[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 65 องค์ที่ 3 บดขยี้ – เจ้าหญิงแวมไพร์ vs 12 อัครสาวก x3

Now you are reading [WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า Chapter 65 องค์ที่ 3 บดขยี้ - เจ้าหญิงแวมไพร์ vs 12 อัครสาวก x3 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่ผ่านมาได้ราว 2 เดือนนับจากที่ได้ก่อตั้งหน่วยขุนพลจตุเทวอสุราขึ้น ฉันเองก็เริ่มคุ้นเคยกับบรรยากาศการทำงานใหม่นี่แล้วล่ะ ถึงจะบอกว่าบรรยากาศการทำงานใหม่ก็เถอะ แต่ที่ต่างไปก็มีแค่ได้ออกไปสู้บ่อยขึ้น แล้วก็มีงานเอกสารน้อยลงกว่าสมัยตอนที่ยังเป็นผู้บริหารเท่านั้นเอง เอาเถอะ และแล้วในตอนนั้น…

‘ข่าวนั่น’ ในที่สุดก็มาถึงฉันซะที

 

―――ตรวจพบตำแหน่งปัจจุบันของคณะผู้กล้าแล้ว

 

ฉันที่กำลังใช้เวลาในวันหยุดมาฆ่าพวกมนุษย์ในสนามรบเล่นอยู่ ก็รีบกลับไปที่ปราสาทจอมมารในทันทีที่ได้ยินข่าวนี่เลย

 

“ท่านจอมมารคะ! จริงเหรอคะที่พบตำแหน่งของผู้กล้าแล้วน่ะ!?”

“เจ้าจงสงบใจลงเสียก่อน นั่งลง แล้วดื่มน้ำเย็นๆ เสีย… แหล่งข้อมูลที่มีนั้นน่าเชื่อถือ นับแต่ตอนที่ขุนพลจตุเทวอสุราได้ถูกก่อตั้งขึ้น ก็มีรายงานการพบคนที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้กล้าอยู่เนืองๆ แต่ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่นอนเพียงพอ แต่ครั้งนี้ถือว่าสามารถมั่นใจได้ เพราะหลังจากการต่อสู้กับเทียน่า เราจึงเชื่อได้ว่านี่เป็นข้อมูลจริงแท้แน่นอน ถูกต้องหรือไม่ เทียน่า?”

“ค่ะ ไม่ผิดแน่นอน ฉันพบกับนักผจญภัยระดับ S 4 คน, 12 อัครสาวก 3 คนที่มีระดับความแข็งแกร่งตรงกับข้อมูลที่เรามีเลยค่ะ นอกจากนั้น ก็ยังมีผู้ติดตามในคณะด้วย ฉันกับว่าที่ผู้บริหารได้ทำการต่อสู้กับพวกเขา ก่อนที่พวกนั้นจะหลบหนีกันมาได้ค่ะ…”

“ไม่เป็นไร พอแค่นั้นแหละ เช่นนั้นแล้ว ณ บัดนี้ ในเรื่องที่เกิดขึ้น เราจะมอบหมายให้ลีนเป็นผู้จัดการอย่างที่เคยประชุมกันไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าไม่มีติดขัดแต่อย่างใดสินะ ลีน?”

“ค่ะ โอ๊ะ แต่อยากขอนิดนึงค่ะ คือฉันอยากให้ซากุระคุงมาช่วยกางเวทคุ้มครองยับยั้งการเคลื่อนย้ายด้วยนะคะ”

“ได้ นับเป็นความผิดของเราที่ใช้เวลานานถึงขนาดนี้… เพราะครั้งนี้ ได้มีขุนพลเงาของผู้กล้าแฝงมาอยู่มากมายหลายคนเลยทีเดียว”

“ขุนพลเงาเหรอคะ?”

“จากความผิดพลาดเมื่อครั้งผู้กล้ารุ่นก่อน… จากที่เมื่อครั้งที่โยมิเป็นผู้กล้า พวกมันจึงได้พยายามเสาะหาวิธีอำพรางผู้กล้าให้ได้ แต่ถึงกระไร แม้พวกนั้นจะหนีกันไปได้ด้วยการเคลื่อนย้าย แต่พวกมันก็ไม่อาจหลบหนีจากการรับรู้ของเทียน่าได้หรอก เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ… ที่เหลือเราขอฝากเจ้าด้วย ลีน”

“วางใจได้เลยค่ะ”

 

สถานที่ที่ฉันกับซากุระคุงเคลื่อนย้ายมาเป็นพื้นที่ราบใกล้กับซากปรักของอดีตอาณาจักรอัลเวร่า

ข้างๆ กับเมืองหลวงของประเทศที่ฉันเพิ่งจะถล่มมันไปไม่นานนี้เองเลยนี่นา

 

“เอาล่ะ ซากุระคุง ฝากด้วยนะ”

“ข- เข้าใจแล้วครับ…… {เพอร์เฟ็ค ดิเมนชั่น ล็อก (ผนึกมิติสมบูรณ์แบบ)}

 

ถึงการร่ายจะถูกยืดออก แต่แทนที่มันจะเป็นการลดประสิทธิภาพในการร่ายเวทของซากุระคุงลง มันกลับช่วยให้บาเรียยับยั้งการเคลื่อนย้ายนี่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมาก หรือจะบอกว่าไม่สามารถถูกทำลายเลยก็ได้

ฉันก็ขอให้เขาร่ายเวทนี้ล้อมรอบคณะของผู้กล้าเอาไว้

 

“…ขอบใจนะ ซากุระคุง ถ้างั้น ไปล่ะนะ”

“ค- ครับ…ป- ไปดีมาดีนะครับ!”

 

…เอาล่ะ

ในที่สุด ในที่สุด เราก็ได้เจอกัน ฉันจะได้เจอกับแกซะที

เวลาตอนนี้คือ 5 โมงเย็น ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้วด้วย ดวงอาทิตย์ก็จวนจะลับขอบฟ้า ใกล้ได้เวลาแล้วสินะ

คืนนี้… คืนจันทร์ครึ่งสินะ เยี่ยมไปเลย ถ้าเป็นคืนจันทร์เพ็ญล่ะก็ ฉันคงคุมพลังไม่อยู่ แล้วเผลอฆ่าพวกแกเร็วไปแน่ๆ

 

เอาล่ะ ไปคิดบัญชีกันเถอะ หนี้ที่พวกแกติดค้างฉันเอาไว้จากชาติก่อน ฉันจะให้พวกแกได้จ่ายคืนพร้อมดอกเป็นสิบๆ เท่าเลย

 

“เห้ย! นั่นมันอะไรกัน?”

“นี่มัน… บาเรียยับยั้งการเคลื่อนย้ายนี่! ระวังตัวด้วยนะครับ ท่านผู้กล้า อาจจะเป็นพวกผู้บริหารก็ได้”

“เห้ย เอาจริงดิ… เป็นยัยเอลฟ์เทียน่านั่นอีกแล้วเหรอ?”

“ไม่ทราบครับ แต่ไม่ต้องห่วงไปครับ พวกเรา 12 อัครสาวกจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องท่านเองครับ …ตั้งสมาธิกับการทำลายเวทคุ้มครองเถอะครับ”  

“เข้าใจแล้วครับ”

 

ฉันได้ยินบทสนทนาพวกนั้นลอยมาเลย

อะฮะฮะ นี่พยายามจะทำลายบาเรียของซากุระคุงกันอยู่เหรอ จะลองพยายามดูก็ได้ ถึงมันจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะ

 

“แทนที่จะมัวทำอะไรเปล่าประโยชน์แบบนั้น ฉันว่าลองพยายามสู้เพื่อให้เอาชีวิตรอดไปอีกหน่อยนึงจะมีประโยชน์กับพวกแกกว่านะ”

 

ฉันให้คำแนะนำพวกแกนิดๆ หน่อยๆ ด้วยนะ ใจดีจริงๆ เลยเนอะ ฉันเนี่ย

พริบตาต่อมา พวกมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าฉัน… ทั้งหมด 13 คน อยู่ในท่าทางพร้อมต่อสู้

ขอส่องดูสเตตัสพวกมันทุกคนด้วย ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ หน่อยแล้วกัน

 

…กากสุดๆ เลยน้า~

เทียบกับขุนพลจตุเทวอสุรา หรือคุณเรนแล้ว เจ้านี่น่ะ ก็แค่พวกปลาซิวปลาสร้อยเลย

ระหว่างนี้ ที่ฉันควรจะระวังไว้ก่อนก็มีแค่… พวก 12 อัครสาวกกับผู้กล้าอาวิซสินะ

 

ลำดับที่ 8 ‘หมัดอสรพิษ’ เบลซาร์ด

ลำดับที่ 9 ‘ผู้แกร่งกล้า’ ลูคัส

ลำดับที่ 10 ‘เกราะนภา’ สูติ

 

จะว่าเก่งก็เก่งอยู่นะ พวกนี้มีสเตตัสเฉลี่ยเกิน 10,000 และอาชีพของพวกมันทุกคนก็อยู่ใน [ซีรีส์ราชัน] กันหมด เป็น [ราชันนักสู้], [ราชันผู้วิเศษ] แล้วก็ [ราชันเกราะหนัก]

แต่ก็นะ แค่นั้นน่ะ เอาชนะฉันไม่ได้หรอก

 

“…แก เป็นใครกัน?”

“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกชื่อของฉันให้พวกแกหรอก… รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะงั้น รีบๆ เข้ามาแล้วก็ตายๆไปซะ”

 

เปิดก่อนได้เปรียบ

ฉันเลยเริ่มเคลื่อนไหวก่อน พุ่งเข้าประชิดเจ้าเกราะนภา สูติก่อนเลย

 

“อะไรน่ะ…!?”

“ฮ่า!”

 

ฉันนึกว่าจะจบในการเตะทีเผลอนี่แค่ทีเดียว… แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าสูตินี่จะป้องกันมันเอาได้ทัน …นี่ฉันออมมือให้เจ้าพวกนี้มากเกินไปงั้นเหรอ?

เอาเถอะๆ ยังไงโล่ที่มันเอามาป้องกันก็แตกละเอียด ก่อนที่ตัวมันจะลอยกระเด็นไปล่ะนะ

 

“สูติ!?”

“บ้าน่า… พังโล่นั่นด้วยการเตะแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ…?”

“ต้องเป็นระดับผู้บริหารแน่ๆ! เหล่านักผจญภัยระดับ S กับคณะท่านผู้กล้า ช่วยทีนะครับ”

“ว่าไงนะ!? พวกแกเป็น 12 อัครสาวก… เป็นผู้ปกปักษ์ของเหล่ามนุษย์ไม่ใช่หรือไง!? งั้นก็ปกป้องฉันที่เป็นความหวังของเหล่ามนุษย์สิวะ!”

“จริงด้วย จริงด้วย! ถ้าปกป้องพวกเราไม่ได้ ก็ทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยพวกเราสิ!”

“กึก…!”

 

อุหวา― ไม่ได้ต่างอะไรจากชาติที่แล้วซักนิดเลย

โดยเฉพาะไอ้ เจ้า… อาวิซ… ไอ้ผู้หญิงที่เกาะแกะอยู่ข้างคุโรดะ ดูเหมือนชาตินี้จะชื่อว่าอาเมเลีย ซูรันสินะ แต่เมื่อชาติก่อน… เนโมโตะ คิราระสินะ? ฉันจำยัยนี่ได้เพราะชื่อมันเป็นประกาย (キラキラ คิระคิระ) อะไรซักอย่างนี่แหละ

ยัยนี่ก็แค่นังดอก***ที่ทำนู่นนี่ตามที่เงินของเจ้าคุโรดะจะอำนวยนั่นแหละ แถมยัยนั่นยังเป็นคนมาไถตังฉันด้วย เดี๋ยวฉันเก็บแกไว้ฆ่าทีหลัง ดีใจซะเถอะ

 

ต่างจากเจ้าพวกผู้กล้าที่ยืนอึ้งไม่ทำอะไรเลย ตอนนี้พวกนักผจญภัยระดับ S เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว

4 คนพวกนั้นกระจายตัวออกกันทันที และพยายามจะตีกรอบล้อมฉันไว้

 

“รำคาญลูกตาน่า ตายๆ กันไปซักที {โฮมมิ่ง เอนเชนท์ • ลูนาติกเรน (เสริมการนำวิถี ∙ หยาดฝนแสงจันทรา)}”

 

ก็เหมือนกับแวมไพร์เลย เวทความมืดเองก็มีพลังเพิ่มขึ้นตามข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์

ฉันยิงสาดลำแสงที่ชวนให้นึกถึงแสงจันทร์ที่เข้มข้นสูงร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนกับสายฝน

พวกนั้นพยายามหลบกันอยู่ซักพัก แต่ลำแสงที่ฉันยิงไปน่ะเสริมความสามารถในการติดตามเป้าหมายไปได้ทุกที่นั่นแหละ

ท้ายที่สุด ทุกคนที่ถูกแสงเจาะทะลุตัวไปก็ตายกันหมด ยกเว้นแค่คนๆ เดียว เจ้าคนๆ นั้นนี่… ยังอุตส่าห์มีชีวิตรอดมาได้อีกนะ

 

“…อะ?”

“น- นั่นมันอะไรน่ะ? นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!? นี่มันชักจะเก่งเกินไปแล้วนะ!?”

“เห้ย! นี่จริงจังใช่มั้ย!? เอาไงดี อาวิซ!?”

“ฉันไม่เห็นเคยได้ยินไอ้เรื่องพรรคนี้มาก่อนเลยนะเห้ย!”

 

อ๋า― โธ่เอ๊ย― เจ้าพวกมาเกิดใหม่จากต่างโลกพวกนี้นี่น่ารำคาญเป็นบ้า―

ไม่ต้องกังวลไป ไว้ฉันจัดการพวก 12 อัครสาวกพวกนี้เสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าพวกแกให้เรียบร้อยเอง

 

“ย้าาา! เอาไปกินซะ {หมัดอสรพิษ}!”

 

พอฉันหันไปมองตามเสียง ก็เห็นเบลซาร์ด ลำดับที่ 8 โดดพุ่งมาหาฉันพลางตะโกนชื่อท่าที่เจ้านั่นคงเอามาตั้งเป็นฉายาตัวเองไปด้วย

โอ้โห เจ็บนะเนี่ย แกจงตายไปพร้อมกับความอับอายในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาซะเถอะ

 

“ลูคัส!”

“โอ้! {เอนเชนท์… (เสริมกำลัง…)}”

“คิดว่าฉันจะปล่อยให้ทำหรือไง?”

“กุอั๊กกก!?”

 

โอ๊ะ อันตรายนะเนี่ย

มันต้องน่ารำคาญแน่ๆ ถ้าฉันปล่อยให้ร่ายเวทเสริมกำลังได้เนี่ย

 

“บ้าเอ้ย! เจ้านี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!?”

“ใจเย็นก่อนนะครับ คุณเบลซาร์ด! เดี๋ยวฉันจะ…”

 

 

“พอกันที พวก 12 อัครสาวกน่ะไม่ใช่จานหลักสำหรับฉันซักนิด แถมจะฆ่าเจ้าพวกลำดับชั้นล่างๆ ไปก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี เพราะงั้นก็ตายไปพร้อมๆ กันนั้นแหละ {โพรมิแนนซ์เรด (เพลิงโหมสีชาด)} !”

 

{เพลิงโหมสีชาด} เวทมนตร์ธาตุไฟที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นเป็นไฟสีแดงเข้ม ราวกับชั้นเปลือกนอกของดวงอาทิตย์

เวทนี้สามารถสร้างแก๊สร้อนอุณหภูมิสูงมาก ระดับ 80,000 องศาตามที่ฉันตั้งเป้าเอาไว้เลย

แต่ว่า การสันดาปของมันทำได้แย่มาก แถมฉันยังใช้มันไม่ได้ด้วยถ้าไม่ได้การอวยพรจากดวงจันทร์อย่างน้อยก็ต้องจันทร์ครึ่งดวงล่ะนะ

ออ ไม่ต้องมาถามฉันนะว่า มันดีแล้วเหรอที่เผ่าพันธุ์แวมไพร์ที่ใช้ชีวิตในยามค่ำคืนอย่างฉัน ดันมาใช้เวทเลียนแบบดวงอาทิตย์น่ะ

 

“ก็ ระดับของพวกลำดับที่ 8 ถึง 10 ก็จะทำได้แค่นี้สิ…นะ อาเระ?”

 

ลำดับที่ 10… สูติ ยังรอดอยู่

ทั้งร่างกายเยินไปหมด แถมมีแผลไฟไหม้ไปทั้งตัว แต่ก็ยังไม่ตาย ก็ สมแล้วที่เป็นราชันเกราะหนักล่ะนะ… นี่เป็นอาชีพที่เชี่ยวชาญในการป้องกันระดับสูงเลยนี่นา?

 

“อ- อาา…… อึก……”

“ถ้าตายไปง่ายๆ ก็สบายไปแล้วแท้ๆ ถึกทนเกินไปก็เป็นปัญหาได้เหมือนกันสินะ”

“ก- แก จะต้อง…รับ…ทัณฑ์ จาก ท่านมิซารี่…อย่าง…แน่นอน……”

“อ้อหรอ ฉันจะช่างแกไปซักพักก่อนละกัน ดูแล้วยังไงแกก็แทบจะขยับไม่ได้จากการถูกเผานั่นแล้วล่ะ แถมมันน่าสนใจกว่ากันเยอะเลย ถ้าฉันปล่อยให้แกค่อยๆ ทรมานแแล้วตายไปแบบนี้น่ะ”

 

เอาล่ะ…ถ้างั้น ฉันจะจัดการกับจานหลักนี่ยังไงดีนะ?

 

จานหลักตรงนั้น ที่มีเจ้าผู้กล้าอาวิซที่ตัวสั่นหงั่กๆ พร้อมกับเจ้าพวกลิ่วล้อพวกนี้น่ะ?

 

TN: ความบันเทิงกำลังจะมาใน สาม สอง หนึ่ง……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด