[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก 44 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก – ชายผู้ถูกจ้างวาน

Now you are reading [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก Chapter 44 บทที่ 3 การล้างแค้นของสีชมพูและสีโศก - ชายผู้ถูกจ้างวาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันต่อมา เวลาเที่ยงตรง

ฉัน ท่านโนอะ กับออร์เกอร์กำลังเดินดูรอบๆ คฤหาสน์ เพื่อนำทางให้แขกดูที่รอบข้าง

ส่วนสแตก็กำลังแอบเดินไปเดินมาทั่วๆ เพื่อส่องความทรงจำของสมาชิกทุกคนจากตระกูลกิฟท์

 

“ท่านออร์เกอร์ ทางนี้คือ―――”
“หืม แบบนี้เอง งั้นทางนั้นนี่ก็―――”

 

ระหว่างที่พวกท่านโนอะคุยกัน ฉันก็คิดไปด้วย

 

รู้สึกเหมือนกำลังโดนใครมองอยู่เลย

คนที่ตระกูลกิฟท์ส่งมาแบบที่ท่านโนอะบอกไว้ เจ้าสารเลวที่มาจับตาสังเกตท่านโนอะ

ฉันต้องฆ่ามัน แต่ฉันยังหาไม่เจอเลย

 

(เป็นการล่องหนด้วยเวทมนตร์สายวารีเหรอ? ไม่สิ แบบนั้นการรับรู้ชีวิตของฉันก็ต้องตรวจจับได้แล้ว แปลว่าการเฝ้าจับตามองยังไม่ได้เริ่ม แล้วที่ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกมองนี่ ฉันแค่คิดไปเองเหรอ? ไม่สิ ท่านโนอะจงใจเดินไปตรงจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดๆ ด้วย แสดงว่าท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน งั้นก็แปลว่า―――)

 

ฉันแอบเหลือบมองดูรอบๆ ตามจุดที่เจ้านั่นอาจจะอยู่ แต่ก็ไม่มีใครเลย

ระหว่างที่อยู่ใกล้ๆ กับพวกท่านโนอะ ฉันก็มองหาร่องรอยไปด้วย

 

“…อึม?”

 

พอสังเกตดูดีๆ ฉันถึงเห็นว่ามีอะไรแปลกๆ

 

(หยดน้ำ? รูปร่างแปลกๆ แถมอยู่ตรงมุมนั้นทำไมถึงยังไม่ร่วงลงมาอีก?)

 

ฉันเจอหยดน้ำขนาดประมาณปลายนิ้วอยู่บนเสาต้นที่อยู่ใกล้ๆ อยู่หยดนึง

ด้วยความตกใจ ฉันก็มองหาดูรอบๆ ถึงเพิ่งสังเกตว่าหยดน้ำพวกนั้นมันกระจายอยู่ทั่วเลย

 

รูปร่างของมัน รีๆ แบบนี้

เลนส์?

แสดงว่า

 

“ท่านโนอะคะ ฉันมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการก่อน ต้องขออภัยด้วยค่ะ แต่ฉันต้องขอตัวซักครู่”
“อื้อ เข้าใจแล้ว”

 

ฉันวิ่งไล่ตามหยดน้ำไป

หรือก็คือ เจ้าคนที่มาสอดส่องคอยจับตาดูท่านโนอะผ่านเลนส์ที่สร้างขึ้นจากน้ำ

เจ้านั่นอาจจะมาโปรยไว้เมื่อคืนนี่แหละ

อาศัยมุมสะท้อนแสงจากผิวน้ำที่เฉพาะเจาะจง ช่วยเปลี่ยนให้ตาของผู้ร่ายกลายเป็นเครื่องฉายภาพจากกล้องวงจรปิดเลย

แต่เพราะติดตั้งเอาไว้แค่ให้สงสัยน้อยที่สุด ก็ไม่มีเวลามาสร้างหยดน้ำตัวหลอกเพิ่มเอาไว้หรอก

หรือก็คือ ถ้าคาดเดาทิศทางของเลนส์อันต่อไปจากมุมที่สะท้อนแสงไปได้แล้วเดินตามทางนั้นไป เราก็จะตามรอยไปจนเจอที่อยู่ของเจ้าหน่วยสืบคนนั้นได้แล้ว

 

ฉันวิ่งตัดผ่านคฤหาสน์ ไม่นานก็ออกมานอกตัวบ้าน

ตามเลนส์ที่กระจายไปทั่วทั้งเสา กำแพง มุมที่พื้น แม้แต่บนต้นไม้ก็ด้วย

ไม่นาน ฉันก็เจอกับสัญญาณชีวิตออกมาจากต้นไม้ต้นนึงจากหมู่ไม้นับไม่ถ้วนซักที

 

“เจอตัวแล้ว”

 

ตั้งแต่ที่ฉันมาเป็นผู้ติดตามของท่านโนอะ นี่ก็ 7 ปีมาแล้ว

ฉันพยายามอย่างหนักมาตลอดเพื่อปกป้องคนคนนั้น

ไม่ใช่แค่ด้านเวทมนตร์อย่างเดียว แต่ด้านร่างกาย ฉันก็ฝึกมาอย่างต่อเนื่องในระดับที่ตัวฉันเองชาติก่อนคงนึกภาพไม่ออกเลย ฉันฝึกแม้แต่วิ่งปาร์กัวร์โดยอาศัยป่ารอบๆ มาใช้ช่วยด้วยซ้ำ

ตอนนี้ ความพยายามพวกนั้นผลิดอกออกผลซักที

 

“ไม่หนีไปแบบนี้ เป็นทัศนคติที่น่ายกย่องน่าดูเลย”
“…”
“ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องหนีก็ได้นี่นา ถ้าแกเป็นคนที่ถูกเก็บไว้ไม่ให้รู้ว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลกิฟท์ ต่อให้จะถูกฆ่าไป ตระกูลกิฟท์ก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย”

 

หน่วยสืบคนนั้น―――หรือน่าจะเป็นมืออาชีพที่จ้างมาจากภายนอกมากกว่า ก็ชักมีดสั้นออกมาโดยไม่พูดอะไรเลยซักคำ

ดูจากสีหน้าแล้วนี่ คงคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางแพ้ฉันสินะ

แต่ในเมื่อฉันหาที่นี่เจอได้ ยังไงก็ไม่ควรจะดูถูกฉันน้า

ก็ถูกอยู่ครึ่งนึงนะ แต่ก็ผิดไปเหมือนกัน

 

“{ชาโดว์แจ็ก (ตรึงเงา)}”
“ก!?”

 

เวทมนตร์โปรดของฉันเลย ที่จะทำให้เงารอบๆ ตัวฉันมีรูปร่างและเข้าควบคุมพวกมันได้

ฉันคุมเงาของเจ้านั่นเองกับเงาของตันไม้รอบๆ มารัดตัวของเจ้านั่นเอาไว้

 

“มาหันเขี้ยวใส่นายท่านของฉัน สมควรจะได้รับการลงโทษอย่างสาสมแล้ว… ช่วยตายให้ด้วยนะ”

“บ้าอ-…”

 

*ขรึก*

 

คอของชายคนนั้นบิดไป 180 องศาพร้อมเสียงทื่อๆ เหมือนบางอย่างแตกหัก

ก่อนจะร่วงตกลงมาจากต้นไม้ นิ่งไม่ไหวติง ฉันก็เข้าไปเช็คชายคนนั้นอีกทีว่าเจ้านั่นตายแล้วจริงๆ

หลายปีที่ผ่านมานี่ ฉันจัดการฆ่าคนมาเยอะแล้วล่ะ ทั้งสายลับจากประเทศอื่นที่ตั้งเป้ามาลักพาตัวท่านโนอะ ทั้งขุนนางในอาณาจักรที่เห็นท่านโนอะเป็นตัวขัดแข้งขัดขาตัวเอง

ฉันไม่ได้ชอบการฆ่าหรอก แต่ฉันก็ไม่เสียใจเหมือนกันที่ลงมือไป ใครที่มันหมายตาจะเอาตัวท่านโนอะไปจากฉันกับสแต ถือเป็นโทษสถานหนัก การจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

 

“ทีนี้ ก็เอาไปแค่หัวแล้วกัน”

 

ฉันใช้เวทความมืดตัดแค่ส่วนหัวออกมา ห่อมันไว้ด้วยผ้าขนหนู ก่อนจะวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์

พอฉันเข้ามาข้างใน ก็กลับไปที่ห้องของฉันเพื่อใส่หัวนั่นลงกล่องให้เรียบร้อย ก่อนจะตรงไปที่ห้องรับรอง

 

“ทุกท่านคะ คุโระค่ะ ขอเข้าไปนะคะ”
“เปิดอยู่แล้ว เข้ามาได้เลย”

 

พอฉันเข้าไป ฉันก็เห็นสมาชิกเกือบทุกคนในตระกูลกิฟท์กับตระกูลเทียไลท์มารวมตัวที่นี่กันหมดเลย

ออร์เกอร์มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

 

“มีอะไร? ตอนนี้เรากำลังคุยเรื่องสำคัญของอนาคตกันอยู่นะ”
“แหมๆ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คะ ท่านออร์เกอร์ แล้วมีอะไรเหรอคุโระ?”
“ฉันจัดการเรื่องคนไร้ยางอายที่มาถ้ำมองท่านโนอะกับท่านออร์เกอร์เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“พวกเราถูกจับตามองอย่างนั้นเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง?”

 

ท่านโนอะทำท่าเอียงคอสงสัย ทุกคนในห้องก็ดูจะสับสนกัน ฉันเลยค่อยๆ วางกล่องใบนั้นลงบนโต๊ะ

 

“เชิญดูได้เลยค่ะ”
“ฮะ? …อย่าบอกนะว่า ที่จัดการเรียบร้อยนี่หมายถึง”
“เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ฉันมองว่าการจับกุมตัวกลับมาเป็นๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจัดการไปอย่างน่าเสียดายค่ะ”
“แล้ว ในนี้ก็มีหัวของเจ้าคนถ่อยนั่นอยู่สินะ?”
“ค่ะ”

 

สมาชิกในครอบครัวกิฟท์ยังสับสนไม่หาย แต่พอเคานต์กิฟท์ค่อยๆ เปิดกล่องนั่นออกจนเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ทำเอาสีหน้าของเขาตกตะลึงไปเลยเมื่อรู้ว่าในนั้นคือหัวที่ถูกตัดขาดออกมา

 

“น- นี่มัน…”
“สมแล้วจริงๆ คุโระ ไม่ทันรู้ตัวเลยนะ เจ้านี่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน?”
“เขาใช้เวทมนตร์สายวารีแปะหยดน้ำเอาไว้ทั่วบริเวณ และใช้มันเป็นเหมือนกับเลนส์ ใช้เพื่อเฝ้าสังเกตท่านโนอะและคนอื่นๆ คล้ายกับกล้องส่องทางไกล โดยที่ตัวผู้ร่ายนั้นซ่อนตัวอยู่ในป่าข้างเคียง ฉันเลยดักซุ่มและจัดการหักคอของชายคนนั้นจนถึงแก่ความตายค่ะ”
“ข- ขอเสียมารยาทนะ นายท่านโนอามารี เจ้าเส้นผมชั้นต่ำ… ไม่สิ นายท่านคุโระ หมายค―――”
“อาระ ฉันไม่เคยบอกอย่างนั้นเหรอคะ? แม้ว่าคุโระของฉันจะไม่ได้ถือครองเวทมนตร์ แต่ความสามารถทางกายและความรู้ด้านกายวิภาคของเธอนั้นถือว่าโดดเด่นเลยค่ะ เธอสามารถจัดการได้แม้แต่นักเวทย์ที่มีฝีมือได้เลย และเธอก็อุทิศตนรับใช้ฉันมาตั้งแต่เธอยังเด็กเลยด้วยค่ะ”
“กล่าวชมเกินไปแล้วค่ะ”

 

ตามปกติ เรื่องนั่นคงฟังดูบ้าบอทั้งเพล่ะนะ แต่ในเมื่อมีศพจริงๆ มาเตรียมไว้อยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้ว ยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อแล้วล่ะ

แถมชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นมืออาชีพที่เคานต์กิฟท์เป็นคนว่าจ้างมาเองด้วย ตัวเคานต์กับพ่อบ้านที่น่าจะมีส่วนกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันถึงได้หน้าซีดเผือดกันไปทั้งคู่แบบนั้นน่ะ

 

“ต้องขอบใจคุโระเลยที่อยู่กับฉันด้วย ฉันถึงยังปลอดภัยแบบนี้อยู่ได้ การมีผมสีนี้ทำให้ฉันตกเป็นเป้าที่หมายตาโดยผู้ไม่หวังดีได้ง่าย ใครก็ตามที่กล้าดูถูกคุโระแล้วจะเข้ามาลักพาตัวฉันก็ถูกเด็กคนนี้จัดการไปหมดทุกรายเลย ใช่หรือเปล่า คุโระ?”
“ค่ะ คนที่หมายหัวเจ้านายของฉัน หัวมันต้องหลุดจากบ่าอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนค่ะ โปรดวางใจ ตราบใดที่ทุกท่านยังอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ฉันขอรับประกันความปลอดภัยของพวกท่านค่ะ อย่างแน่นอน”

 

ฉันพูดต่อพลางจ้องไปทางเคานต์กิฟท์

 

“ตราบเท่าที่ไม่มีสิ่งใดกระทบต่อความปลอดภัยของท่านโนอามารีค่ะ ฉันเชื่อว่าไม่มีใคร ณ ที่นี่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เกิดขึ้น แต่ฉันขอเตือนเอาไว้ก่อน”

 

จากนั้นฉันก็ยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปที่ทุกคนในห้อง

 

“ใครก็ตามที่กล้าดีทำให้เจ้านายของฉันที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตต้องอยู่ในอันตราย―――ฉันจะจบชีวิตของมันผู้นั้นอย่างไม่ลังเลแน่นอน โปรดจำสิ่งนี้ให้ขึ้นใจด้วยค่ะ”
“น- ส- สามห-”
“น่าประทับใจมาก! สมแล้วที่เป็นคุโระของฉัน! ว่ามั้ยคะท่านพ่อ!”
“อ- โอ้ อ่า ทำแบบนี้ต่อไป เพื่อลูกสาวของฉันซะล่ะ”
“รับทราบค่ะ”

 

ดูเหมือนว่าออร์เกอร์ที่ยังตามสถานการณ์ตอนนี้ไม่ทันกำลังจะแย้งอะไรซักอย่าง แต่คำสนับสนุนจากท่านโนอะก็เข้ามาขัดซะก่อนที่เจ้านั่นจะได้ทำแบบนั้น ทำเอาไม่ได้พูดอะไรเลย

ส่วนสมาชิกตระกูลกิฟท์ที่เข้าใจสถานการณ์ก็ยิ่งหน้าซีดเข้าไปอีก

ต้องคิดันอยู่แน่ๆ ว่าถ้าเรื่องแดงขึ้นมาว่าพวกเขาเองนั่นแหละที่ส่งชายคนนี้มา พวกเขาจะต้องเดือดร้อนกันแน่นอนน่ะ

 

“จะว่าไป คุโระ รู้หรือเปล่าว่าทำไมชายคนนี้ถึงหมายตาฉันกับท่านออร์เกอร์?”
“ไม่สามารถชี้ชัดได้ค่ะว่าเขาเพ่งเล็งที่ใคร แต่ค่อนข้างมีฝีมือทีเดียวค่ะ การจะเอาชนะจำเป็นต้องใช้การดักซุ่มโจมตีเลย น่าจะถูกว่าจ้างมาจากใครบางคนที่มีทุนทรัพย์อยู่พอสมควร อาจเป็นนักลอบสังหารหรือผู้ก่อการร้ายลักพาตัวก็ได้ จะให้สแตลองสืบค้นดูมั้ยคะ?”
“นั่นสินะ สแต ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหาตัวผู้จ้างวานชายคนนี้ได้?”
“ขอซัก 1 วัน น่าจะหาได้”
“!?”
“สมกับที่เป็นอัจฉริยะในการรวบรวมประมวลข้อมูลอย่างสแตจริงๆ! พูดอะไรต่างไปจากคนอื่นเลยนะ!”

 

ด้วยการแสดงที่เราฝึกมาจากเมื่อวานนี้ ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องค่อยๆ เปลี่ยนไป

พวกเส้นผมชั้นต่ำที่ครั้งนึงเคยดูถูกเอาไว้ ตอนนี้กลับเผยว่าเป็นอัจฉริยะในด้านที่ไม่ต้องใช้เวทมนตร์เข้าช่วยเลย

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ วิธีออกไปก็มีอยู่แค่หนทางเดียว

 

“ม- ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก! ฉันจำเจ้าชายคนนี้ได้! เจ้านี่ทำงานอยู่ในจักรวรรดิ แถมหมายหัวพวกเราอยู่ด้วย! ใช่มั้ย!?”
“จ- จริงด้วยครับ เดี๋ยวทางเราจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ต้องลำบากฝั่งพวกท่านร―――”
“อาระ อย่างนั้นเหรอคะ? ไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอกค่ะ เห็นด้วยหรือเปล่า สแต?”
“อืม หาเจอได้แน่ คนที่จ้างเจ้านี่ คือใคร”
“ไว้ได้เรื่องแล้ว เราก็ไปเก็บตัวนายจ้างซะ จะได้จบเรื่องนี้ไปตลอดกาล”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก ทีนี้ เอาหัวนี้ไปกำจัดทิ้งได้แล้ว!”

 

ทุกคนในกลุ่มนอกจากออร์เกอร์ดูจะเข้าใจเรื่องราวกันหมดแล้ว

พวกนี้ก็แค่ปัดความรัดผิดชอบเท่านั้นเอง

 

―――เราอยากแทรกแซงเข้าไปในจักรวรรดิ แต่เราไม่ยอมให้พวกแกมาคุมบังเหียนหรอกนะ

พวกเราต่างหากที่เป็นคนที่คุมบังเหียน อย่าเข้าใจผิดไป

 

เราต้องการจะสื่อไปแบบนั้นแหละ อยากจะตีความยังไงก็เชิญตามสบาย

เท่านี้ พวกนั้นก็ไม่กล้ามาแตะต้องพวกเราอีกแล้ว

 

ทีนี้ ทั้งหมดที่เหลือก็มีแค่รอให้ฝาแฝดคู่นั้นมาถึงในอีก 5 วันสินะ

 

TN: รางวัลออสก้าสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และสาขานักแแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นของ: โนอามารี เทียไลท์ คร้าบบบ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด