Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2974 ผสานสายเลือด!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2974 ผสานสายเลือด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2974 ผสานสายเลือด!

“นายท่าน ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาว่าท่านจะยังอยู่ปกป้องข้าหรือไม่แล้ว! เพื่อที่จะไล่ล่าข้านั้นเผ่าหงส์แดงได้ส่งมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ออกมานับสิบคน ในหมู่คนนั้นมันมีมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดอยู่ด้วยถึงสามคน! ทำเช่นนี้พวกมันคงได้มุ่งหน้ามาทางนี้สิ้นแน่นอน! นายท่าน ตอนนี้มันยังทัน ตามไปฆ่าพวกมันให้หมดเสียก่อนเถอะ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นกดความคับแค้นไว้ในใจและกล่าวคำพูดออกมาอย่างสุภาพสุดตัว

“อ่า”

เย่หยวนนั้นไม่คิดตอบรับใดๆ กลับไปและเริ่มนั่งลงพร้อมหยิบเอาแก่นเลือดหงส์แดงขึ้นมา

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบจะคลั่งไป

“นายท่าน การหลอมแก่นเลือดนั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ในวันสองวัน ที่สำคัญมันยังเป็นกระบวนการที่อันตรายอย่างมาก ท่านควรไปหาที่เงียบๆ เข้าเก็บตัวหลอมมันวันหลังจะดีกว่า” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้นมาห้าม

“อ่า” เย่หยวนแค่ตอบสั้นๆ กลับไปและยังคงทำตามใจตัวเองต่อ

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะสิ้นสติลงไป นางมาเจอคนโง่ขนาดไหนเข้ากัน!

‘นี่มันไม่เข้าใจภาษาคนเรอะ?’

‘ทำเช่นนี้เจ้าจะได้ตายก่อนแน่!’

‘หากเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะปกป้องข้าอีก’

‘ข้า…อ้ากกก!’

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ร้องลั่นขึ้นมาในใจ!

‘แม้จะเป็นคุณหนูนิสัยอ่อนโยนเช่นข้า ข้าก็ยังแทบจะบ้าตายเพราะความโง่ของเจ้า!’

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

เพลิงจุติของนางนั้นมันเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาและเริ่มแสดงท่าทีว่าจะระเบิดออก

เย่หยวนหันกลับไปมองและกล่าวเตือน “เจ้ากลับไปสนใจเรื่องการจุติของตัวเองเถอะ เอาแต่คิดไร้สาระเช่นนี้

เจ้าอาจจะได้ตายเปล่าๆ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นไม่รู้ต้องตอบอะไรกลับไป

การจุตินั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ แท้จริงแล้วมันเป็นการเดินบนเส้นแห่งความตายก็ไม่ผิดนัก

คนที่พลาดตายลงในการจุตินั้นมันก็มีไม่น้อย

เฟิ่งชิงซวนนั้นมีอารมณ์รุมแรงภายในและย่อมมีโอกาสสูงที่จะพลาดในการจุติ

เฟิ่งชิงซวนจึงได้แต่ต้องร้องด่าขึ้นมาในใจ ‘มันก็เพราะเจ้ามิใช่หรือ?’

นางนั้นเคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครมันรนหาที่ตายแล้วรนหาที่ตายเล่าเช่นนี้!

‘สวรรค์ส่งเจ้ามาช่วยหรือมาทำให้ข้าเป็นบ้ากันแน่?’

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

แต่นางนั้นก็เข้าใจว่าหากคิดเช่นนี้ต่อไปนางจะไม่อาจจุติได้จริงๆ ได้แต่ต้องสงบจิตใจลงและตั้งสมาธิกับการจุติ

ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนนั้นก็เริ่มดูดซับแก่นเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง

แต่พริบตาต่อมานางกลับต้องอ้าปากค้าง

การผสานแก่นเลือดนั้นมันเป็นการล้างเลือดชุดเก่าและสร้างเลือดชุดใหม่ขึ้นมา

มันเป็นสิ่งที่อันตรายและเจ็บปวดอย่างสาหัส

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก่นเลือดหงส์แดงด้วยแล้ว

เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเผ่าที่อยู่บนเส้นความเป็นความตาย และการผสานเข้ากับร่างนั้น…

มันย่อมจะทำให้ผู้ผสานเผชิญหน้ากับความตายหรือไม่ก็สร้างความเจ็บปวดที่มหาศาลจนแทบให้หลายคนคิดอยากตายลงไปให้พ้นๆ!

แต่เย่หยวนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัยไม่เปลี่ยนแม้แต่สีหน้า

ราวกับว่าเขานั้น…แค่กำลังสัมผัสดูว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

สิบห้านาทีผ่านไปในที่สุดเย่หยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมด้วยพลังสายเลือดหงส์แดงที่ปะทุขึ้นจากร่าง

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงกลางหัว “นี่มัน…เขาทำสำเร็จแล้ว? นี่แก่นเลือดของข้ามันเป็นถึงระดับสวรรค์แห้งเชียวนะ!”

ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

นางนั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าหรือแท้จริงแล้วสายเลือดของนางมันจะอ่อนแอเป็นแค่ขยะ?

ทำไมเย่หยวนถึงได้ผสานมันได้ง่ายดายปานนั้น?

นางจะรู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีคลื่นกำเนิดเลือดอยู่ในตัว

ดังนั้นการผสานแก่นเลือดใดๆ มันก็ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ

หากไม่ได้คลื่นกำเนิดเลือดแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่สามารถทำมันได้ง่ายดายเช่นนี้

แต่ว่าคลื่นกำเนิดเลือดโกลาหลนั้นมันเป็นต้นกำเนิดของทุกสายเลือดในโลกหล้า

ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าใดมันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากคลื่นกำเนิดนี้ไป

เลือดของเผ่าต่างๆ บนสวรรค์นั้นมันมีจุดกำเนิดเดียวกัน!

ภายใต้การควบคุมของคลื่นกำเนิดเลือดนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่พบเจอความยากลำบากใดๆ ในการหลอมแก่นเลือดหงส์แดงมากมายและไม่ต้องเผชิญหน้าความอันตรายใดๆ ด้วย

“โฮ้ก!”

พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาพร้อมด้วยพลังของสายเลือดมังกรฟ้าที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวน!

สองคลื่นพลังรุนแรงนั้นมันปะทุขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนพร้อมๆ กัน!

เงาของมังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นมันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเย่หยวน

มังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นประชันพลังกันจนทำให้เกิดภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย

ในตอนนี้เย่หยวนเองก็บรรลุอาณาจักรบ่มเพาะขึ้นไปจนถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางในทันที!

แน่นอนว่าเต๋าทุกข์มันก็ย่อมจะปรากฏขึ้นมาด้วย!

แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันทรงพลังอย่างถึงที่สุด กำลังของเขานั้นเรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว

แม้ว่าเต๋าทุกข์ของผู้บ่มเพาะนอกรีตมันจะทรงพลังแต่มันก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆ กับเขาได้แล้ว

ตอนนี้เย่หยวนพัฒนาขึ้นและพัฒนาขึ้นจนเกินกว่าที่พลังของเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจะทำอะไรเขาได้

ตอนนี้เต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจึงไม่เป็นสิ่งที่อันตรายใดๆ ต่อหน้าเย่หยวนอีก

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะกระโดดออกมาจากกองไฟเสียให้ได้ในตอนนี้

‘เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนกัน?’

เขานั้นเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต!

แต่ว่าพลังของผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันกลับเอาชนะเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์ไปขาดลอย!

นี่มันจะยังเรียกว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีตได้อีกหรือ?

ผู้บ่มเพาะนอกรีตนั้นปกติก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

แต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันกลับยิ่งเก่งกาจกว่าผู้บ่มเพาะนอกรีตใดๆ!

‘บางที…มันอาจจะทำได้จริงๆ?’

ความคิดสุดท้ายของเฟิ่งชิงซวนนั้นค่อยๆ จางหายไปเข้าสู่ห้วงแห่งการจุติอย่างสมบูรณ์

เวลานี้เงาร่างกว่าสิบเงานั้นได้พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

คนที่นำหน้ามานั้นเป็นสาวงามอย่างมากแต่ว่าหว่างคิ้วของนางกลับขมวดแน่นแสดงถึงความโหดร้ายเลือดเย็นทำให้ความงามของนางนั้นตกลงไปอย่างมากนัก

นางคนนี้มีคลื่นพลังที่รุนแรงสะท้านฟ้า นางเป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด!

ที่สำคัญไปกว่านั้นสายเลือดของนางนั้นยังอยู่ถึงระดับขยายปฐพี!

ดูท่าแล้วคงเป็นศิษย์ระดับสูงของเผ่าหงส์แดง

สายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาถึงระดับขยายปฐพีนี้มันย่อมจะมิใช่แค่คนธรรมดาทั่วไปอีก

นี่คือต้นอ่อนของเจ้าโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่แน่นอนว่ามันแค่มีโอกาสบรรลุได้เท่านั้น

เฟิ่งจิ่วเกอมองหน้าเย่หยวนด้วยความเย็นเยือกล้ำ “ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้า คุกเข่าลงต่อหน้าข้า

แล้วกราบขอโทษ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้!”

เฟิ่งจิ่วเกอนั้นเชิดหน้าสูงพร้อมเหลือบตาลงมองเย่หยวนเหมือนเขาเป็นแค่ก้อนฝุ่น

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำพูดของนางและหันไปมองชายหนุ่มหน้าหล่อที่ตามหลังมา “เมื่อกี้ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้าให้แล้ว แต่เจ้ากลับไม่คิดรับความเมตตาไว้และกลับมารนหาที่ตาย?”

ชายหนุ่มหน้าหล่อนั้นยิ้มตอบกลับไป “กลับมาหาที่ตาย? ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่รู้เลยสิว่าท่านจิ่วเกอนั้นคือใคร?

ในหมู่หงส์แดงรุ่นใหม่นั้นท่านจิ่วเกอมีฝีมือติดห้าอันดับแรก! ไอ้หนู เจ้าคิดท้าทายเผ่าหงส์แดงเรา เตรียมตัวตายได้เลย!”

หากให้พูดตามตรงแล้ว…

เขาเองก็ตกตะลึงที่เย่หยวนบรรลุมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางขึ้นมาในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเช่นนี้

แต่พอคิดว่าตัวเองได้มากับท่านจิ่วเกอ เขาก็หมดกังวลใดๆ

มีหรือที่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางคนหนึ่งจะต่อต้านนางได้?

ข้างกายเฟิ่งจิ่วเกอนั้นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายคนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น “ไอ้หนู ท่านจิ่วเกอนั้นสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมา “เย่ผู้นี้แค่ทำตามที่ได้สัญญากับผู้คนไว้ พวกเจ้า…อย่าได้บังคับข้าเลย!”

เฟิ่งจิ่วเกอกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะคิดว่าคำพูดของข้าผู้นี้มันเป็นแค่ลมตดแล้ว! เฟิ่งหนิง หักแขนขามันแล้วจับหัวมันกดลงคุกเข่าเสีย! กล้ามาปกป้องนังมารนั้นไว้ มันย่อมจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่!”

เฟิ่งหนิงนั้นคือมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายที่กล่าวขึ้นแทรกก่อนหน้า

นี่คือคนคุ้มกันของนาง ตัวนางผู้นี้เองก็มีฝีมือที่เหนือล้ำเก่งกาจว่าชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นไปมาก

“รับทราบ!”

เฟิ่งหนิงนั้นหัวเราะลั่นก่อนจะโจมตีออกมา

“หมัดหงส์เพลิงสวรรค์สังหารเทพ!”

หมัดนั้นต่อยออกมาพร้อมด้วยพลังของหงส์แดงเพลิงที่ปิดท้องฟ้าเหมือนเป็นดวงตะวันที่สอง

เย่หยวนนั้นช่างดูไร้พลังต่อหน้าหมัดนี้

เย่หยวนไม่คิดขยับตัวและยกมือขึ้นมาพร้อมจ้องมองหมัดนี้อย่างสนใจ ปล่อยพลังสายเลือดในร่างออกมาสู้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำกลับกล้ามาผสานกับสายเลือดหงส์แดง! ตาย! แล้วนังมารนั่นมันก็กลับคิดมอบเลือดให้มนุษย์อย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเผ่า! เรื่องนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็คงไม่มีทางล้างความผิดได้แน่แล้ว!”

ตูม!

หมัดนั้นต่อยเข้ามาตัวเย่หยวนก็ยกมือขึ้นหมุนรับไว้

เงาของหงส์แดงนั้นจางหายลงไปทันที

หมัดที่ร้อนแรงนั้นมันกลับถูกเย่หยวนรับไว้อย่างง่ายดาย

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2974 ผสานสายเลือด!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2974 ผสานสายเลือด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2974 ผสานสายเลือด!

“นายท่าน ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาว่าท่านจะยังอยู่ปกป้องข้าหรือไม่แล้ว! เพื่อที่จะไล่ล่าข้านั้นเผ่าหงส์แดงได้ส่งมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ออกมานับสิบคน ในหมู่คนนั้นมันมีมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดอยู่ด้วยถึงสามคน! ทำเช่นนี้พวกมันคงได้มุ่งหน้ามาทางนี้สิ้นแน่นอน! นายท่าน ตอนนี้มันยังทัน ตามไปฆ่าพวกมันให้หมดเสียก่อนเถอะ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นกดความคับแค้นไว้ในใจและกล่าวคำพูดออกมาอย่างสุภาพสุดตัว

“อ่า”

เย่หยวนนั้นไม่คิดตอบรับใดๆ กลับไปและเริ่มนั่งลงพร้อมหยิบเอาแก่นเลือดหงส์แดงขึ้นมา

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบจะคลั่งไป

“นายท่าน การหลอมแก่นเลือดนั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ในวันสองวัน ที่สำคัญมันยังเป็นกระบวนการที่อันตรายอย่างมาก ท่านควรไปหาที่เงียบๆ เข้าเก็บตัวหลอมมันวันหลังจะดีกว่า” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้นมาห้าม

“อ่า” เย่หยวนแค่ตอบสั้นๆ กลับไปและยังคงทำตามใจตัวเองต่อ

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะสิ้นสติลงไป นางมาเจอคนโง่ขนาดไหนเข้ากัน!

‘นี่มันไม่เข้าใจภาษาคนเรอะ?’

‘ทำเช่นนี้เจ้าจะได้ตายก่อนแน่!’

‘หากเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะปกป้องข้าอีก’

‘ข้า…อ้ากกก!’

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ร้องลั่นขึ้นมาในใจ!

‘แม้จะเป็นคุณหนูนิสัยอ่อนโยนเช่นข้า ข้าก็ยังแทบจะบ้าตายเพราะความโง่ของเจ้า!’

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

เพลิงจุติของนางนั้นมันเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาและเริ่มแสดงท่าทีว่าจะระเบิดออก

เย่หยวนหันกลับไปมองและกล่าวเตือน “เจ้ากลับไปสนใจเรื่องการจุติของตัวเองเถอะ เอาแต่คิดไร้สาระเช่นนี้

เจ้าอาจจะได้ตายเปล่าๆ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นไม่รู้ต้องตอบอะไรกลับไป

การจุตินั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ แท้จริงแล้วมันเป็นการเดินบนเส้นแห่งความตายก็ไม่ผิดนัก

คนที่พลาดตายลงในการจุตินั้นมันก็มีไม่น้อย

เฟิ่งชิงซวนนั้นมีอารมณ์รุมแรงภายในและย่อมมีโอกาสสูงที่จะพลาดในการจุติ

เฟิ่งชิงซวนจึงได้แต่ต้องร้องด่าขึ้นมาในใจ ‘มันก็เพราะเจ้ามิใช่หรือ?’

นางนั้นเคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครมันรนหาที่ตายแล้วรนหาที่ตายเล่าเช่นนี้!

‘สวรรค์ส่งเจ้ามาช่วยหรือมาทำให้ข้าเป็นบ้ากันแน่?’

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

แต่นางนั้นก็เข้าใจว่าหากคิดเช่นนี้ต่อไปนางจะไม่อาจจุติได้จริงๆ ได้แต่ต้องสงบจิตใจลงและตั้งสมาธิกับการจุติ

ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนนั้นก็เริ่มดูดซับแก่นเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง

แต่พริบตาต่อมานางกลับต้องอ้าปากค้าง

การผสานแก่นเลือดนั้นมันเป็นการล้างเลือดชุดเก่าและสร้างเลือดชุดใหม่ขึ้นมา

มันเป็นสิ่งที่อันตรายและเจ็บปวดอย่างสาหัส

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก่นเลือดหงส์แดงด้วยแล้ว

เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเผ่าที่อยู่บนเส้นความเป็นความตาย และการผสานเข้ากับร่างนั้น…

มันย่อมจะทำให้ผู้ผสานเผชิญหน้ากับความตายหรือไม่ก็สร้างความเจ็บปวดที่มหาศาลจนแทบให้หลายคนคิดอยากตายลงไปให้พ้นๆ!

แต่เย่หยวนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัยไม่เปลี่ยนแม้แต่สีหน้า

ราวกับว่าเขานั้น…แค่กำลังสัมผัสดูว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

สิบห้านาทีผ่านไปในที่สุดเย่หยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมด้วยพลังสายเลือดหงส์แดงที่ปะทุขึ้นจากร่าง

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงกลางหัว “นี่มัน…เขาทำสำเร็จแล้ว? นี่แก่นเลือดของข้ามันเป็นถึงระดับสวรรค์แห้งเชียวนะ!”

ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

นางนั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าหรือแท้จริงแล้วสายเลือดของนางมันจะอ่อนแอเป็นแค่ขยะ?

ทำไมเย่หยวนถึงได้ผสานมันได้ง่ายดายปานนั้น?

นางจะรู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีคลื่นกำเนิดเลือดอยู่ในตัว

ดังนั้นการผสานแก่นเลือดใดๆ มันก็ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ

หากไม่ได้คลื่นกำเนิดเลือดแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่สามารถทำมันได้ง่ายดายเช่นนี้

แต่ว่าคลื่นกำเนิดเลือดโกลาหลนั้นมันเป็นต้นกำเนิดของทุกสายเลือดในโลกหล้า

ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าใดมันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากคลื่นกำเนิดนี้ไป

เลือดของเผ่าต่างๆ บนสวรรค์นั้นมันมีจุดกำเนิดเดียวกัน!

ภายใต้การควบคุมของคลื่นกำเนิดเลือดนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่พบเจอความยากลำบากใดๆ ในการหลอมแก่นเลือดหงส์แดงมากมายและไม่ต้องเผชิญหน้าความอันตรายใดๆ ด้วย

“โฮ้ก!”

พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาพร้อมด้วยพลังของสายเลือดมังกรฟ้าที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวน!

สองคลื่นพลังรุนแรงนั้นมันปะทุขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนพร้อมๆ กัน!

เงาของมังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นมันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเย่หยวน

มังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นประชันพลังกันจนทำให้เกิดภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย

ในตอนนี้เย่หยวนเองก็บรรลุอาณาจักรบ่มเพาะขึ้นไปจนถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางในทันที!

แน่นอนว่าเต๋าทุกข์มันก็ย่อมจะปรากฏขึ้นมาด้วย!

แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันทรงพลังอย่างถึงที่สุด กำลังของเขานั้นเรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว

แม้ว่าเต๋าทุกข์ของผู้บ่มเพาะนอกรีตมันจะทรงพลังแต่มันก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆ กับเขาได้แล้ว

ตอนนี้เย่หยวนพัฒนาขึ้นและพัฒนาขึ้นจนเกินกว่าที่พลังของเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจะทำอะไรเขาได้

ตอนนี้เต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจึงไม่เป็นสิ่งที่อันตรายใดๆ ต่อหน้าเย่หยวนอีก

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะกระโดดออกมาจากกองไฟเสียให้ได้ในตอนนี้

‘เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนกัน?’

เขานั้นเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต!

แต่ว่าพลังของผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันกลับเอาชนะเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์ไปขาดลอย!

นี่มันจะยังเรียกว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีตได้อีกหรือ?

ผู้บ่มเพาะนอกรีตนั้นปกติก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

แต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันกลับยิ่งเก่งกาจกว่าผู้บ่มเพาะนอกรีตใดๆ!

‘บางที…มันอาจจะทำได้จริงๆ?’

ความคิดสุดท้ายของเฟิ่งชิงซวนนั้นค่อยๆ จางหายไปเข้าสู่ห้วงแห่งการจุติอย่างสมบูรณ์

เวลานี้เงาร่างกว่าสิบเงานั้นได้พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

คนที่นำหน้ามานั้นเป็นสาวงามอย่างมากแต่ว่าหว่างคิ้วของนางกลับขมวดแน่นแสดงถึงความโหดร้ายเลือดเย็นทำให้ความงามของนางนั้นตกลงไปอย่างมากนัก

นางคนนี้มีคลื่นพลังที่รุนแรงสะท้านฟ้า นางเป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด!

ที่สำคัญไปกว่านั้นสายเลือดของนางนั้นยังอยู่ถึงระดับขยายปฐพี!

ดูท่าแล้วคงเป็นศิษย์ระดับสูงของเผ่าหงส์แดง

สายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาถึงระดับขยายปฐพีนี้มันย่อมจะมิใช่แค่คนธรรมดาทั่วไปอีก

นี่คือต้นอ่อนของเจ้าโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่แน่นอนว่ามันแค่มีโอกาสบรรลุได้เท่านั้น

เฟิ่งจิ่วเกอมองหน้าเย่หยวนด้วยความเย็นเยือกล้ำ “ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้า คุกเข่าลงต่อหน้าข้า

แล้วกราบขอโทษ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้!”

เฟิ่งจิ่วเกอนั้นเชิดหน้าสูงพร้อมเหลือบตาลงมองเย่หยวนเหมือนเขาเป็นแค่ก้อนฝุ่น

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำพูดของนางและหันไปมองชายหนุ่มหน้าหล่อที่ตามหลังมา “เมื่อกี้ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้าให้แล้ว แต่เจ้ากลับไม่คิดรับความเมตตาไว้และกลับมารนหาที่ตาย?”

ชายหนุ่มหน้าหล่อนั้นยิ้มตอบกลับไป “กลับมาหาที่ตาย? ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่รู้เลยสิว่าท่านจิ่วเกอนั้นคือใคร?

ในหมู่หงส์แดงรุ่นใหม่นั้นท่านจิ่วเกอมีฝีมือติดห้าอันดับแรก! ไอ้หนู เจ้าคิดท้าทายเผ่าหงส์แดงเรา เตรียมตัวตายได้เลย!”

หากให้พูดตามตรงแล้ว…

เขาเองก็ตกตะลึงที่เย่หยวนบรรลุมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางขึ้นมาในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเช่นนี้

แต่พอคิดว่าตัวเองได้มากับท่านจิ่วเกอ เขาก็หมดกังวลใดๆ

มีหรือที่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางคนหนึ่งจะต่อต้านนางได้?

ข้างกายเฟิ่งจิ่วเกอนั้นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายคนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น “ไอ้หนู ท่านจิ่วเกอนั้นสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมา “เย่ผู้นี้แค่ทำตามที่ได้สัญญากับผู้คนไว้ พวกเจ้า…อย่าได้บังคับข้าเลย!”

เฟิ่งจิ่วเกอกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะคิดว่าคำพูดของข้าผู้นี้มันเป็นแค่ลมตดแล้ว! เฟิ่งหนิง หักแขนขามันแล้วจับหัวมันกดลงคุกเข่าเสีย! กล้ามาปกป้องนังมารนั้นไว้ มันย่อมจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่!”

เฟิ่งหนิงนั้นคือมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายที่กล่าวขึ้นแทรกก่อนหน้า

นี่คือคนคุ้มกันของนาง ตัวนางผู้นี้เองก็มีฝีมือที่เหนือล้ำเก่งกาจว่าชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นไปมาก

“รับทราบ!”

เฟิ่งหนิงนั้นหัวเราะลั่นก่อนจะโจมตีออกมา

“หมัดหงส์เพลิงสวรรค์สังหารเทพ!”

หมัดนั้นต่อยออกมาพร้อมด้วยพลังของหงส์แดงเพลิงที่ปิดท้องฟ้าเหมือนเป็นดวงตะวันที่สอง

เย่หยวนนั้นช่างดูไร้พลังต่อหน้าหมัดนี้

เย่หยวนไม่คิดขยับตัวและยกมือขึ้นมาพร้อมจ้องมองหมัดนี้อย่างสนใจ ปล่อยพลังสายเลือดในร่างออกมาสู้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำกลับกล้ามาผสานกับสายเลือดหงส์แดง! ตาย! แล้วนังมารนั่นมันก็กลับคิดมอบเลือดให้มนุษย์อย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเผ่า! เรื่องนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็คงไม่มีทางล้างความผิดได้แน่แล้ว!”

ตูม!

หมัดนั้นต่อยเข้ามาตัวเย่หยวนก็ยกมือขึ้นหมุนรับไว้

เงาของหงส์แดงนั้นจางหายลงไปทันที

หมัดที่ร้อนแรงนั้นมันกลับถูกเย่หยวนรับไว้อย่างง่ายดาย

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2974 ผสานสายเลือด!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2974 ผสานสายเลือด! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2974 ผสานสายเลือด!

“นายท่าน ตอนนี้มันมิใช่ปัญหาว่าท่านจะยังอยู่ปกป้องข้าหรือไม่แล้ว! เพื่อที่จะไล่ล่าข้านั้นเผ่าหงส์แดงได้ส่งมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ออกมานับสิบคน ในหมู่คนนั้นมันมีมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุดอยู่ด้วยถึงสามคน! ทำเช่นนี้พวกมันคงได้มุ่งหน้ามาทางนี้สิ้นแน่นอน! นายท่าน ตอนนี้มันยังทัน ตามไปฆ่าพวกมันให้หมดเสียก่อนเถอะ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นกดความคับแค้นไว้ในใจและกล่าวคำพูดออกมาอย่างสุภาพสุดตัว

“อ่า”

เย่หยวนนั้นไม่คิดตอบรับใดๆ กลับไปและเริ่มนั่งลงพร้อมหยิบเอาแก่นเลือดหงส์แดงขึ้นมา

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบจะคลั่งไป

“นายท่าน การหลอมแก่นเลือดนั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ในวันสองวัน ที่สำคัญมันยังเป็นกระบวนการที่อันตรายอย่างมาก ท่านควรไปหาที่เงียบๆ เข้าเก็บตัวหลอมมันวันหลังจะดีกว่า” เฟิ่งชิงซวนกล่าวขึ้นมาห้าม

“อ่า” เย่หยวนแค่ตอบสั้นๆ กลับไปและยังคงทำตามใจตัวเองต่อ

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะสิ้นสติลงไป นางมาเจอคนโง่ขนาดไหนเข้ากัน!

‘นี่มันไม่เข้าใจภาษาคนเรอะ?’

‘ทำเช่นนี้เจ้าจะได้ตายก่อนแน่!’

‘หากเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะปกป้องข้าอีก’

‘ข้า…อ้ากกก!’

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ร้องลั่นขึ้นมาในใจ!

‘แม้จะเป็นคุณหนูนิสัยอ่อนโยนเช่นข้า ข้าก็ยังแทบจะบ้าตายเพราะความโง่ของเจ้า!’

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

เพลิงจุติของนางนั้นมันเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาและเริ่มแสดงท่าทีว่าจะระเบิดออก

เย่หยวนหันกลับไปมองและกล่าวเตือน “เจ้ากลับไปสนใจเรื่องการจุติของตัวเองเถอะ เอาแต่คิดไร้สาระเช่นนี้

เจ้าอาจจะได้ตายเปล่าๆ!”

เฟิ่งชิงซวนนั้นไม่รู้ต้องตอบอะไรกลับไป

การจุตินั้นมันมิใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ แท้จริงแล้วมันเป็นการเดินบนเส้นแห่งความตายก็ไม่ผิดนัก

คนที่พลาดตายลงในการจุตินั้นมันก็มีไม่น้อย

เฟิ่งชิงซวนนั้นมีอารมณ์รุมแรงภายในและย่อมมีโอกาสสูงที่จะพลาดในการจุติ

เฟิ่งชิงซวนจึงได้แต่ต้องร้องด่าขึ้นมาในใจ ‘มันก็เพราะเจ้ามิใช่หรือ?’

นางนั้นเคยเห็นคนรนหาที่ตายมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครมันรนหาที่ตายแล้วรนหาที่ตายเล่าเช่นนี้!

‘สวรรค์ส่งเจ้ามาช่วยหรือมาทำให้ข้าเป็นบ้ากันแน่?’

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

แต่นางนั้นก็เข้าใจว่าหากคิดเช่นนี้ต่อไปนางจะไม่อาจจุติได้จริงๆ ได้แต่ต้องสงบจิตใจลงและตั้งสมาธิกับการจุติ

ส่วนอีกด้านตัวเย่หยวนนั้นก็เริ่มดูดซับแก่นเลือดหงส์แดงเข้าร่างไป

เมื่อเฟิ่งชิงซวนได้เห็นเช่นนั้นนางก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง

แต่พริบตาต่อมานางกลับต้องอ้าปากค้าง

การผสานแก่นเลือดนั้นมันเป็นการล้างเลือดชุดเก่าและสร้างเลือดชุดใหม่ขึ้นมา

มันเป็นสิ่งที่อันตรายและเจ็บปวดอย่างสาหัส

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแก่นเลือดหงส์แดงด้วยแล้ว

เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเผ่าที่อยู่บนเส้นความเป็นความตาย และการผสานเข้ากับร่างนั้น…

มันย่อมจะทำให้ผู้ผสานเผชิญหน้ากับความตายหรือไม่ก็สร้างความเจ็บปวดที่มหาศาลจนแทบให้หลายคนคิดอยากตายลงไปให้พ้นๆ!

แต่เย่หยวนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัยไม่เปลี่ยนแม้แต่สีหน้า

ราวกับว่าเขานั้น…แค่กำลังสัมผัสดูว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

สิบห้านาทีผ่านไปในที่สุดเย่หยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมด้วยพลังสายเลือดหงส์แดงที่ปะทุขึ้นจากร่าง

เฟิ่งชิงซวนนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างเหมือนถูกสายฟ้าผ่าลงกลางหัว “นี่มัน…เขาทำสำเร็จแล้ว? นี่แก่นเลือดของข้ามันเป็นถึงระดับสวรรค์แห้งเชียวนะ!”

ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนตัวเองพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

นางนั้นเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าหรือแท้จริงแล้วสายเลือดของนางมันจะอ่อนแอเป็นแค่ขยะ?

ทำไมเย่หยวนถึงได้ผสานมันได้ง่ายดายปานนั้น?

นางจะรู้ได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นมีคลื่นกำเนิดเลือดอยู่ในตัว

ดังนั้นการผสานแก่นเลือดใดๆ มันก็ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ

หากไม่ได้คลื่นกำเนิดเลือดแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่สามารถทำมันได้ง่ายดายเช่นนี้

แต่ว่าคลื่นกำเนิดเลือดโกลาหลนั้นมันเป็นต้นกำเนิดของทุกสายเลือดในโลกหล้า

ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดเผ่าใดมันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากคลื่นกำเนิดนี้ไป

เลือดของเผ่าต่างๆ บนสวรรค์นั้นมันมีจุดกำเนิดเดียวกัน!

ภายใต้การควบคุมของคลื่นกำเนิดเลือดนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่พบเจอความยากลำบากใดๆ ในการหลอมแก่นเลือดหงส์แดงมากมายและไม่ต้องเผชิญหน้าความอันตรายใดๆ ด้วย

“โฮ้ก!”

พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาพร้อมด้วยพลังของสายเลือดมังกรฟ้าที่ปรากฏขึ้นบนร่างของเย่หยวน!

สองคลื่นพลังรุนแรงนั้นมันปะทุขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนพร้อมๆ กัน!

เงาของมังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นมันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเย่หยวน

มังกรฟ้าและหงส์แดงนั้นประชันพลังกันจนทำให้เกิดภาพที่ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย

ในตอนนี้เย่หยวนเองก็บรรลุอาณาจักรบ่มเพาะขึ้นไปจนถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางในทันที!

แน่นอนว่าเต๋าทุกข์มันก็ย่อมจะปรากฏขึ้นมาด้วย!

แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันทรงพลังอย่างถึงที่สุด กำลังของเขานั้นเรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว

แม้ว่าเต๋าทุกข์ของผู้บ่มเพาะนอกรีตมันจะทรงพลังแต่มันก็ไม่อาจทำอันตรายใดๆ กับเขาได้แล้ว

ตอนนี้เย่หยวนพัฒนาขึ้นและพัฒนาขึ้นจนเกินกว่าที่พลังของเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจะทำอะไรเขาได้

ตอนนี้เต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์มันจึงไม่เป็นสิ่งที่อันตรายใดๆ ต่อหน้าเย่หยวนอีก

เฟิ่งชิงซวนนั้นแทบจะกระโดดออกมาจากกองไฟเสียให้ได้ในตอนนี้

‘เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนกัน?’

เขานั้นเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีต!

แต่ว่าพลังของผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้มันกลับเอาชนะเต๋าทุกข์ทัณฑ์สวรรค์ไปขาดลอย!

นี่มันจะยังเรียกว่าเป็นผู้บ่มเพาะนอกรีตได้อีกหรือ?

ผู้บ่มเพาะนอกรีตนั้นปกติก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

แต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันกลับยิ่งเก่งกาจกว่าผู้บ่มเพาะนอกรีตใดๆ!

‘บางที…มันอาจจะทำได้จริงๆ?’

ความคิดสุดท้ายของเฟิ่งชิงซวนนั้นค่อยๆ จางหายไปเข้าสู่ห้วงแห่งการจุติอย่างสมบูรณ์

เวลานี้เงาร่างกว่าสิบเงานั้นได้พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

คนที่นำหน้ามานั้นเป็นสาวงามอย่างมากแต่ว่าหว่างคิ้วของนางกลับขมวดแน่นแสดงถึงความโหดร้ายเลือดเย็นทำให้ความงามของนางนั้นตกลงไปอย่างมากนัก

นางคนนี้มีคลื่นพลังที่รุนแรงสะท้านฟ้า นางเป็นถึงมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นสุด!

ที่สำคัญไปกว่านั้นสายเลือดของนางนั้นยังอยู่ถึงระดับขยายปฐพี!

ดูท่าแล้วคงเป็นศิษย์ระดับสูงของเผ่าหงส์แดง

สายเลือดที่พัฒนาขึ้นมาถึงระดับขยายปฐพีนี้มันย่อมจะมิใช่แค่คนธรรมดาทั่วไปอีก

นี่คือต้นอ่อนของเจ้าโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่แน่นอนว่ามันแค่มีโอกาสบรรลุได้เท่านั้น

เฟิ่งจิ่วเกอมองหน้าเย่หยวนด้วยความเย็นเยือกล้ำ “ไอ้หนู ข้าจะให้โอกาสเจ้า คุกเข่าลงต่อหน้าข้า

แล้วกราบขอโทษ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าให้!”

เฟิ่งจิ่วเกอนั้นเชิดหน้าสูงพร้อมเหลือบตาลงมองเย่หยวนเหมือนเขาเป็นแค่ก้อนฝุ่น

เย่หยวนไม่คิดสนใจคำพูดของนางและหันไปมองชายหนุ่มหน้าหล่อที่ตามหลังมา “เมื่อกี้ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้าให้แล้ว แต่เจ้ากลับไม่คิดรับความเมตตาไว้และกลับมารนหาที่ตาย?”

ชายหนุ่มหน้าหล่อนั้นยิ้มตอบกลับไป “กลับมาหาที่ตาย? ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่รู้เลยสิว่าท่านจิ่วเกอนั้นคือใคร?

ในหมู่หงส์แดงรุ่นใหม่นั้นท่านจิ่วเกอมีฝีมือติดห้าอันดับแรก! ไอ้หนู เจ้าคิดท้าทายเผ่าหงส์แดงเรา เตรียมตัวตายได้เลย!”

หากให้พูดตามตรงแล้ว…

เขาเองก็ตกตะลึงที่เย่หยวนบรรลุมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางขึ้นมาในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเช่นนี้

แต่พอคิดว่าตัวเองได้มากับท่านจิ่วเกอ เขาก็หมดกังวลใดๆ

มีหรือที่มหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นกลางคนหนึ่งจะต่อต้านนางได้?

ข้างกายเฟิ่งจิ่วเกอนั้นมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายคนหนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น “ไอ้หนู ท่านจิ่วเกอนั้นสั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมา “เย่ผู้นี้แค่ทำตามที่ได้สัญญากับผู้คนไว้ พวกเจ้า…อย่าได้บังคับข้าเลย!”

เฟิ่งจิ่วเกอกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะคิดว่าคำพูดของข้าผู้นี้มันเป็นแค่ลมตดแล้ว! เฟิ่งหนิง หักแขนขามันแล้วจับหัวมันกดลงคุกเข่าเสีย! กล้ามาปกป้องนังมารนั้นไว้ มันย่อมจะไม่ได้ตายง่ายๆ แน่!”

เฟิ่งหนิงนั้นคือมหาจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ขั้นปลายที่กล่าวขึ้นแทรกก่อนหน้า

นี่คือคนคุ้มกันของนาง ตัวนางผู้นี้เองก็มีฝีมือที่เหนือล้ำเก่งกาจว่าชายหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นไปมาก

“รับทราบ!”

เฟิ่งหนิงนั้นหัวเราะลั่นก่อนจะโจมตีออกมา

“หมัดหงส์เพลิงสวรรค์สังหารเทพ!”

หมัดนั้นต่อยออกมาพร้อมด้วยพลังของหงส์แดงเพลิงที่ปิดท้องฟ้าเหมือนเป็นดวงตะวันที่สอง

เย่หยวนนั้นช่างดูไร้พลังต่อหน้าหมัดนี้

เย่หยวนไม่คิดขยับตัวและยกมือขึ้นมาพร้อมจ้องมองหมัดนี้อย่างสนใจ ปล่อยพลังสายเลือดในร่างออกมาสู้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเกอได้เห็นเช่นนั้นนางก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น “เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำกลับกล้ามาผสานกับสายเลือดหงส์แดง! ตาย! แล้วนังมารนั่นมันก็กลับคิดมอบเลือดให้มนุษย์อย่างไม่ได้รับอนุญาตจากเผ่า! เรื่องนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็คงไม่มีทางล้างความผิดได้แน่แล้ว!”

ตูม!

หมัดนั้นต่อยเข้ามาตัวเย่หยวนก็ยกมือขึ้นหมุนรับไว้

เงาของหงส์แดงนั้นจางหายลงไปทันที

หมัดที่ร้อนแรงนั้นมันกลับถูกเย่หยวนรับไว้อย่างง่ายดาย

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+