[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 1 องค์ที่ 1 เจ้าหญิงแวมไพร์ – เด็กสาวแวมไพร์และการมาเกิดใหม่

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 1 องค์ที่ 1 เจ้าหญิงแวมไพร์ - เด็กสาวแวมไพร์และการมาเกิดใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ลีนจัง! มาเล่นกันเถอะ!”

“รอก่อนนะ! ฉันกำลังไปแล้ว!”

 

เสียงที่ร่าเริง 2 เสียงดังสะท้อนไปทั่วหมู่บ้านของเผ่าแวมไพร์ ทั้งคู่นั้นเป็นของเด็กผู้หญิง หนึ่งในนั้นก็คือเสียงของฉันเอง

ก่อนที่จะออกไป ฉันก็ดูกระจกอีกครั้งเพื่อให้สภาพของฉันยังดูดีพร้อมออกจากบ้านมั้ย

 

ภาพในกระจกนั้นเป็นเด็กผู้หญิงอายุราว 5 ขวบ ใช่แล้ว นั่นคือฉันเอง ฉันเกิดมาพร้อมตาสีแดงและฟันคู่อันเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของแวมไพร์ ผมสีดำยาวประบ่า สวมชุดสีดำที่ใส่สบาย ฉันมั่นใจว่าเธอต้องโตไปผู้หญิงสวยแน่ๆ ซึ่งถ้าให้ฉันพูดแล้ว ฉันก็มีใบหน้านั้นของคนในกระจกนั่นเอง

หลังจากที่ตรวจเช็คเรียบร้อยแล้วว่าสภาพพร้อมออกสู่ภายนอก ฉันก็เปิดประตูออกจากบ้านไป วันนี้มีดวงจันทร์ครึ่งดวงสวยงาม เป็นบรรยากาศที่เหมาะจะออกไปเล่นกันมากๆ

 

“ขอโทษที่ให้รอนะ!”

“ไม่เป็นไร! ไปกันเถอะ ลีนจัง!”

 

และพวกเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองใหญ่ไปในยามราตรี

ไม่สิ มันอาจจะฟังดูแปลกที่ฉันใช้คำแบบนี้ แต่เพราะแวมไพร์สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ยินทั้งกลางวันและกลางคืน มันจึงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ใช่มั้ย?

ฉัน “ลีน บลัดลอร์ด” มีความทรงจำจากชาติก่อนอยู่ ฉันมีความทรงจำของคนที่มีชื่อว่า “เซนโจ โยนะ” ที่เคยมีชีวิตอยู่ที่โลกอื่น ฉันถูกฆ่าจากอุบัติเหตุ แต่ก็มีเทพผู้ใจดีได้นำวิญญาณของฉันมา และช่วยให้ฉันไปเกิดใหม่พร้อมกับความทรงจำจากชาติก่อน

แต่ ชาติที่แล้วของฉันมันไม่มีอะไรดีเลย เพราะงั้นฉันก็จะลืมๆ มันไปละกัน

ยังไงก็ตาม ฉันเพิ่งจะระลึกชาติได้เมื่อไม่นานนี่เอง ประมาณปีก่อน เมื่อตอนวันเกิด 4 ขวบของฉัน จู่ๆ ฉันก็เกิดได้ความทรงจำนี้มา ฉันคิดว่าคงเป็นความเห็นอกเห็นใจจากท่านอิซึสึที่ทำให้ฉันไม่ต้องทนผ่านช่วงเป็นทารกมาสินะคะ ขอบคุณมากค่ะ ท่านเทพชั่วร้าย

ยังไงก็ตาม แม้ว่าฉันได้ความทรงจำจากชาติก่อนมา ตอนนี้ฉันก็เป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในวัยกำลังซน ฉันโตพอที่จะเล่นซ่อนหา เล่นไล่จับ หรือเล่นสมมติว่ากันแล้ว สมองของฉันยังไม่เจริญต่อจากชาติก่อน  ทำให้ฉันสนุกมากกับการเล่นอะไรแบบนี้

แม้บางครั้งฉันก็รู้สึกเขินๆ ตัวเองที่อายุเกิน 20 ไปแล้วยังมาเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่ แต่ตอนนี้ก็ช่างเรื่องนั้นไปก่อนก็แล้วกัน

“กลับมาแล้วค่า!”

“ยินดีต้อนรับกลับจ้า ลีน ตัวลูกนี่…เปื้อนโคลนไปทั้งตัวเลยนะ”

 

นี่เป็นเรื่องปกติ ก็ฉันเพิ่งจะไปเล่นไล่จับกับพวกเด็กๆ ข้างบ้านมา (ถึงฉันจะรู้สึกว่าการนับว่าแวมไพร์จะต้องมาเป็น [ยักษ์] ไล่แปะมันจะแปลกๆ ก็เถอะ) ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวอันสวยงามของฉัน แน่นอนว่ามันเลยทำให้ตัวฉันดูไม่จืดเลยทีเดียว

 

“ตอนนี้ ลูกไปเอาน้ำร้อนเช็ดตัวก่อนนะ…โถ่ เสื้อผ้าลูกเลอะคราบเต็มไปหมดเลย ถึงจะใส่ชุดดำไว้ทำให้เห็นคราบได้ไม่ชัดแล้วก็เถอะ แต่มันก็มีขีดจำกัดนะ แม่ล่ะสงสัยจริงๆ ว่าไปเล่นอะไรกันมาถึงได้เลอะเทอะขนาดนี้”

 

ผู้หญิงที่กำลังบ่นจู้จี้อยู่ตอนนี้คือ “มิเนีย บลัดลอร์ด” เป็นคุณแม่ของฉันในชาตินี้ เธอเป็นคนที่สวยมาก ถ้าเทียบแค่หน้าแล้ว ฉันว่าแม่สวยพอๆ กับท่านอิซึสึเลย ถึงจะขี้บ่นไปหน่อยก็เถอะ

แถม หน้าอกของแม่ยังสุดยอดไปเลย ฉันคิดว่าแบบนี้คงเทียบได้กับ ‘เมล่อน’ แน่เลย

…ชาติก่อนฉันมีแค่ระดับ ‘เชอร์รี’ เท่านั้นเอง

ระหว่างที่ฉันคิดอะไรบ้าบออยู่ในหัวอยู่นั้น ก็มีชายตัวใหญ่มายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน

แต่ก็ไม่ใช่คนน่าสงสัยที่ไหนหรอก

 

“คุณพ่อ!”

“ฮ่า! ลีน พ่อกลับมาแล้ว…ว้าว สุดยอดเลยนะ เลอะไปทั้งตัวเลย นี่ลูกไปเล่นอะไรกันมาเนี่ย?”

 

ชายที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่น่าเคารพครึ่งนึง ตกตะลึงครึ่งนึงคนนี้คือ “เรเซอ บลัดลอร์ด” เขาคือคุณพ่อของฉันในชาตินี้นั่นเอง

นอกจากนั้น เขายังเป็นหัวหน้าเผ่าแวมไพร์ หรือจะบอกว่าเป็นราชาแห่งแวมไพร์ก็ได้ เหตุผลที่พ่อไม่ให้คนอื่นเรียกตัวเองว่าราชานั่นง่ายๆ เลย เพราะจำนวนคนที่พ่อคอยดูแลนั่นน้อยเกินกว่าที่พ่อจะรู้สึกว่ามันเหมาะที่จะใช้คำว่าราชา หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพียงหมู่บ้านแห่งเดียวของเผ่าแวมไพร์ มีประชากรอยู่เพียง 300 ตนเท่านั้น ส่วนแวมไพร์บางตนที่ออกไปอยู่นอกหมู่บ้านน่าจะน้อยมากจนนับได้ด้วยมือข้างเดียว เพราะฉะนั้นแม้จะนับรวมแวมไพร์กลุ่มนั้นเข้ามาแล้ว ก็ยังไม่ใช่จำนวนมากพอที่จะเรียกตัวเองว่า “ข้าคือราชาแห่งแวมไพร์” ได้

เขาเป็นชายน่าสงสารที่เคยไม่ได้รับการปฏิบัติแบบราชา นั่นแหละ พ่อฉันเอง

“พรุ่งนี้จะเป็นวันเกิด 5 ขวบของลีนแล้วสินะ”

 

พ่อของฉันพึมพำขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังทานมื้อเช้าอยู่ (สำหรับมนุษย์อาจจะเรียกว่ามื้อเย็นมากกว่า) ใช่แล้ว พรุ่งนี้เป็นวันเกิดครบ 5 ขวบของฉัน ก็จะครบ 1 ปีที่ความทรงจำจากชาติก่อนของฉันกลับมาพอดี

 

“ลีนอายุ 5 ขวบแล้ว…เร็วจริงๆ เลยนะคะ หวังว่าท่านอิซึสึจะอวยพรให้เรากับ [การตื่นของความสามารถ] ของลูกด้วยนะ”

“อื้อ! หนูตั้งตารอมันสุดๆ เลยค่ะ!”

 

[การตื่นของความสามารถ] จะถูกมอบให้จากเทพสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 5 ปีเพื่อเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชีวิต โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือเผ่ามารก็ตาม พูดง่ายๆ มันก็คือ [สเตตัส] นั่นแหละ

ใช่ค่ะ ในโลกนี้ สเตตัสไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ตลอดเวลา 5 ปีในวัยเด็กนั้น เราจะยังไม่มีสเตตัส เลเวลของเราจะไม่เพิ่มขึ้น ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ หรือความสามารถก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้เช่นกัน ดังนั้น สำหรับในโลกนี้ที่มีสเตตัสอยู่ การกล่าวว่าชีวิตนั้นเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 5 ขวบนั้น ก็ถือว่าไม่ผิดนัก

อา แต่ฉันไม่คิดว่าท่านอิซึสึเป็นผู้มอบสเตตัสให้หรอก ก็เป็นแค่การแสดงพรสวรรค์ของแต่ละบุคคลออกมาให้เห็นได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายเท่านั้นเอง แต่ฉันคงไม่พูดเรื่องนี้ออกไปหรอก

 

“ลูกจะได้รับพลังอะไรกันนา? จะเป็นนักบุญระดับสูงแบบเธอมั้ยนะ?”

“อาจจะเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหมือนคุณก็ได้นะคะ”

 

พ่อกับแม่คุยกันอย่างครื้นเครง นี่ถ้าฉันไม่มีพลังอะไรเลยจะเป็นยังไงเนี่ย…

เอาเถอะ ฉันไม่กังวลเท่าไหร่หรอก เมื่อชาติก่อน…หรือจากที่ฉันจำได้จากที่ท่านอิซึสึบอกฉันระหว่างที่อยู่ในช่วงโลกหลังความตาย

 

“…แม้ว่าเธอจะไม่มี [คุณสมบัติของผู้กล้า] แต่เธอก็แข็งแกร่งมาก มากเสียจนสามารถเหนือกว่าผู้กล้าทั่วๆ ไปได้เลย…”

 

ถ้านั่นเป็นความจริง ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ก็คงไม่ผิดไปจากที่คาดหรอก

ไม่สิ เอาจริงๆ ขอให้มีพลังตื่นจริงๆ ด้วยเถอะนะคะ

ถ้าเป็นไปตาม ‘การเกิดใหม่ที่ต่างโลก’ ตามมาตรฐานละก็ คนขี้แพ้มักจะได้พลังขั้นโกงและขึ้นมาเป็นระดับท็อปของโลกได้ คือ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงก็ได้มั้ง

เมื่อฉันเตรียมพร้อมจะกลับไปที่ห้องของฉันเพื่อจะไปนอน ฉันก็คิดถึงการตื่นของความสามารถในวันพรุ่งนี้…จู่ๆ ตัวตนก่อนของฉันก็เข้ามาในความคิดของฉัน

ในชาติก่อนของฉัน ฉันไม่มีเพื่อนซักคน แถมยังถูกรังแก แต่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เลย ฉันเคยมีชีวิตที่อาภัพสุดๆ พ่อแม่ก็บ้างานและไม่ให้ความสนใจกับฉันเลย สิ่งเดียวที่ยังคอยช่วยให้ฉันดำเนินชีวิตไปอยู่ได้คือเจ้าแมวที่ฉันเลี้ยงไว้ โยมิ

แต่ชีวิตที่ฉันมีในชาตินี้ล่ะ ฉันมีเพื่อนที่สนิทมาก มีคุณพ่อคุณแม่ที่รักฉันและแข็งแกร่ง และอาจจะได้มีพรสวรรค์ระดับสูงด้วย มันช่างต่างจากชาติก่อนของฉันสุดๆ

นั่นแหละที่ทำให้ฉันตัดสินใจ ฉันจะต้องปกป้องชีวิตอันสุขสงบครั้งนี้ไว้ให้ได้ ฉันจะปกป้องคุณพ่อ คุณแม่ และเพื่อนๆ ทุกคนเอาไว้ให้ได้

ระหว่างที่สาบานอย่างหนักแน่นอยู่ในใจนั้น ฉันก็ปิดผ้าม่านที่หน้าต่างเพื่อกันแสงจากฟ้าสว่างภายนอก ก่อนจะมุดตัวเองเข้าไปในเตียง ไม่ช้า ความง่วงที่ไม่อาจต้านทานก็เข้าครอบงำกัน พอฉันเข้าสู่ห้วงความฝันไปอย่างช้าๆ

 

TN: เรื่องนี้เป็น Slice of Life แหละ ^^

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด