[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 91 องค์ที่ 4 ล้างแค้น – เจ้าหญิงแวมไพร์ vs วัชระ
งั้น เริ่มจากมาลองอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อนละกัน
“{คริมสันเลเซอร์ (ลำแสงความร้อนสูงยิ่ง)} !”
ปืนใหญ่ความร้อนหนาแน่นอุณหภูมิสูง 10,000 องศาถูกยิงออกจากมือของฉัน
ถ้าโดนเวทมนตร์ระดับสูงนี่เข้าเต็มๆ แม้แต่โยมิเองก็เจ็บไม่น้อยเลยล่ะ
…แต่ว่า
“ฮ่าาาาาาาาาาา!!”
ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าจะไม่ได้ผลกับเจ้าหมอนี่น่ะ
“…ชิ เหมือนอย่างที่ลือกันเลยสินะ”
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่หมอนี่ถือครองอยู่ ‘หอกทองคำ ฟูล’
หอกยาว 2 เมตรที่ดูเหมือนจะทำมาจากทองคำทั้งเล่ม ความสามารถหลักของมันก็คือ [การปกป้องผู้ถือครอง]
คนที่ถือหอกนี้จะมีออร่าสีทองห่อหุ้มไปทั่วร่างกาย
ออร่านี่เหมือนจะจับต้องไม่ได้นั่น… ความสามารถของมันคือ [เพิ่มการป้องกันและการป้องกันเวทให้ผู้ถือครองขึ้น 10 เท่า]
จากที่ฉันใช้เนตรสวรรค์ อารุสส่องดู สเตตัสเฉลี่ยของหมอนี่อยู่ประมาณ 25,000 สูงกว่าฉันตอนกลางวันซะอีก แถมในบรรดานั้น การป้องกันกับการป้องกันเวทยังเกิน 30,000 มานิดหน่อยด้วย
กล่าวคือ ออร่าที่อยู่รอบหมอนี่จะมีการป้องกันและการป้องกันเวททะลุ [300,000] ไปเลยจริงๆ
“ตราบใดที่ข้ายังมีหอกเล่มนี้ ข้าก็ไม่มีทางแพ้แกอยู่แล้ว จงเสียใจซะเถอะที่แกต้องมาตายเพราะเลือกจะมาเผชิญหน้ากับข้า”
“…คิดจะฝากชีวิตเอาไว้กับประสิทธิภาพของสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือไง อย่าได้ใจให้มันมากนะ ไอ้ขยะเอ๊ย”
แต่ถึงหยั่งงั้น ก็เป็นเรื่องจริงที่ฉันในตอนนี้ที่มีสเตตัสเฉลี่ยประมาณ 60,000 ต้องยอมรับว่าหมอนี่เป็นคู่ต่อสู้ที่เคี้ยวยากน่ะ
หอกทองคำน่ะมีจุดอ่อนอยู่ 2 ข้อ
ข้อแรกคือ ออร่าจะต้องใช้เวลา 1 นาทีหลังจากเริ่มสั่งใช้งานความสามารถของมันถึงจะปรากฏออกมา นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมการโจมตีครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ของซากุระคุงถึงได้ผล
ส่วนอีกข้อนึงก็คือ ออร่าที่แผ่ออกมานี่จะหายไปทันทีที่ผู้ถือครองปล่อยมือจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ และถึงจะหยิบมันขึ้นมาอีกรอบนึงและพยายามจะสั่งใช้งานความสามารถต่อ ก็ต้องรออีก 1 นาทีกว่าออร่าจะออกมาอีกครั้งน่ะ
“…เอาล่ะ ควรจะทำยังไงดีนะ?”
จะลองซัดมันเต็มแรงซักทีนึงดูก่อนดีมั้ยนะ?
เว้นระยะห่าง พุ่งเข้าไป เปิดก่อนเลย…
“…ฮ่า!”
เต็มๆ!
…
“โอ๊ย! เจ็บบบบบบ!?!?”
อ๊า! เจ็บ! เจ็บสุดๆ ไปเลย!
แข็งปั๊กเลย!? นั่นมันอะไรน่ะ ออร่าที่ขยับไปมาได้นั่น ไอ้เราก็นึกว่าถึงชกมันไปก็คงเจาะไม่เข้า แต่นี่มันอย่างแข็งเลย! แถมยังเจ็บอะไรขนาดนี้เนี่ย!
“กะฮ่าฮ่าฮ่า! โห นั่นผลงานชิ้นโบแดงเลยนะเนี่ย! แกระเบิดตัวเองได้สุดยอดเลยนี่!”
“หนวกหูน่า… {มิดเดิลฮีล (ฟื้นฟูระดับกลาง)}”
ไม่ไหวแฮะ ไม่มีทางพังออร่านั่นได้เลย
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว… จะทำยังไงดีถึงจะซัดหอกนั่นออกจากมือมันได้บ้างนะ
ถ้าดูเก็นปล่อยมือจากหอกนั่นไปแม้แต่เสี้ยววินาทีล่ะก็ ออร่านั่นก็จะหายไปทันทีเลย
“ถ้างั้น… เวลาในการชำระมารมาถึงแล้วสินะ จงตาย และขอขมาท่านมิซารี่ในทุกสิ่งที่แกทำมาจนถึงตอนนี้ซะเถอะ!”
“ไม่มีวันซะหรอก! ไอ้บ้านี่!”
“ฮึย! ฮ่า! หย้า!”
“อุหวา โว่ ฮึบ”
สถานการณ์ในการต่อสู้แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ใครที่ไหนมันบอกว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือการโจมตีกันนะ
“ฮ่าาา!!”
“โอ๊ะโอ……!”
นี่ฉันก็ยังปัดหอกของหมอนี่หลุดจากมือไม่ได้ซักที
ถ้าเจ้านี่เป็นแค่ไอ้กระจอกที่หยิ่งผยองเพราะพลังของสเตตัสจะดีขนาดไหนนะเนี่ย
หมอนี่เป็นแลนเซอร์มือหนึ่งตัวจริง เพราะงั้นหมอนี่เลยไม่เผยช่องว่างออกมาเลย
“ก๊าฮ่าฮ่าฮ่า! จตุเทวอสุราอะไรกัน! มันก็แค่นี้เองนี่หว่า! ต่อให้บอกว่าเป็นพวกมารที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็แค่พวก ‘มดปลวก’ ที่แข็งแกร่งที่สุดในรังก็แค่นั้นเอง!”
“แก……!”
แกนะแก ถ้าแกไม่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี่ล่ะก็ พลังแค่ระดับแก แค่นาทีเดียวฉันก็ฆ่าได้แล้ว! ชักจะได้ใจมากไปแล้วนะ!
แต่ เอาจริงๆ ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ
ไม่อยากยอมรับเลย แต่หมอนี่น่ะของจริง ถึงมันจะฝากทั้งชีวิตตัวเองไว้กับพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็เก่งอยู่ถ้ามองในมุมที่ว่าเจ้านี่ใช้พลังที่มีในอาวุธได้อย่างเชี่ยวชาญเลย
จนถึงตอนนี้ วิธีเดียวที่รับมือได้คือสอดส่องการเคลื่อนไหวด้วยอารุสแล้วรอช่องว่างที่เกิดขึ้น
ก็ อีกอย่าง… ยังมีวิธีใช้ ‘กำไลสงวน’ ด้วยล่ะนะ
เพราะมันเก็บการอวยพรจากดวงจันทร์ในคืนจันทร์เพ็ญเอาไว้ สเตตัสของฉันจะพุ่งไปถึง 1.2 ล้านได้ชั่วคราว ค่อนข้างจะเฟ้อไปหน่อยล่ะนะ
แต่ ฉันไม่ชอบเลย เพราะใช้แล้วมันเจ็บไปทั้งตัวเนี่ยสิ… ขอหลีกเลี่ยงวิธีนี้เท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนก็แล้วกัน
…ปัดโธ่! ใครก็ได้! ไปเรียกโยมิมาที่นี่ที!
เด็กคนนั้น เป็นศัตรูตามธรรมชาติของเจ้าหมอนี่เลยล่ะ!
ด้วยสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของเด็กคนนั้นอย่าง ‘ดาบมาร ไดอาส’ ที่มีความสามารถในการตัดทะลุผ่านการป้องกันเนี่ย เธอฟันเจ้าบ้านี่เป็นชิ้นๆ ได้ใน 5 วิด้วยซ้ำ!
“ฮ่า!”
“ฮู่ว!”
“เห้ย เห้ย! จะเอาแต่หนีหรือไง? ที่แท้กองทัพจอมมารก็เป็นแค่พวกขี้ขลาดมาสุมหัวกันนี่เองสินะ!”
เห่าได้น่าสมเพชมาก คิดว่าแค่นี้จะยั่วโมโหฉันได้แล้วเหรอ
นี่มันแค่คึก หรือบ้าจริงๆ ล่ะเนี่ย
ช่างเถอะ ยังไงฉันก็มีการส่องอนาคตอยู่ แค่หลบการโจมตีของเจ้าหมอนี่น่ะ เรื่องกล้วยๆ เลย
ค่อยๆ ใช้เวลามาคิดหาวิธีโต้กลับดีกว่า
ผ่านมาแล้ว 30 นาที นับจากการต่อสู้เริ่มต้น
ก็อย่างที่คิดเลยล่ะนะ หมอนี่พยายามโจมตีฉันหนักสุดๆ จนดูเหมือนจะหมดความอดทนแล้วล่ะนั่น
แล้วก็ ขอบใจนะที่ให้เวลาฉันได้ค่อยๆ คิดแผนน่ะ
เท่านี้ก็ ค้นพบสมการแห่งชัยชนะแล้ว
“กึก… โอร่า!”
“ช่าย ไม่ได้ผลหรอก”
“บ้าเอ๊ย… ทำไมไม่โดนซะชักทีวะ! แก ทำอะไรของแกกันแน่!”
“งั้นเหรอ ฉันทำอะไรน้า?”
“ฮ่าาาา!”
“ดูสิ ทางนี้ ทางนี้”
“ย่าาาาา!”
“โอ๊ะ… แย่ละ!?”
อ๊ะ มอสเหรอ แย่แล้ว
“ก๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ถึงแกจะยังเป็นแค่เด็กน้อย แกก็อย่าประมาทซี่!”
“อึก…!”
ระหว่างที่หลบการโจมตีของหมอนี่ ดันเหยียบกับมอสที่พื้นแล้วลื่นเนี่ยนะ… ทำตัวเองล้มลงมากระแทกกับต้นไม้เล็กๆ 2-3 ต้นที่อยู่ข้างหลังเลย
“ก๊าฮ่าฮ่าฮ่า! เท่านี้แกก็จนมุมแล้ว! นี่น่ะเหรอคือขุนพลจตุเทวอสุรา ถึงจะเห็นแค่หลบไปมา แต่นั่นก็ต้องยอมรับเลยว่ามีฝีมือจริงๆ… เอาเถอะ ถึงแกจะเป็นเผ่ามาร ข้าก็ขอชมแล้วกันว่าแกพยายามได้ดีแล้ว”
“…งั้นเหรอ ขอบคุณละกัน พวกคนที่ชอบมองเหยียดจนข้างบนแบบแกเนี่ย”
ตอนนี้ฉันนอนพิงหลังกับต้นไม้ พลางจ้องไปที่เจ้าบ้านั่นที่เหลือบมองลงมาหาฉันอย่างเหยียดหยาม
แถมเจ้าดูเก็นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เลย อย่างกับว่ามันสนุกมากที่ได้ทำอะไรแบบนี้
“ถ้างั้นก็ ตายไปซะ”
“…ไม่อยากจะฟังคำสุดท้ายของฉันซักหน่อยหรือไง?”
“กะฮ่าฮ่าฮ่า! มนุษย์ชั้นสูงอย่างพวกเรา ไม่มีสมองพอไปจำคำพูดของพวกมารชั้นต่ำอย่างพวกแกหรอก แต่เอาเถอะ สำหรับแก ข้าจะพยายามจำหน้าเอาไว้ก็แล้วกัน”
“…ชิ”
แล้ว… หอกทองคำเล่มนั้นก็แทงทะลุคอฉันไปพร้อมกับต้นไม้ข้างหลังเลย
…ฮุฮุ อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ทุกอย่างเป็นไปตามแผน! เจ้านี่ โดนหลอกเข้าเต็มเปาเลย!
“กะฮ่าฮ่าฮ่า! เท่านี้ ข้าจะจัดการความชั่วร้ายอีกตนหนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในโลกใบนี้ลงได้แล้ว! ท่านอาวิซ ข้าล้างแค้นให้ท่านแล้วนะครับ!
“งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ แสดงว่า ที่แท้ศัตรูที่แกอยากล้างแค้นก็คือเจ้าต้นไม้เล็กๆ ต้นนั้นน่ะเหรอ? เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งน่าดูเลยนี่… อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”
“ฮะ!?”
อาาา รู้ตัวซักทีเนอะว่าฉันอยู่ตรงนี้น่ะ โห… แทบช็อกเลยนะเนี่ย นี่น่ะเหรอ ลำดับที่ 4 ของ 12 อัครสาวกน่ะ
“แก ทำอะไรของแกกัน!?”
“ก็เปล่าหนิ? ฉันก็แค่เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่แกจะแทงหอกนั่นใส่ฉันก็แค่นั้นเอง …เอ๊ะ นี่หรือว่า แกคิดว่าที่ฉันสู้มาตลอดนั่นคือความเร็วสูงสุดของฉันแล้วน่ะ? แกนี่มันโง่ซะเกินเยียวยาจริงๆ เลยนะ”
“หนอย! ก- แก…!”
ที่จริง ฉันใช้กำไลสงวนล่ะนะ แค่เสี้ยววินาทีเอง
ด้วยสเตตัสความเร็วที่ทะลุ 1.2 ล้าน เป็นความเร็วในระดับที่แม้แต่โยมิก็ยังมองตามไม่ทันเลย ฉันก็แค่ออกจากจุดที่หอกจะปักลงมา ก่อนจะอ้อมมายืนอยู่ข้างหลังดูเก็นเท่านั้นเอง
ถ้าใช้ไปด้วยเวลานิดเดียวแค่นั้น ร่างกายก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ด้วย
“แก ใช้ได้นี่! มารชั้นต่ำอย่างแกคิดจะมาเล่นชิงไหวชิงพริบกับข้างั้นเหรอ…! ไอ้ของแค่นี้น่ะ…!?”
อ่า อะไรน่ะ นี่ก็เพิ่งจะรู้ตัวเหมือนกันเหรอ?
“ม- มันไม่หลุดออกมา…!?”
หอกที่แสนภูมิใจของมันไม่ยอมหลุดออกมาจากต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่หมอนั่นแทงเข้าไปสุดแรง
ก็เป็นผลมาจาก {ส่งผลย้อนหลัง เอนเชนท์ • อิมมอร์ทัล (เสริมกำลัง • ไม่อาจพังทลาย)} ที่ฉันร่ายใส่ต้นไม้เอาไว้ก่อนจะหลบออกมาล่ะนะ
เป็นเวทเสริมกำลังที่ทำให้สสารนอกเหนือจากสิ่งมีชีวิตไม่สามารถถูกทำลายได้เป็นเวลาหลายนาที
ฉันเสริมให้หน่วงผลของเวทมนตร์ให้ช้าลงนับจากจังหวะที่ฉันร่ายใส่ต้นไม้เอาไว้ ผลของเวทเสริมกำลังเลยเกิดขึ้นตามหลังจากที่ฉันร่ายไว้ล่วงหน้าไปแล้ว
ผลที่ได้ก็คือ หอกทองคำของมันก็จะเสียบคาต้นไม้อยู่แบบนั้นไปหลายนาทีเลยล่ะ
“อ๊าาา~ เอาไม่ออกเลย ทำไงดีน้า~! แต่ ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ปล่อยมือออกจากหอกนั่นก็พอ… อ๊ะ! จริงสิ! ถ้าแกไม่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ช่วยแล้ว แกก็จะโดนฉันยำเละจากสเตตัสที่ห่างชั้นทันทีเลยนี่นา! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“กึก…! …กะฮ่าฮ่าฮ่า แค่เพราะข้าดึงไม่ออกเนี่ยนะ การโจมตีของแกมันทะลุมาถึงตัวข้าไม่ได้ซักนิด นี่แกก็ทั้งโจมตีทั้งตั้งรับไปขนาดนั้นแล้วยังไม่รู้อีกหรือไง? ตราบเท่าที่หอกทองคำนี้ยังอยู่ในมือข้า ข้าก็ไร้เทียมทาน คิดว่าข้าจะปล่อยหอกไปงั้นเหรอ? แบบนี้นี่เอง ถ้าแกวางแผนไว้แบบนั้นล่ะก็ ข้าก็แค่รอจนกว่าหอกจะหลุดออกจากเจ้าต้นไม้นั่นได้ เพราะไม่ว่าแกจะทำอะไร การโจมตีสุดชีวิตของแกมันก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี!”
…อ้าาา~ น่าสนใจจริงๆ เลยน้า~
ขนาดฉันยังไม่ทันคิดถึงเลยนะเนี่ย~?
“งั้น ก็ลองพยายามทนเจ้านี้ด้วยก็แล้วกัน {โพรมิแนนซ์เรด (เพลิงโหมสีชาด)}”
เวทมนตร์ธาตุไฟระดับสูงพิเศษที่สร้างแก๊สร้อนจัดขึ้นมา ที่ฉันเคยใช้ฆ่าพวก 12 อัครสาวก 3 คนพร้อมกันมาก่อนไงล่ะ
“กะฮ่าฮ่าฮ่า! โง่จริงๆ… ใช้เวทระดับสูงแบบนั้นแล้วมันทำไมล่ะ! ของพรรค์นั้นมันเปล่าประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า! ข้าคือ ‘วัชระ’ นะ! ข้านั่นไร้เทียมทาน!”
อ้อ~ งั้นเหรอ งั้นเหรอ
ฉันทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงเห่าหอนของมัน พลางใช้งานเวทมนตร์ของตัวเองต่อไป
…แล้วไม่กี่นาทีต่อมา
“…? นี่มัน อะไรน่ะ หอก… หอกมัน ร้อน…!?”
ใช่แล้ว
ก็ที่ฉันเล็งเอาไว้นะ ไม่ใช่ทั้งจะเผาแกให้ตาย หรือทำให้แกขาดอากาศตายมาตั้งแต่แรกแล้ว
ฉันตั้งใจอัดความร้อนใส่หอกโดยตรงเลยต่างหาก
ออร่าทั่วตัวของมันยังแข็งแกร่งอยู่ การทำลายมันจากภายนอกน่ะแทบเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ฉันในคืนจันทร์เพ็ญล่ะนะ
ถึงอย่างนั้น ออร่าสีทองสุดแกร่งนั่นน่ะ มันช่วยปกป้องแกได้แค่จากภายนอกเท่านั้นเอง
หรือก็คือ… ออร่านั่น ไม่ได้ช่วยปกป้องแกในจุดที่สัมผัสกับหอกโดยตรงเลยซัดนิดเดียว หรือก็คือ ‘ฝ่ามือ’ ของแกไง
“กอ๊าาาาา…!?”
“อ่าว มัวทำอะไรอยู่ล่ะ? จะไม่ปล่อยมือนั่นซักทีหรือไง? ถ้ายังมัวแต่จับหอกนั่นอยู่แบบนั้น ระวังมือจะเป็นแผลไฟลวกเอานะ”
“บ้าเอ๊ย… อย่าพูดอะไรบ้าๆ น่า เจ้าเด็กน้อย! ความเจ็บปวดแค่นี้น่ะ แค่ไม่กี่นาที ข้าทนได้อยู่แล้วเว่ย!”
“อ๋อ งั้นหรอ… นั่นสินะ ฉันก็คิดว่าคนบ้าแบบแกก็คงจะทนได้นั่นแหละ ว่าแต่ว่า… ตัวหอกน่ะ จะทนไหวแบบแกได้หรือเปล่าน้า?”
“ว่าไงนะ? …อึก!? อะไรวะเนี่ย!? หอกทองคำมัน…!?”
ใช่แล้ว
หอกทองคำน่ะ กำลังหลอมเหลวยังไงล่ะ
ดูเหมือนจะมีเรื่องเข้าใจผิดหลายอย่างเลยสินะ… ไม่ใช่ว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทุกชิ้นจะมีคุณสมบัติติดตัวอย่าง [ไม่สามารถถูกทำลายได้] อย่างไดอาสของโยมิซักหน่อย
กลับกันเลย เป็นส่วนน้อยเลยล่ะที่มีคุณสมบัติแบบนั้นอยู่ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ก็เหมือนสิ่งของทั่วๆ ไปนั่นแหละ พอถึงเวลาที่มันจะพัง มันก็พัง
เอาจริงๆ ทุกวันนี้ ก็มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่น้อยๆ เลยที่พังไปแล้ว จนถึงตอนนี้ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้น่ะ มีเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
และหอกทองคำ ฟูลเอง ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติ [ไม่สามารถถูกทำลายได้] อยู่ซะด้วย
ดูเหมือนมันจะมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้แปลหมายความว่าจะไม่มีทางพังซักหน่อยนี่
และก็ตรงตามชื่อเลย หอกทองคำ ฟูลน่ะ วัตถุดิบส่วนใหญ่ก็ถูกตีขึ้นจากทองคำนั่นแหละ
จุดหลอมเหลวของธาตุทองคำอยู่ที่ประมาณ 3,000 องศา ถึงมันจะถูกตีขึ้นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์และผ่านการเสริมแกร่งมาหลากหลายวิธีแล้ว แต่จุดหลอมเหลวของมันยังไงก็ขึ้นไปไม่เกิน 30,000 องศาหรอก
แต่ว่านะ อุณหภูมิของ {เพลิงโหมสีชาด} น่ะ… อยู่ที่ 80,000 องศา
เกินกว่าจุดหลอมเหลวของฟูลไปมากกว่า 2 เท่าซะอีกนะ คิดว่ามันจะโดนหลอมมั้ยล่ะ? มันก็แน่นอนอยู่แล้วสิ
“แกจะทำยังไงต่อล่ะ? จะรอให้สมบัติศักดิ์สิทธิ์หลอมเหลวไปจนหมด หวังให้การซ่อมแซมตัวเองทำงานดีมั้ย? หรือจะปล่อยมือจากมัน แล้วหันมาสู้กับฉันซักที?”
“กุอ๊าาาาาา… บ- บ้าเอ๊ย!”
พอตะโกนออกมาแบบนั้น ดูเก็นก็… ปล่อยมือออกจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์นั่นแล้ว
ตัดสินใจได้ดีนี่ ถ้าแกยังจะดื้อดึงจับมันต่อไปล่ะก็ หอกทองคำ ที่สูญเสียความเป็นหอกไป และไม่สามารถปล่อยออร่าออกมาได้น่ะ มันก็จะเป็นแค่ก้อนทองก้อนนึง จนกว่าการซ่อมแซมตัวเองจะเสร็จสิ้นนั่นแหละ
เพราะงั้น การปล่อยมือจากมันจะเป็นความคิดที่ฉลาดกว่า
ใช่ ก็เป็นการตัดสินใจที่ฉลาด… แต่จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่าเนี่ย มันคนละเรื่องกันเลยล่ะนะ
“กึก ต่อให้ไม่มีหอกทองคำ แค่ระดับแกน่ะ… กุอั๊ก!?”
“อา ฉันอัดแกต่อได้เรื่อยๆ เลยนะ เอาจริงๆ เลย แกเนี่ย น่ารำคาญสุดๆ ไปเลย… เอาล่ะ แก กัดฟันไว้แน่นหรือยัง?”
“ด- เดี๋ยว…”
“ไม่มีคำว่าเดี๋ยวให้แกหรอกนะ”
และแล้ว
พอออร่านั่นหายไป ความได้เปรียบก็กลับมาหาฉันอีกครั้งนึง
ฉันรัวหมัดอัดเจ้าผู้ชายที่พูดน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงน่ารำคาญตรงหน้านี่ แบบไม่มีจังหวะให้มันได้เอามือเอาเท้ามากันหรือปัดป้องเลยซักครั้งเดียว
“อั่ก หะ…”
“อ้า สดชื่นจังเลย เอาล่ะ เอาล่ะ งั้น ก็ได้เวลาฆ่าแล้วสินะ จะฆ่าให้เรียบร้อยแบบที่แม้แต่เกลก็คืนชีพให้ไม่ได้เลย… {อินเฟอร์โนบอล (ลูกไฟยักษ์)}… มาเริ่มพิธีชาปนกิจของแกกันเลยแล้วกันเน้อ~♪”
“กะ ม-… แม่ง เอ๊ย…!”
“วางใจได้เลย เพื่อนพ้องของแกน่ะ… ไม่สิๆ มนุษย์ทุกคนน่ะ! ไว้พวกเราจะส่งลงนรกตามแกไปก็แล้วกันนะ~♡ งั้น… ตายห่**ไปซะ ไอ้เ**รเอ๊ย!”
พอพูดจบ
ฉันก็ขว้างลูกบอลไฟลูกใหญ่ในมือใส่ร่างที่นอนแผ่หลาของเจ้าดูเก็น
TN: ไว้อาลัยแด่แลนเซอร์ย้อมหอกทอง ผู้แสนอนาถอีก 1 ea ครับ
Comments