[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 157 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร – [บทศูนย์] และมาถึงปัจจุบัน

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 157 องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร - [บทศูนย์] และมาถึงปัจจุบัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่อยู่แล้วว่า ฉันทิ้งมิเนียไว้ที่หมู่บ้านนั้นมาหลายร้อยปี

ฉันคิดว่า คงมีผู้ชายซัก 100 หรือ 200 คนที่ตกหลุมรักลูกสาวแสนสวยของฉันอยู่แล้ว

…แต่ ถึงอย่างนั้น

 

“ชื่อของเธอคือลีน เป็นหลานสาวของเธอนั่นเองค่ะ”

 

ฉันไม่เคยคิดเลยค่ะว่าหลานของตัวเองจะเกิดแล้วโดยที่ตัวเองไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

 

“คุณลีนได้เลือดจากเธอมากกว่ามิเนียพอควรเลยค่ะ ทั้งความสามารถทางเวทมนตร์และทางกายภาพ ถ้าหากได้รับการฝึกฝนแล้ว เธอจะเป็นกำลังสำคัญของกองทัพจอมมารอย่างแน่นอน และก็… เธอเกลียดชังมนุษย์ที่ฆ่าพ่อแม่และเพื่อนพ้องของตัวเองยิ่งกว่าเธอเสียอีก”

 

……อายุล่ะคะ?

 

“ปีนี้ เธออายุ 5 ปีแล้ว แต่เธอฉลาดมาก และมีความรู้ความอ่านเกินกว่าวัยไปมากโขเลย”

 

หน้าตา…

 

“เราคิดว่าเธอควรจะดูเองเลยจะดีกว่า… แต่ ถ้าหากให้เราเทียบว่าเธอดูคล้ายกับใครล่ะก็ คงคล้ายกับริงกะกับมิเนียอย่างละครึ่งหนึ่ง ถึงจะพวกเธอจะห่างกัน 2 รุ่นแล้ว แต่สายเลือดของเธอเข้มข้นเกินไปนั่นแหละค่ะ”

 

แวมไพร์ที่สืบทอดเลือดของเรา และมีไฟแค้นที่เกลียดชังมนุษย์ยังงั้นเหรอ ครอบครัวเดียวที่เหลืออยู่ของฉัน

ลีน เป็นชื่อที่ดีเลย

 

“เพราะเหตุผลบางอย่าง เราค่อนข้างจะเป็นห่วงเธอค่ะ ทั้งๆ ที่สถานการณ์เป็นแบบนี้… จอมมาร เราขอนะคะ ช่วยเลี้ยงดูคุณลีนอย่างเหมาะสมด้วย คุณลีนกระหายพลังเพื่อทำลายล้างมนุษยชาติให้หายไปจากโลกใบนี้อย่างมากเลย เพราะอย่างนั้น ในกองทัพจอมมารจะช่วยสอนเธอได้หรือเปล่า?”  

 

…ไม่จำเป็นต้องบอกเลยค่ะ

อยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับฉัน ครอบครัวที่กะทันหันของฉัน เราต้องให้หลานของตัวเองทำในสิ่ง [size=10pt](การแก้แค้น)[/size] ที่ฉันทำไม่ได้ เพราะฉันไม่สามารถออกไปจากปราสาทจอมมารได้

การส่งสมาชิกที่เหลืออยู่คนเดียวในครอบครัวไปในสนามรบแบบนี้… น่าเศร้าเหมือนกันนะคะ

 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกค่ะ อย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้น พรสวรรค์ของเธอสูงมากจริงๆ ถ้าเธอได้รับการฝึกฝนแล้ว เธอจะแข็งแกร่งเพียงพอจะเทียบชั้นกับฟรานได้เลยค่ะ ถ้าตีพรสวรรค์เป็นตัวเลขแล้วล่ะก็ เธอจะอยู่ในอันดับ 3 ของโลกเลย ด้วยพรสวรรค์ขนาดนั้น เธอแข็งแกร่งเป็นรองแค่เธอเท่านั้นเองค่ะ”

 

อันดับ 3 งั้นเหรอคะ

อันดับ 1 กับ 2 นี่… อันดับ 1 คือเรา กับอันดับ 2 คือฟรานงั้นเหรอคะ?

 

“ไม่ค่ะ ฟรานไม่ได้มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ระยะประชิดเท่าไหร่เลย เพราะอย่างนั้น ในแง่พรสวรรค์แล้ว เธอจะอยู่ในอันดับที่ 5 ค่ะ ส่วนรีเวลซ์นั้นก็อยู่ในลำดับสูงจนน่ากลัวเช่นกัน แม้จะเป็นเธอ การต่อสู้กับชายคนนั้นก็คงตึงมือไม่น้อยเลย แต่พรสวรรค์ของเขาก็ยังอยู่ในอันดับ 4”

 

…? แล้วใครคืออันดับ 2 กันล่ะคะ?

 

“เป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเลย… จริงๆ แล้ว อันดับที่ 2 คือเธอนะคะ จอมมาร”

 

อะไรนะคะ?

แล้ว ใครกันน่ะคะที่เป็นอันดับที่ 1?

 

“…ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก คือ [ผู้กล้า] รุ่นปัจจุบันนี้ค่ะ”

 

ไม่อยากเชื่อหูของตัวเองเลย

หรือก็คือ ถ้าผู้กล้ารุ่นนี้เติบโตขึ้น เจ้านั่นก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่ารีเวลซ์ หรือแม้แต่ฉันซะอีกเหรอคะ?

 

…แย่ที่สุดเลย ตัวตนที่แกร่งที่สุดในโลกดันอยู่ฝั่งมนุษย์งั้นเหรอเนี่ย

 

“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ถึงเธอจะมีพรสวรรค์สูงที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ เธอก็ยังเป็นแค่เด็กอายุ 5 ปีเท่านั้น…… และ ยังเป็นโอกาสของเธอด้วยค่ะ”

 

โอกาสเหรอคะ?

 

“มาคุยเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ แผนการสุดบ้าคลั่งของพวกมนุษย์…… เกี่ยวกับเรื่อง ‘โครงการเปลี่ยนผู้กล้าเป็นอาวุธ’ ค่ะ”

 

“………เรื่องก็เป็นแบบนี้ค่ะ ผู้กล้ารุ่นปัจจุบันถูกทำลายจิตใจอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อยู่ และเธอไม่มีสัญญาณว่าจะเชื่อในเทพธิดามิซารี่แบบหน้ามืดตามัว หรือศรัทธาอย่างบ้าคลั่งเลยค่ะ… กล่าวคือ ถ้าหากพวกเราสามารถจับตัวเธอ และฟื้นฟูจิตใจให้เธอได้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเธอจะมาเป็นพรรคพวกของพวกเราได้ด้วยนั่นเองค่ะ”

 

‘โครงการเปลี่ยนผู้กล้าเป็นอาวุธ’ แผนสุดบ้าที่จะเปลี่ยนผู้กล้าที่มีพรสวรรค์ที่สุดตลอดกาลให้เป็นเครื่องจักรสังหารเลือดเย็นไร้หัวใจ และบังคับให้เธอเข้าต่อสู้งั้นเหรอเนี่ย

ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้กล้าแท้ๆ และยังเป็นเด็กน้อยร่วมเผ่าพันธุ์ของตัวเองด้วย ยิ่งกว่านั้น ยังทำกับเด็กผู้หญิงแบบนั้นอีก… จะชั่วช้าลงไปได้ขนาดไหนกันนะ เจ้าพวกมนุษย์

 

แต่แน่นอนเลย ถ้าเกิดเธอถูกดึงมาอยู่ฝ่าฝ่ายเราได้ ความหวังทั้งหมดของมนุษย์ก็จะถูกบดขยี้ลงจนแหลกล่ะทีนี้

ต้องระวังพวกที่อยู่ลำดับสูงใน 12 อัครสาวกให้ดี แต่มองในอีกมุมก็คือ พวกมันก็มีอยู่แค่นั้นเหมือนกัน

อีกอย่าง มนุษย์จะถูกโจมตีและกวาดล้างจากผู้กล้าที่พวกมันเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนั้นกับมือ… นี่มันสถานการณ์ที่ดีที่สุดเลยไม่ใช่หรือไงน่ะ

 

แต่ ถึงฉันจะคุยกับกองทัพจอมมารเรื่องของผู้กล้า พวกนั้นก็คงไม่บ่นอะไรกัน… แต่ว่า ลีน หลานของฉัน จะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ?

 

“อ๋า เราคิดว่าไม่เป็นไรนะคะ อย่างที่เธอคิดเลยที่ให้ผู้กล้ารุ่นปัจจุบันนี้เป็นข้อยกเว้นสำหรับพวกมนุษย์ คุณลีนเองก็มีทั้งเหตุผลและมันสมองพอจะสามารถคิดได้แบบนั้นเหมือนกันเลยค่ะ”

 

ยังงั้นเหรอคะ

ดูท่า หลานของฉันจะหัวดีจริงๆ นะคะเนี่ย

 

“ใช่ค่ะ… ฮุฮุฮุ ชักจะน่าสนใจแล้วสิคะ สมดุลของพลังระหว่างกองทัพจอมมารกับมนุษย์ชาติจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถ้าพวกเขาปล่อยหมู่บ้านแวมไพร์เอาไว้แบบนั้น แล้วฟูมฟักผู้กล้าอย่างทะนุถนอมล่ะก็ พวกเธออาจจะแพ้ก็ได้นะคะ… ดูท่าเผ่าพันธุ์ที่นางผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้น จะเลือกทางเลือกที่โง่เขลาจนมันกลับมารัดคอตัวเองเสียแล้ว”

 

ไม่หรอกค่ะ

 

“เอาล่ะ… ใกล้ได้เวลาแล้ว เราฝากให้เธอไปรับคุณลีนด้วยนะคะ แล้วก็ เรื่องการกวาดล้างเผ่ามนุษย์… อ๊ะ เราลืมพูดเรื่องนี้ไปสนิทเลยค่ะ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เงื่อนไขการมอบ ‘ค่าตอบแทนหลังงานเสร็จ’ ก็ต้องเปลี่ยนด้วย ถ้าเธอกวาดล้างมนุษย์จนเรียบร้อยแล้ว เราจะคืนชีพให้ริงกะเลยค่ะ จนกว่าจะถึงวันนั้น ก็พยายามเข้านะคะ”

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดสินะคะ เรื่องสำคัญที่สุดนี่…

แต่ว่า นั่นสินะคะ บางที ถ้าฟรานกับทุกคนยังอยู่กัน อาจจะช่วยพาริงกะกลับมาได้ก็ได้

เยี่ยมไปเลย สุดยอดจริงๆ

 

เอาล่ะ ช่วงเวลาที่ทุกข์ระทม, เกลียดชัง และโศกเศร้า เราจะให้พวกแกได้ชดใช้ด้วยเผ่าพันธุ์ของพวกแกนี่แหละ เจ้าพวกมนุษย์

 

“…ด้วยเหตุเช่นว่า ฉะนั้นนับแต่นี้ไป เราจะเปลี่ยนนโยบายของกองทัพจอมมารอย่างสิ้นเชิง เราเน้นทำศึกตั้งรับมาโดยตลอด แต่พวกเราจะไม่ทนอีกต่อไป เราจะกวาดล้างเผ่ามนุษย์เสียให้สิ้น”

 

ในการประชุมผู้บริหารในวันถัดมา เราได้บอกเหล่าผู้บริหารถึงเรื่องที่เราได้รับฟังมาจากท่านอิซึสึ

รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ลีน บลัดลอร์ด แวมไพร์ที่รอดชีวิต ที่นัดหมายไว้ให้เทียน่าไปรับตัวเธอมาในอีก 1 สัปดาห์ เป็นหลานสาวของเรา

 

“แหม ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่ามิเนียจะมีลูกสาวแล้ว… เวลานี่ผ่านไปเร็วจริงๆ เลยน้า”
“เรื่องนี้ เดี๋ยวฉันไปแจ้งให้ท่านพี่ทราบด้วยนะคะ… แต่ ถึงขนาดที่ในที่สุด ท่านอิซึสึก็หมดหวังกับเผ่ามนุษย์เลยเหรอคะ ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าวันนี้จะมาถึง”
“ถ้าถามฉัน ฉันรู้สึกว่ามันออกจะช้าไปนิดนึงอยู่ดี แต่ยังไงก็เป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวมากเลย”
“นั่นสิ พวกมนุษย์ทุกวันนี้นี่ก็มองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังโลกใบนี้คงจะถูกทำลายแน่ๆ”

 

ดูเหมือนพวกเจ้าทุกคนจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ด้วยสิเหมือนกันนะ

นั่นสินะ มนุษย์ทุกวันนี้เองก็มีความศรัทธาต่อเทพธิดามิซารี่ที่บ้าคลั่งขึ้นทุกทีๆ ในแต่ละวัน

ผู้บริหารทุกคนที่ได้เห็นในสนามรบมาด้วยตาของตัวเองก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี

 

“แต่ว่า ท่านจอมมารครับ เรื่องผู้กล้าที่กำลังถูกทำให้กลายเป็นอาวุธนี่จะทำยังไงอย่างนั้นเหรอครับ?”
“พวกเราจะหารือถึงเรื่องดังกล่าวต่อจากนี้ ตามที่ท่านอิซึสึได้บอกกับเรา ต้องใช้เวลาอย่างเร็วที่สุด 3 ปีก่อนที่ผู้กล้าจะถูกส่งตัวออกมาในแนวหน้าได้ หากจะกระไร ก็จงทำให้เสียให้เร็วที่สุดจะเป็นการดีกว่า”
“จะไม่ให้ซากุระ เรน หรือเกรย์เป็นคนไปจัดการเหรอครับ?”
“แบบนั้นเป็นไปไม่ได้ ทั้งสามนั้นเป็นคนที่พวกมนุษย์เฝ้าระวังที่สุด จงพยายามอย่านำเอาทั้งสามมามีส่วนในภารกิจนี้จะดีเป็นที่สุด หากว่า [ผู้กล้า] ทุ่มเทกำลังทั้งหมดของตนเพื่อหลบหนีแทน แม้นแต่ 3 อันดับสูงสุดของกองทัพจอมมารก็ไม่อาจทำกระไรได้”
“ข้าจะไปเอง!”
“รูส เงียบปากของเจ้าเสีย”

 

หลังจากนั้น เราก็ปรึกษาแผนอื่นๆ ต่อกับเหล่าผู้บริหารคนอื่นๆ นอกจากรูสที่ซึมไป แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปใดๆ ที่เป็นชิ้นเป็นอันมาเลย

 

และแล้ว เวลาก็ผ่านไป 1 สัปดาห์

 

ทั่วทั้งตัวเราสั่นไปหมดจากอาการเกร็งปริศนามาซักพักใหญ่แล้ว

จริงสิ… วันนี้ เป็นวันที่เราจะต้อนรับลีน หลานสาวของเรานี่นะ

 

“……ท่านจอมมาร ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
“ค- คิดว่าจะใจเย็นได้ฤอย่างไรกัน! หากว่าเป็นเจ้าที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเรา เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังคงประคองสติให้เยือกเย็นอยู่ได้อย่างนั้นฤ!? อย่าได้มองโลกเป็นอุดมคติเช่นนั้นเชียว!”
“…………อ่า เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ”
“ใช่ไหมเล่า!?”

 

ตั้งแต่ที่เราส่งเทียน่าออกไปรับ ตัวก็ไม่หยุดสั่น เหงื่อกาฬเองก็ไหลไม่หยุด

เราควรจะทำยังไงดี จะบอกไปเลยว่าเราคือยายของเธอจะดีมั้ย ไม่ไหวหรอก เรากลัว

ถ้าเกิดเราถูกปฏิเสธเข้าจะทำยังไงดี นั่นคือสิ่งที่เราคิดวนไปวนมาอยู่ในหัวมาตลอดเลย

 

‘ท่านจอมมารคะ ดิฉันพาตัวท่านลีนมาเรียบร้อยแล้วค่ะ โปรดเชื่อมต่อมิติด้วยค่ะ’

“อุหวา!”
“………ไม่เอาน่า ท่านจะตื่นตระหนกเกินไปแล้วนะครับ… อุ๊ฟ”
“อารอน เจ้าน่ะ ครั้งต่อไปที่เจ้าหัวเราะ เราจะฝังเจ้าเข้าไปในกำแพงแน่นอน”

 

ตอนนี้ เรานั่งประจำที่ และเชื่อมต่อประตูระหว่างห้องแห่งจอมมารกับห้องรับรองแขกด้วยการเชื่อมต่อมิติ

ทันทีที่มันเปิดออก เราจะได้เจอหน้าหลานของเรา ที่เราจะได้เจอกันเป็นครั้งแรกแล้ว

ความคาดหวัง, ความกระวนกระวาย, ความยินดี, ความหวาดกลัว ภายในใจของเรากลายเป็นความปั่นป่วนของอารมณ์ที่ปนเปกันมากมายเหลือเกิน

และ ในที่สุด

 

“ขออนุญาตค่ะ ท่านจอมมาร”

 

ประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงของเทียน่า

ไม่แน่ใจเลยว่าหน้าของเราตอนนี้ดูมีบารมีดีแล้วหรือเปล่า

คงไม่คิดว่าเราเป็นจอมมารที่ดูประหลาดหรอกนะ

ระหว่างที่เราคิดอะไรแบบนั้น เทียน่าก็โค้งเคารพให้ ก่อนจะเดินเข้ามา

และ ด้านหลังของเธอนั่น

 

เด็กหญิงแวมไพร์ผมดำ ที่มีหน้าตาคล้ายกับมิเนียตอนยังเด็กอย่างมาก

ต้องเป็นเด็กคนนี้อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย

[เจ้าหญิงแวมไพร์] ลีน เด็กสาวหัวใสคล้ายกับริงกะกับมิเนีย ที่บอกกับท่านอิซึสึว่าตัวเธอไม่คู่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็น [แวมไพร์ลอร์ด] ได้ เธอจึงได้พลังของเผ่าพันธุ์ใหม่มาแทน

หน้าตาน่ารักจริงๆ เลย แต่ว่าภายในนั้น เรามองไม่พลาดไปแน่อน ยังมี… ความบ้าคลั่งชั่วขณะหนึ่ง ที่ราวกับจะสื่อว่า เธอจะทำลายล้างมวลมนุษยชาติเสียให้สิ้นไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม

 

…น่าดีใจจริงๆ

ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เราได้ยินมาเสียอีก

เด็กสาวอัจฉริยะที่ได้รับสมองชาญฉลาดจากริงกะ, ความสวยจากมิเนีย และพรสวรรค์จากเราอย่างนั้นหรือ

เมื่อเราได้สติอีกครั้ง ความเกร็งทั่วร่างกายก็หายไปหมดแล้ว

โล่งใจจริงๆ ที่ในที่สุด เราก็ได้เจอกับเธอซักที พอได้เจอหน้าเธอแล้ว เราก็ยินดีจนอาการเกร็งพวกนั้นหมดไป

และ เราก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว

เราเอ่ยเรียก ‘ครอบครัว’ คนสุดท้ายที่มิเนีย ลูกสาวของเรา เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเอาไว้

 

“…เจ้าคือ ลีน บลัดลอร์ด สินะ?”

 

TN: และ [บทศูนย์] นิทานที่ยาวนานของท่านจอมมารฟิลิสก็จบแล้วครับ บทสนทนาต่อจากนี้ก็คือตอนที่ 16 “องค์ที่ 2 ผู้กล้า – เจ้าหญิงแวมไพร์และจอมมาร” นั่นเอง
อดีตของท่านจอมมารเจ็บปวดไม่น้อยเลยนะครับ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไป ไฟแค้นของแต่ละคนได้มารวมกันเป็นกองไฟกองใหญ่ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เหล่าคนรุ่นใหม่จะสานต่องานแล้ว

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด