Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 3099 เสมอ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 3099 เสมอ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถอย!”

อี้เฉียนั้นสั่งออกมาอย่างไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย

เพราะเมื่อสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดมีกำลังเสริมที่เหนือล้ำขนาดนี้แล้วเผ่าเลือดย่อมจะไม่มีทางเอาชนะได้อีกต่อไป

เขานั้นยกหอกเลือดขึ้นแทงออกไปจนฟ้าดินเปลี่ยนสีหมายจะให้หมี่เทียนต้องถอยหลบออกไป

หมี่เทียนยิ้มตอบกลับไปทันที “คิดจะหนีไปมันไม่ง่ายนักหรอก! นามเจ้าโลกคงเจียนราชันห้วงมิติของข้านั้นมัน ไม่ได้มาเล่นๆ!”

คลื่นกำเนิดห้วงมิตินั้นปะทุขึ้นมาปิดแช่ห้วงมิติรอบๆ นี้ไว้ให้แข็งจนไม่อาจทะลวงผ่านได้

หอกของอี้เฉียนั้นถูกห้วงมิตินี้กลืนกินไปทันที

พร้อมๆ กันนั้นห้วงมิติรอบๆ ตัวเขาก็แข็งจนไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้อีก!

การแช่แข็งห้วงมิตินั้นมันไม่ต้องใช้พลังของเจ้าโลกมากมายใดๆ แค่ตัวหมี่เทียนคนเดียวมันก็เกินพอ

นอกจากนั้นแล้วการแช่แข็งห้วงมิตินี้มันยังแน่นหนากว่าตอนที่เผ่าเลือดล้อมทัพสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดในคราวก่อนไปมากนัก!

อี้เฉียนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาเพราะเวลานี้จ้าวเยว่มาถึงแล้ว!

“โฮ่ก!”

จ้าวเยว่นั้นมีร่างกายใหญ่โตและเล็บที่คมกริบยิ่งกว่าดาบใดๆ

เล็บของเขานั้นฉีกร่างอี้เฉียออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ที่ปลายเล็บของเขานั้นมันอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใดที่มันเคลื่อนผ่านั้นจะเกิดรอยแยกห้วงมิติแม้แต่ในห้วงมิติที่ถูกแช่แข็งนี้

อี้เฉียได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกยกหอกขึ้นแทงสวนจ้าวเยว่ไป

ตูม!

จ้าวเยว่นั้นถูกซัดปลิวกลับไป

แต่จ้าวเยว่นั้นกลับตีลังกาและพุ่งตัวกลับมาได้ในทันที

พร้อมๆ กันนั้นหมี่เทียนก็เห็นโอกาสทองในการเข้าโจมตี!

ตูม!

คนทั้งสามนั้นเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงและครั้งนี้มันเป็นฝ่ายอี้เฉียที่ถูกซัดจนปลิวไปบ้าง

สู้กันมาจนถึงตอนนี้เขาเพิ่งเคยจะเสียเปรียบก็วันนี้!

นี่มันหมายความว่าสถานการณ์นั้นถูกพลิกกลับสิ้นเชิงแล้ว

บนท้องฟ้านั้นเจ้าโลกล้ำสวรรค์ทั้งสามกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจนทำให้คลื่นพลังลูกหลงนั้นสังหารคนเบื้องล่างไปไม่น้อย

ตอนนี้ศึกมันได้เวลาตัดสินแล้ว

แต่จ้าวเยว่นั้นก็มีฝีมือที่เหนือล้ำกว่าที่คนทั้งหลายคาดคิดไปมากนัก

หากพูดถึงพลังบ่มเพาะแล้วเขาย่อมจะยังไม่อาจเทียบสองยอดฝีมือผู้ชำนาญในอาณาจักรล้ำสวรรค์นี้ได้

แต่ว่าเขานั้นต่อสู้อย่างไม่กลัวตายและบ้าคลั่งทำให้สามารถกลบช่องว่างนี้ไปได้ไม่ยาก

หมี่เทียนนั้นมากประสบการณ์แค่ไหน? เมื่อมีเขาอยู่ช่วยแล้วอี้เฉียย่อมจะไม่มีโอกาสได้สังหารปลิดชีวิตจ้าวเยว่และได้แต่ต้องรับการโจมตีไปเรื่อยๆ

แท้จริงแล้วตัวอี้เฉียนั้นคิดจะหนีไปตั้งแต่ที่เห็นเรื่องราวครั้งแรกเพราะเขารู้ดีว่าผลลัพธ์ของศึกนี้มันปรากฏชัดแล้ว

แต่การจะหนีจากมือหมี่เทียนนั้นมันเป็นเรื่องยากยิ่ง!

เผ่าเลือดทั้งหลายนั้นเดิมทีต่างได้เปลี่ยนไล่ล่าสังหารคนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพลิกกลับ

หมี่เทียนนั้นแช่แข็งห้วงมิติไว้อย่างกว้างไกล แม้แต่คนเบื้องล่างเองก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้เช่นกัน

ต่อให้คนพวกนี้จะอยากหนีมันก็ไม่อาจจะหนีไปเองได้

เพราะฉะนั้นมันจึงได้แต่ต้องรอถูกสัตว์ประหลาดทั้งหลายกัดหัว!

จำนวนคนเผ่าเลือดนั้นมันลดลงไปอย่างชัดเจนแก่สายตา

เย่หยวนนั้นยังคงอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้และค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉียนั้ว

เสียงร้องรอบด้านนั้นมันทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน

แต่พวกเขาทั้งสองนั้นกลับเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับคนทั้งหลาย

ไม่มีใครหันมาสนใจพวกเขา

“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับจะยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่! สัตว์ประหลาดพวกนี้มันมีพรสวรรค์แค่นิดน้อย เจ้าไปทำอย่างไรถึงเปลี่ยนให้มันเป็นเจ้าโลกกันได้หมดสิ้น?” เฉียนั้วถามขึ้นมาอย่างมึนงง

เย่หยวนตอบกลับไปเมื่อได้ยิน “ศิลาโลหิตโกลาหลมันทำอะไรได้ ข้าก็ทำได้เช่นกัน”

เฉียนั้วตอบกลับไปทันทีที่ได้ยิน “แค่คนอย่างเจ้านี้ก็จะเอาตัวเองไปเทียบกับบรรพบุรุษท่านหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากบรรพบุรุษของเจ้านั้นไม่เกรงกลัวข้ามีหรือที่มันจะส่งกำลังขนาดนี้มาจัดการข้า?”

เฉียนั้วที่ได้ยินนั้นก็ได้แต่ต้องหุบปากลงต่อหน้าความจริง

เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “สายเลือดของพวกเขานั้นมันถูกดัดแปลงมาตั้งแต่แรกแล้ว หลายปีมานี้ข้าทุ่มตัวศึกษาพลังสายเลือดอย่างไม่มีพักจนสุดท้ายก็พอเข้าใจมันได้บ้าง ข้านั้นกระตุ้นสายเลือดในร่างของพวกเขาจนทำให้เกิดการบรรลุขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นมากมายนัก การบรรลุเจ้าโลกมันมิใช่เรื่องยากเย็นใด”

เย่หยวนนั้นทุ่มเวลาวิจัยศึกษาวิธีที่จะคืนร่างเรียกสติพวกจ้าวเยว่กลับมาตลอดเวลา

แต่มันยาก

แต่ว่าระหว่างที่ศึกษาไปนั้นเขาก็ได้พบอีกเส้นทางหนึ่งนั่นคือการกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาไปเรื่อยๆ

หลังจากที่เย่หยวนได้ภาพวาดเต๋าสวรรค์มานั้นเขาก็ใช้พลังของมันเป็นแนวทางเพื่อกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาทั้งหลายช่วยให้สามารถบรรลุเจ้าโลกได้ไม่ยากเย็น

แต่ตัวจ้าวเยว่นั้นพัฒนาไปเกินกว่าที่เย่หยวนคาดคิดมากนัก

จ้าวเยว่นั้นเป็นคนมากพรสวรรค์ เขาได้รับการชี้นำจากภาพวาดเต๋าสวรรค์และพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นเย่หยวนก็แอบส่งคนทั้งหลายไปยังหอสุดแสงและไม่บอกแม้แต่หมี่เทียนว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่ใด

เพราะต่อให้บอกไปมันก็ไร้ค่า

คนที่สามารถปล่อยให้นักยุทธสายเลือดทั้งหลายออกมาต่อสู้ได้นั้นมันมีแค่เย่หยวน

เพราะเย่หยวนเป็นคนเดียวที่ควบคุมพวกเขาได้!

“ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าจะไม่หลงตัวเองไปหน่อยหรือ? เจ้าโลกนั้นมิใช่เรื่องยากเย็น? คำพูดนี้หากออกมาจากปากคนอื่นนั้นมันคงแค่ดูโอหังแต่เมื่อมันออกมาจากปากเจ้าแล้ว มันช่างน่าหัวเราะ! เจ้าผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้วันใดที่คิดบรรลุเจ้าโลกมันย่อมจะเป็นวันตายของเจ้า! เจ้าคิดว่าเจ้าโลกมันคืออะไร?” เฉียนั้วหัวเราะลั่นขึ้นมา

เย่หยวนมองดูเขาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เช่นนั้นเจ้าก็ทนดูข้าพูดถึงเจ้าโลกไปแล้วกัน!”

ฟุบ!

สี่สายเลือดในร่างของเย่หยวนนั้นมันรวมเป็นหนึ่งปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เย่หยวนรวบรวมพลังนั้นต่อยออกมาเป็นหนึ่งหมัดที่เรียบง่าย!

วินาทีก่อนนั้นตัวเฉียนั้วยังทำหน้าเย้ยหยัน

แต่วินาทีต่อมาเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างแตกตื่น “สี่สายเลือดระดับโกลาหล! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เมื่อเย่หยวนลงมือมันย่อมจะทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วฟ้าดิน!

แม้แต่หมี่เทียนเองก็ยังต้องชะงักไป

“สายเลือดระดับโกลาหล! เขา…เขากลับพัฒนาสี่สายเลือดไปจนถึงระดับโกลาหลได้สิ้น?” หลงเจี้ยนนั้นอ้าปากค้างร้องขึ้นมา

“บ้าน่า! สายเลือดระดับโกลาหลนั้นมันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดไม่มีทางพัฒนาขึ้นไปได้! สายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นมันคือที่สุดของที่สุดแล้ว! แต่…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?” ไป๋จือร้องขึ้นมา

“หมายความว่าพวกเราเองก็มีสิทธิ์จะพัฒนาไปจนถึงระดับโกลาหลได้หรือ?” เฉียนไท่ชิงร้องลั่นขึ้นมา

พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำสามเผ่าภูตแท้นี้ต่างมีสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลปรากฏขึ้นสิ้น

พวกเฟิ่งชิงซวนนั้นคือความหวังของพวกเขาทั้งหลาย

เพราะสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นต่อให้มันจะไม่อาจเทียบเท่าระดับโกลาหลได้แต่มันก็คือขีดจำกัดของสายเลือดที่จะพัฒนาไปถึงได้แล้ว

ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกล้ำสวรรค์เหมือนๆ กันแต่หากพวกเฟิ่งชิงซวนนั้นบรรลุไปได้ถึงแล้วพวกนางก็จะแข็งแกร่งกว่าพวกหลวนชิงเหอไปมากนัก

แต่หากมีใครที่พัฒนาสายเลือดหลังกำเนิดไปจนถึงระดับโกลาหลได้จริงๆ แล้วมันย่อมจะเป็นเรื่องใหญ่!

เพราะตอนนี้เย่หยวนได้ทำลายความเข้าใจเกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาลงสิ้น!

พลังของหมัดนี้มันรุนแรงจนน่ากลัว!

ตูม!

เย่หยวนนั้นอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นพุ่งตัวต่อยหมัดเข้าใส่โล่เลือดของเฉียนั้ว

โล่เลือดนั้นสั่นสะท้านก่อนที่จะแตกสลายลงไป!

เฉียนั้วนั้นต้องอ้าปากค้างเพราะมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งมันจะมาทะลวงการป้องกันของเจ้าโลกระดับสูงได้อย่างไร?

อย่าว่าแต่ทะลวง แค่ทำให้มันสั่นไหวก็คงยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ความแตกต่างระหว่างมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์และเจ้าโลกระดับสูงนั้นมันแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว

เย่หยวนกลับทำลายมันลงได้!

หมัดนี้มันช่างมีพลังเจาะทะลวงที่รุนแรงนัก!

แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมากมายเฉียนั้วได้แต่ต้องปล่อยหมัดสวนกลับเย่หยวนไป

พริบตาเดียวกันนั้นหมัดของคนทั้งสองก็ปะทะเข้าหากัน

ปัง!

เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาก่อนร่างของคนทั้งสองที่ปลิวกลับออกไป

เย่หยวนนั้นถอยออกไปกว่าพันก้าวกว่าที่จะทรงตัวกลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง

ส่วนตัวเฉียนั้วเองก็ถูกหมัดของเย่หยวนนี้ซัดจนปลิวไปเช่นกัน

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังโจมตีจากรอบด้านที่เล็งเข้ามา

เฉียนั้วนั้นตัวสั่นรีบตีลังกาลุกขึ้นมาประคองตัวหลบพลังโจมตีรุนแรงทั้งหลายนั้น

แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นมันซีดขาวอย่างชัดเจน

เพราะหมัดนี้ของเขามันกลับทำได้เพียงเสมอกับเย่หยวน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 3099 เสมอ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 3099 เสมอ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถอย!”

อี้เฉียนั้นสั่งออกมาอย่างไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย

เพราะเมื่อสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดมีกำลังเสริมที่เหนือล้ำขนาดนี้แล้วเผ่าเลือดย่อมจะไม่มีทางเอาชนะได้อีกต่อไป

เขานั้นยกหอกเลือดขึ้นแทงออกไปจนฟ้าดินเปลี่ยนสีหมายจะให้หมี่เทียนต้องถอยหลบออกไป

หมี่เทียนยิ้มตอบกลับไปทันที “คิดจะหนีไปมันไม่ง่ายนักหรอก! นามเจ้าโลกคงเจียนราชันห้วงมิติของข้านั้นมัน ไม่ได้มาเล่นๆ!”

คลื่นกำเนิดห้วงมิตินั้นปะทุขึ้นมาปิดแช่ห้วงมิติรอบๆ นี้ไว้ให้แข็งจนไม่อาจทะลวงผ่านได้

หอกของอี้เฉียนั้นถูกห้วงมิตินี้กลืนกินไปทันที

พร้อมๆ กันนั้นห้วงมิติรอบๆ ตัวเขาก็แข็งจนไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้อีก!

การแช่แข็งห้วงมิตินั้นมันไม่ต้องใช้พลังของเจ้าโลกมากมายใดๆ แค่ตัวหมี่เทียนคนเดียวมันก็เกินพอ

นอกจากนั้นแล้วการแช่แข็งห้วงมิตินี้มันยังแน่นหนากว่าตอนที่เผ่าเลือดล้อมทัพสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดในคราวก่อนไปมากนัก!

อี้เฉียนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาเพราะเวลานี้จ้าวเยว่มาถึงแล้ว!

“โฮ่ก!”

จ้าวเยว่นั้นมีร่างกายใหญ่โตและเล็บที่คมกริบยิ่งกว่าดาบใดๆ

เล็บของเขานั้นฉีกร่างอี้เฉียออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ที่ปลายเล็บของเขานั้นมันอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใดที่มันเคลื่อนผ่านั้นจะเกิดรอยแยกห้วงมิติแม้แต่ในห้วงมิติที่ถูกแช่แข็งนี้

อี้เฉียได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกยกหอกขึ้นแทงสวนจ้าวเยว่ไป

ตูม!

จ้าวเยว่นั้นถูกซัดปลิวกลับไป

แต่จ้าวเยว่นั้นกลับตีลังกาและพุ่งตัวกลับมาได้ในทันที

พร้อมๆ กันนั้นหมี่เทียนก็เห็นโอกาสทองในการเข้าโจมตี!

ตูม!

คนทั้งสามนั้นเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงและครั้งนี้มันเป็นฝ่ายอี้เฉียที่ถูกซัดจนปลิวไปบ้าง

สู้กันมาจนถึงตอนนี้เขาเพิ่งเคยจะเสียเปรียบก็วันนี้!

นี่มันหมายความว่าสถานการณ์นั้นถูกพลิกกลับสิ้นเชิงแล้ว

บนท้องฟ้านั้นเจ้าโลกล้ำสวรรค์ทั้งสามกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจนทำให้คลื่นพลังลูกหลงนั้นสังหารคนเบื้องล่างไปไม่น้อย

ตอนนี้ศึกมันได้เวลาตัดสินแล้ว

แต่จ้าวเยว่นั้นก็มีฝีมือที่เหนือล้ำกว่าที่คนทั้งหลายคาดคิดไปมากนัก

หากพูดถึงพลังบ่มเพาะแล้วเขาย่อมจะยังไม่อาจเทียบสองยอดฝีมือผู้ชำนาญในอาณาจักรล้ำสวรรค์นี้ได้

แต่ว่าเขานั้นต่อสู้อย่างไม่กลัวตายและบ้าคลั่งทำให้สามารถกลบช่องว่างนี้ไปได้ไม่ยาก

หมี่เทียนนั้นมากประสบการณ์แค่ไหน? เมื่อมีเขาอยู่ช่วยแล้วอี้เฉียย่อมจะไม่มีโอกาสได้สังหารปลิดชีวิตจ้าวเยว่และได้แต่ต้องรับการโจมตีไปเรื่อยๆ

แท้จริงแล้วตัวอี้เฉียนั้นคิดจะหนีไปตั้งแต่ที่เห็นเรื่องราวครั้งแรกเพราะเขารู้ดีว่าผลลัพธ์ของศึกนี้มันปรากฏชัดแล้ว

แต่การจะหนีจากมือหมี่เทียนนั้นมันเป็นเรื่องยากยิ่ง!

เผ่าเลือดทั้งหลายนั้นเดิมทีต่างได้เปลี่ยนไล่ล่าสังหารคนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพลิกกลับ

หมี่เทียนนั้นแช่แข็งห้วงมิติไว้อย่างกว้างไกล แม้แต่คนเบื้องล่างเองก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้เช่นกัน

ต่อให้คนพวกนี้จะอยากหนีมันก็ไม่อาจจะหนีไปเองได้

เพราะฉะนั้นมันจึงได้แต่ต้องรอถูกสัตว์ประหลาดทั้งหลายกัดหัว!

จำนวนคนเผ่าเลือดนั้นมันลดลงไปอย่างชัดเจนแก่สายตา

เย่หยวนนั้นยังคงอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้และค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉียนั้ว

เสียงร้องรอบด้านนั้นมันทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน

แต่พวกเขาทั้งสองนั้นกลับเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับคนทั้งหลาย

ไม่มีใครหันมาสนใจพวกเขา

“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับจะยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่! สัตว์ประหลาดพวกนี้มันมีพรสวรรค์แค่นิดน้อย เจ้าไปทำอย่างไรถึงเปลี่ยนให้มันเป็นเจ้าโลกกันได้หมดสิ้น?” เฉียนั้วถามขึ้นมาอย่างมึนงง

เย่หยวนตอบกลับไปเมื่อได้ยิน “ศิลาโลหิตโกลาหลมันทำอะไรได้ ข้าก็ทำได้เช่นกัน”

เฉียนั้วตอบกลับไปทันทีที่ได้ยิน “แค่คนอย่างเจ้านี้ก็จะเอาตัวเองไปเทียบกับบรรพบุรุษท่านหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากบรรพบุรุษของเจ้านั้นไม่เกรงกลัวข้ามีหรือที่มันจะส่งกำลังขนาดนี้มาจัดการข้า?”

เฉียนั้วที่ได้ยินนั้นก็ได้แต่ต้องหุบปากลงต่อหน้าความจริง

เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “สายเลือดของพวกเขานั้นมันถูกดัดแปลงมาตั้งแต่แรกแล้ว หลายปีมานี้ข้าทุ่มตัวศึกษาพลังสายเลือดอย่างไม่มีพักจนสุดท้ายก็พอเข้าใจมันได้บ้าง ข้านั้นกระตุ้นสายเลือดในร่างของพวกเขาจนทำให้เกิดการบรรลุขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นมากมายนัก การบรรลุเจ้าโลกมันมิใช่เรื่องยากเย็นใด”

เย่หยวนนั้นทุ่มเวลาวิจัยศึกษาวิธีที่จะคืนร่างเรียกสติพวกจ้าวเยว่กลับมาตลอดเวลา

แต่มันยาก

แต่ว่าระหว่างที่ศึกษาไปนั้นเขาก็ได้พบอีกเส้นทางหนึ่งนั่นคือการกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาไปเรื่อยๆ

หลังจากที่เย่หยวนได้ภาพวาดเต๋าสวรรค์มานั้นเขาก็ใช้พลังของมันเป็นแนวทางเพื่อกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาทั้งหลายช่วยให้สามารถบรรลุเจ้าโลกได้ไม่ยากเย็น

แต่ตัวจ้าวเยว่นั้นพัฒนาไปเกินกว่าที่เย่หยวนคาดคิดมากนัก

จ้าวเยว่นั้นเป็นคนมากพรสวรรค์ เขาได้รับการชี้นำจากภาพวาดเต๋าสวรรค์และพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นเย่หยวนก็แอบส่งคนทั้งหลายไปยังหอสุดแสงและไม่บอกแม้แต่หมี่เทียนว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่ใด

เพราะต่อให้บอกไปมันก็ไร้ค่า

คนที่สามารถปล่อยให้นักยุทธสายเลือดทั้งหลายออกมาต่อสู้ได้นั้นมันมีแค่เย่หยวน

เพราะเย่หยวนเป็นคนเดียวที่ควบคุมพวกเขาได้!

“ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าจะไม่หลงตัวเองไปหน่อยหรือ? เจ้าโลกนั้นมิใช่เรื่องยากเย็น? คำพูดนี้หากออกมาจากปากคนอื่นนั้นมันคงแค่ดูโอหังแต่เมื่อมันออกมาจากปากเจ้าแล้ว มันช่างน่าหัวเราะ! เจ้าผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้วันใดที่คิดบรรลุเจ้าโลกมันย่อมจะเป็นวันตายของเจ้า! เจ้าคิดว่าเจ้าโลกมันคืออะไร?” เฉียนั้วหัวเราะลั่นขึ้นมา

เย่หยวนมองดูเขาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เช่นนั้นเจ้าก็ทนดูข้าพูดถึงเจ้าโลกไปแล้วกัน!”

ฟุบ!

สี่สายเลือดในร่างของเย่หยวนนั้นมันรวมเป็นหนึ่งปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เย่หยวนรวบรวมพลังนั้นต่อยออกมาเป็นหนึ่งหมัดที่เรียบง่าย!

วินาทีก่อนนั้นตัวเฉียนั้วยังทำหน้าเย้ยหยัน

แต่วินาทีต่อมาเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างแตกตื่น “สี่สายเลือดระดับโกลาหล! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เมื่อเย่หยวนลงมือมันย่อมจะทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วฟ้าดิน!

แม้แต่หมี่เทียนเองก็ยังต้องชะงักไป

“สายเลือดระดับโกลาหล! เขา…เขากลับพัฒนาสี่สายเลือดไปจนถึงระดับโกลาหลได้สิ้น?” หลงเจี้ยนนั้นอ้าปากค้างร้องขึ้นมา

“บ้าน่า! สายเลือดระดับโกลาหลนั้นมันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดไม่มีทางพัฒนาขึ้นไปได้! สายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นมันคือที่สุดของที่สุดแล้ว! แต่…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?” ไป๋จือร้องขึ้นมา

“หมายความว่าพวกเราเองก็มีสิทธิ์จะพัฒนาไปจนถึงระดับโกลาหลได้หรือ?” เฉียนไท่ชิงร้องลั่นขึ้นมา

พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำสามเผ่าภูตแท้นี้ต่างมีสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลปรากฏขึ้นสิ้น

พวกเฟิ่งชิงซวนนั้นคือความหวังของพวกเขาทั้งหลาย

เพราะสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นต่อให้มันจะไม่อาจเทียบเท่าระดับโกลาหลได้แต่มันก็คือขีดจำกัดของสายเลือดที่จะพัฒนาไปถึงได้แล้ว

ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกล้ำสวรรค์เหมือนๆ กันแต่หากพวกเฟิ่งชิงซวนนั้นบรรลุไปได้ถึงแล้วพวกนางก็จะแข็งแกร่งกว่าพวกหลวนชิงเหอไปมากนัก

แต่หากมีใครที่พัฒนาสายเลือดหลังกำเนิดไปจนถึงระดับโกลาหลได้จริงๆ แล้วมันย่อมจะเป็นเรื่องใหญ่!

เพราะตอนนี้เย่หยวนได้ทำลายความเข้าใจเกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาลงสิ้น!

พลังของหมัดนี้มันรุนแรงจนน่ากลัว!

ตูม!

เย่หยวนนั้นอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นพุ่งตัวต่อยหมัดเข้าใส่โล่เลือดของเฉียนั้ว

โล่เลือดนั้นสั่นสะท้านก่อนที่จะแตกสลายลงไป!

เฉียนั้วนั้นต้องอ้าปากค้างเพราะมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งมันจะมาทะลวงการป้องกันของเจ้าโลกระดับสูงได้อย่างไร?

อย่าว่าแต่ทะลวง แค่ทำให้มันสั่นไหวก็คงยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ความแตกต่างระหว่างมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์และเจ้าโลกระดับสูงนั้นมันแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว

เย่หยวนกลับทำลายมันลงได้!

หมัดนี้มันช่างมีพลังเจาะทะลวงที่รุนแรงนัก!

แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมากมายเฉียนั้วได้แต่ต้องปล่อยหมัดสวนกลับเย่หยวนไป

พริบตาเดียวกันนั้นหมัดของคนทั้งสองก็ปะทะเข้าหากัน

ปัง!

เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาก่อนร่างของคนทั้งสองที่ปลิวกลับออกไป

เย่หยวนนั้นถอยออกไปกว่าพันก้าวกว่าที่จะทรงตัวกลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง

ส่วนตัวเฉียนั้วเองก็ถูกหมัดของเย่หยวนนี้ซัดจนปลิวไปเช่นกัน

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังโจมตีจากรอบด้านที่เล็งเข้ามา

เฉียนั้วนั้นตัวสั่นรีบตีลังกาลุกขึ้นมาประคองตัวหลบพลังโจมตีรุนแรงทั้งหลายนั้น

แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นมันซีดขาวอย่างชัดเจน

เพราะหมัดนี้ของเขามันกลับทำได้เพียงเสมอกับเย่หยวน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 3099 เสมอ!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 3099 เสมอ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ถอย!”

อี้เฉียนั้นสั่งออกมาอย่างไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย

เพราะเมื่อสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดมีกำลังเสริมที่เหนือล้ำขนาดนี้แล้วเผ่าเลือดย่อมจะไม่มีทางเอาชนะได้อีกต่อไป

เขานั้นยกหอกเลือดขึ้นแทงออกไปจนฟ้าดินเปลี่ยนสีหมายจะให้หมี่เทียนต้องถอยหลบออกไป

หมี่เทียนยิ้มตอบกลับไปทันที “คิดจะหนีไปมันไม่ง่ายนักหรอก! นามเจ้าโลกคงเจียนราชันห้วงมิติของข้านั้นมัน ไม่ได้มาเล่นๆ!”

คลื่นกำเนิดห้วงมิตินั้นปะทุขึ้นมาปิดแช่ห้วงมิติรอบๆ นี้ไว้ให้แข็งจนไม่อาจทะลวงผ่านได้

หอกของอี้เฉียนั้นถูกห้วงมิตินี้กลืนกินไปทันที

พร้อมๆ กันนั้นห้วงมิติรอบๆ ตัวเขาก็แข็งจนไม่อาจจะผ่านเข้าไปได้อีก!

การแช่แข็งห้วงมิตินั้นมันไม่ต้องใช้พลังของเจ้าโลกมากมายใดๆ แค่ตัวหมี่เทียนคนเดียวมันก็เกินพอ

นอกจากนั้นแล้วการแช่แข็งห้วงมิตินี้มันยังแน่นหนากว่าตอนที่เผ่าเลือดล้อมทัพสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดในคราวก่อนไปมากนัก!

อี้เฉียนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นขึ้นมาเพราะเวลานี้จ้าวเยว่มาถึงแล้ว!

“โฮ่ก!”

จ้าวเยว่นั้นมีร่างกายใหญ่โตและเล็บที่คมกริบยิ่งกว่าดาบใดๆ

เล็บของเขานั้นฉีกร่างอี้เฉียออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ที่ปลายเล็บของเขานั้นมันอัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ใดที่มันเคลื่อนผ่านั้นจะเกิดรอยแยกห้วงมิติแม้แต่ในห้วงมิติที่ถูกแช่แข็งนี้

อี้เฉียได้แต่ต้องทำหน้าเหยเกยกหอกขึ้นแทงสวนจ้าวเยว่ไป

ตูม!

จ้าวเยว่นั้นถูกซัดปลิวกลับไป

แต่จ้าวเยว่นั้นกลับตีลังกาและพุ่งตัวกลับมาได้ในทันที

พร้อมๆ กันนั้นหมี่เทียนก็เห็นโอกาสทองในการเข้าโจมตี!

ตูม!

คนทั้งสามนั้นเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงและครั้งนี้มันเป็นฝ่ายอี้เฉียที่ถูกซัดจนปลิวไปบ้าง

สู้กันมาจนถึงตอนนี้เขาเพิ่งเคยจะเสียเปรียบก็วันนี้!

นี่มันหมายความว่าสถานการณ์นั้นถูกพลิกกลับสิ้นเชิงแล้ว

บนท้องฟ้านั้นเจ้าโลกล้ำสวรรค์ทั้งสามกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจนทำให้คลื่นพลังลูกหลงนั้นสังหารคนเบื้องล่างไปไม่น้อย

ตอนนี้ศึกมันได้เวลาตัดสินแล้ว

แต่จ้าวเยว่นั้นก็มีฝีมือที่เหนือล้ำกว่าที่คนทั้งหลายคาดคิดไปมากนัก

หากพูดถึงพลังบ่มเพาะแล้วเขาย่อมจะยังไม่อาจเทียบสองยอดฝีมือผู้ชำนาญในอาณาจักรล้ำสวรรค์นี้ได้

แต่ว่าเขานั้นต่อสู้อย่างไม่กลัวตายและบ้าคลั่งทำให้สามารถกลบช่องว่างนี้ไปได้ไม่ยาก

หมี่เทียนนั้นมากประสบการณ์แค่ไหน? เมื่อมีเขาอยู่ช่วยแล้วอี้เฉียย่อมจะไม่มีโอกาสได้สังหารปลิดชีวิตจ้าวเยว่และได้แต่ต้องรับการโจมตีไปเรื่อยๆ

แท้จริงแล้วตัวอี้เฉียนั้นคิดจะหนีไปตั้งแต่ที่เห็นเรื่องราวครั้งแรกเพราะเขารู้ดีว่าผลลัพธ์ของศึกนี้มันปรากฏชัดแล้ว

แต่การจะหนีจากมือหมี่เทียนนั้นมันเป็นเรื่องยากยิ่ง!

เผ่าเลือดทั้งหลายนั้นเดิมทีต่างได้เปลี่ยนไล่ล่าสังหารคนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันพลิกกลับ

หมี่เทียนนั้นแช่แข็งห้วงมิติไว้อย่างกว้างไกล แม้แต่คนเบื้องล่างเองก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้เช่นกัน

ต่อให้คนพวกนี้จะอยากหนีมันก็ไม่อาจจะหนีไปเองได้

เพราะฉะนั้นมันจึงได้แต่ต้องรอถูกสัตว์ประหลาดทั้งหลายกัดหัว!

จำนวนคนเผ่าเลือดนั้นมันลดลงไปอย่างชัดเจนแก่สายตา

เย่หยวนนั้นยังคงอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนไว้และค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉียนั้ว

เสียงร้องรอบด้านนั้นมันทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน

แต่พวกเขาทั้งสองนั้นกลับเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับคนทั้งหลาย

ไม่มีใครหันมาสนใจพวกเขา

“ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับจะยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่! สัตว์ประหลาดพวกนี้มันมีพรสวรรค์แค่นิดน้อย เจ้าไปทำอย่างไรถึงเปลี่ยนให้มันเป็นเจ้าโลกกันได้หมดสิ้น?” เฉียนั้วถามขึ้นมาอย่างมึนงง

เย่หยวนตอบกลับไปเมื่อได้ยิน “ศิลาโลหิตโกลาหลมันทำอะไรได้ ข้าก็ทำได้เช่นกัน”

เฉียนั้วตอบกลับไปทันทีที่ได้ยิน “แค่คนอย่างเจ้านี้ก็จะเอาตัวเองไปเทียบกับบรรพบุรุษท่านหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากบรรพบุรุษของเจ้านั้นไม่เกรงกลัวข้ามีหรือที่มันจะส่งกำลังขนาดนี้มาจัดการข้า?”

เฉียนั้วที่ได้ยินนั้นก็ได้แต่ต้องหุบปากลงต่อหน้าความจริง

เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “สายเลือดของพวกเขานั้นมันถูกดัดแปลงมาตั้งแต่แรกแล้ว หลายปีมานี้ข้าทุ่มตัวศึกษาพลังสายเลือดอย่างไม่มีพักจนสุดท้ายก็พอเข้าใจมันได้บ้าง ข้านั้นกระตุ้นสายเลือดในร่างของพวกเขาจนทำให้เกิดการบรรลุขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นมากมายนัก การบรรลุเจ้าโลกมันมิใช่เรื่องยากเย็นใด”

เย่หยวนนั้นทุ่มเวลาวิจัยศึกษาวิธีที่จะคืนร่างเรียกสติพวกจ้าวเยว่กลับมาตลอดเวลา

แต่มันยาก

แต่ว่าระหว่างที่ศึกษาไปนั้นเขาก็ได้พบอีกเส้นทางหนึ่งนั่นคือการกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาไปเรื่อยๆ

หลังจากที่เย่หยวนได้ภาพวาดเต๋าสวรรค์มานั้นเขาก็ใช้พลังของมันเป็นแนวทางเพื่อกระตุ้นสายเลือดของพวกเขาทั้งหลายช่วยให้สามารถบรรลุเจ้าโลกได้ไม่ยากเย็น

แต่ตัวจ้าวเยว่นั้นพัฒนาไปเกินกว่าที่เย่หยวนคาดคิดมากนัก

จ้าวเยว่นั้นเป็นคนมากพรสวรรค์ เขาได้รับการชี้นำจากภาพวาดเต๋าสวรรค์และพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นเย่หยวนก็แอบส่งคนทั้งหลายไปยังหอสุดแสงและไม่บอกแม้แต่หมี่เทียนว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่ใด

เพราะต่อให้บอกไปมันก็ไร้ค่า

คนที่สามารถปล่อยให้นักยุทธสายเลือดทั้งหลายออกมาต่อสู้ได้นั้นมันมีแค่เย่หยวน

เพราะเย่หยวนเป็นคนเดียวที่ควบคุมพวกเขาได้!

“ฮ่าๆๆ เย่หยวน เจ้าจะไม่หลงตัวเองไปหน่อยหรือ? เจ้าโลกนั้นมิใช่เรื่องยากเย็น? คำพูดนี้หากออกมาจากปากคนอื่นนั้นมันคงแค่ดูโอหังแต่เมื่อมันออกมาจากปากเจ้าแล้ว มันช่างน่าหัวเราะ! เจ้าผู้บ่มเพาะนอกรีตคนนี้วันใดที่คิดบรรลุเจ้าโลกมันย่อมจะเป็นวันตายของเจ้า! เจ้าคิดว่าเจ้าโลกมันคืออะไร?” เฉียนั้วหัวเราะลั่นขึ้นมา

เย่หยวนมองดูเขาด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เช่นนั้นเจ้าก็ทนดูข้าพูดถึงเจ้าโลกไปแล้วกัน!”

ฟุบ!

สี่สายเลือดในร่างของเย่หยวนนั้นมันรวมเป็นหนึ่งปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา

เย่หยวนรวบรวมพลังนั้นต่อยออกมาเป็นหนึ่งหมัดที่เรียบง่าย!

วินาทีก่อนนั้นตัวเฉียนั้วยังทำหน้าเย้ยหยัน

แต่วินาทีต่อมาเขาก็ต้องร้องลั่นขึ้นอย่างแตกตื่น “สี่สายเลือดระดับโกลาหล! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เมื่อเย่หยวนลงมือมันย่อมจะทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วฟ้าดิน!

แม้แต่หมี่เทียนเองก็ยังต้องชะงักไป

“สายเลือดระดับโกลาหล! เขา…เขากลับพัฒนาสี่สายเลือดไปจนถึงระดับโกลาหลได้สิ้น?” หลงเจี้ยนนั้นอ้าปากค้างร้องขึ้นมา

“บ้าน่า! สายเลือดระดับโกลาหลนั้นมันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดไม่มีทางพัฒนาขึ้นไปได้! สายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นมันคือที่สุดของที่สุดแล้ว! แต่…นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?” ไป๋จือร้องขึ้นมา

“หมายความว่าพวกเราเองก็มีสิทธิ์จะพัฒนาไปจนถึงระดับโกลาหลได้หรือ?” เฉียนไท่ชิงร้องลั่นขึ้นมา

พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำสามเผ่าภูตแท้นี้ต่างมีสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลปรากฏขึ้นสิ้น

พวกเฟิ่งชิงซวนนั้นคือความหวังของพวกเขาทั้งหลาย

เพราะสายเลือดระดับกึ่งโกลาหลนั้นต่อให้มันจะไม่อาจเทียบเท่าระดับโกลาหลได้แต่มันก็คือขีดจำกัดของสายเลือดที่จะพัฒนาไปถึงได้แล้ว

ต่อให้จะเป็นเจ้าโลกล้ำสวรรค์เหมือนๆ กันแต่หากพวกเฟิ่งชิงซวนนั้นบรรลุไปได้ถึงแล้วพวกนางก็จะแข็งแกร่งกว่าพวกหลวนชิงเหอไปมากนัก

แต่หากมีใครที่พัฒนาสายเลือดหลังกำเนิดไปจนถึงระดับโกลาหลได้จริงๆ แล้วมันย่อมจะเป็นเรื่องใหญ่!

เพราะตอนนี้เย่หยวนได้ทำลายความเข้าใจเกี่ยวกับสายเลือดของพวกเขาลงสิ้น!

พลังของหมัดนี้มันรุนแรงจนน่ากลัว!

ตูม!

เย่หยวนนั้นอุ้มร่างของเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นพุ่งตัวต่อยหมัดเข้าใส่โล่เลือดของเฉียนั้ว

โล่เลือดนั้นสั่นสะท้านก่อนที่จะแตกสลายลงไป!

เฉียนั้วนั้นต้องอ้าปากค้างเพราะมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์คนหนึ่งมันจะมาทะลวงการป้องกันของเจ้าโลกระดับสูงได้อย่างไร?

อย่าว่าแต่ทะลวง แค่ทำให้มันสั่นไหวก็คงยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!

ความแตกต่างระหว่างมหาจักรพรรดิพ้นสวรรค์และเจ้าโลกระดับสูงนั้นมันแตกต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว

เย่หยวนกลับทำลายมันลงได้!

หมัดนี้มันช่างมีพลังเจาะทะลวงที่รุนแรงนัก!

แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้คิดมากมายเฉียนั้วได้แต่ต้องปล่อยหมัดสวนกลับเย่หยวนไป

พริบตาเดียวกันนั้นหมัดของคนทั้งสองก็ปะทะเข้าหากัน

ปัง!

เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาก่อนร่างของคนทั้งสองที่ปลิวกลับออกไป

เย่หยวนนั้นถอยออกไปกว่าพันก้าวกว่าที่จะทรงตัวกลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง

ส่วนตัวเฉียนั้วเองก็ถูกหมัดของเย่หยวนนี้ซัดจนปลิวไปเช่นกัน

จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังโจมตีจากรอบด้านที่เล็งเข้ามา

เฉียนั้วนั้นตัวสั่นรีบตีลังกาลุกขึ้นมาประคองตัวหลบพลังโจมตีรุนแรงทั้งหลายนั้น

แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นมันซีดขาวอย่างชัดเจน

เพราะหมัดนี้ของเขามันกลับทำได้เพียงเสมอกับเย่หยวน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+