[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 154 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] ถึงลูกสาวของเรา

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 154 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] ถึงลูกสาวของเรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่ก็เป็นร้อยปีแล้วสินะ นับจากที่เธอเป็นจอมมารน่ะ”

 

เลย 300 ปีมานิดหน่อยแล้วล่ะค่ะ

ก็ซัก 1 ใน 10 จากปีที่วางแผนกันไว้

 

“โห นานขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เลยนะคะ”

 

เพราะท่านเป็นเทพไงคะ สำหรับฉันที่เป็นแค่แวมไพร์ธรรมดา นี่มันก็นานใช่เล่นเลยนะคะ

 

“แบบนั้นเหรอคะ?…โอ๊ะ เราไม่ได้เรียกเธอขึ้นมาเพื่อคุยเรื่องพวกนี้นี่นา งั้นก็ นั่งก่อนสิคะ”

 

อะไรกัน วันนี้ไม่ได้เรียกมาคุยสัพเพเหระงั้นเหรอคะ

 

“โปรดอย่าเรียกว่าสัพเพเหระสิคะ… เธอเป็นคนเดียวเลยนะคะที่สามารถบ่นถึงเราโดยไม่ลังเลแบบนี้น่ะ จอมมาร กับเทพคนอื่น ทุกท่านก็มักจะพูดจานุ่มนวลกันเสมอเลยแท้ๆ…”

 

คำบ่นทะลักมาทันทีไม่หยุดเลย

ตั้งแต่ที่ฉันมาเป็นสาวกของท่าน ฉันก็ได้ยินคำบ่นแบบนี้ปีละ 3 ครั้งเลย แถม เป็นเวลาที่ฉันกำลังหลับด้วย ทั้งๆ ที่เป็นเวลาที่หาได้ยากด้วยซ้ำ

 

“แล้วจากนั้น เทพท่านนั้นก็คึกเลยค่ะ เพราะเขาดูแลโลกอื่นใบนั้นได้ไม่เลวเลย… ทั้งที่ภรรยาของเขาถูกท่านมหาเทพมาเล่นชู้ด้วยแท้ๆ-…… บลาๆ”

 

ฉันหยุดท่านเวลาบ่นน้ำไหลไฟดับแบบนี้ไม่ได้ด้วย เพราะงั้น การฟังแต่คำสำคัญระหว่างจิบชาไปด้วยจะดีกว่า

 

“ก็เคยบอกไว้แล้วนี่คะว่าเราได้ยินทุกเสียงที่เธอคิดอยู่ในใจน่ะ!… ฮ่า งั้นก็ได้ค่ะ ที่เราเรียกเธอขึ้นมาวันนี้เพราะมีเรื่องจำเป็นต้องทำจริงๆ ถ้างั้นก็เอาเรื่องบ่นไว้ที่หลังก็แล้วกัน”

 

ยังจะบ่นอยู่อีกเหรอคะ

 

 

 

“งั้น มาเข้าเรื่องกันเลยแล้วกันนะคะ… เธอทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้มากเลยค่ะ จอมมาร นอกจากจะรวมทุกเผ่าพันธุ์นอกจากเผ่าแวมไพร์เข้าด้วยกัน ก็ยังรักษาสมดุลของโลกอยู่ ในขณะที่ครอบครองพลังที่เหนือกว่ามนุษย์เอาไว้ด้วย น่ายินดีมากค่ะ”

 

ผลผลิตจากมันสมองของวีเนลเลยค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย

 

“ความถ่อมตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่การรับคำชมอย่างเต็มใจซักครั้งก็ไม่ทำให้เธอถูกลงโทษหรอกนะ”

 

ถ้าท่านพูดในฐานะคนที่ทำหน้าที่มอบบทลงโทษล่ะก็ มันจะไม่ชวนโน้มน้าวใจเลยนะคะ

 

“เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ… แต่ไม่ว่าเธอหรือวีเนลจะทำดีแค่ไหน ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ มันยังคงมีปัญหาอยู่”

 

…ใช่ปัญหาเรื่องของการตั้งถิ่นฐานกับเมืองของเผ่าพันธุ์ที่เข้าร่วมกับกองทัพจอมมารหรือเปล่าคะ?

 

“คำตอบถูกต้องค่ะ… เราดีใจที่กองทัพจอมมารเติบโตขึ้นแบบนี้ แต่เพราะแบบนั้น เธอก็เลยไม่สามารถปกป้องรายละเอียดเล็กๆ อย่างหมู่บ้านหรือเมืองในชนบทได้ แน่นอนว่า มันไม่ใช่การทำงานของกองทัพจอมมารติดขัดจนเกิดปัญหา แต่จะปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน”

 

ท่านพูดถูกต้องแล้วค่ะ พวกเราเองก็กำลังกังวลกับเรื่องนี้กันอยู่เลย

ถิ่นฐานที่ตั้งหมู่บ้านถูกพวกมนุษย์ทำลาย และยังต้องสูญเสียชีวิตไปเยอะด้วย ปัญหาเรื่องนี้ไม่สามารถเมินเฉยได้เลยค่ะ

 

“ใช่เลย ดังนั้นแล้ว ต้องรับมือกับเรื่องนี้ค่ะ”

 

…แต่ว่า ท่านอิซึสึคะ ตอนนี้น่ะ มันยากนะคะ

จำนวนกองกำลังในกองทัพของเราน้อยมากเลยนะคะ เทียบกับพวกมนุษย์แล้ว ที่สำคัญ ถ้าเกิดเราส่งกองทหารไปประจำที่นู่นที่นี่ กองทัพจอมมารจะตกอยู่ในอันตรายทันทีเลยด้วยค่ะ

 

“เราทราบเรื่องนั้นดีค่ะ คิดว่าเราเรียกเธอมาโดยที่ไม่มีอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?”

 

คือ หมายความว่ายังไงเหรอคะ?

 

“จากนี้ไป เราจะให้แผนหนึ่งกับเธอค่ะ ถ้าเธอสามารถทำได้ ปัญหาเหล่านั้นจะสามารถแก้ไขได้ในพริบตาเลย… แต่แน่นอนว่า มันมาพร้อมกับข้อบกพร่องที่ตามมา หลังจากฟังเราแล้ว เธอก็ค่อยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งนะคะ”

 

…เข้าใจแล้วค่ะ

 

“งั้นเริ่มจากการสรุปแล้วกัน แผนก็คือให้สร้าง [ปราสาทจอมมาร] ขึ้นมาค่ะ”

 

ปราสาทจอมมารเหรอคะ?

 

“ปราสาทจอมมารเป็นชื่อเรียกอีกอย่างของ {แพนเดโมเนียม (สรวงสวรรค์แห่งเหล่ามาร)} เวทมนตร์ขั้นสุดที่เรามอบให้และเป็นผู้อนุญาตการมีอยู่ของมันบนโลก เป็นเวทมนตร์ที่รวมเวทมนตร์ทุกรูปแบบเอาไว้ และสามารถใช้ได้เพียงคนจำนวนจำกัดเท่านั้น หรือก็คือ [เวทมนตร์ไร้ขีดจำกัด] ค่ะ”

 

เวทมนตร์ไร้ขีดจำกัด แน่อยู่แล้วล่ะค่ะว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

 

“เมื่อร่ายเวทมนตร์นี้แล้ว เธอจะสามารถสร้างปราสาทป้อมปราการขนาดมหึมาขึ้นมาได้ในทันทีสมกับชื่อปราสาทจอมมารเลย จากนั้น พื้นที่ระยะ 5 กิโลเมตรจะสามารถปรับแต่งได้ตามความปรารถนาของผู้ร่ายเลยค่ะ”

 

……แค่นั้นเองเหรอคะ?

แล้วเวทมนตร์แบบนั้นจะช่วยจำกัดความเสียหายได้ยังไงน่ะคะ?

 

“แล้วก็ ถ้าหากผู้ร่ายอยู่ในอาณาเขตของเวทมนตร์แล้ว ผู้ร่ายจะได้รับพลังเวทจากปราสาทจอมมารตลอดเวลา ซึ่งพลังเวทนั้น ก็ตั้งเอาไว้ให้เชื่อมต่อกับเราโดยตรง ดังนั้น จากผลลัพธ์แล้ว จะเรียกว่ามีพลังเวทไร้ขีดจำกัดเลยก็ได้ค่ะ”

 

ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ค่ะ เป็นเวทมนตร์ที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้เนี่ย แบบนี้เอง ถึงได้เรียกว่า [เวทมนตร์ไร้ขีดจำกัด]

พอจะตามเรื่องทันแล้วค่ะ จากนั้นก็ใช้พลังเวทที่มีไม่จำกัดนั่น ร่ายเวทคุ้มครองที่แข็งแกร่งป้องกันทุกเขตแดนของมารสินะคะ

 

“ตามนั้นเลยค่ะ แต่ว่า อย่างที่เรากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ไม่มีสิ่งใดที่ดีไปหมดโดยปราศจากสิ่งแลกเปลี่ยนหรอกค่ะ”

 

ข้อบกพร่อง สินะคะ

มีอะไรบ้างงั้นเหรอคะ?

 

“ข้อบกพร่องมีอยู่ 2 ประการค่ะ ประการแรกเลยคือภาระกับสมอง แม้ว่าเธอจะมีพลังเวทใช้งานได้ไม่จำกัดก็ตาม แต่เธอก็ยังต้องเป็นคนร่ายอยู่ดี จากนั้น แค่การร่าย {สรวงสวรรค์แห่งเหล่ามาร} ที่รวมเอาเวทมนตร์หลากหลายประเภทเข้าด้วยกันแล้ว เวทมนตร์ที่เข้ากับเธอได้ส่วนใหญ่ก็จะถูกนำไปใช้ในเวลาเดียวกัน ส่วนที่เหลือที่สามารถนำไปใช้ครอบคลุมหมู่บ้านและเมืองก็มีเวทสร้างภาพลวงตากับเวทคุ้มครองเท่านั้น กล่าวคือ หลังจากสร้างปราสาทจอมมารและติดตั้งเวทคุ้มครองแล้ว เธอจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ค่ะ”

 

มีพลังเวทแบบไม่จำกัดแต่เอาไปใช้ไม่ได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ

ไม่สิ ถ้าเพื่อเป็นการติดตั้งเวทคุ้มครองล่ะก็ มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลแล้วนะคะ แต่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้นี่มันก็…

 

“แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ในบรรดาเวทมนตร์ทุกอย่างนั้น เวทฟื้นฟู, เวทเสริมแกร่งทางกายภาพ และเวทมนตร์ความมืด มีหลักการการทำงานที่ต่างจากเวทมนตร์อื่นๆ หรือก็คือ เธอจะยังใช้เวทมนตร์ทั้งสามนี้ได้อยู่ค่ะ”

 

…ถ้าแบบนั้น ก็ยังดี มั้งคะ?

ฉันใช้เวทฟื้นฟูไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ก็พอใช้ได้ทุกบทเลย นอกจากเวทคืนชีพ ส่วนอีก 2 อันนั่น ฉันใช้ได้ดีเลย

แบบนี้ล่ะก็ พอไหวแน่ค่ะ

 

“ส่วน ประการที่ 2 นั้น… อาจจะเป็นปัญหาข้อใหญ่ที่สุดของเธอเลยก็ได้… คิดให้ถี่ถ้วน แล้วค่อยให้คำตอบกับเรานะคะ”

 

2 วันนับจากที่เราได้ฟังแผนที่ท่านอิซึสึบอกมา และอยู่ระหว่างการตัดสินใจ

 

“กลับมาแล้ว…”
“อ๊ะ! คุณแม่! ยินดีต้อนรับกลับค่ะ!”

 

คนที่ต้อนรับเราก็คือลูกสาวสุดที่รักของเรา มิเนียนั่นเอง

พ่อกับแม่ของเราเสียไปตั้งแต่ประมาณ 50 ปีก่อนแล้ว ตอนนี้เลยมีแค่เรา 2 คนอยู่ด้วยกัน

เธอเข้าสู่สภาวะกึ่งอมตะในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เป็นเวลาที่เหมาะสมมากๆ เลย และถึงตอนนี้จะดูออกไปยากซะแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกสาว แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอคือลูกสาวแสนน่ารักเพียงคนเดียวของเราอยู่ดี

แต่ หน้าอกขนาดเหมือนเมล่อนนั่นไม่ได้ได้มาจากเราแน่ๆ ริงกะก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ด้วย นี่มาจากเลือดของใครกันนะ?

 

“ช่วงนี้ คุณแม่กลับมาได้ไม่บ่อยเท่าเดิมเลย งานยุ่งงั้นเหรอคะ?”
“……อา คนที่คอยช่วยทำงานอย่างหนักมาตลอดจนถึงตอนนี้ไม่อยู่แล้วน่ะสิ จะอุดรูโหว่ตรงนั้นน่ะหนักมากเลยล่ะ…”

 

ดีเชออกไปได้ประมาณร้อยปีแล้ว และไม่นานนี้ ฟลูเรเทียก็เกษียณเป็นครั้งที่ 2 จนได้ ต่อจากนี้ เธอจะคอยไปสั่งสอนดูแลพวกรุ่นใหม่แทน

รูโหว่ที่เธอหายไปนั่นใหญ่กว่าที่เราคิดมาก เล่นเอาช่วงนี้งานยุ่งมือเป็นระวิงเลย

 

“เหรอ… คือ มันเป็นงานที่คุณแม่บอกคนอื่นไม่ได้ใช่มั้ยคะ? ฉันก็อยากช่วยงานคุณแม่ได้บ้าง…”
“ขอบใจมากนะ แต่แค่ความรู้สึกก็พอแล้วล่ะ”

 

เราไม่มีความคิดที่จะดึงมิเนียมาเอี่ยวกับฝั่งนี้เลยซักนิดเดียว

ถ้าเป็นแบบนั้น แทนที่จะหลอกเธอแบบนั้น สู้บอกว่าเป็นงานที่บอกไม่ได้ยังจะดีกว่า

 

“คุณแม่ วันนี้จะอยู่ที่บ้านทั้งวันหรือเปล่าคะ?”
“อ้า วันนี้ แม่จัดการงานไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ…… เพราะวันนี้เป็นวันเกิดลูกนี่”

 

ใช่

วันนี้ตรงกับวันที่เราได้รับตัวมิเนียมา ก็คือเป็นวันเกิดของเด็กคนนี้นี่แหละ

 

“จำได้ด้วยเหรอคะ!”
“แน่อยู่แล้วสิ คนเป็นแม่จะลืมวันเกิดของลูกตัวเองได้ยังไงล่ะ”

 

เราเอาห่อของขวัญออกมาจากด้านหลังของเรา

 

“นี่ไง ของขวัญวันเกิดของลูก แม่ให้เพื่อนที่ทำงานช่วยทำให้เลยนะ”
“ของขวัญ!”

 

ตาเป็นประกายเชียว…… ถึงพวกเราจะฉลองกันทุกปี แต่ก็ทำอะไรเกินจริงจริงๆ เลย นี่เป็นเพราะเลือดของริงกะหรือเปล่านะ

 

“ว้าว… นี่คือ คทาเหรอคะ?”
“อ้า ช่วยสนับสนุนการประมวลเวทฟื้นฟูและเวทคุ้มครองได้ด้วยนะ ลูกจะได้เอาไว้ใช้ปกป้องตัวเองไง”
“อื้อ!! ฉันจะใช้มันอย่างดีไปตลอดชีวิตเลยค่ะ!!”

 

ตลอดชีวิตงั้นเหรอ……

ลูกคนนี้นี่ นิสัยที่ชอบมาอ้อนคลอเคลียเราแบบนี้นี่แก้ไม่หายจริงๆ เลยนะ

ก็นะ เขาว่าวัยต่อต้านของแวมไพร์จะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 150 ปี ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุร้อยปีนิดๆ เอง

 

“อิฮิฮิ ดีใจจังเลยค่ะที่คุณแม่เป็นคุณแม่ของฉันน่ะ”
“อ- อะไรกัน จู่ๆ ก็…”
“อ้า! คุณแม่เขินใหญ่เลย!”
“ม- ไม่ได้เขินซักหน่อย!”
“อะฮะฮะฮะ! อะฮะฮะฮะ!”
“……ฮุฮุ”

 

อ่า ดีใจจัง

ถ้าเป็นไปได้ เวลาแบบนี้เนี่ย……

 

อยากให้อยู่นานไปตลอดกาลจังเลยนะ

 

 

 

 

 

“งึมงำ…… งือ…… อิฮิฮิ……”

 

เราจ้องมองหน้ามิเนียที่กำลังหลับสนิท

หน้าตาเธอสวยมาก คล้ายกับของริงกะกับของเราเลย คงมีปัญหาที่บ้านหัวกระไดไม่แห้งเลยก็ได้

เธอต้องมีชีวิตที่มีความสุขแน่นอน ถ้าเป็นเด็กคนนี้ล่ะก็

 

“……ลาก่อนนะ มิเนีย กับแม่ที่เสียริงกะไปแล้ว ลูกเป็นคนที่ช่วยแม่เอาไว้จริงๆ…… แม่รักลูกนะ”

 

แล้วเราก็ปิดประตูบ้านของพวกเราลง

หันหลังจากมา และไม่กลับไปที่นั่นอีกเลย

 

‘ข้อบกพร่องประการที่ 2 ก็คือ ถ้าเธอออกไปนอกขอบเขตการทำงานของเวทมนตร์… หรือก็คือ นอกเขต 5 กิโลเมตรจากจุดที่ร่ายเวทไว้ล่ะก็ การเชื่อมโยงระหว่างเธอกับปราสาทจอมมารจะถูกตัดขาดไป กล่าวคือ เวทคุ้มครองที่กางไว้ในหลากหลายที่ทั้งหมดก็จะพังทลายลง ยิ่งกว่านั้น เพราะการเชื่อมโยงนี้ไม่สามารถต่อกันใหม่ได้ เธอจะไม่มีทางฟื้นฟูเวทคุ้มครองเหล่านั้นได้อีกเลย… ดังนั้น เธอก็จะต้องคอยอยู่ในบริเวณรอบๆ ปราสาทจอมมารเท่านั้นค่ะ’

 

หรือก็หมายความว่า

 

‘เธอจะไม่สามารถก้าวเข้าไปในเขตหมู่บ้านแวมไพร์ได้อีกแล้วค่ะ ไม่สามารถเจอกับมิเนียได้อีกแล้วด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่า เธอยังมีตัวเลือกที่จะพามิเนียไปอยู่กับเธอด้วยอยู่นะคะ…’

 

เรื่องนั้นไม่มีทางหรอก

เราไม่อยากพามิเนียมาเจอกับอันตราย

สมรภูมิที่มีแต่สัตว์ประหลาด แถมยังเกือบจะทำให้ดีเชที่แข็งแกร่งนั่นสลายหายไปได้น่ะ เจ้าหมอนั่น… รีเวลซ์ดันยังมีชีวิตอยู่ เพราะพลังจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของมันอีก

มันมีเรื่องแบบนั้นอยู่ แถมในระหว่างสงคราม เราคงพามิเนียออกมาในไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามที่เราไม่สามารถบอกได้ว่ามันปลอดภัยมั้ยได้หรอก

เลี้ยงลูกเหมือนไข่ในหิน? ความลำเอียงส่วนตัว? จะว่ายังไงก็ว่าไปเลย

ลูกของเราเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา บางทีนี่อาจจะเป็นความหมายของการเป็นพ่อเป็นแม่ก็ได้

 

เพราะแบบนั้นเราก็เลย… เลือกที่จะหายหน้าไปจากลูกของเรา

เราเลือกที่จะใช้งาน {สรวงสวรรค์แห่งเหล่ามาร}

สุดท้าย เราก็บอกท่านอิซึสึไว้ อีก 2 วัน ขอให้ท่านช่วยรอจนกว่าจะถึงวันเกิดของมิเนียก่อน

คำขอของเราได้รับตามที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดที่เหลือก็คือหายหน้าไปจากที่นี่ก็เท่านั้น

 

พอเราออกไปถึงทางออกจากหมู่บ้าน ก็มีชายคนหนึ่งสวมผ้าคลุมหัวยืนอยู่หน้าประตู

 

“…ฟิลิส”
“หัวหน้าเผ่า”

 

พ่อตาของเรา พ่อของริงกะ และตาของมิเนีย

คนคนเดียวที่รู้ว่าเราจะจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปแล้ว

คนคนเดียวที่เราไว้ใจที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ แน่นอนว่านอกจากมิเนียนะ

 

“…ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาด้วย จากนี้ก็ฝากดูแลมิเนียทีนะ หัวหน้าเผ่า”
“…นี่แก ต้องไปจริงๆ เหรอ”
“อ่า… ไม่เป็นไรหรอกน่า เราไม่ได้กำลังจะตายซักหน่อย แค่เราจะไม่ได้เจอกับทุกคนอีก ก็แค่นั้นเอง”

 

เรายังเป็นจอมมารอยู่ ผู้นำสูงสุดของกองทัพจอมมาร ที่ตามปกติแล้วแม้แต่การพบเป็นการส่วนตัวยังไม่ได้รับอนุญาตเลยด้วยซ้ำ

สำหรับตำแหน่งอย่างเราแล้ว ไม่สามารถมาสนทนากับเผ่าแวมไพร์ที่เป็นเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร หรือก็คือ [เผ่าพันธุ์ที่อาจจะมีอะไรบางอย่าง] เรื่องที่เราเป็นแวมไพร์น่ะไม่ได้เป็นที่รู้กันเท่าไหร่ ขนาดตอนที่เราเจอกับรีเวลซ์ เรายังรีบซ่อนเผ่าพันธุ์ของตัวเองไว้ด้วยเวทห้ามการรับรู้ในทันทีเลยด้วยซ้ำ

อีกอย่างคือ เพราะบาเรียที่จะสร้างนี้จะห้ามไม่ให้ใครก็ตามที่ไม่ได้สังกัดกองทัพจอมมารเข้ามาได้ การที่แวมไพร์แต่ละคนจะหาที่อยู่ของมารเผ่าอื่นได้นั้นก็จะเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้น เราก็จะไม่มีทางได้เจอกับทุกคนอีกแล้ว

 

“งั้นก็ ตามแผนที่วางเอาไว้… เราต่อกรกับศัตรูอย่างบ้าระห่ำ ก่อนจะตายไปในการต่อสู้นั้นกันทั้งสองฝ่าย เอาตามนี้ก็แล้วกันนะ”
“……เข้าใจแล้ว”

 

อะไรกันเล่า หัวหน้าเผ่า ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นกันล่ะ

ไม่เป็นไรหรอกน่า เด็กตัวปัญหาอันดับหนึ่งของหมู่บ้านอย่างเราจะหายไปแล้ว มันก็เท่านั้นเอง

 

“ฟิลิส”
“อะไรล่ะ”
“………รักษาตัวด้วยล่ะ”
“อึก! ………พูดบ้าๆ เราที่น่าจะแข็งแกร่งที่สุดในโลกน่ะเหรอ จะเจ็บป่วยได้น่ะ”
“………งั้นเหรอ”
“………ลาล่ะนะ หัวหน้าเผ่าเองก็ รักษาตัวด้วยล่ะ”

 

แล้วเราก็พูดทิ้งเอาไว้แบบนั้น

เราจากหมู่บ้านนั้นมาโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

ถ้าเกิดเราหันกลับไปล่ะก็……… เรารู้สึกว่าเราคงกลับไปเป็นจอมมารอีกไม่ได้แน่

 

“ฟิลิส… เธอแน่ใจแล้วจริงๆ นะ? ไม่เสียใจเลยเหรอ?”
“จู้จี้น่า ฟราน รีบช่วยเราได้แล้วน่า คิดว่าเวทมนตร์ที่วุ่นวายแบบนี้จะร่ายได้โดยไม่มีเธอช่วยหรือไง?”
“……เข้าใจแล้ว งั้น ชั้นจะตั้งสมาธิกับการควบคุมเวทมนตร์ ส่วนฟิลิสก็คอยประมวลเวทมนตร์ไปนะ”
“อ่า”
“โอเค ถ้างั้น…… พร้อมเมื่อไหร่ก็เอาเลย”

 

เจ้าพวกบ้าบอที่หมู่บ้าน หัวหน้าเผ่า……… มิเนีย

ช่วยยกโทษให้คนโง่อย่างเราทีนะ

 

“{แพนเดโมเนียม (สรวงสวรรค์แห่งเหล่ามาร)}”

 

*ยืนยัน ‘หัวใจที่คำนึงถึงพวกพ้องอย่างแท้จริง’*

*เงื่อนไขทั้งหมดครบถ้วนสมบูรณ์*

*ฟิลิส ดาร์กลอร์ดได้วิวัฒนาการเผ่าพันธุ์ขึ้นเป็น [ต้นตระกูล]*

 

TN: …

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด