[WN]Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta 28
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน พวกเราปล่อยให้เวลาไหลไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ล่ะคนนั่งจ้องไปที่มือถือของตัวเอง และไม่ได้คุยอะไรกันเลยสักนิดเดียว ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่บรรยากาศที่น่าอึดอัดอะไร ถ้าจะให้บอกว่าเป็นประมาณใหน ก็คงเป็นช่วงเวลาที่ไหลไปตามปกติที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเจ็บปวด
ผ่านไปไม่นานท้องฟ้าที่เห็นได้ผ่านหน้าต่างก็มืดลงจนถึงเวลาอาหารเย็น
“อ๊ะ ลืมไปเลย ยังไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่างเลยนี่นา”
โฮชิมิยะถอนหายใจออกมาหลังจากที่เปิดตู้เย็นดู ค่อนข้างหายากเลยที่จะพลาดแบบนี้
เอาเถอะ เราที่อยู่ในตำแหน่งผู้อยู่อาศัย ก็คงพูดอะไรไม่ได้
“ขอโทษนะคุโรมิเนะคุง เดี๋ยวเค้าไปซื้อของก่อน ฝากหุงข้าวหน่อยได้รึเปล่า?”
“ไม่สิ เดี๋ยวฉันไปซื้อของเอง โฮชิมิยะไปพักเถอะ”
ผมขอเปลี่ยนตัวกับโฮชิมิยะที่เท้าแพลงอยู่ ทว่าโฮชิมิยะกลับมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“…..เอ๊ะ จะไม่เป็นไรเหรอ? ไปซื้อของได้ด้วยเหรอ?”
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กสิ ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรกสักหน่อย”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น….คือคุโรมิเนะคุงน่ะไม่เคยทำอาหารเลยใช่มั้ยละ? เพราะงั้นก็เลยคิดว่าคงไม่น่ารู้ว่าควรจะซื้ออะไรมาน่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป มื้อค่ำวันนี้เชื่อมือฉันได้เลย”
“ม มีอะไรงั้นเหรอ? ดูมีความมั่นใจจัง”
“อ่อ ฝากโฮชิมิยะหุงข้าวทีนะ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อแกงกะหรี่สำเร็จรูปมา!”
“ก็คงแบบนั้นสินะ”
“นี่จะว่าแกงกะหรี่สำเร็จรูปงั้นเหรอ? อร่อยออกจะตาย มีอยู่หลายแบบทั้งทำง่ายแถมยังอร่อยด้วย”
“ทำไมถึงจริงจังขนาดนั้นละ……”
โฮชิมิยะดูตะลึงอยู่หน่อยๆ แต่ก็พูดต่อว่า “วันนี้กินแกงกะหรี่สำเร็จรูปกัน……”
“วันพรุ่งนี้ ระหว่างกลับบ้านไปซื้อของกันมั้ย? ถ้าเกิดมีอะไรที่อยากกินก็บอกก่อนด้วยนะ จะได้ซื้อวัตถุดิบ”
“เข้าใจแล้ว”
ผมพยักหน้าขณะที่ถือกระเป๋าเงินอยู่ ตอนที่กำลังจะเดินไปที่ทางเข้าก็นึกจะพูดในสิ่งที่นึกขึ้นมาได้ไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
“มีอะไรเหรอ คุโรมิเนะคุง?”
“ไม่มีอะไร”
โฮชิมิยะถามออกมาด้วยความสงสัย แต่ผมก็ปฏิเสธไป
เพราะดันไปคิดว่าบทสนทนาเมื่อกี้นี้……..เหมือนกับคู่รักที่อยู่ด้วยกัน
ถ้าเกิดพูดไปแบบนั้นคงจะโดนว่า ว่าพูดไม่คิดอีกแน่ๆ
เพิ่งจะโดนโฮชิมิยะเตือนบนรถไฟไป เพราะงั้นจะไม่พลาดแบบเดิมซ้ำอีกแล้วล่ะ
อีกอย่างขนาดโฮชิมิยะยังไม่ได้ติดใจอะไร ถ้าเกิดเราใส่ใจไปก็คงจะดูแปลกๆ
○
ผมยืมจักรยานของโฮชิมิยะไปที่ร้านสะดวกซื้อ หลังจากที่ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับไปที่อพาร์ทเม้นของพวกเรา ด้วยเพราะอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว การมองเห็นส่วนใหญ่เลยต้องพึ่งไฟข้างถนน
ผมจอดจักรยานเอาไว้ที่ที่เก็บจักรยานของอพาร์ทเม้น และถือถุงที่ใส่แกงกะหรี่สำเร็จรูปเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็เดินขึ้นบันได
ระหว่างทางเดินผ่านผู้ชายที่ใส่ชุดวอร์มสีดำ(อายุประมาณ30ถึง40ปีหลังค่อม) ผมเลยก้มหัวลง
“อ่ะ สายัณห์สวัสดิ์ครับ”
“…….”
ผู้ชายในชุดวอร์มรีบเดินลงจากบันไดโดยที่ไม่แม้จะเหลียวมามอง ทำให้รู้สึกราวกับว่าเลี่ยงที่จะพูดคุยกับผม
“ไม่เป็นมิตรเลยแฮะ”
เลยลองพูดแบบนั้นไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึกนั้น เพราะตัวผมเองก็เป็นประเภทที่ไม่ถนัดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเหมือนกัน เอาเถอะยังไงผมก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นนี้อยู่แล้ว ยังไงก็ได้แหละมั้ง ยังไงก็เถอะ มีคนแบบนั้นอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ไม่ยักกะเคยเห็น
เรื่องสตอล์กเกอร์แวบเข้ามาในหัวอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่ก็ประเมินไปว่าคงไม่ใช่หรอกไป
======จบตอน======
___________________
ติดตามผลงานอื่นๆและสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook
Comments