[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 20 องค์ที่ 2 ผู้กล้า – อดีตของผู้กล้า

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 20 องค์ที่ 2 ผู้กล้า - อดีตของผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลังในตัวของฉันถูกสูบออกไปจนไม่มีเหลือ แม้แต่ปลายนิ้วตัวเอง ฉันก็ขยับไม่ไหว

สิ่งต่อไปที่ฉันรู้สึกคือ ฉันมองไม่เห็นอะไร และรู้สึกได้ว่ามี ‘บางอย่าง’ กำลังไหลออกไปจากตัวฉัน

 

“เฮ้! ตื่นได้แล้ว! ไอ้ผู้กล้าหน้าโง่! เห้ย! นี่แกฟังฉันยะ-… อ๊ะ เห้ย! ไอ้เจ้านี่มันไม่หายใจแล้วหว่ะ!”

“หา! ว่าไงนะ! เห้ย เห้ย เห้ย! นี่เมื่อกี้ฉันเผลอตีมันแรงไปหรือไงวะ? ชิบ ซวยละ…”

“ไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้วเว้ย! ไปตามท่านเกลมาเร็ว! ด่วนเลย!”

 

พอได้ยินอะไรแบบนั้น ฉันก็โล่งใจ

ทีนี้ ฉันก็หลุดพ้นจากนรกนี่แล้วสินะ ในที่สุดฉันก็ได้ตายซักที

ฉันได้ตายระหว่างที่ยังรู้อยู่ว่าตัวเองเป็นใคร… ระหว่างที่สติของตัวเองยังไม่พังทลาย… ระหว่างที่ฉันยังคิดได้ตามปกติอยู่…  

 

แปลกจัง เหมือนมีอะไรไหลเข้ามาในหัวฉันเลย

นี่มัน… ตัวฉัน ก่อนจะได้เป็นผู้กล้าสินะ?

ความทรงจำที่ฉันเคยมีผุดขึ้นมาในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของฉัน…  

 

ฉันเกิดมาในหมู่บ้านไร้ชื่อแห่งนึง ในเขตชนบทที่ห่างไกลจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ เมอร์คิวเรียส

พ่อกับแม่ของฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา สิ่งที่เดียวที่ต่างออกไปก็คือ พวกเขามีลูกสาวที่สวยผ่าเหล่าผ่ากอ ขนาดพ่อแม่ยังแปลกใจว่าเธอไปได้ส่วนไหนจากพวกเขาไปกันถึงได้สวยขนาดนี้

 

ไม่ใช่ฉันหรอก พี่สาวฉันต่างหาก

พี่สาวของฉัน แก่กว่าฉัน 2 ปี ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งสวยขึ้นไปตามวัย

ยิ่งไปกว่านั้น พอพี่ได้สเตตัสระดับสูงจาก [การตื่นของความสามารถ] เมื่อตอน 5 ขวบ ทำให้ทั้งพ่อทั้งแม่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

 

และแน่นอน ความรักของพ่อแม่ก็เทไปให้พี่แทบทั้งหมด… ฉันถูกทำเสมือนว่าไม่มีตัวตนอยู่ด้วยซ้ำ

แต่ฉันก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนั้นหรอก

บางคนในหมู่บ้านยังใจดีกับฉันอยู่ ส่วนมากก็เป็นนคนที่ไม่ค่อยได้คุยกับพ่อแม่ฉัน พวกเขาเลยไม่ค่อยใจร้ายกับฉันเท่าไหร่

ถึงฉันจะเสียใจที่พ่อแม่ไม่เห็นหัวฉันเลยก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่ได้จำเป็นต้องอยู่กับพวกเขาล่ะนะ

 

จุดหักเหในชีวิตมาถึงในงานวันเกิดอายุ 5 ขวบของฉัน

 

“เธอเพิ่งได้รับการฉลองให้กับวันเกิดอายุครบ 5 ปีของเธอ ยินดีด้วย! ด้วยเหตุนี้ เราจะมอบสเตตัสให้เธอในฐานะของขวัญจากเทพ”

 

จากคำพูดประโยคนี้ที่ฉันได้ยินมาพร้อมกับเสียงแตรประโคม [ความสามารถ] ของฉันก็ตื่นขึ้น

ฉันยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่เลย มันรู้สึกแปลก เหมือนตัวเองไม่เป็นตัวเองอีกตัวไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวอะไรเลย เหมือนได้เติมเต็มตัวเองด้วยพลังมากมาย

นับตั้งแต่นั้นแหละ ที่ความเลวร้ายทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตฉัน

ดูเหมือนพ่อแม่จะเอา [สเตตัส] ของฉันไปอวดให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ ก็เลยมีคนมากมายมาดูสเตตัสของฉัน

ฉันยังไม่เข้าใจความพิเศษของมันเลย มันระบุไว้ว่าเลเวล 1 และก็มีเลขอื่นๆ อยู่ด้วย… ที่นอกจากเลขหลังเลเวล ฉันไม่เห็นเลขตัวไหนที่ต่ำกว่า 100 เลย แต่… แล้วมันมีอะไรน่าดูจนต้องยกโขย่งกันมาทั้งหมู่บ้านเพื่อมาแค่ดูตัวเลขพวกนี้ของฉันด้วยนะ?

 

แล้วชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พ่อกับแม่เริ่มยิ้มให้ฉัน หัวเราะให้ฉัน และฉันก็รู้สึกเหมือนทุกคนในหมู่บ้านก็ยิ้มแย้มกันด้วยเหมือนกัน

ฉันว่ามันแปลกๆ แต่ตราบที่ทุกคนยังยิ้มกันได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

พี่สาวคนเดียวของฉันที่ไม่ได้รับการปฏิบัติเป็นเจ้าหญิงอีกแล้วก็เริ่มมารังแกฉัน แต่เธออ่อนแอเกินไป ฉันก็เลยไม่สนใจมันเท่าไหร่

แต่เวลาแบบนี้ก็อยู่ได้แค่เดือนเดียว

 

หลังจากผ่านวันเกิดฉันมา 1 เดือน มีอัศวินหลายคนเดินทางมาจากตัวเมือง

ดูเหมือนพวกเขาจะมาตามหาฉัน เห็นว่านักทำนายที่ปราสาทจะพบตัวฉัน

 

“เธอคือเด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมคุณสมบัติของผู้กล้า มากับพวกเราเถอะ พวกเราจะปราบปรามเผ่ามารให้สิ้นด้วยกัน”

 

อัศวินพวกนั้นบอกกับฉันแบบนี้

แต่ฉันไม่ชอบแบบนั้นเลย ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า ฉันไม่ต้องการจะมีคุณสมบัติของผู้กล้านั่นซักหน่อย ฉันก็แค่อยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดไป

และใช่แล้ว เมื่อฉันไปบอกกับพ่อแม่แบบนี้…

 

“แกพูดอะไรของแกฮะ! แกจะช่วยท่านมิซารี่ กำจัดพวกเผ่ามารนั่นที่ท่านเกลียดชังเลยนะ!”

“จริงด้วย! ไปซะ! ถ้าแกไม่ไป ฉันนี่แหละจะจับแกโยนออกไปจากหมู่บ้านเอง!”

 

 

ด้วยคำพูดแบบนี้ของพ่อกับแม่ ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไปรับหน้าที่เป็นผู้กล้าที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์

 

คืนนั้น ก่อนที่ฉันจะออกเดินทางไปยังเมืองหลวง ฉันรู้สึกร้อน ก็เลยลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหาน้ำกินซักแก้ว

ตอนนั้นฉันก็แอบเห็น พ่อกับแม่ ทั้งคู่ยังตื่นกันอยู่ แล้วก็มี ‘อะไรบางอย่าง’ สีทองจำนวนมากกองอยู่ท้วมโต๊ะ… พวกเขาดูมีความสุขมาก ทั้ง 2 คนต่างหัวเราะให้กันระหว่างที่จ้องมองของพวกนั้น

ฉันได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ว่าพวกเขาคุยอะไรกันอยู่ บางคำที่ฉันพอจะจับได้ ก็มีอย่าง ‘ปล่อยไปตามยถากรรม’, ‘เป็นเกียรติ’, ‘ออกไปสนุกกับชีวิต’ หรืออะไรพวกนั้น

 

เข้าใจละ ที่แท้พวกเขาก็ขายฉันไปแล้วนี่เอง

ฉันรู้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนฉันเป็นตุ๊กตาที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเผ่ามาร พ่อแม่เลยแลกฉันกับเงินพวกนั้น

 

วันที่ฉันกำลังจะเดินทางไปยังตัวเมือง ฉันเลือกจะออกไปทักทายกับพวกผู้คนในหมู่บ้านก่อน

พวกเขาบอกฉันว่าพวกเขาจะคิดถึงฉัน และพวกเขาเสียใจ

แต่สายตาพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างคำที่พูดนั่นเลย

เขามองที่ฉัน ด้วยสายตาเหมือนกำลังมองไปยัง ‘สิ่งของมีค่า’

 

อ่า… จริงด้วยสินะ คนพวกนี้คงได้เงินจากพวกอัศวินมาเหมือนกันแน่เลย

ทุกคนขายฉันแลกกับเงิน เหมือนกับเป็น ‘สิ่งของ’ ชิ้นนึง

สุดท้าย ฉันก็ไม่มีที่ในหมู่บ้านแห่งนี้อีกแล้ว…  

 

และตัวฉัน ที่อย่างน้อยในตอนนั้นก็ยังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กำลังรู้สึกเสียใจและอาลัยกับเรื่องที่ต้องจากหมู่บ้านไป และต้องออกเดินทางไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์

 

และฉันก็ได้ลิ้มรสชาติของนรกบนดิน… เรื่องราวดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

 

“…โอ้ แย่จริงๆ คราวหน้าคราวหลังก็ระวังกันหน่อยล่ะ เข้าใจมั้ย? ทำลายจิตใจของยัยนี่น่ะถูกแล้ว แต่ถ้าทำลายไปถึงร่างกายยัยนี่ล่ะก็ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบไปทั้งมนุษยชาติเลยนะ เราไม่สามารถใช้เวทคืนชีพซ้ำๆ กันได้หรอกนะ”

“ครับผม! ต้องขอโทษกับเหตุการณ์นี้จริงๆ ครับ!”

“ต้องทำสิ่งใด จึงจะชดใช้ให้กับการที่รบกวนเวลาของท่านได้หรือครับ?”

“ไม่ ไม่ พวกเธอไม่ต้องทำอะไรหรอก อะไรที่มันเกิดไปแล้วก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้น…”

 

… เสียงนั้น มันอะไรกันน่ะ?

ฉันนึกว่าฉันตายไปแล้วหนิ…?

งั้น ที่นี่ ถ้าไม่สวรรค์ ก็คือนรกสินะ?

ฉันพยายามงัดหัวตัวเองขึ้นมา แม้จะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพื่อจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาแล้วพยา-

 

มีเท้าใหญ่ๆ ข้างนึง พุ่งมากระแทกที่ท้องของฉัน

 

“อุ๊ก…!”

“ฉันโมโหกับความเปราะบางของแกนะ โดนไปแค่นี้ ดันมาตายได้ยังไง สเตตัสก็ดีขนาดนั้นทั้งที แต่กลับตายไปครั้งหนึ่งแล้ว มันทำให้ฉันคิดได้แค่ว่า แกน่ะพยายามจะละทิ้งชีวิตของตัวเองไปเท่านั้น”

 

ฉันคิดจะพูดสักอย่างออกไป แต่แรงกระแทกที่ถูกถีบเข้าที่ท้องมันทำให้ฉันอาเจียนออกมาเป็นเลือด จนพูดอะไรออกไปไม่ได้เลย

 

“แกเป็นผู้กล้านะ เข้าใจมั้ย? มันเป็นหน้าที่ที่แกจะต้องรับใช้ท่านมิซารี่และปกป้องพวกเราเหล่ามวลมนุษย์ แล้วมาทำตัวปวกเปียกแบบนี้มันจะไปทำอะไรได้ฮะ! …ไอ้เจ้าบ้านี่!”

“อ๊าาา!”

 

ฉันโดนเตะเข้าที่หัว จนกระเด็นไปกระแทกกำแพงอีกฝั่งนึงของห้อง

มันเจ็บ เจ็บมาก แต่เพราะสเตตัสที่สูงของฉัน มันเลยทำให้ฉันยังไม่ตาย

…ทำให้ยังไม่ตาย? มันเจ็บนะ… ทำไมล่ะ…ฉันควรจะตายไปแล้วสิ

 

และฉันก็ได้เห็นหน้าของชายที่เตะฉันเมื่อกี้ เป็นหน้าที่ฉันเห็นมาหลายครั้งแล้ว

เขาเป็นชายตัวโต อาจจะสูงเกิน 2 เมตร ถือไบเบิลอยู่ในมือ ไม่ผิดแน่

 

[12 อัครสาวก] ลำดับที่ 3 ――― [ลิขิตชะตา] เกล

 

ว่ากันว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทฟื้นฟูและสนับสนุนที่เก่งที่สุดในโลก แถมยังควบคุมได้แม้แต่เวทคืนชีพ

ใช่ เวทคืนชีพ เวทที่สามารถทำให้ร่างของสิ่งมีชีวิตกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

แล้วฉันก็เข้าใจสถานการณ์ได้ทันที ฉันถูกดึงกลับมามีชีวิตอีกครั้งนึง ถูกบังคับ โดยชายคนนี้ ฉันนึกว่าในที่สุดฉันก็จะได้ตายซักที ฉันนึกว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่นั้น

 

“โอ้จริงสิ… ถ้าฉันทำมากกว่านี้ เดี๋ยวต้องลำบากมาคืนชีพให้เจ้านี่อีก เอาล่ะ สุภาพบุรุษทุกคน ฉันขอฝากที่เหลือให้พวกนายด้วยนะ”

“ครับ! ท่านเกล!”

“บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กนี่ ดันมาตายแบบนั้นซะได้… หัดสำนึกด้วยล่ะว่าตัวเองทำให้ท่านมิซารี่ต้องโศกเศร้าแค่ไหนเพราะผู้กล้าอย่าวแกดันอ่อนแอแบบนี้น่ะ!”

 

ใช่ค่ะ ฉันมันอ่อนแอ

ฉันไม่มีพลังพอจะหนีไปจากที่นี่ได้ ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีไปจากนรกนี่ด้วยซ้ำ

และถึงฉันจะทำแบบนั้นไป ฉันก็คงถูกชุบชีวิตขึ้นมาอยู่ดี ฉันต้องทำแบบนี้ต่อไป

โอ่… ปล่อยให้ฉันตายไป เร็วๆ ทีเถอะค่ะ

หรือไม่… ก็ทำให้ฉันบ้าไปเลยเร็วๆ ซักที

ทำให้ฉันไม่ต้องคิดอะไรอีก ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก

ฉันไม่สนแล้วว่าฉันจะต้องกลายเป็นอะไรแบบที่พวกมันต้องการ ขอแค่ให้ฉันหลุดจากความทรมานนี้ซักที

แล้วฉันจะเป็นให้พวกแกทุกอย่างเลย

 

ทำให้ใจฉันพังทลายลงเร็วๆ ที

 

TN: มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ นั่นเด็ก 5 ขวบนะ
โว้ว โว้ว โว้ว โว้ว โว้ว นี่มันใหม่สำหรับดิสนีย์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด