุมร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้แล้ว!”

“ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของมันนั้นได้กลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปมากมาย เมล็ดคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นย่อมถูกฝังไว้ในร่างวิญญาณของมัน หากวันหนึ่งมันบ่มเพาะไปถึงระดับเมล็ดคลื่นกำเนิด มันก็คงจะเติบโตขึ้นมาได้! นี่มันเป็นโคตรสมบัติสำหรับมันโดยแท้เลย!” พูดไปแม้แต่ตัวเจ้าโลกเชียหลงเองก็ยังอิจฉา

สภาพของเย่หยวนนั้นหากตายก็ตายแล้วไป

แต่หากไม่ตายขึ้นมา อนาคตมันคงไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันเกิดขึ้นจากความโกลาหลและย่อมจะเข้ากับคลื่นกำเนิดได้ง่าย

ภายใต้สภาวะที่คนยังมีสติอยู่ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มก็จะไม่สามารถกลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปได้

สุดท้ายมันก็คงเอากลับออกไปได้ไม่มาก

แต่ในสภาพที่ไร้สตินั้นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเย่หยวนได้กลืนคลื่นกำเนิดมากมายเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ

จนสุดท้ายแล้วร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นก็กลับมาก่อรูปร่างอีกครั้ง

ภายในร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นมันเหมือนมีคลื่นกำเนิดมากมายที่ดูเหมือนจะถูกแต่ก็ผิด

เขานั้นยังมีพลังไม่ถึงจึงยังไม่อาจจะมองมันออกได้

แต่เขานั้นรู้ดีว่าคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นมันล้ำค่าแค่ไหน

คลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นสิ่งที่คิดอยากมีก็มีได้หรือ?

สำหรับยอดเต๋านั้นมันมีแต่ต้องบ่มเพาะให้ถึงที่สุดเท่านั้นที่คนผู้หนึ่งจะเริ่มสามารถเข้าถึงคลื่นกำเนิดได้

เต๋าของเย่หยวนนั้นยังไม่สมบูรณ์ทำให้เขานั้นยังไม่อาจจะเข้าใจคลื่นกำเนิดได้อย่างแท้จริง

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันได้บรรทุก ‘สัมผัส’ ของคลื่นกำเนิดทั้งหลายไว้ในร่างวิญญาณนี้แล้ว

เย่หยวนนั้นสามารถลองยอดเต๋าในทิศทางต่างๆ ได้ด้วย ‘สัมผัส’ นี้

นี่มันเหมือนว่าเขานั้นเข้าใจแต่ละยอดเต๋าขึ้นอย่างมาก!

สำหรับเย่หยวนต่อจากนี้ไปแล้วการบ่มเพาะแต่ละอย่างของเขามันจะรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

“ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้ทุกขลาภเช่นนี้มา เจ้าโลกบู๋เมี่ยคิดปลดปล่อยข้าแต่เขาคงไม่คิดว่ามันกลับจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เรื่องราวบนโลกหล้านี้มันช่างน่าพิศวงนัก” เย่หยวนกล่าวขึ้น

เขานั้นรู้ดีว่าสภาพก่อนหน้าของตนนั้นอันตรายแค่ไหน

หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาตั้งสติได้อีกแล้ว

เมื่อกลับมาตั้งสติได้เย่หยวนก็ไม่คิดลังเลใดๆ และเดินทางเข้าไปต่อทันที

คลื่นกำเนิดรอบๆ ของเขานั้นมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันกลับไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้อีก

เพราะจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็มีเท่านี้ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นก็กลืนคลื่นกำเนิดได้แค่จำนวนจำกัด

มันจึงไม่อาจจะกลืนได้มากกว่านี้แล้ว

เย่หยวนจึงตามเสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางนั้นเขาได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมากมาย!

ดูท่าแล้วการปะทะกันของสี่ยอดเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะรุนแรงจนเกินจินตนาการ

“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าเด็กนี่มันมาหาเจ้าจริงๆ! มันมาพร้อมกับนังเด็กนั่นดูท่าคงมาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยนี้แล้ว?

เด็กมนุษย์คนนี้มันมีแผนอะไรกันแน่” เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้น

ลูกไม้ใดๆ ของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่อาจปิดบังสายตาของยอดเจ้าโลกได้

แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งสี่นั้นได้เห็นมาตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนเข้าสนามรบเทพฉงนมาแล้ว

เพราะฉะนั้นความเป็นความตายของเย่หยวนมันจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่คนทั้งหลายสนใจมากมาย

รวมไปถึงตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยด้วย

“หลังมันมาแล้วเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวตอบไป

ระหว่างทางนั้นเย่หยวนไม่ได้เจออันตรายใดๆ แม้แต่น้อย

เพราะไม่ว่าจะเป็นอันตรายใดๆ มันก็คงถูกสี่ยอดเจ้าโลกนั้นกำจัดลงสิ้นแล้ว

เย่หยวนนั้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและพบมังกรยักษ์สีฟ้าครามบินอยู่บนทะเลสาบเลือดสีแดงสด

และเขาก็ยังเห็นว่าในทะเลสาบนั้นมีเทพตัวใหญ่ยืนอยู่!

แต่ว่าพวกมันทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นคือสี่ยอดเจ้าโลก

เย่หยวนนั้นเห็นร่มสีม่วงอันใหญ่อยู่กลางม่านหมอกหนานั้น

พร้อมๆ กันนั้นร่มมันก็ส่งแสงสีม่วงออกมาย้อมหมอกให้เป็นสีม่วงอ่อน

เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันคือร่มคลื่นม่วง!

“เจ้าเด็กมนุษย์ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยมัน” เชียหลงกล่าวขึ้นถามเป็นคนแรก

แม้จะถูกอีกฝ่ายมองออกว่าเป็นมนุษย์แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจและตอบไปด้วยการพยักหน้ารับ “ที่ผู้อาวุโสว่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ย”

“ฮ่าๆๆ…ไสหัวไป! แค่ตัวเจ้านี้มันจะทำอะไรได้!” เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

สำหรับยอดเจ้าโลกแล้วตัวเย่หยวนนั้นมันไร้ค่ายิ่งกว่ามด

แค่ลมหายใจของพวกเขาก็สามารถสังหารได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนมั่นตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ไม่ต้องขู่หรอก ตอนนี้แผนของท่านมันล้มเหลวแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคนทั้งสามมันก็เปลี่ยนสีไปทันที

เฉียเกอนั้นยิ้มตอบกลับไป “แค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์มันก็กล้ามาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้าลงไม่ได้จริง?”

“สังหารไม่ได้หรอก!”

ก่อนที่เย่หยวนจะกล่าวขึ้นต่อ “เจ้าโลกเฉียเกอ หากเจ้ามีปัญญาจริงๆ เจ้าจะยังเสียเวลามาคุยกับมดปลวกอย่างข้า? เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงได้แต่ต้องยืนให้ข้าเล่นงานเท่านั้นแล้ว”

ยอดเจ้าโลกนั้นมันเป็นฉายานามที่เหนือล้ำจริงๆ แต่มันก็ต้องดูด้วยว่ากำลังขู่ใคร

เหมือนดั่งที่คนทั้งสามนั้นกำลังรับมือกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยคนเดียวในตอนนี้

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็เห็นมาตั้งแต่แรกว่าคนทั้งสี่นั้นเข้าถึงสภาวะสมดุลแล้ว

ใครก็ตามที่ทำลายสมดุลนี้คงไม่ได้ตายดี

ถึงเวลานี้แล้วมันมีแต่ต้องให้คนทั้งสี่นั้นถอนกำลังกลับออกไปพร้อมๆ กัน

แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนกล่าวเช่นนั้นขึ้นมาสีหน้าของสามยอดเจ้าโลกก็ต้องเปลี่ยนสีไป

มดตัวหนึ่งกลับกล้ามาอวดดีต่อหน้าพวกเขา!

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ไอ้หนู! ตาเจ้ามันดีนัก! แต่เจ้าคิดหรือว่าด้วยกำลังของตัวเองเพียงเท่านี้มันจะทำอะไรเราได้?” เชียหลงกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน

เย่หยวนพยักหน้ารับ “อาจจะได้!”

เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นตอบไป “ฮ่าๆๆ เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้เจ้ามังกรผู้นี้คันได้บ้างหรือไม่!”

“อ่า เช่นนั้นเจ้ารอก่อน”

เย่หยวนหันหน้าทิ้งเชียหลงและหันไปมองเจ้าโลกบู๋เมี่ยแทน “เจ้าโลกบู๋เมี่ย ข้าอยากจะขอยืมร่มคลื่นม่วง!”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2964 ทุกขลาภ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2964 ทุกขลาภ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2964 ทุกขลาภ!

เจ้าโลกทั้งหลายนั้นต่างรู้ดีว่าคนที่จะตายแต่ไม่ยอมตายลงเช่นนี้ มันย่อมจะยังมีบ่วงความห่วงอะไรบางอย่างอยู่

เหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไปที่หากตายลงอย่างมีเรื่องค้างคาพวกเขาก็จะต้องตายตาไม่หลับ

เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนในตอนนี้คงเจ็บปวดมากแค่ไหน

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้คิดส่งวิญญาณของเย่หยวนให้เป็นอิสระ

แต่คนที่พูดส่งวิญญาณให้เย่หยวนนั้นคือเจ้าโลกบู๋เมี่ย!

เวลานี้ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันจึงปะทุกำลังขึ้นมาทันที

เสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นมันเหมือนเป็นความหวังให้เย่หยวน!

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็แทบจะไม่เหลือสติแล้วเช่นกัน

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นเหมือนดั่งยอดแสงประภาคารสาดส่องเข้ามาในจิตของเขา

ห่วงของเขานั้นคืออะไร?

มันคือการเข้าไปหาเจ้าโลกบู๋เมี่ยและขอยืมร่มคลื่นม่วงมามิใช่หรือ?

การตอบสนองระหว่างร่างวิญญาณหมอกหุ้มกลับทำให้เย่หยวนผู้ที่กำลังอยู่ในความยุ่งเหยิงได้เห็นแสงสว่างนำทางเข้าชายฝั่ง

ยอดเจ้าโลกทั้งสี่ต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผีเฒ่าบู๋เมี่ย เจ้าเล่นลูกไม้อะไรของเจ้ากัน? เจ้าเด็กนั่นกลับฟื้นคืนชีพมาได้?”

เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้นมาอย่างมึนงง

เจ้าโลกบู๋เมี่ยเองก็ได้แต่ต้องทำหน้างงๆ ตอบกลับไป “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย! ข้าแค่เห็นว่ามันทรมานนักจึงคิดสวดส่งวิญญาณมันให้ นี่มัน…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไร”

เจ้าโลกเทียนเหวินนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าแปลกๆ “เหมือนได้เห็นผีจริงๆ! เจ้าคิดส่งวิญญาณมันให้แต่แทนที่วิญญาณมันจะหลุดพ้น มันกลับตั้งสติมาได้อย่างหนักแน่นแทน! หือ? มันเริ่มกลับมาควบคุมร่างวิญญาณหมอกหุ้มได้แล้ว!”

“ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของมันนั้นได้กลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปมากมาย เมล็ดคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นย่อมถูกฝังไว้ในร่างวิญญาณของมัน หากวันหนึ่งมันบ่มเพาะไปถึงระดับเมล็ดคลื่นกำเนิด มันก็คงจะเติบโตขึ้นมาได้! นี่มันเป็นโคตรสมบัติสำหรับมันโดยแท้เลย!” พูดไปแม้แต่ตัวเจ้าโลกเชียหลงเองก็ยังอิจฉา

สภาพของเย่หยวนนั้นหากตายก็ตายแล้วไป

แต่หากไม่ตายขึ้นมา อนาคตมันคงไม่อาจจะคาดเดาได้เลย

ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันเกิดขึ้นจากความโกลาหลและย่อมจะเข้ากับคลื่นกำเนิดได้ง่าย

ภายใต้สภาวะที่คนยังมีสติอยู่ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มก็จะไม่สามารถกลืนคลื่นกำเนิดเข้าไปได้

สุดท้ายมันก็คงเอากลับออกไปได้ไม่มาก

แต่ในสภาพที่ไร้สตินั้นร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเย่หยวนได้กลืนคลื่นกำเนิดมากมายเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ

จนสุดท้ายแล้วร่างวิญญาณของเย่หยวนนั้นก็กลับมาก่อรูปร่างอีกครั้ง

ภายในร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นมันเหมือนมีคลื่นกำเนิดมากมายที่ดูเหมือนจะถูกแต่ก็ผิด

เขานั้นยังมีพลังไม่ถึงจึงยังไม่อาจจะมองมันออกได้

แต่เขานั้นรู้ดีว่าคลื่นกำเนิดทั้งหลายนั้นมันล้ำค่าแค่ไหน

คลื่นกำเนิดนั้นมันเป็นสิ่งที่คิดอยากมีก็มีได้หรือ?

สำหรับยอดเต๋านั้นมันมีแต่ต้องบ่มเพาะให้ถึงที่สุดเท่านั้นที่คนผู้หนึ่งจะเริ่มสามารถเข้าถึงคลื่นกำเนิดได้

เต๋าของเย่หยวนนั้นยังไม่สมบูรณ์ทำให้เขานั้นยังไม่อาจจะเข้าใจคลื่นกำเนิดได้อย่างแท้จริง

แต่ว่าร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันได้บรรทุก ‘สัมผัส’ ของคลื่นกำเนิดทั้งหลายไว้ในร่างวิญญาณนี้แล้ว

เย่หยวนนั้นสามารถลองยอดเต๋าในทิศทางต่างๆ ได้ด้วย ‘สัมผัส’ นี้

นี่มันเหมือนว่าเขานั้นเข้าใจแต่ละยอดเต๋าขึ้นอย่างมาก!

สำหรับเย่หยวนต่อจากนี้ไปแล้วการบ่มเพาะแต่ละอย่างของเขามันจะรวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

“ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้ทุกขลาภเช่นนี้มา เจ้าโลกบู๋เมี่ยคิดปลดปล่อยข้าแต่เขาคงไม่คิดว่ามันกลับจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เรื่องราวบนโลกหล้านี้มันช่างน่าพิศวงนัก” เย่หยวนกล่าวขึ้น

เขานั้นรู้ดีว่าสภาพก่อนหน้าของตนนั้นอันตรายแค่ไหน

หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาตั้งสติได้อีกแล้ว

เมื่อกลับมาตั้งสติได้เย่หยวนก็ไม่คิดลังเลใดๆ และเดินทางเข้าไปต่อทันที

คลื่นกำเนิดรอบๆ ของเขานั้นมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่ามันกลับไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้อีก

เพราะจะอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็มีเท่านี้ ร่างวิญญาณหมอกหุ้มของเขานั้นก็กลืนคลื่นกำเนิดได้แค่จำนวนจำกัด

มันจึงไม่อาจจะกลืนได้มากกว่านี้แล้ว

เย่หยวนจึงตามเสียงของเจ้าโลกบู๋เมี่ยไปเรื่อยๆ

ระหว่างทางนั้นเขาได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อมากมาย!

ดูท่าแล้วการปะทะกันของสี่ยอดเจ้าโลกนั้นมันย่อมจะรุนแรงจนเกินจินตนาการ

“ฮ่าๆ น่าสนใจ เจ้าเด็กนี่มันมาหาเจ้าจริงๆ! มันมาพร้อมกับนังเด็กนั่นดูท่าคงมาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยนี้แล้ว?

เด็กมนุษย์คนนี้มันมีแผนอะไรกันแน่” เจ้าโลกเชียหลงนั้นกล่าวขึ้น

ลูกไม้ใดๆ ของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะไม่อาจปิดบังสายตาของยอดเจ้าโลกได้

แท้จริงแล้วพวกเขาทั้งสี่นั้นได้เห็นมาตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนเข้าสนามรบเทพฉงนมาแล้ว

เพราะฉะนั้นความเป็นความตายของเย่หยวนมันจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่คนทั้งหลายสนใจมากมาย

รวมไปถึงตัวเจ้าโลกบู๋เมี่ยด้วย

“หลังมันมาแล้วเดี๋ยวก็คงได้รู้กัน” เจ้าโลกบู๋เมี่ยกล่าวตอบไป

ระหว่างทางนั้นเย่หยวนไม่ได้เจออันตรายใดๆ แม้แต่น้อย

เพราะไม่ว่าจะเป็นอันตรายใดๆ มันก็คงถูกสี่ยอดเจ้าโลกนั้นกำจัดลงสิ้นแล้ว

เย่หยวนนั้นเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและพบมังกรยักษ์สีฟ้าครามบินอยู่บนทะเลสาบเลือดสีแดงสด

และเขาก็ยังเห็นว่าในทะเลสาบนั้นมีเทพตัวใหญ่ยืนอยู่!

แต่ว่าพวกมันทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทั้งสี่นั้นคือสี่ยอดเจ้าโลก

เย่หยวนนั้นเห็นร่มสีม่วงอันใหญ่อยู่กลางม่านหมอกหนานั้น

พร้อมๆ กันนั้นร่มมันก็ส่งแสงสีม่วงออกมาย้อมหมอกให้เป็นสีม่วงอ่อน

เมื่อเย่หยวนได้เห็นเขาก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่มันคือร่มคลื่นม่วง!

“เจ้าเด็กมนุษย์ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยผีเฒ่าบู๋เมี่ยมัน” เชียหลงกล่าวขึ้นถามเป็นคนแรก

แม้จะถูกอีกฝ่ายมองออกว่าเป็นมนุษย์แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจและตอบไปด้วยการพยักหน้ารับ “ที่ผู้อาวุโสว่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ย”

“ฮ่าๆๆ…ไสหัวไป! แค่ตัวเจ้านี้มันจะทำอะไรได้!” เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา

สำหรับยอดเจ้าโลกแล้วตัวเย่หยวนนั้นมันไร้ค่ายิ่งกว่ามด

แค่ลมหายใจของพวกเขาก็สามารถสังหารได้

แต่เย่หยวนนั้นกลับยืนมั่นตอบกลับไป “ผู้อาวุโส ไม่ต้องขู่หรอก ตอนนี้แผนของท่านมันล้มเหลวแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคนทั้งสามมันก็เปลี่ยนสีไปทันที

เฉียเกอนั้นยิ้มตอบกลับไป “แค่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์มันก็กล้ามาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้า! เจ้าคิดว่าข้าสังหารเจ้าลงไม่ได้จริง?”

“สังหารไม่ได้หรอก!”

ก่อนที่เย่หยวนจะกล่าวขึ้นต่อ “เจ้าโลกเฉียเกอ หากเจ้ามีปัญญาจริงๆ เจ้าจะยังเสียเวลามาคุยกับมดปลวกอย่างข้า? เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงได้แต่ต้องยืนให้ข้าเล่นงานเท่านั้นแล้ว”

ยอดเจ้าโลกนั้นมันเป็นฉายานามที่เหนือล้ำจริงๆ แต่มันก็ต้องดูด้วยว่ากำลังขู่ใคร

เหมือนดั่งที่คนทั้งสามนั้นกำลังรับมือกับเจ้าโลกบู๋เมี่ยคนเดียวในตอนนี้

แท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็เห็นมาตั้งแต่แรกว่าคนทั้งสี่นั้นเข้าถึงสภาวะสมดุลแล้ว

ใครก็ตามที่ทำลายสมดุลนี้คงไม่ได้ตายดี

ถึงเวลานี้แล้วมันมีแต่ต้องให้คนทั้งสี่นั้นถอนกำลังกลับออกไปพร้อมๆ กัน

แน่นอนว่าเมื่อเย่หยวนกล่าวเช่นนั้นขึ้นมาสีหน้าของสามยอดเจ้าโลกก็ต้องเปลี่ยนสีไป

มดตัวหนึ่งกลับกล้ามาอวดดีต่อหน้าพวกเขา!

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ไอ้หนู! ตาเจ้ามันดีนัก! แต่เจ้าคิดหรือว่าด้วยกำลังของตัวเองเพียงเท่านี้มันจะทำอะไรเราได้?” เชียหลงกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน

เย่หยวนพยักหน้ารับ “อาจจะได้!”

เชียหลงนั้นหัวเราะลั่นขึ้นตอบไป “ฮ่าๆๆ เช่นนั้นเจ้าก็ลองดู ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้เจ้ามังกรผู้นี้คันได้บ้างหรือไม่!”

“อ่า เช่นนั้นเจ้ารอก่อน”

เย่หยวนหันหน้าทิ้งเชียหลงและหันไปมองเจ้าโลกบู๋เมี่ยแทน “เจ้าโลกบู๋เมี่ย ข้าอยากจะขอยืมร่มคลื่นม่วง!”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+