[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta 24
เวร ร่างกายมันสั่นไม่หยุดเลย ผมที่นั่งที่เบาะหลังของรถบัส จับหัวของตัวเองพร้อมกับตัวสั่น
“คุโรมิเนะคุง”
“…อะไรเหรอ?”
“ถึงจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ว่าของขาดเหรอ?”
โฮชิมิยะถามพลางถอยออกไปเล็กน้อย น่าเศร้าชะมัด…
พวกเราขึ้นรถบัสไปทัศนศึกษากัน และกำลังมุ่งหน้าไปที่ภูเขา เหมือนว่าปี2ทั้งหมดจะเดินป่ากันทุกคน เด็กประถมรึไงฟะ….ก็คิดงั้นแหละ แต่เหมือนว่าโรงเรียนที่พวกเรากำลังไปมีกิจกรรมอยู่เยอะ แล้วเหมือนจะมีจุดขายเป็นธรรมชาติเพราะตอนนี้เป็นยุคที่ดิจิทัลเป็นที่นิยม
“นี่คุโรมิเนะคุง หน้าซีดและยังตัวสั่นอีก…..อย่างที่คิดของขาดสินะ?”
“อันนั้นเองก็ถามไปแล้วนะเมื่อกี้”
ที่นั่งบนบัสตัดสินกันด้วยฉลาก แล้วผมก็ได้มานั่งข้างๆโฮชิมิยะอย่างอัศจรรย์ ตอนที่ที่นั่งถูกตัดสินในใจคือดีใจจนร้องตะโกนอยู่ในใจแต่ว่า ถ้าคิดจากสภาพปัจจุบันแล้วเรียกได้ว่าสุดจะแย่ ไม่อยากให้โฮชิมิยะเห็นสภาพห่วยๆแบบนี้เลย
“ไม่เป็นไร….คงไม่ใช่สินะ?”
“ไม่เป็นไรๆ แค่กำลังขอให้ความสิ้นหวังของโลกใบนี้หายไปตลอดกาลน่ะ”
“เป็นอะไรไปน่ะคุโรมิเนะคุง!? สำหรับอาการเมารถแล้วออกจะเลวร้ายเกินไปหน่อยนะ!”
“……ไม่ใช่เมารถหรอก”
“เอ่อ….ทำยังไงดี ให้เรียกอาจารย์มั้ย?”
“ไม่เป็นไร มันเป็นปัญหาของฉันเองน่ะ…..”
โฮชิมิยะท่าทางดูกังวลแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ไม่มีทางอื่นนอกจากอดทนเอาไว้จนกว่าจะถึงที่หมาย
ก็คิดเอาไว้แบบนั้นแต่ว่า นักเรียนหญิงที่อยู่ทางซ้ายก็มาคุยด้วย
“กลัวสินะริคุจัง….จะให้หนุนตักนะนอนลงสิ”
ฮารุโนะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กยิ้มมาอย่างอ่อนโยน ตบมือที่ตักแล้วบอกให้ผมเอาหัวไปวางเอาไว้ ทางซ้ายเป็นโฮชิมิยะ ทางขวาเป็นฮารุโนะ ปาฏิหาริย์ชัดๆ
“มาสิริคุจัง หนุนตัก”
แม้จะเกิดเรื่องวันที่ฝนตกนั่นขึ้นฮารุโนะก็ยังแสดงท่าทีออกมาเหมือนเดิม ราวกับว่ายึดติดกับบรรยากาศที่อ่อนโยนแบบนั้นจนทำให้นึกถึงสมัยม.ต้นตอนที่ล้มแล้วฮารุโนะให้หนุนตัก การที่ได้เคียงข้างกับฮารุโนะทำให้สงบที่สุดจริงๆนั่นแหละ ความกลัวที่กัดกินอยู่ภายในใจได้หายลับไป ตัวเองก็หยุดสั่นจนเหมือนโกหก
“ตอนที่ไปเที่ยวด้วยบัสของโรงเรียนเองก็ทำให้แบบนี้เน๊าะ”
ขณะที่พูดแบบนั้นฮารุโนะก็ลูบหัวของผมเบาๆ ด้วยมือที่เคยชิน ทำให้รู้แรงที่เหมาะที่ทำให้ผมสบายใจ
“อย่างที่คิดทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ”
“เปล่าหรอก นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ว่าริคุจังน่ะกลัวรถ”
“กลัวรถ?”
“ใช่แล้วล่ะ ตอนที่ไปในเมืองก็เดินแค่ที่ขอบทางเท้า….. เมื่อก่อนแค่ได้ยินเสียงแตรก็จะย่อตัวอยู่ตรงนั้นแล้วขยับไปใหนไม่ได้เลย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ”
“ย อย่างนั้นน่ะเอง ทั้งที่เป็นแบบนั้น ตอนนั้นก็ยัง…”
(Tl.น้องนึกถึงตอนที่พระเอกกอดน้องจากข้างหลัง)
เหมือนโฮชิมิยะกับฮารุโนะจะกำลังพูดถึงผมอยู่
น่าอายนิดๆแฮะ
“เพราะแบบนั้นตอนม.ต้นเลยได้จับมือกับฉันเดินรอบเมืองเลยล่ะเน๊าะ- ริคุจัง”
“…มันน่าอายจริงๆนะหยุดพูดเถอะ”
เพราะอะไรสักอย่างเลยไม่อยากให้โฮชิมิยะรู้ ไม่สิไม่ใช่แค่โฮชิมิยะ แต่เป็นทุกๆคนเลยต่างหาก
“อ๊ะ ขอโทษนะอายานะจัง! อย่างกับกำลังอวดอยู่เลยสินะ!”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรไม่ต้องใส่ใจก็ได้ ก็ทั้งสองคนเหมาะกันจริงๆนี่นะ.. ทั้งที่สนิทกันขนาดนั้นแท้ๆ ยังไม่ได้คบกันเหรอ?”
“ฮ่ะๆ…ฉันกับริคุจังมีอะไรที่มันซับซ้อนอยู่นิดหน่อยน่ะ….”
ฮารุโนะตบตาด้วยการยิ้มแหยๆ ตอนนี้กำลังรอผมให้คำตอบอยู่ คิดว่าต้องขอโทษที่ทำให้ต้องรอแต่ว่า จะให้ตัดสินใจแบบไม่มีหัวคิดไม่ได้
“ฮารุโนะ หนุนตัก…พอแล้วล่ะ”
ผมยกหัวขึ้นจากตักของฮารุโนะ แล้วกลับคืนท่าเดิม
“ทำไมละ?”
“จะให้ฮารุโนะตามใจไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ต้องเอาชนะให้ได้”
“งั้นเหรอ… แต่ว่านะ ก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนี่นา คิดว่าจะอ้อนก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”
“ไม่สิ….จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าฮารุโนะกับฉันคบกันอยู่มันก็ได้อยู่ แต่ว่าตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กกันธรรมดาๆ”
อีกอย่างคือไม่อยากให้โฮชิมิยะเห็น สถาพที่ผมถูกฮารุโนะตามใจ…. รู้สึกได้เลยว่าน่าซีด ทั้งมือทั้งเท้าสั่น ตัวเองก็เย็นไปทั้งตัว สำหรับผมแล้ว ไม่ได้กลัวรถอะไรขนาดนั้น
แค่กลัวจากลึกๆภายในใจแค่ไม่รู้ตัวก็เท่านั้นนั้นละมั้ง
======จบตอน======
จะว่าพระเอกมันโลเลก็ไม่ได้อะนะ เพราะเป็นจังหวะที่เสียใจมากๆแล้วก็มีคนเข้ามาพอดี แล้วก็ปรับความเข้าใจกับเพื่อนสมัยเด็กแล้วด้วย เลยยังต้องการเวลาให้มันแน่นอนจริงๆ
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook
Comments