[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 139 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] คนที่ 4

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 139 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] คนที่ 4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดีเช? …เธอคือดีเชจริงๆ เหรอ?”
“ค่ะ คุณฟิลิส ดีเชตัวจริงเสียงจริงเลยค่ะ!”

 

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

เด็กผู้หญิงตรงหน้าฉัน ดีเชน่ะ… ควรจะตายไปแล้วนี่นา

วันนั้น ที่เมืองมิกซ์ถูกบุกโจมตี วันที่ฉันเสียริงกะไปน่ะ ฉันก็ตรวจยืนยันชัดเจนแล้วด้วยว่าเธอไม่มีลมหายใจแล้วนะ

เธอกับเพื่อนเพียงคนเดียวของเธออย่างเนลที่อยู่ด้วยกันน่ะ ก็ตายไปด้วยกันทั้งคู่แล้วนี่

 

“ฮุฮุฮุ ดูเหมือนคุณฟิลิสจะสับสนอยู่นะคะ! ก็ แม้แต่ดิฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันค่ะว่าฉันจะได้มาอยู่ที่นี่แบบนี้น่ะ…”
“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อเลยแฮะ… เอาเถอะ เธอยังรอดชีวิตมาได้ก็ยังดี ฉันคิดว่าเธอตายไปพร้อมกับเนลไปแล้วด้วยซ้ำไปนะ”
“…พูดให้ถูกคือ จริงๆ ฉันก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่หรอกนะคะ”
“ฮะ? อะไรล่ะนั่น?”
“นี่ๆ ฟิลิส ช่วยอธิบายให้ฟังก่อนได้มั้ย? เด็กคนนี้เป็นใครเนี่ย? ถึงจะดูเหมือนมนุษย์ แต่กลับมีพลังเวทปริมาณมหาศาลในตัว แถมยังเป็นพลังเวทแปลกๆ แบบที่ชั้นไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยด้วย นี่?”

 

ฟรานที่หมดความอดทนก็เร่งให้ฉันรีบอธิบาย แต่เอาจริงๆ ฉันก็ตามสถานการณ์ตรงหน้านี่ไม่ค่อยทันเหมือนกัน

เอาแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าดีเชยังมีชีวิตอยู่ก็เกินความคาดเดาของฉันจนทำเอาหัวฉันมึนไปหมด แล้วก็อย่างที่ฟรานบอก ฉันก็สัมผัสพลังเวทปริมาณมากจากเธอได้เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะมองยังไง นั่นก็ไม่ใช่พลังเวทของเผ่ามนุษย์ด้วย มันเป็นพลังเวทแบบของเผ่ามาร

 

“ฉันจะอธิบายไปเป็นลำดับก็แล้วกันนะคะ แบบนี้แล้วกัน”
“อ- อื้อ…”

 

“ชาค่ะ”
“ข- ขอบคุณค่ะ แต่ขอโทษนะ ฉันกินหรือดื่มไม่ได้น่ะ”

 

ทำไมถึงกินหรือดื่มไม่ได้ล่ะ?

แบบนั้นจะตายเอาน่ะ

 

“ก่อนอื่น มาพูดถึงประเด็นหลักก่อนเลยก็แล้วกันนะคะ… ฉันน่ะ ไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้วค่ะ”
“เมื่อกี้เธอก็พูดแบบนี้นี่นา แต่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”
“ฉันเป็นคนที่ตายไปแล้วค่ะ แต่แทนที่จะตายไปเฉยๆ นี่คือชีวิตชั่วคราวที่ทำให้ฉันยังสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ และเพราะว่าตายไปแล้ว ก็เลยไม่หายใจ ดื่มกินไม่ได้ นอนหลับไม่ได้ อา แต่ก็เหมือนนอนหลับตลอดเวลาน่ะคะ หลับเป็นตายเลยล่ะ”

 

พูดอีกอย่างก็คือ ดีเชไม่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และถึงร่างกายของเธอจะตายไปแล้ว แต่เธอกลับยังมีสติ และเคลื่อนไหวไปมาได้งั้นเหรอ?

ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วก่อนอื่น ฉันก็ไม่เคยได้ยินว่ามีสถานการณ์ไหนที่มนุษย์สามารถแผ่ออร่าที่มีคุณสมบัติธาตุชั่วร้ายออกมาได้เลยด้วย

 

“ก็ พูดอย่างไม่อ้อมค้อมเลยก็คือ ฉันกลับมาที่โลกคนเป็นได้อีกครั้งด้วยพลังของท่านอิซึสึค่ะ ในฐานะเผ่าพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในโลก เป็นเผ่า [อันเดด] น่ะ”

 

เผ่าอันเดด เผ่าพันธุ์ใหม่ ท่านอิซึสึเป็นผู้สร้างขึ้น

พอได้ฟังแบบนี้ ฉันก็เข้าใจซักที

 

“หรือก็คือ ท่านอิซึสึสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เธอมาช่วยฉันงั้นสินะ?”
“ถูกต้องเลยค่ะ ฉันได้ฟังเรื่องทั่วๆ ไปจากท่านอิซึสึแล้วค่ะ เรื่อง [จอมมาร], เรื่องของคุณฟรานกับคุณฟลูเรเทีย, เรื่องของเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์มาร… แล้วก็ เรื่องของคุณริงกะด้วยค่ะ”
“……อา”

 

ดีเชรู้จักกับริงกะอยู่แล้ว แล้วพวกเราก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันด้วย

ตอนที่ฉันยังอยู่ที่นั่น เธอก็คือคนที่ฉันใช้เวลาอยู่ด้วยนานเป็นอันดับ 2 เลย

 

“ฉันจะช่วยด้วยเหมือนกันนะคะ คุณฟิลิส ในฐานะลีช ดีเช ผู้นำเผ่าพันธุ์ใหม่ เผ่าอันเดด และอันเดดอีก 200 คน… ไม่สิ ขอให้เราเข้าร่วมกับท่านจอมมารฟิลิสด้วยนะคะ!”
“200 คนเลยเหรอ? ทั้งที่เป็นเผ่าพันธุ์เกิดใหม่เนี่ยนะ”
“อะ ค่ะ ฉันเปลี่ยนทุกคนในเมืองมิกซ์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นอันเดดได้ แล้วก็ต้องการจะตามฉันมาให้เป็นอันเดดทั้งหมดเลยค่ะ”

 

จากที่ฟังดู แสดงว่าการจะเปลี่ยนศพให้กลายเป็นอันเดด ยังมีเงื่อนไขบางอย่างอยู่ด้วย

ก่อนอื่นเลย เผ่ามารไม่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นอันเดดได้ มันถูกจำกัดเอาไว้แค่กับเผ่าพันธุ์ที่มีคุณสมบัติธาตุในด้านดีเท่านั้น มันเป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าอันเดด ที่มีเอกลักษณ์ประจำเผ่าอย่าง [ตรรกะพลิกผัน]

แล้วก็ ถ้าเกิดไปพยายามเปลี่ยนคนที่มีคุณสมบัติธาตุในตัวค่อนไปทางดีงาม แต่ไม่สามารถเข้ากับการกลายเป็นอันเดดได้ คนคนนั้นก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดอมตะที่ขาดสติสัมปชัญญะของตัวเองไป แล้วก็ ลีช หรือราชาของเผ่าอันเดดนั้นสามารถสั่งให้อันเดดทำอะไรก็ได้ ตามที่ตัวเองสั่งทุกอย่าง แต่ดีเชบอกว่าถ้าเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากทำแบบนั้น เหตุผลของเธอคือ ‘ฉันไม่อยากบังคับใช้งานคนตายหรอกนะ แต่ คนของศาสนามิซารี่น่ะเป็นข้อยกเว้น’ แล้วก็ ‘ขยะแขยงสุดๆ เลย’

แม้ว่าอันเดดที่มีเป้าหมายนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งของดีเชอย่างสมบูรณ์ แต่นอกจากร่างกายของพวกเขาจะตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังเหมือนเดิมกับสมัยที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่… ไม่สิ ดูเหมือนจะสามารถดึงพลังออกมาได้มากกว่าเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วยซ้ำไป

 

“แข็งแกร่งและถึกทนกว่าสมัยที่เป็นมนุษย์ แล้วก็ เพราะทุกคนตายไปแล้ว ต่อให้หัวจะถูกตัด หัวใจจะถูกทำลาย สมองถูกเจาะทะลุ ก็ไม่เจ็บไม่คันเลยค่ะ เว้นแต่ว่าร่างกายจะถูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อันเดดก็ไม่มีทางตายได้เลย อารมณ์ความรู้สึกด้อยกว่าเมื่อตอนที่ยังมีชีวิต และเรื่องการตาย… อา ขอพูดใหม่นะคะ ความกลัวที่จะ ‘หายไป’ นั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว ร่างกายจะขยับต่อไปจนกว่าจะไม่สามารถขยับได้อีก ขีดจำกัดของร่างกายที่ถูกลบออกไปก็ทำให้ศักยภาพทางร่างกายสูงขึ้นด้วย และเพราะว่าตายไปแล้ว เวทจิตใจเลยไม่เป็นผล ไม่สามารถเจ็บป่วยได้ แล้วก็ไม่สามารถติดสถานะผิดปกติได้ค่ะ ถ้าเกิดพวกเราได้รับเวทฟื้นฟู ร่างกายจะแตกสลาย แต่เวทความตายจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แทนค่ะ…”
“เป็นเผ่าพันธุ์ที่ขี้โกงอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะเนี่ย”
“น่ากลัวจัง ศพอมตะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่มีชีวิตงั้นเหรอคะ”
“เสริมแกร่งจนโกงพอๆ กับการอวยพรจากดวงจันทร์ของเผ่าแวมไพร์เลยนะ”

 

น่ากลัวจริงๆ เลยน้า เผ่าอันเดดเนี่ย  

ท่านอิซึสึช่วยสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมกำลังให้ฉันสินะ

 

“แล้ว พลังเวทมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเธอนี่ล่ะ?”
“เป็นเอกลักษณ์ของลีชค่ะ ลีชเป็นอันเดดสายนักเวทย์ ท่านอิซึสึก็เลยช่วยเสริมกำลังให้ด้วย แล้ว จะเอายังไงดีล่ะคะ? พอจะเพิ่มพวกเราเข้าเป็นกำลังของกองทัพจอมมารได้หรือเปล่าคะ?”
“ก็ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องปฏิเสธนี่นา พวกเธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ชั้นว่าก็ดีนี่นา? ยิ่งกำลังคนเยอะก็ยิ่งดีด้วย อีกอย่าง ถ้าได้เด็กคนนี้มาช่วยด้วยอีกแรง กำลังรบของพวกเราต้องเพิ่มขึ้นเยอะแน่นอนเลย”
“ดิฉันก็เห็นด้วยค่ะ แบบนี้ ปัญหาเรื่องกำลังคนที่เรากำลังกลุ้มกันอยู่จะได้แก้ได้ในทีเดียวเลยด้วย”
“ดูเหมือนเธอจะไม่ได้โกหกด้วยนี่นะคะ? อีกอย่าง เด็กคนนี้ก็น่ารักด้วย อายุประมาณ 15 ใช่มั้ยนะ?”
“เฮ่ ยัยปีศาจโรคจิต คิดจะทำอะไรของเธอน่ะฮะ ถ้ากล้าทำอะไรแบบนั้นล่ะก็ เตรียมโดนเวทมนตร์ของฟรานไล่ยิงได้เลย ฟลูเรเทียคนเดียวก็พอแล้ว”
“ดิฉันก็อยากให้ช่วยหยุดเธอเอาไว้ด้วยเหมือนกันนะคะ!?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันไม่ทำแบบนี้กับใครไม่เลือกหน้าหรอก”

 

ฉันตัดสินใจแล้วว่า เหยื่อสังเวยน่ะ มีแค่ฟลูเรเทียคนเดียวก็พอแล้ว

ฉันลุกขึ้นจากที่นั่ง เมิน 3 คนนั้นที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยื่นมือไปหาดีเช

 

“ขอต้อนรับนะ อันเดด ดีเช จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยแล้วกัน”
“ค่ะ คุณฟิลิส ไม่สิ ท่านจอมมาร ฉันจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อกองทัพจอมมารเลยค่ะ”
“อ่า ฝากด้วยนะ ฉันช่วยเธอก็เพราะฉันน่ะอัจฉริยะอยู่แล้ว อีกอย่าง…”

 

ที่ฉากหลังของฉันตอนนี้ มีฟราน (นังเอลฟ์บ้า) ที่ยังเป็นเหมือนเด็กน้อย กับวีเนล (ยัยโรคจิต) ที่กอดตัวติดหนึบกับฟลูเรเทีย อาละวาดพลางหายใจหอบรัวไม่หยุดอยู่…

 

“นอกจากฟลูเรเทียแล้ว ก็มีแต่พวกบ้าน็อตหลุดทั้งนั้นเลยนะเนี่ย”
“ชวนให้นึกถึงที่เมืองมิกซ์ยังไงไม่รู้นะคะ”
“อย่ามัวแต่พูดอะไรไร้สาระกันอยู่สิคะ! ช่วยดิฉันด้วยค่า!”

 

“เนลเองก็เป็นอันเดดไปแล้วเหมือนกันเหรอ! ดีจังเลยนะ!”
“ค่ะ ดูเหมือนเรื่องความเข้ากันกับการเป็นอันเดดนี่ เธอเป็นรองแค่ฉันเอง ตอนนี้ ฉันก็เป็นฝ่ายแข็งแกร่งกว่าไปซะแล้วด้วย”
“เปล่าๆ แค่นี้ก็ดีแล้วนี่นา ถึงพวกเราจะสนิทกัน แต่ถ้าเกิดเธอบอกว่ามีแค่เธอคนเดียวที่ได้เป็นล่ะก็ ฉันคงรับไม่ได้ล่ะนะ”
“ค่ะ ฉันก็ดีใจมากๆ เลยที่ได้เจอกับเนลอีกครั้งนึง… แต่ว่า”
“หือ?”
“คือ…… ตั้งแต่ที่ฉันเปลี่ยนเนลเป็นอันเดด ฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นบ้าไปเลยค่ะ”
“หมายความว่าไงน่ะ?”
“คือ… พอเธอตายแล้ว สีผิวซีดลง… ม่านตาขยายออก… แล้วพอฉันมองดูที่เนลแล้ว เธอก็ไม่สามารถต่อต้านลีชอย่างฉันได้ด้วย…”
“มองดู?”
“เรื่อง…… แบบนั้น ♡…… ก็เกิดขึ้นค่ะ……”
“………”
“เอ๋~ มันคืออะไรกันน้า~?”

 

เข้าใจละ

เธอก็มีด้านบ้าบอเหมือนกับยัยพวกนั้น (ฟรานกับวีเนล) สินะ

 

TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด