[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 162 องค์ที่ 6 ผู้กล้าเกิดใหม่ – เจ้าหญิงแวมไพร์และการล้างแค้น (3)

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 162 องค์ที่ 6 ผู้กล้าเกิดใหม่ - เจ้าหญิงแวมไพร์และการล้างแค้น (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 สถานการณ์ตอนนี้ คงเรียกได้ว่าสิ้นหวังล่ะมั้ง

พวกพ้องรวมกันมี 10 คน ถูกล้อมอยู่ด้วยคน 3 คน แต่ว่า คนที่ล้อมอยู่เนี่ยเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะงั้นไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางชนะได้หรอก

หนทางหลบหนีทั้งหมดถูกพรากไปไม่มีเหลือ แถมยังถูกปิดกั้นทุกทิศทางเลย

ก็ ฉันอยู่ฝั่งที่ล้อมอยู่ล่ะนะ ส่วนพวกที่สิ้นหวังก็คือพวกผู้กล้าที่อยู่ข้างในนั่นต่างหาก

 

“อาวล่ะ เอาล่ะ ทีนี้ จะเอายังไงดีนะ”
“…ลีน…คู่หู…ของเจ้า…เกิดอะไร…”
“ถ้าโยมิล่ะก็ กำลังรีบกลับไปเอาสมบัติศักดิ์ที่ปราสาทจอมมารอยู่ พอดี เธอลืมไว้ที่นั่นค่ะ”

 

นี่ใครเขาจะลืมสมบัติศักดิ์สิทธิ์กันได้ล่ะเนอะ?

ก็นะ โยมิที่ซุ่มซ่ามแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน

 

“…งั้น คุณเกรย์คะ ซากุระคุง ฉันมีธุระกับเจ้า 2 คนนั้นหน่อย เพราะงั้น ฉันฝากจัดการอีก 8 คนที่เหลือนั่นได้หรือเปล่าคะ ฉันคิดว่าเดี๋ยวโยมิก็ตามมาทีหลัง เพราะงั้น อย่างน้อยก็เหลือหัวของดูเก็นหรือฮัซซาร์ดไว้หน่อยก็แล้วกันนะคะ ส่วนผู้กล้ากับคณะ แล้วก็ลำดับที่ 8 นี่ จัดการได้ตามใจชอบเลยค่ะ”
“…ได้…เลย…”
“ร- รับทราบครับ!”

 

เอาล่ะ นี่แหละความต้องการของฉัน ทีนี้ก็ได้เวลาซะทีสินะ

เหมือนฉันจะได้ยินเสียงผู้กล้าตะโกนว่า ‘เดี๋ยวก่อน!’ อยู่นะ แต่ช่างมันเถอะ

ไม่ว่าจะฟังอะไรไป ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้กล้ารุ่นนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว

ถึงฉันจะรู้ว่าเจ้านั่นเป็นผู้กลับชาติมาเกิดก็เถอะ แต่พูดกันตามตรงนะ สำหรับฉันที่เกลียดมนุษย์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะมาจากชาติก่อนหรือชาตินี้ จะยังไงฉันก็ไม่สนหรอก

 

แถมยังมีเรื่องที่ดียิ่งกว่านั้นซะอีก

12 ปี 12 ปีที่ฉันเฝ้าฝันถึงเวลานี้มาตลอด

วันนั้น ฉันไม่มีพลัง ฉันไม่มีกำลังพอจะปกป้องคุณพ่อกับคุณแม่ และตอนนี้ ทั้ง 2 คนที่ฉันทั้งเกลียด ทั้งแค้น และตั้งเป้าหมายจะฆ่าฉันที่ยังอ่อนแอ พอๆ กับฉันในตอนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกมันนี่แหละ

 

 

 

“……ดีใจที่ได้เจอนะ อีดิธ ไม่ได้เจอกันนานนี่ นอยน์ พวกแก 2 คน ยังจำฉันได้หรือเปล่า?”

“ฮึก… จำได้แล้ว… เจ้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่นที่เราฆ่าไม่ได้ในวันนั้น…!! ในเวลานั้น เราไม่อาจส่งเธอไปอยู่กับแม่ของเธอได้…!”
“…อย่ามาเรียกชื่อของฉันห้วนๆ แบบนั้น ไอ้แวมไพร์โสโครก”

 

……เกือบไปแล้วๆ

เกือบจะเผลอฆ่ามันไปซะแล้วสิ คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าฉันจะปัดความต้องการฆ่าทิ้งไปได้ในเวลาสั้นๆ แบบนี้น่ะ

 

“นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากเรียกชื่อแกนักหรอก มันทำให้ฉันสะอิดสะเอียนน่ะ”
“……แก”
“แล้วก็ ไอ้ตัวโตที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างหลังนั่นน่ะ แกเข้าใจถูกแล้ว ฉันนี่แหละ แวมไพร์เด็กคนนั้นที่คุณแม่ช่วยให้หนีไปได้น่ะ บอกไว้หน่อยแล้วกัน พวกแกที่วางตัวเหมือนพวกสวะเมื่อก่อนหน้านี้น่ะ ศัตรูของคุณพ่อและเพื่อนพ้องของฉัน… นี่ แกคงรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าฉันมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”

 

พอฉันพูดออกมาแบบนั้น อีดิธก็พ่นลมออกมาทางจมูก

 

“อะไร? จะมาแก้แค้นหรือไง? ผู้รอดชีวิตจากเผ่าพันธุ์ปวกเปียกที่ล่มสลายไปแค่จากการบุกโจมตีเล็กๆ น้อยๆ เนี่ยนะ? ถ้าถูกเลือกมาเป็นขุนพลจตุเทวอสุราได้ก็คงแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแล้วล่ะสิ แต่คิดว่าแค่นั้นน่ะมันพอจะมาสู้กับฉันหรือไง?”
“…ฮะ? พูดอะไรของแก? แกรู้ใช่มั้ยว่าฉันซัดดูเก็นที่อยู่สูงกว่าแก 3 ลำดับซะเละไปแล้วน่ะ? ไปเอาความมั่นหน้าขนาดนั้นมาจากไหนล่ะนั่น?”
“คนขี้ขลาดแบบนั่นน่ะเป็นความน่าขายหน้าของมนุษยชาติ เหตุผลที่เขาแพ้ให้แก ก็เพราะว่าแกไล่เขาไปติดมุมด้วยวิธีขี้ขลาด แล้วก็ทึกทักเอาว่านั่นเป็นความสามารถของตัวเองน่ะเหรอ? ไม่อย่างนั้น มารชั้นต่ำอย่างแกน่ะไม่มีทางชนะ 12 อัครสาวกได้อยู่แล้ว”

 

……อ่า แบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว

ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าเผ่ามารน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและด้อยกว่าเผ่ามนุษย์จริงๆ เลยสินะ

คงมีทัศนคติแบบ เพราะว่าฉันเก่ง มนุษย์อย่างพวกฉันน่ะมีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด และฉันก็ยอมรับคำสอนของเทพธิดาอย่างไร้ข้อกังขา ประมาณนี้ล่ะมั้ง

ทั้งที่จริง พวกมันไม่ได้รู้เลยซักนิดว่ามารน่ะมีศักยภาพเหนือกว่ามนุษย์ไม่รู้เท่าไหร่

เพราะแบบนั้น แกเลยไม่ฟังคำพูดของดูเก็นหรือฮัซซาร์ดเลย แถมยังโง่ขนาดกล้าต่อกรกับขุนพลจตุเทวอสุราแบบนี้น่ะ

 

 

…หูวววววววว ฉันจะฆ่าแกแน่ ฆ่าแกแน่นอน

ฉันเกลียดพวกที่เอาความโง่เง่าของตัวเองมาอวดกลางธารกำนัลแบบนี้สุดๆ เลยล่ะ

 

“อั๊ก…… อีดิธ อย่าปรามาทเชียว…… กึก…… ไม่ว่าศัตรูจะมีแค่ไหน พวกเราก็ต้อง-……”
“หึ! แวมไพร์แค่ตัวเดียวน่ะ ฉันจัดการได้อยู่แล้ว นายนอยน์ จะอยู่ดูด้วยก็ได้นะ”

 

จากที่ลองส่องสเตตัสยัยนี่ด้วย ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ แล้ว

อาชีพเป็น [ราชันจอมดาบ] เหมือนกับโยมิเลย แต่ สเตตัสยังไม่ถึง 15,000 ดีด้วยซ้ำ

คิดว่าคนพรรค์นี้ จะชนะฉันที่สเตตัสเกิน 50,000 แถมได้เห็นกระบวนดาบของโยมิมาแบบถมเถได้หรือไง

…น่าตลกเป็นบ้า จะให้พูดอะไรได้ล่ะนอกจากน่าขำชะมัด

 

“…ฮุฮุ”
“มีอะไรน่าหัวเราะ? หรือนี่หัวเราะให้ชะตาที่ไม่อยากยอมรับของตัวเองหรือไง?”
“เหรอ? นั่นคือสิ่งที่แกคิดสินะ? …เอาเถอะ ไม่ต้องคิดมากหรอก จะเมื่อไหร่ก็เข้ามาได้เลย”
“ฉันก็คิดจะทำโดยที่แกไม่ต้องบอกอยู่แล้ว ท่านมิซารี่! โปรดมองดูด้วยนะคะ! บัดนี้ ดิฉัน อีดิธ จะกำจัดตัวตนที่บังอาจสังหารผู้กล้ารุ่นก่อนเดี๋ยวนี้ค่ะ!”

 

พอพูดพล่ามจบ อีดิธก็เอาอาวุธประจำตัวของเธอ ‘ดาบวิศุทธ์’ (ดาบสีขาว) โจมตีใส่ฉัน

ถึงมันจะเป็นเหมือนสมบัติศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่ด้อยกว่า แต่ก็มีความสามารถเกินพอล่ะนะ ดาบนั่นมีความสามารถในการเพิ่มพลังโจมตีเมื่อต่อสู้กับเผ่ามาร ฉันก็ ――――――!!

 

 

 

หยุดมันอย่างง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว

 

คีบด้วย 2 นิ้ว แล้วก็หยุดมันง่ายๆ แบบนั้นนี่แหละ

ถ้าพยายามแค่นั้นน่ะ ดาบมันก็ไม่หลุดไปจากนิ้วของฉันหรอกนะ

 

“…ฮะ? …บ- บ้าน่า!?”
“โอ๊ะโอ๋ เอ๊ะเอ๋ สงสัยจังว่ามันเป็นลูกเล่นหรืออะไรหรือเปล่าน้า… นี่ รู้ซึ้งหรือยัง? ความต่างชั้นระหว่างฉันกับแกน่ะ”
“ย- อย่ามาล้อเล่นน่า!! ปล่อย!!”

 

เอาเถอะ ฆ่าทิ้งไปทั้งๆ แบบนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ เพราะแบบนั้นฉันก็เลยยอมปล่อยมือออก

 

“ก- ก- แก……! แกเอามือโสโครกของแกมาจับดาบสุดที่รักของฉัน……! ยกโทษให้ด้วยก็แล้วกัน ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเองนี่แหละ!”
“บังเอิญจัง ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเลย คิดมาได้ 12 ปีแล้วล่ะ”
“ตายซ่าาาา!! เจ้ามารโสโครกกกกก!!!”

 

“นี่ เป็นอะไรไปล่ะ? ฉันเป็นแค่มารชั้นต่ำไม่ใช่หรือไง? นี่ เร็วสิ ฉันรอดูพลังของมนุษย์อยู่นะ ฉันยังไม่ได้ใช้เวทมนตร์เลยนี่ ใช่มั้ยนะ? นี่ นี่ นี่……… อ๊าฮะฮะฮะฮะฮ่า!! ซวยจริงๆ เลยนะแกเนี่ย~! แกยังรอดอยู่นี่ ก็แค่ทำอะไรไม่ได้เลยก็เท่านั้นเอง!! ไหนว่าจะสู้กับฉันอย่างเต็มกำลังไงหล้าาา!! อะฮะฮะฮะฮะ!! อ๊าฮะฮะฮะฮะฮ่า!!”
“อึก……!! ข- ขามัน… ดาบมัน…!”
“ขากับดาบมันทำไมเหรอ~? …อะ ฉันว่าฉันคงพับครึ่งพวกมันไปทั้งคู่แล้วสินะ!! แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย!! ขาขวากับมือซ้ายก็ยังอยู่ดีนี่? แค่นี้น่ะ มนุษย์ผู้สูงส่งก็สู้กับมารชั้นต่ำได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง? เร็วเข้า พยายามหน่อยสิ พยายามจะฆ่าฉันซักหน่อยสิ ทำไม่ได้หรือไง?”
“ย-… อย่าเหลิงให้มันมากนัก… อย่าง แกน่ะ… ฉัน ไม่มีทางแพ้…!”
“อุ๊ย มือลื่น”
“เอ๊ะ? …กุอ๊าาาาาา!?!?”

 

ทำไปจนได้น้า~

ดันเผลอทำมือลื่นไปทุบซี่โครงซะแตกเลย

แต่ ถ้าเลเวลสูงแบบนั้น โดนไปแค่นี้น่ะไม่ตายทันทีหรอก~ คงจะเป็นนรกแห่งความทรมานเลยน้า~

 

“อะ กึก อะ อัก… จ- เจ็บ -บ…ช- -ย…”
“ให้ตาย เข้าใจแล้ว~ ซี่โครงหักคงเจ็บสิน้า~ แค่หายใจก็เจ็บปอดแล้วสิน้า~ แค่จะมีชีวิตอยู่ก็ยากแล้วสิน้า~”

 

ก็ ไม่ใช่ว่าฉันเคยเจอมาเองหรอก มันเคยมีครั้งนึงที่ฉันทุบซี่โครงของเจ้าคนที่มันทำให้ฉันหงุดหงิดมาก่อนหน้านี่ ก็เลยสัมภาษณ์ความรู้สึกของมันมาล่ะนะ

 

“เร็วเข้าๆ สู้ๆ น้า~? เจ็บก็ทนเอาสิ ฟันฉันซะเลยสิ… โอ๊ะ ดาบหักอยู่นี่นะ งั้น ก็ลองทุบฉันซะหน่อยสิ~ อาจจะได้ผลก็ได้น้า~? ถึงสเตตัสจะต่างกันเกิน 3 เท่าก็เถอะ แต่ก็อาจจะมีพลังจากแรงฮึดในยามจวนตัวขึ้นมาก็ได้น้า~ เอ๊า! เร็วซี่! เธอไม่มีทางแพ้กับอีแค่แวมไพร์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้น พยายามเข้าน้า♡ สู้ๆ♡”
“ฮึก… ย- หยุ- -ด… อ- ภัย…”

 

อะไรของยัยนี่เนี่ย ชักจะทำฉันกังวลแล้วสิ ท้าจะสู้กับฉันแบบมั่นหน้ามั่นโหนก แล้วตอนนี้มาอ้อนวอนขอชีวิตในตอนท้ายแบบนี้เนี่ยนะ?

…แต่ ยังไงก็เถอะ ฉันไม่ได้รู้สึกแย่หรอก

ผู้หญิงที่ฆ่าพ่อ อ้อนวอนขอชีวิตจากลูกสาวของเขาอย่างหน้าไม่อายงั้นเหรอ… แบบนี้เอง ถ้าคิดแบบไม่มีอคติก็เป็นสถานการณ์ที่ดีไม่เลวเลยนี่เนอะ

 

“…{เกรทเตอร์ฮีล (ฟื้นฟูระดับสูง)}”
“ฟุฮ่า!? …หะ …หะ …ค- คิดจะ ทำอะไร…”
“เอ๊ะ? ก็แค่ซ่อมให้ จะได้ทุบใหม่อีกรอบได้ไง?”
“อุ……!?”

 

อ่า ไฟสู้ไม่เหลือเลยนะเนี่ย

สั่นไปหมดทั้งตัวเลย จะลองพยายามหนีก็ได้นะ เพราะแกโดนฉันซัดกระเด็นมา แถวนี้ก็เลยไม่มีพรรคพวกของแกอยู่เลยซักคน อยู่คนเดียวแบบนี้น่ากลัวเน้อ~ เอาเถอะ คนที่แกกลัวก็คือฉันนี่น้า~

 

“นี่ ไม่อยากตายงั้นเหรอ?”

 

เพราะงั้น ฉันก็เลยหยิบยื่นความหวังเล็กๆ ให้

 

“ฉ- ฉันไม่อยากตาย! ขอร้อง! ข- ขอโทษที่ว่าแกอ่อนแอ! ยอมรับแล้วว่าฉันดูถูกแกไป! เพราะงั้น…”
“งั้นก็ตอบคำถามมา ถ้าไม่ตอบ หรือโกหก แกก็จะได้เป็นกระสอบทรายจนกว่าแกจะพังนั่นแหละ ฉันจะทุบแกไปจนชั่วชีวิตของแกเลย ก่อนจะช่วยใช้เวทฟื้นฟูให้แกคืนสภาพมาพร้อมโดนทุบใหม่ซะ”
“ฮึก… ข- เข้าใจแล้ว! ฉันจะพูดทุกอย่างที่ฉันรู้เลย! เพราะงั้น…”

“ร่างของคุณพ่อฉัน อยู่ที่ไหน?”

 

12 ปีก่อน ยัยนี่ฆ่าแวมไพร์ไปเยอะมาก

ร่างส่วนมากถูกฉันฝังไปเรียบร้อยแล้ว… แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามจะหามากแค่ไหน ก็ไม่เจอร่างของคุณพ่อที่ไหนเลย

ฉันมาได้ยินทีหลัง ว่าเวลาที่พวกมนุษย์ฆ่ามารชนชั้นปกครองได้ พวกมันจะเอาร่างของพวกเขากลับไปเพื่อประจานกลางที่สาธารณะด้วย

พูดอีกอย่างคือ มีโอกาสสูงมากเลยที่ร่างของคุณพ่อจะถูกนังนี่ลักมา

 

“ค-……คือ ว่า…”
“ตอบมาเร็วๆ”
“ช- ชายคนนั้น… ถูกขนมาที่เทวนคร… แล้วก็ประจาน ล- แล้ว…”
“แล้ว?”

“ส- ส่งไป ท- ที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์… ป-… ไปที่ โรงเผา… ขยะ…”

 

*ผึ่ง*

และนั่นคือจุดสิ้นสุดของสติของฉัน

 

รู้ตัวอีกที มือของฉันก็แดงชุ่มไปหมด แดงขึ้นมาถึงต้นแขนเลย

 

“หือ นี่ฉัน…”

 

พอรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่ที่พื้น แล้วก้มลงไปมอง

 

“…อุหวา อะไรเนี่ย!? น่าขยะแขยงชะมัด!?”

 

ฉันมาเห็นว่าตัวเองนั่งทับอยู่บนอะไรซักอย่างเละๆ ที่เป็นสีแดงไปหมด

นี่อะไรล่ะเนี่ย? สีแดงนี่เป็นเลือดสินะ? แล้ว ที่มือฉันนี่ก็เหมือนกัน งั้นนี่…

 

“…อา นี่คืออีดิธเหรอ”

 

ดูเหมือนว่า ฉันจะขาดสติจนทุบยัยนี่จนตายเลยสินะ

ฉันทำลงไปจนได้ อุตส่าห์คิดวิธีทรมานยัยนี่ไว้ตั้ง 17 วิธีก่อนจะฆ่าแท้ๆ

คุณพ่อ… แกกล้าดียังไง ถึงได้โยนร่างของคุณพ่อที่รักของฉันทิ้งเหมือนเป็นขยะชิ้นนึงน่ะ ไอ้พวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำยิ่งกว่าเศษสวะ

ดูเหมือนนั่นจะทำเอาฉันเสียความมีเหตุผลไปหมดเลย

 

แต่ ยังไงก็เถอะ

ในที่สุด ฉันก็… แก้แค้นให้คุณพ่อได้แล้วสินะ

 

คุณพ่อของฉัน เรเซอ บลัดลอร์ด

ท่านเป็นราชาแวมไพร์ที่ได้รับความเคารพรักจากทุกคนในหมู่บ้าน ถึงท่านจะดูเป็นคุณพ่อที่บ๊องๆ ไปบ้าง แต่ท่านก็เป็นคนที่ไม่มีใครมาแทนได้เลยสำหรับฉันน่ะ

 

“…คุณพ่อ ดูฉันอยู่หรือเปล่าคะ?”

 

หลังจากที่ฉันปล่อยตัวเองจมไปกับความรู้สึกอยู่ซักพัก… ก่อนจะรู้ตัวว่านี่มันยังไม่ใช่เวลา

 

“อ๊ะ! แย่แล้ว! เจ้านอยน์กับผู้กล้าล่ะ!!”

 

เผลอหมกมุ่นอยู่กับยัยอีดิธเกินไปจนได้! ต้องรีบกลับไปแล้ว!

 

 

 

พอฉันกลับมาด้วยความเร็วสูง ความแปลกประหลาดตรงหน้าก็กระจายไปทั่วบริเวณเลย

อย่างแรกสุดเลย น่าตกใจมาก ยังไม่มีใครตายเลยซักคน

พวกผู้กลับชาติมาเกิด นอยน์ แล้วก็ลำดับที่ 8 เลนัวร์ ยังถูกขังอยู่ในบาเรียของซากุระคุง ส่วนฮัซซาร์ก็พยายามจะพังบาเรียนั่นด้วยสภาพที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง

 

ส่วนพอดูที่ดูเก็น… เพราะอะไรไม่รู้ เจ้านั่นถึงได้ดูแข็งแกร่งอย่างผิดจากตามปกติเลย

ดูแค่สเตตัสเฉยๆ ถ้าสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 เจ้านี่อยู่ในระดับที่สูงกว่าขุนพลจตุเทวสุราซะอีก แต่พลังชีวิตของเจ้านั่นกลับหายไปไม่หยุด ยังกับว่ามันสวนทางกับศักยภาพร่างกายที่พุ่งสูงนั่น

ในหน้าต่างสเตตัส มีสถานะแปลกๆ ที่ดูผิดปกติ เรียกว่า [ปาฏิหาริย์แห่งเทพธิดา] อยู่ด้วย

 

…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?

 

โน้ตจากผู้แต่ง : ทุกคนสังเกตหรือเปล่าว่ามันแทบไม่มีฉากต่อสู้เลย?
ฉันอยากจะเขียนมาตลอดเลยน่ะ ให้อัศวินสาวคนนี้ ร่วงลงไปใน 2 ช่อง ‘แบบประโยคบรรยาย’ น่ะ
ผู้แต่งอย่างฉันพอใจกับประสบการณ์อันเจ็บปวดนี่สุดๆ ไปเลย

 

TN: มาอย่างสิงห์ แต่ตายอนาถยิ่งกว่าหมาซะอีก

(สมน้ำหน้า)

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด