[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta 27
แสงแดดที่ทอดลงมาผ่านทางหน้าต่างทำให้ภายในรถไฟที่เรานั่งเป็นสีส้ม ในรถไฟมีคนอยู่แค่ไม่กี่คนและเสียงที่ได้ยินก็มีเพียงเสียงวิ่งและแรงสั่นเท่านั้น
คนที่นั่งถัดจากผมก็คือโฮชิมิยะที่กำลังมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
หลังจากที่กลับจากอบรมนอกสถานที่ อาจารย์ห้องพยาบาลตรวจดูอาการแพลงของโฮชิมิยะและบอกให้หยุดพักผ่อนไปก่อนชั่วคราวและใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากอาการบวมแย่ลง หรือกังวลเรื่องอาการปวดให้รีบไปโรงพยาบาล
ตัวโฮชิมิยะเองก็บอกว่าไม่ได้ปวดอะไรขนาดนั้น สำหรับตอนนี้ก็คงหายห่วงได้สินะ
ถึงอย่างนั้น การไม่ขยับข้อเท้าขวาให้มากจะเป็นการดีกว่า
ผมเลยเสนอไปว่า “ให้ฉันแบกไปจนถึงที่บ้านมั้ย?” แต่ก็โดนโฮชิมิยะที่หน้าแดงดุว่า “ดูสถานที่หน่อยสิ! มันหน้าอายนะ!”
แล้วโฮชิมิยะที่เดินกระเพกก็มาถึงสถานีรถไฟ และจากนั้นพวกเราก็เดินขึ้นรถไฟกัน
“นี่ คุโรมิเนะคุง เค้ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อยน่ะ”
“หืม มีอะไรเหรอ”
โฮชิมิยะค่อยๆขยับศีรษะช้าๆและจากนั้นก็เหลือบมองผมมาจากทางหน้าต่าง
พลันทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่จริงจัง แต่ว่าผมก็ได้แต่จ้องไปที่ใบหน้าของโฮชิมิยะที่อาบไปด้วยแสงของอาทิตย์อัสดง แสงอาทิตย์อันนุ่มนวลสาดส่องลงบนใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาของโฮชิมิยะ ทำให้ความอันลึบลับเปล่งประกายออกมา …..ว่าแล้วเชียว ที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายก็เพราะน่ารักนี่แหละนะ
“บางทีเรื่องสตอล์กเกอร์ เค้าอาจจะแค่คิดไปเองก็ได้”
“จริงเหรอ”
“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เจอเลยสักครั้งใช่มั้ยละ? ที่ชั้นในหายไปบางทีอาจจะเพราะปลิวหายไปตามลมก็ได้”
“ก็มีความเป็นไปได้อยู่”
“อือ เพราะงั้น แบบว่า…”
โฮชิมิยะลังเลและก้มหน้าลงมองพื้น
เพราะไม่รู้ว่าอยากจะพูดอะไร ผมเลยตัดสินใจพูดออกไปก่อน
“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอที่จะสรุบว่าสตอล์กเกอร์เป็นแค่เรื่องที่คิดไปน่ะ?”
“อย่างนั้นเหรอ…?”
“ที่ไม่ทำอะไรอาจจะเป็นเพราะมีฉันอยู่ก็ได้”
“แต่ว่านะ ถ้าแบบนั้น…จะกลายเป็นว่าคุโรมิเนะคุงอยู่ที่บ้านฉันไปตลอดเลยนะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก”
โฮชิมิยะดูแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่ผมตอบไปแทบจะในทันที
“คุณฮารุโนะ….จะไม่ว่าเหรอ?”
“ไหงถึงมีชื่อฮารุโนะออกมาได้ละ”
“ที่ทั้งสองคนไม่ได้คบกัน ก็เพราะมีเค้าอยู่ใช่มั้ยละ?”
“หมายความว่ายังไงน่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“ตอนนี้น่ะ คุโรมิเนะคุงอาศัยอยู่ที่บ้านเค้าใช่มั้ยละ? ก็เลยคิดว่าที่ไม่ได้คบกับคุณฮารุโนะเป็นเพราะว่าคุโรมิเนะคุงรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอยู่รึเปล่าน้าน่ะ….”
คำพูดของโฮชิมิยะค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ น่าจะเป็นเพราะรู้สึกผิดมากกว่าที่จะเป็นเพราะไม่มั่นใจในคำพูดของตัวเอง
“ไม่เกี่ยวกันหรอกนะ”
“จริงเหรอ? แต่ว่าทั้งสองคนก็ชอบพอกันใช่มั้ยละ?”
“……”
“ว่าแล้วเชียว…..”
พอเห็นว่าผมไม่พูดอะไรออกมา โฮชิมิยะก็มั่นใจในทันที
แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ดีว่าทำไมถึงไม่คบกัน
ถ้าจะให้เหตุผล ก็คงเพราะว่าผมชอบโฮชิมิยะด้วยเหมือนกัน
“ทำไมถึงไม่คบกันเหรอ? วันนี้ทั้งสองคนดูสนิทกันสุดๆเลยนะ….”
“ไม่เกี่ยวกับ…..โฮชิมิยะสักหน่อย”
“….งั้นเหรอ ก็นั่นสินะ…..ไม่เกี่ยวกับเค้าสักหน่อยนี่นะ…”
นี่เลือกใช้คำผิดไปรึเปล่านะ? ใบหน้าของโฮชิมินะเศร้าหมองออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลย แม้จะพยายามฝืนยิ้มปกปิดเอาไว้ แต่ก็ซ่อนได้ไม่มิด
ถ้างั้นควรจะพูดอะไรออกไปดีละ ในตอนที่ผมกำลังกังวลอยู่นั้นโฮชิมิยะก็พูดขึ้นว่า
“อีกหนึ่งสัปดาห์…”
“เอ๊ะ?”
“แค่อีกหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น….ขอรบกวนด้วยนะคะ ถ้าเกิดระหว่างนั้นสตอล์กเกอร์ไม่ปรากฏตัวออกมา ก็ให้เป็นว่ามันเป็นเพราะฉันคิดไปเอง”
“….เข้าใจแล้ว”
ด้วยบรรยากาศทำให้ไม่สามารถปฏิเสธออกไปได้ ดูเหมือนโฮชิมิยะจะมีคำตอบอยู่แล้ว ที่กำหนดระยะเวลาเอาไว้หนึ่งสัปดาห์ก็เพื่อจะโน้มน้าวเราด้วยสินะ
บางทีโฮชิมิยะคงจะกำลังโทษตัวเองอยู่ ว่าที่ผมกับฮารุโนะไม่ยอมคบกันมันเป็นเพราะตัวของเธอ… ทั้งที่มันไม่ใช่แบบนั้นแท้ๆ
ความเงียบยังคงดำเนินไปต่อ และผมก็กระตุ้นด้วยแรงปรารถนาอะไรสักอย่าง
—อยากจะรู้ว่าโฮชิมิยะคิดยังไงกับตัวเอง
อยากรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ชอบ….
“นี่ โฮชิมิยะ”
“อะไรเหรอ?”
“โฮชิมิยะน่ะ ไม่ได้รู้สึกชอบฉันบ้างเลยจริงๆเหรอ?”
พูดให้มันดูติดตลกออกไป ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำให้มันดูสดใจ
ด้วยวิธีพูดแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาแบบใหน ก็จะทำให้เป็นเรื่องที่ตลกได้
“—-”
ใบหน้าขอโฮชิมิยะกลายเป็นสีแดงสด และปากอ้าค้างไว้อยู่ครึ่งหนึ่ง
แสงข้างในตาคู่นั้นดูสั่นไหวราวกับว่าไม่ได้โฟกัสอยู่
“โฮชิมิยะ…?”
“อ เอ่อ…. ทำไม่ถึงคิดแบบนั้นเหรอ…?”
“เปล่าหรอก ก็แบบ ทำท่าทางคล้ายๆแบบนั้นอยู่บ่อยๆน่ะ…”
“…….”
“……”
พวกเราหันหน้าหนีโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
โดนปกคลุมไปด้วยความอึดอัดที่ทำให้เป็นเรื่องตลกไม่ได้ซะแล้ว
“ค คุโรมิเนะคุง…”
“ครับ….”
“เค้าน่ะนะ กับคุโรมิคุงแล้ว……”
ผมกลืนน้ำลาย และจ้องไปที่ริมฝีปากที่ชุ่มฉ่ำของโฮชิมิยะ
ทำเอารู้สึกประหม่า จนใจเต้นระส่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
“เค้าน่ะนะ กับคุโรมิเนะคุงแล้ว ไม่ได้ชอบ-หรอกนะ”
“…เอ๊ะ อ่อ ไม่ได้ชอบสินะ”
“อื้อ ว่าแล้วเชียว คุโรมิเนะคุงเนี่ยแปลกจังนะ ปกติแล้วถึงจะคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่มีใครเขาเข้าไปถามตรงๆหรอกนะ”
“ฮ ฮ่าฮ่า โทษทีนะ”
พอนึกๆดูแล้ว เมื่อก่อนเราเคยถูกโฮชิมิยะเรียกว่าคนแปลกนี่นะ
ในขณะที่คิดอยู่ ก็รู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
…งั้นเหรอ โฮชิมิยะไม่ได้ชอบเรางั้นสินะ
เอาเถอะ มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ
แม้มันจะเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน แต่มันก็ทำให้รู้สึกสดชื่นด้วยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนได้ขจัดปัญหาทิ้งไปทั้งหมดเลย
“คำพูดแปลกๆแบบนั้น นอกจากเค้ากับคุณฮารุโนะแล้วไม่ควรเอาไปพูดกับคนอื่นนะ เดี๋ยวเขาจะหนีเอา”
“เข้าใจแล้วครับ…..”
รู้สึกอย่างกับว่าเป็นหมาที่โดนเจ้าของดุเลยแฮะ ผมพยักหน้าขอโทษ
“เดิมทีแล้วระหว่างคุโรมิเนะคุงที่ลังเล กับคุโรมิเนะคุงที่ไม่ลักเลน่ะต่างกันมากเลยนะ จะไม่บอกว่ารู้ตัวหรอกนะ ที่เมื่อวันก่อนถือ กกน. ของเค้า แถมเมื่อคืนนี้เองก็–”
โฮชิมิยะแสดงท่าทีไม่พอใจใส่ผมทั้งๆแบบนั้น
ก็เคยได้ยินมาอยู่บ้างว่าผู้หญิงเก็บสะสมความหงุดหงิดเอาไว้ และจะระเบิดออกมาด้วยแรงกระตุ้นอะไรบางอย่าง
ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือแบบนั้นรึเปล่านะ?
ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าและพยักหน้าพูดว่า”ขอโทษครับ………”
======จบตอน======
เรื่องจะเป็นไงต่อนะ……
___________________
ติดตามผลงานอื่นๆและสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook
Comments