[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta 18
“ทำไมถึงมีแค่ผมที่มีชีวิตอยู่ละ?”
นี่เป็นไม่กี่วันหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
ในห้องนั่งเล่นที่ถูกเอาเครื่องใช้ทั้งหมดออกไป ริคุจังพึมพำเหมือนกับถามคำถามเรียบง่ายออกมา
―ทำไมถึงมีแค่ผมที่มีชีวิตอยู่กันละ?
คำๆนั้นรวมทุกๆอย่างของริคุจังในตอนนี้เอาๆไว้
ไม่มีการร้องตะโกน ไม่มีการคร่ำครวญ ไม่มีความเศร้าสร้อย
มีเพียงความเหม่อลอย ที่มองไปที่ความว่างเปล่า
บางทีคงจะลืมไปแล้วว่าฉันอยู่ข้างๆ
ริคุจังที่ใบหน้าหดหู่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า
“ริคุจัง ไปกันเถอะ? พวกคุณยายกำลังรออยู่นะ?”
“……”
“ริคุจัง…”
ไม่แม้จะหันหน้ามามองที่ทางนี้
….คงไม่มีแรงที่จะทำแบบนั้นสินะ
ฉันทำอะไรให้ริคุจังได้บ้างละ
ถึงนี่จะเป็นแค่ความคิดของตัวฉันเองก็เถอะแต่คิดว่าเพื่อนสมัยเด็กนั้นเป็นตัวตนที่ใกล้ชิดรองลงมาจากครอบครัว
โดยเฉพาะพวกเรา
มีโอกาสได้เจอกันเพราะบ้านอยู่ติดกัน
อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ไปที่บ้านของกันและกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนจับมือบนเตียงเดียวกัน
พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
ความสัมพันธ์นี้เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าญาติ เพื่อน หรือแม้แต่คนรักในอนาคตซะอีก
นั่นก็คือเพื่อนสมัยเด็ก
เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะอยู่ด้วยกันตลอด
เพราะงั้นถ้าเกิดว่าริคุจังเศร้า ฉันเองก็เศร้าเหมือนกัน
ไม่ว่าตอนใหนก็อยากจะอยู่เคียงข้างไปตลอด
“ริคุจัง”
“……”
“คนอย่างฉันพูดอะไรมากกับเรื่องที่ทดแทนคนในครอบครัวไม่ได้หรอก แต่ว่าพวกเราน่ะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน…เพราะงั้นก็อยู่เคียงข้างกันแนบชิดกันได้เหมือนคนในครอบครัวนะ”
“ฮารุโนะ….?”
แม้แต่ตอนนี้เสียงของเขาก็เหมือนจะจางหายไป แต่ริคุจังก็ค่อยๆหันมามองที่ฉัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างริคุจังเอง เหมือนกับที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วอยู่เคียงข้างให้เอง”
“……”
“เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลยควรที่จะยอมรับทุกอย่างของกันและกัน”
ฉันจ้องไปในดวงตาที่ว่างเปล่าของริคุงจัง และสานคำพูดที่ออกมาจากใจ
“เพราะว่าเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน…เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ด้วยกันนานถัดลงมาจากครอบครัว…”
“……”
“ริคุจังน่ะไม่ต้องเกรงใจอะไรกับฉันหรอกนะ ตอนที่ทรมารจะร้องไห้ก็ได้ ตอนที่อยากจะอ้อนก็อ้อนได้นะ ฉันที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กจะยอมรับทุกๆอย่างของริคุจังเอง”
สำหรับฉันแล้วเพื่อนสมัยเด็กเป็นความสัมพัน์ที่บริสุทธิ์มากๆ และไม่ได้มีผลกระทบจากเพศ บุคลิก หรือ อายุ
ครอบครัวเองก็เป็นแบบนั้นใช่มั้ยละ?
ไม่ว่าพ่อกับแม่จะมีนิสัยแบบใหนแต่ว่าแก่นแท้ของความรู้สึกที่มีแต่ครอบครัวก็ไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะแบบนั้นฉันถึงอยากจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อนริคุจังที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ไม่ว่าริคุจังมีบุคลิกยังไง ไม่ว่าจะเป้นผู้ชายไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง มันก็ไม่สำคัญกับฉัน
เพื่อนสมัยเด็ก เพื่อนสมัยเด็ก….
อยากจะอยู่ข้างๆเพื่อนสมัยเด็กคนสำคัญ
แต่ว่า นั่นเป็นความเข้าใจผิด―
ความรู้สึกที่อยากจะอยู่เคียงข้างริคุจังมันไม่ใช่เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก―
มันเป็นความรู้สึกของ ฮารุคาเสะ ฮารุโนะ เป็นความรู้สึกของตัวฉันเอง
◇
ฉันแอบตามทั้งสองคนและขึ้นไปบนรถไฟ
หลังจากที่เดินเว้นระยะห่างจากทั้งสองคนที่ลงไปจากรถไฟในไม่กี่สถานี ก็มาถึงอพาร์ตเมนต์ไม้เก่าๆสองชั้น
“…เอ๊ะ?”
พอเห็นทั้งสองคนเข้าไปในห้องเดียวกัน ฉันก็เปร่งเสียงโง่ๆออกมา
ขยับเข้าไปใกล้เสาไฟไม่ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ขามันขยับไม่ได้ราวกับว่ามันชา
ถึงจะมีคุณยายที่ผ่านมามองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจถึงเรื่องนั้นเลย
“……”
พอผ่านไปสักพักก็ไปเช็คดูกล่องจดหมายของอพาร์ตเมนต์
—–อายานะจัง อาศัยอยู่คนเดียวสินะ?
อายานะจังที่เป็นที่สดุดตาภายในห้องเรียน ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เคยได้ยินบทสนทนาของอายานะจังกับคานะจังอยู่ ว่าทั้งสองคนนั้นอาศัยอยู่คนเดียว แต่ว่าตรงจุดนั้นในตอนนี้มันไม่ได้สำคัญ
“ริคุจังกับอายานะจัง….กำลังคบกันอยู่”
เสียงพึมพำนั้นแผ่วเบาราวกับว่าเหม่ออยู่
แต่ว่า….บางทีอาจจะแค่แวะมาพักก็ได้
เชื่อกับความเป็นไปได้ที่เป็นไปไม่ได้โดยที่รอให้ริคุจังออกมาจนอาทิตย์ลับขอบฟ้า
กว่าจะทันรู้ตัวรอบๆก็เต็มไปด้วยความมืดแล้ว
มันก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะเวลาตอนนี้คือสามทุ่มครึ่ง
ฉันอดทนยืนอยู่ที่ใต้ไฟถนนที่ดับอยู่เพื่อรอให้ประตูห้องของอายานะจังเปิดออก แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปิดเลยสักนิด
บนมือถือมีการติดต่อจากแม่ที่กังวลว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่เพราะไม่มีเวลาเลยไม่ได้ตอบกลับ และจ้องไปที่อพาร์ตเมนต์ด้วยความประหลาดใจ
“นี่ ริคุจัง…ค้างที่บ้านของอายานะจังเหรอ?”
ถามริคุจังไปที่ควรจะอยู่ในห้องของอายานะจัง
“ทั้งที่เวลาป่านนี้แล้วแท้ๆ สองต่อสอง….? ตอนนี้ทั้งสองคนทำอะไรอยู่เหรอ?”
—ทั้งที่เพิ่งจะบอกชอบฉันไปเองแท้ๆ
วินาทีต่อมาตามันก็พร่า
อะไรสักอย่างอุ่นๆมันไหลกองอยู่ที่ตาและอาบลงมาที่แก้ม
น้ำตามัน ไหลอยู่—
“เอ๊ะ ทำไม….น้ำตามัน?”
เช็ดน้ำตาออกไปด้วยมือ
แต่ต่อให้เช็ดออกไปเท่าไหร่มันก็ยังไม่หยุดไหล
“…..ฮึก!”
ตัวตนที่คอยอยู่เคียงข้างได้จางหายไป
ความรู้สึกของการสูญเสีย
ช่องว่างๆที่อก
ตัวตนที่คอยอยู่เคียงข้างอยู่ตลอด ตัวตนที่คอยยอมรับฉันไม่ว่าจะเป็นยังไง
ตัวตนนั้นได้ไปอยู่กับอยู่หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันแล้ว—
“ฮ ฮือ…..ไม่นะ…..ไม่ได้นะ!”
ทั้งที่คิดว่าถ้าเกิดริคุจังมีคนรักจะสามารถยินดีด้วยได้แท้ๆ
ไม่สิ—ผิดแล้ว
ที่ใหนสักที่ในใจมันคิดไปว่าริคุจังจะไม่มีคนรัก
ก็เพราะริคุจังยึดติดอยู่กับฉัน
มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะอยู่เคียงข้างฉัน
ไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากฉัน
เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็เลยคิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด…..
เพราะคิดเองเออเองเอาไปแบบนั้น ก็เลยไม่ได้คิดอะไรเลย
เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กเลยอยู่ด้วยกัน—-มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย
ฉันน่ะ ตัวฉันน่ะอยากจะอยู่ด้วยกันกับริคุจัง
ครั้งแรกที่เห็นเขาสนิทกับเพศตรงข้าม ในที่สุดก็รู้สึกตัว
ว่าฉันอยากจะเป็นตัวตนที่พิเศษของเขา
“ฉัน….ชอบริคุงจัง…”
เคยคิดไปว่ามันเป็นธรรมดาที่คนที่สำคัญจะคอยอยู่เคียงข้าง
เข้าใจอะไรผิดไปกันละ
ไม่ได้เกี่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กสักหน่อย
เพราะมีริคุจังอยู่เคียงข้างเลยรู้สึกสบายใจ
ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงในตอนที่คนที่สำคัญจากไปแล้ว….
มันก็แน่นอนอยู่แล้วที่จะรู้สึกหงุดหงิดตอนที่เห็นทั้งสองคน
เพราะว่าคนที่ชอบไปสนิทกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองไงละ….!
“สายไปแล้ว….ไม่ใช่รึไง…. ต่อให้มารู้สึกตัวเอาป่านนี้….มันก็สายเกินไปแล้วไม่ใช่รึไงกัน…..!”
ดำดิ่งไปกับความรู้สึกเสียใจ
ทว่าความรู้สึกนั้นไม่นานก็เปลี่ยนไปกลายเป็นโกรธ
“ริคุงจังเองก็….ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? พอบอกชอบฉันเสร็จ….ก็เริ่มคบกับอายานะจังเลยงั้นเหรอ? ว ไวเกินไปแล้วนะ…. ร รออีกสักหน่อย…..ก็ได้ไม่ใช่รึไง…! ถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันก็จะรู้สึกตัวแล้วแท้ๆ…!”
พอแผดเสียงออกมาด้วยความเสียใจและความโกรธ ก็นึกถึงบทสนทนาเมื่อเช้านี้ได้ ริคุจังที่ถูกฉันตะโกนใส่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ นั่นก็หมายความว่า….?
“…ตอนนี้เองก็ยังชอบฉัน….อยู่งั้นเหรอ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องของอายานะจัง
“….ยังทันอยู่….?”
======จบตอน======
เอาจริงๆฮารุโนะนี่น่าสงสารอยู่นะ
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook
Comments