Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 1028 สัญญาสำแดงเดช!

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 1028 สัญญาสำแดงเดช! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพวกกู่ฉิงซานเข้าซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิต

เมืองเรเควี่ยม

ราตรีมาเยือน

เงาเลือนรางปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันที่หลังประตูของตำหนักก่อนพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเงาดังกล่าว

เงาเดินผ่านถนน ไม่ช้าก็มาถึงเมืองไกลห่างก่อนยืนอยู่หน้าบ้านของเชี่ยนหยา

เงานิ่งสักพัก จากนั้นเดินเข้าไปในบ้าน

‘เปรี้ยะ!’

‘เปรี้ยะ!’

ค่ายกลโปร่งแสงพลันปรากฏขึ้น เงาถูกผลักกลับไป

“คาดไม่ถึง จะเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับติดตั้งค่ายกลฝั่งฝึกฝนในสถานที่ที่ข้าเคยอยู่”

“แต่ว่า คิดจะใช้สิ่งนี้เพื่อพยายามหยุดข้าอย่างนั้นเหรอ?”

เงาพึมพำ ทันใดนั้นมันเร่งความเร็วก่อนพุ่งออกไป

‘ปัง!’

ไม่รู้ว่าใช้วิธีใด แต่ค่ายกลกลับแตกสลาย

หากกู่ฉิงซานยังอยู่ในเมืองเรเควี่ยม เขาจะต้องสามารถตรวจจับการพังทลายของค่ายกลได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน

จากนั้นเขาจะต้องพุ่งเข้ามาทันที

ทว่า ตอนนี้เขาอยู่ในซากปรักหักพัง จึงไม่อาจรู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น

เงาเดินไปข้างหน้าทีละก้าวขณะวูบไหวมาที่หน้าประตูก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน

“ผังบ้านไม่เปลี่ยน… เชี่ยนหยา เจ้ายังรอให้ข้ากลับมาใช่หรือไม่”

เงาถอนหายใจขณะกล่าวอย่างแผ่วเบา

เขามาถึงเปลเด็กทารก คลายวิชาปกปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

เจ้าชายร่างสูงหล่อเหลานั่นเอง!

เจ้าชายมองเด็กที่กำลังหลับอยู่ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เชี่ยนหยา ดูสิ ลูกของพวกเราน่ารักแค่ไหน คิ้วกับโครงหน้าช่างเหมือนกับเจ้านัก”

เจ้าชายไม่รู้ว่าวิญญาณของเชี่ยนหยายืนอยู่ตรงข้ามเขา ห่างกันเพียงแค่ช่วงเตียง

มีความเศร้าโศกและความเจ็บปวดในดวงตาของวิญญาณราวกับมองเห็นบางสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

เจ้าชายกล่าวต่อว่า “เชี่ยนหยา เด็กคนนี้ช่างดีเหลือเกิน ข้าชอบมากถึงขั้นอยากเลื่อนขั้นสถานะผู้พิทักษ์ของเจ้าเลยด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย ภายหลังข้ามาทราบว่านี่เป็นการจองจำสายเลือด ไม่มีทางอื่นเลย”

“อา ใช่ ไม่มีทางอื่นแล้ว”

ขณะเจ้าชายกล่าว เขาชักกริชหรูหราที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสีสันออกมาจากแขนเสื้อ

“เด็กทารกที่เกิดมาจากการผสมระหว่างเลือดราชวงศ์และเลือดผู้พิทักษ์จะดูดกลืนพลังของสมาชิกสองคนในตระกูลราชวงศ์หากมีชีวิตเกินกว่าสามขวบ”

“กลุ่มที่เหลืออยู่ในตระกูลราชวงศ์คือท่านพ่อกับข้า”

“เชี่ยนหยา ในยุคนี้ เจ้ารู้ไหมว่าการสูญเสียพลังมันหมายความว่าเช่นไร”

“เจ้าน่าจะเข้าใจว่าข้าไม่อยากกลายเป็นคนไร้ประโยชน์”

เมื่อวิญญาณของเชี่ยนหยาได้ยินดังนี้ นางทนไม่ไหวอีกต่อไปก่อนเปิดปากพูดยาวเหยียดออกมา

แต่คำพูดของวิญญาณจะส่งมาถึงคนเป็นได้อย่างไร

เย่เฟยหลีไม่ได้อยู่ที่นี่

แน่นอว่าเจ้าชายจึงไม่มีทางได้ยิน

ทว่า เขาคล้ายกับคิดถึงบางสิ่งอยู่

นี่อาจจะเป็นปมที่ผูกมัดเชี่ยนหยากับเขาเอาไว้ตลอดก็ได้

เจ้าชายมองเด็กพลางกระซิบว่า “ใช่ ข้าไม่ควรหยอกเย้าเจ้า ข้าไม่ควรมีเด็กคนนี้กับเจ้าเลย”

“แต่ว่า ใครบอกว่าข้าไม่ชอบเจ้ากันล่ะ”

น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความอ่อนไหว “ผู้พิทักษ์แสนดีเช่นเจ้า แม้กระทั่งท่านพ่อยังรู้สึกถึงแรงกดดัน ท่านพ่อจึงยอมให้ข้าคบกับเจ้า”

“ข้าไม่เสียใจหรอกนะ อย่างไรเสีย ข้าก็ติดหนี้เจ้าจริงๆ ต่อให้เจ้าตายไปแล้ว ลูกของเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี เรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน”

“ยกโทษให้ข้าด้วย”

หลังจากพูดจบ เจ้าชายปลดปล่อยจิตสังหารออกมา

เขาชูกริชขึ้นก่อนแทงเข้าใส่เด็กที่กำลังหลับอยู่!

กริชยาวแทงเข้าใส่ชั้นแสงสว่าง!

แสงสว่างปกป้องเด็กเอาไว้

“นี่มัน”

ก่อนเจ้าชายจะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัญญาก็ทำงานอย่างสมบูรณ์

สัญญาระหว่างตระกูลราชวงศ์และคำสาบานแห่งดาบ!

“อา”

เจ้าชายแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว

“ไม่! ทำไมเจ้าคือคนจากคำสาบานแห่งดาบ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเพิ่งอายุสามขวบแท้ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะลงนามด้วยตัวเองได้!”

เจ้าชายแผดเสียงคำรามด้วยความสิ้นหวัง

เขาละเมิดสัญญาด้วยการคิดที่จะสังหารคนจากคำสาบานแห่งดาบ

ในตอนนั้น ลอร่าและเหล่าต้าเห็นสัญญานี้เหมือนกัน ทั้งคู่รู้สึกว่ามันเข้มงวดมากนัก ไม่น่ามีปัญหาอะไร

เพราะทันทีที่ใครบางคนละเมิดสัญญานี้ เขาจะตายทันที!

เจ้าชายล้มลงกับพื้นราวกับอยากถูกบีบคอเอาไว้ ปากของเขาอ้ากว้าง แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้

แสงสว่างที่ปกป้องเด็กผู้ชายเอาไว้ค่อยๆ ขยายออกก่อนปกคลุมเขาเอาไว้จนสิ้น

เจ้าชายกลายเป็นกองกระดูกคนตายในแสงสว่าง

แสงสว่างคงอยู่เช่นนั้น

กระดูกซีดค่อยๆ หายไป

เจ้าชายตายแล้ว

เด็กผู้ชายปลอดภัย

นับจากนี้ไป เด็กผู้ชายคือลูกหลานเพียงคนเดียวของตระกูลราชวงศ์ในเมืองเรเควี่ยม

ข้างเด็กผู้ชาย เชี่ยนหยาจ้องมองเจ้าชายจนกระทั่งเขาตาย

นางหันหลังก่อนเช็ดหางตา

อีกด้าน

ขณะมองแหวนสีทองในมือของกู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวกล่าวด้วยความสับสนว่า “มีแหวนอย่างเดียวไม่พอหรอก พวกเราไม่มีความทรงจำของราชา ทำให้ไม่อาจรู้ว่าได้พบสถานที่ที่ใช่แล้วหรือยัง”

กู่ฉิงซานยิ้ม

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่ามีวิชาที่ทำให้สมาชิกตระกูลราชวงศ์ทุกคนเข้าใจความทรงจำตั้งแต่แรกเกิด”

เมื่อเขาถาม จางหยิงห่าวลังเลอีกครั้ง

หลังจากผ่านมาหลายปี อาวุธและสมบัติที่เทพแห่งชีวิตฝังไว้ที่นี่ หรือแม้กระทั่งข้ารับใช้เทพก็ถูกทำลายจนสิ้น

ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมวิชาของเทพสามารถคงอยู่มาหลายร้อยล้านปีเพื่อผนึกความทรงจำเอาไว้ในจิตของตระกูลราชวงศ์ทุกรุ่นได้กันล่ะ

นี่มันออกจะน่าขันไปเสียหน่อย

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “แหวนวงนี้คือกุญแจในการควบคุมวิญญาณแปลกประหลาด ข้าสวมมันไว้ วิญญาณแปลกประหลาดไม่สามารถโจมตีข้าได้ ลองเดาซิว่ามันมีไว้เพื่ออะไร”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า…”

“ใช่ มันคือแหวนของราชาองค์นี้จริงๆ”

กู่ฉิงซานกล่าว

ในสายตาของเขา แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏอยู่ก่อนแล้ว

“แหวนแห่งความทรงจำของเทพแห่งชีวิต”

“แหวนวงนี้เต็มไปด้วยข้อมูลที่เทพแห่งชีวิตใส่เอาไว้ เมื่อไปถึงสถานที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะทำงานเพื่อส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองข้อความ จากนั้นมองทุกคน

เขาเห็นทุกคนมีสีหน้าเฉยชา

กู่ฉิงซานจึงเกิดสงสัย “พวกเจ้าทำสีหน้าอะไรกันน่ะ ไม่ได้สนใจซากปรักหักพังของเทพเลยหรือ”

เย่เฟยหลีตอบว่า “สมบัติเนี่ยนะ มันน่าสนใจยังไง”

“หา ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น” กู่ฉิงซานถาม

“พวกเรามีท่านหญิงลอร่าอยู่นี่”

“…มันก็จริง” กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนกล่าวต่อว่า “ความจริง พวกเราทำสัญญากับราชา ช่วยเขาทำการสำรวจซากปรักหักพัง เขาช่วยพวกเราต่อสู้กับสี่เทพเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนไพ่สี่ชิ้น”

“ดังนั้นพวกเราจึงเอาของจากข้างในไม่ได้ง่ายๆ ต่อมา พวกเราแค่อยากไปถึงส่วนลึกที่สุดของซากปรักหักพังตามข้อมูลบนแหวน จากนั้นก็ส่งพวกเราไปที่นั่น”

ทุกคนพยักหน้า

ลอร่าดูสนใจมาก

“แจ๋วใช่ไหมล่ะ นี่คือสมบัติที่ถูกทิ้งไว้เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อน ต่อให้ไม่ได้เอาไป แค่ได้ดูก็น่าสนใจมากเกินพอแล้ว”

เหล่าต้าถามว่า “แต่เหนือสิ่งอื่นใด หลังจากพวกเราออกมาแล้ว จะทำเช่นไรกับแหวนวงนี้ต่อล่ะ”

“คืนลูกหลานของเทพแห่งชีวิต” กู่ฉิงซานตอบ

ตอนนี้ ไม่รู้ว่าจางหยิงห่าวคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของเขาเผยความลังเล

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“แมวสีดำของข้าไม่เพียงแค่สามารถหาทางไปยังส่วนลึกของซากปรักหักพังได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถทางอื่นได้อีกด้วย” จางหยิงห่าวตอบ

“ทางแบบไหนล่ะ”

“ทางกลับน่ะ”

“…ทำไมเจ้าอยากกลับล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

จางหยิงห่าวกระแอมลำคอก่อนอธิบายว่า “พวกเราได้พบกับเทพแห่งความว่างเปล่าในป่าซากศพมาแล้ว แถมยังได้พบกับวิญญาณแปลกประหลาดในสวนแห่งนี้ ใครจะรู้ล่ะว่าหลังจากนี้ พวกเราจะพบอะไรอีก ถ้าต้องมาเสี่ยงชีวิตแบบนี้ พวกเราจะตายเอาจริงๆ นะ”

ทุกคนพยักหน้า

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่นานก่อนถามว่า “เหล่าต้า เจ้าคิดว่าไง”

เหล่าต้าตอบว่า “ข้าขอพูดอย่างเดียวพอ ร่างหุบเหวแทบจะไม่เคยถูกทิ้งไว้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งอุทิศสวนให้กับหุบเหวจนได้หิ่งห้อยดารามา ดังนั้นถ้าได้ร่างหุบเหวมาเพิ่มอีก พวกเราจะต้องได้ผลประโยชน์มากขึ้นอย่างแน่นอน”

“หิ่งห้อยดาราคืออะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เหล่าต้าอธิบายซ้ำอีกครั้ง

การตอบสนองของกู่ฉิงซานเหมือนกับการตอบสนองของเย่เฟยหลี พวกเขาประหลาดใจเหมือนกัน

เขาพลันนึกบางอย่างออกก่อนกล่าวว่า “จะว่าไปแล้ว เหล่าต้า ข้ามีคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ในเมื่อตอนนี้มีเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าอยากจะถามสักหน่อยน่ะ”

“เจ้าถามมาเลย”

“ข้าเคยคิดว่าหุบเหวนิรันดร์คือสถานที่ แต่หลังจากที่ช่วงนี้เข้าใจอะไรมากขึ้น ข้ารู้สึกว่ามันคือสิ่งมีชีวิตระดับสูงมาก แล้วถ้าอย่างนั้นมันคืออะไรกันล่ะ”

เหล่าต้าครุ่นคิดก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ไม่สามารถบอกได้ เพราะตัวตนที่อยู่เหนือหุบเหวไม่สามารถล่วงรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหุบเหวได้ เว้นแต่”

“เว้นแต่อะไร”

“เว้นแต่เจ้าจะดึงดูดความสนใจของหุบเหวได้ จากนั้นก็ผ่านการทดสอบ เข้าร่วมกับหุบเหวจนได้ร่างหุบเหวพิเศษมา”

“พอถึงตอนนั้น เจ้าจะมีคุณสมบัติที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับหุบเหว”

เหล่าต้าอธิบายอีกครั้งว่า “อย่าคิดว่ามันง่ายเชียวล่ะ มังกรมารใช้เวลาหนึ่งพันปี จนถึงตอนนี้มันยังไม่ได้ร่างหุบเหวเลย ทำได้เพียงแค่รักษารูปลักษณ์เดิมเอาไว้เท่านั้น”

เมื่อกู่ฉิงซานได้ยินดังนี้ เขาพลันนึกออกว่าหลินเคยพูดเอาไว้

“จะว่าไปแล้ว หลินเคยบอกข้าว่าหุบเหวกำลังจับตาดูข้าอยู่”

กู่ฉิงซานกล่าว

รอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้าของเหล่าต้าหายไป เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

“นางพูดแบบนั้นจริงๆ หรือ”

…………………………..

ตอนที่ 1029 จุดกำเนิดของหุบเหว

“นางพูดแบบนั้นจริงๆ หรือ”

“ใช่”

เหล่าต้ารำพึง “ถ้าเป็นความจริง งั้นก็ชักน่าสนใจแล้วสิ…”

“ทำไมล่ะ”

“ตอนนี้คงพูดยาก แต่ในเมื่อเจ้าได้รับความสนใจจากหุบเหวแล้ว ข้าแนะนำว่าพวกเราควรสำรวจส่วนลึกของซากปรักหักพังต่อ”

“เหตุผลล่ะ”

“ซากปรักหักพังนี้คือส่วนหนึ่งของเจ็ดเทพที่แยกจากหุบเหว พวกเราต้องเรียกเจตจำนงหุบเหวเพื่อนำชิ้นส่วนเหล่านี้กลับคืนสู่หุบเหว”

เหล่าต้าอธิบายต่อว่า “วันสิ้นโลกของโลกคู่ขนานกลืนกินหุบเหว ในช่วงวิกฤติเช่นนี้ หากพวกเราช่วยหุบเหวจนได้ร่างที่สูญเสียไป นั่นจะเป็นการช่วยหุบเหวได้มาก เจตจำนงหุบเหวจะต้องมาสังเกตการณ์เจ้าอีกอย่างแน่นอน”

“สังเกตการณ์อีก…” กู่ฉิงซานหัวเราะ “ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันแต่ก็กลายเป็นสหายเสียแล้ว หุบเหวสามารถทำให้ข้ากลายเป็นหุบเหวได้ถ้าข้าให้การช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ”

เหล่าต้าตอบว่า “ไม่ขนาดนั้น แต่เจ้าต้องเชื่อข้า นี่คือเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน”

กู่ฉิงซานถามว่า “ผลประโยชน์ล่ะ เหมือนกับหิ่งห้อยดาราที่อยู่ในมือเจ้างั้นหรือ”

“ใช่” เหล่าต้าชำเลืองมองทุกคนที่อยู่ที่นี่แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “มันดีกับพวกเจ้าทุกคน”

กู่ฉิงซานเงียบ

ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิด

เทพแห่งความว่างเปล่าและวิญญาณแปลกประหลาดปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับอะไรอีก

จะไปต่อหรือไม่นับว่าเป็นคำถามแห่งความเป็นความตายที่ยากเอาการ

เย่เฟยหลีพลันกล่าวว่า “ตอนนี้พวกข้าอ่อนแอเกินไป หากสามารถได้ข้อเสนอที่ดีเยี่ยม ข้าคิดว่ามันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง”

จางหยิงห่าวครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ไปดูหน่อยก็ไม่เสียหาย แต่พวกข้าต้องการหลักประกันความปลอดภัยก่อน”

เมื่อกล่าวเช่นนั้น ทุกคนหันมามองลอร่า

แม้แต่เทพแห่งความว่างเปล่าก็ไม่สามารถหานางได้

ความสามารถของนางในพื้นที่นี้พึ่งพาได้

ลอร่ากล่าวอย่างมีชัยว่า “ข้าจะต่อสู้กับพวกเจ้า ให้ราชินีคนนี้ดูแลสิ่งต่างๆ อย่างการซ่อนแมวเอง”

กู่ฉิงซานปรบมือมือแล้วกล่าวว่า “ถ้างั้นพวกเราไปกันต่อเถอะ หยิงห่าว เจ้าให้แมวเผยทางที ข้าจะใช้แหวนเปิดเส้นทาง ข้าสามารถฟังเสียงทุกสิ่งได้ จะรับผิดชอบจับตาดูการเคลื่อนไหวรอบข้างให้เอง ลอร่าอยู่ใกล้พวกเรา เตรียมกางร่มให้พร้อม ข้ากับเหล่าต้าเตรียมต่อสู้ทุกเมื่อ”

“ได้”

ทุกคนตอบรับ

แมวสีดำอยู่บนร่มหลากสีสัน มองหน้าหลังในความว่างเปล่า ยื่นอุ้งเท้าออกไป ชี้ไปที่ทางหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เหมียว!”

“ไปทางนี้” จางหยิงห่าวกล่า

ทุกคนเหาะไปตามทาง มุ่งสู่ด้านบนของวังวนความว่างเปล่า

หลังจากผ่านไปหลายสิบนาที

‘เหมียวๆ’ แมวกระซิบ

จางหยิงห่าวแปล “มันบอกว่ามาถึงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปยังไง”

“รอเดี๋ยวนะ” กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้า ยกมือขึ้นแล้วแนบไปตรงหน้าความว่างเปล่าช้าๆ

แหวนสีทองส่องแสง

กู่ฉิงซานหลับตาลงแล้วเริ่มรับข้อความจากแหวน

เหล่าต้าก้าวมาข้างหน้า ดึงตรีศูลสีดำที่อยู่ข้างหลังออกมาถือไว้ในมือขณะมองรอบข้างอย่างระวัง

ไม่ช้า

กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้วิธีล่ะ ที่นี่ต้องใช้วิชาพิเศษ”

ขณะเผชิญหน้ากับความว่างเปล่า เขาเริ่มท่องคาถาหนึ่งด้วยเสียงต่ำ

ความว่างเปล่าถอยออกมาทั้งสองฝั่ง

ทางเดินหินลึกทรุดโทรมที่เต็มไปด้วยฝุ่นและมอสเขียวปรากฏตรงหน้าทุกคน

“นี่คือร่างของหุบเหวหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถามเสียงต่ำ

“ใช่ นี่คือทางเดินที่เกิดจากร่างหุบเหว” เหล่าต้าตอบอย่างมีอารมณ์ “เทพเหล่านี้มีทางผนึกสิ่งต่างๆ จริงด้วย เจ้าพวกนี้ซ่อนเก่งเหลือเกิน”

“ไปกันเถอะ”

ทุกคนเหาะไปตามทาง

ความว่างเปล่าปิดไล่หลังช้าๆ

ไม่มีใครสามารถพบทางเดินลับไม่สำคัญนี้จากวังวนความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ไพศาลได้

‘ติ๋ง’

‘ติ๋ง’

นอกจากเสียงน้ำหยดอย่างแผ่วเบาแล้ว มีเพียงความเงียบในทางเดินดังกล่าว

อากาศที่อยู่ในนี้มายาวนานปกคลุมทั่วพื้นที่ ทำให้ทุกคนต้องกลั้นหายใจ

กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อมองเข้าไปยังส่วนลึกของทางเดินลับ

ระหว่างทาง ไม่มีสิ่งของใดๆ

มีเพียงปลายทางเดินลับเท่านั้นที่มีโลงศพหินถูกห้อมล้อมด้วยเถาวัลย์สีเขียว

กู่ฉิงซานหยุดขณะลูบแหวนในมือ

แหวนไม่ตอบสนอง

ดูท่าแหวนจะตรวจไม่เจอข้อความใหม่ที่นี่

“ไปกันเถอะ” จางหยิงห่าวกล่าว

“เดี๋ยวก่อน”

เย่เฟยหลีพลันห้ามทุกคนไว้

“มีอะไรหรือ” เหล่าต้าถาม

“อืม… ข้าได้ยินเสียงร้องตรงสุดทางเดินลับนี้แหละ” เย่เฟยหลีตอบ

“สุดทางเดินลับงั้นหรือ มีโลงศพอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่ข้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

ทุกคนมองหน้ากัน

“เจ้าได้ยินหรือเปล่า”

“ไม่ แล้วเจ้าล่ะ”

“ไม่เหมือนกัน”

“ดูท่าจะมีแค่เย่เฟยหลีที่ได้ยินนะ”

“แบบนี้…”

ทุกคนค่อยๆ เข้าใจ

เห็นได้ชัดว่า…

เย่เฟยหลีได้ยินเสียงภูตผีกำลังร้อง

ที่นี่ถูกปิดตายมาเกือบหนึ่งร้อยล้านปี

ภูตผีที่กำลังร้องอยู่นั้นเป็นตัวตนแบบไหนกัน

ลอร่าหดตัว ถือร่มหลากสีสันด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างจับเสื้อแจ็กเก็ตของกู่ฉิงซานไว้

“กู่ฉิงซาน ข้ากลัวนิดหน่อยน่ะ…” นางกระซิบ

“ไม่ต้องห่วง พวกเรามีกันหลายคน ไม่ต้องกลัวไปนะ” กู่ฉิงซานปลอบนาง

จางหยิงห่าวครุ่นคิดสักพัก ทันใดนั้นก็หยิบไพ่ออกมา

เชาโยนไพ่ออกไป

ไพ่กลายเป็นกลุ่มหมอกสีขาวทันที

เสือสีเทาปรากฏต่อหน้าทุกคน

เสือลืมตาสีเขียวอ่อนขึ้นขณะมองหน้าหลังในทางเดินลับอันมืดมิด

“หืม จางหยิงห่าว เจ้าอยู่ไหนน่ะ” เสือกระซิบ

ในความว่างเปล่า เสียงของจางหยิงห่าวดังขึ้น

“ข้าอยู่นี่”

เสือเดินไปตามความว่างเปล่าก่อนถามว่า “เจ้าเรียกข้ามาจะให้ทำอะไร”

“มีภูตผีโดดเดี่ยวอยู่ข้างหน้า เจ้าช่วยไปดูทีว่ามันมีความสามารถแค่ไหน”

“ได้ แต่ที่นี่ทำให้ข้ารู้สึกแย่มาก หลังจากใช้ความสามารถแล้ว ข้าจะไปทันที”

“ตกลง เจ้าไปได้แล้ว”

เสือสีเทาได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าด้วยความโล่งอก

มันหันหลัง จ้องไปยังทางเดินลับลึกด้วยดวงตาสีเขียวก่อนตะโกนเสียงต่ำว่า “เจ้าภูตผี!”

ทันใดนั้น ซากศพในชุดคลุมขาดวิ่นปรากฏขึ้นทั้งสองฝั่งของเสือ

ศพหนึ่งถือมีดหลังกว้างเอาไว้

อีกศพถือค้อนหนัก

“ที่ปลายทาง ฆ่าสิ่งที่เห็น” เสือสั่ง

เมื่อซากศพทั้งสองได้รับคำสั่ง พวกมันเดินโซเซไปยังปลายทางเดินลับ

เสือพยักหน้าเล็กน้อยไปทางจางหยิงห่าวก่อนกลายเป็นควันสีขาวแล้วหายไปจากทางเดินลับ

ไม่นานนัก

สองร่างมาถึงปลายทางเดิน

พวกมันยืนอยู่หน้าโลงศพขาดใหญ่ ยกอาวุธขึ้นเพื่อเตรียมจะโจมตี

เถาวัลย์ที่พันรอบโลงศพพลันกระตุก

ภาพติดตาสีเขียววูบไหว

สองร่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย

อาวุธตกลงบนพื้นก่อนถูกเถาวัลย์พันเอาไว้ ราวกับน้ำแข็งที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรง พวกมันละลายอย่างรวดเร็วก่อนหายไป

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ

ทุกสิ่งคล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้น เพราะร่องรอยทั้งหมดของซากศพทั้งสอง รวมถึงอาวุธได้หายไปสิ้น

“เป็นปัญหานิดหน่อยแล้วสิ” เหล่าต้ากล่าวขณะมองฉากที่เผยในหนังสือแห่งชะตากรรม

“นั่นสิ เป็นปัญหาจริงๆ นั่นแหละ” กู่ฉิงซานเห็นด้วย

พวกเขาเห็นชัดเจนว่าเมื่อครู่เถาวัลย์สามารถกินซากศพทั้งสองได้ในพริบตา แม้แต่อาวุธก็ไม่เว้น

ในหมื่นโลก ผู้ที่กินทุกสิ่งได้นั้นหายาก แต่ทันทีที่ปรากฏตัว ปกติแล้วมันจะกินโลกก่อน

สัตว์ประหลาดแบบนั้นช่างน่ากลัวนัก

พวกเขาทั้งสองกำลังครุ่นคิด แต่ทันใดนั้นก็พบว่ามีการเคลื่อนไหวใหม่ที่ปลายทางเดินลับ

โครงกระดูกสองร่างปราฏตรงหน้าโลงศพ

พวกมันหันมาก่อนเดินมาหาทุกคน

“ไม่เพียงแค่สามารถกินอีกฝ่ายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งการอีกฝ่ายด้วยตัวเองได้อีกด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่ แบบนี้ยิ่งเป็นปัญหาเข้าไปใหญ่ เพราะเจ้าไม่รู้ว่ามันกินอะไรเข้าไป” เหล่าต้าขมวดคิ้วเช่นกัน

“เกรงว่ามันจะกินซากศพของเทพเข้าไป” กู่ฉิงซานกล่าว

ทั้งสองเงียบสักพัก

โครงกระดูกเดินอยู่ในเส้นทางลึกอย่างช้าๆ

พวกมันมองรอบข้างขณะดูทุกสิ่งในเส้นทางลับ

เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดปล่อยให้พวกมันตรวจสอบสถานการณ์ในเส้นทางลับ

“จะทำเช่นไรต่อ ตัดสินใจเร็ว” จางหยิงห่าวกล่าว

กู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก

“เหล่าต้า เจ้าใช้เวลาเท่าไหร่ในการส่งที่นี่ไปให้หุบเหว” เขาถาม

“ราวสิบวินาที ทำไมหรือ” เหล่าต้าถาม

“งั้นเริ่มเลย” กู่ฉิงซานกล่าว

เหล่าต้าประหลาดใจก่อนพลันตอบสนอง

ใช่แล้ว

สัตว์ประหลาดไม่สามารถมองเห็นหรือตามหาคนอย่างเขาได้

นั่นได้รับการพิสูจน์ด้วยการส่งโครงกระดูกสองร่างมาสังเกตสถานการณ์

ตามสัญญา คนเหล่านี้ไม่สามารถเอาสมบัติในซากปรักหักพังได้

ดังนั้น

ทำไมต้องสู้ด้วยล่ะ

ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ที่ต้องอุทิศเส้นทางลับนี้ให้หุบเหวนิรันดร์

ส่วนสัตว์ประหลาด

มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ นั่นก็คือตามหารังใหม่ในวังวนความว่างเปล่า

“แต่ข้าต้องการมากกว่าสิบวินาทีเผื่อสัตว์ประหลาดเปิดฉากโจมตีแทรกเข้ามา” เหล่าต้ากล่าว

กู่ฉิงซานชักดาบออกมาแล้วกล่าวว่า “เชื่อมือข้าได้เลย”

พลังวิญญาณหนึ่งล้านแต้ม

ไม่ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายจะเป็นอะไรก็น่าจะต้านไว้ได้นานกว่าสิบวินาที

เหล่าต้าคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นทันที วางมือลงกับพื้นแล้วตะโกนว่า “เจตจำนงจงมา!”

‘ตูม’

ทั่วเส้นทางลับเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

โครงกระดูกสองร่างสัมผัสถึงสถานการณ์นี้ได้ก่อนเร่งความเร็วการตรวจจับทันที

พวกมันพุ่งข้ามทางเดินลับ

กู่ฉิงซานประเมินอย่างเงียบงัน

ใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวินาทีก่อนพวกมันจะมาถึงที่นี่

แค่รอ

เขาลดดาบขณะรอเงียบๆ

เจ็ดวินาทีต่อมา

โครงกระดูกสองร่างปรากฏขึ้นจากทางเดินลับอันมืดมิด

ตอนนี้ เหล่าต้ากำลังวางมือบนพื้นเพื่อเรียกหาเจตจำนงหุบเหว

“ไม่ต้องทำอะไร ข้าจะรออีกสักพัก”

กู่ฉิงซานมองตรงไปยังอีกฝ่าย

เขามองโครงกระดูกอย่างเงียบงันจนกระทั่งพวกมันมาถึงที่ที่ห่างจากทุกคนเพียงครึ่งเมตร

กู่ฉิงซานชูดาบยาวก่อนตวัดออกไปอย่างแผ่วเบา

โครงกระดูกสองร่างถูกดาบพิภพลบล้างทันที

ทันใดนั้น โลงศพที่อยู่ปลายทางเดินลับพลันปล่อยเถาวัลย์สีเขียวนับไม่ถ้วนออกมาปกคลุมทั่วทางเดินก่อนโจมตีไปทางพวกกู่ฉิงซานด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าโครงกระดูก

สามวินาที

กู่ฉิงซานยังคงเงียบ

เพียงแค่สามวินาที อีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่

เขาชูดาบพิภพเป็นแนวราบตรงหน้าอกก่อนกระซิบว่า “พวกเราลุยด้วยกัน”

“ได้” ดาบพิภพตอบ

กู่ฉิงซานพลันกระตุ้นดาบพิภพ

วิชาดาบลับ กระแสพลัง!

ดาบพิภพ การตัดสินใจของพิภพ!

ประกายดาบวิญญาณอสนีบาตเจิดจ้าพุ่งเข้าไปในทางเดินราวกับน้ำท่วม เป้าหมายคือปลายทางเดินลับ

ประกายดาบพุ่งเข้าใส่

เถาวัลย์บิดเบี้ยวไม่มีสิ้นสุด

พวกมันปะทะกันซึ่งๆ หน้ากลางทางเดินลับ

‘ตูม’

ร่างของเถาวัลย์ค่อยๆ หายไปในแสงเจิดจ้าของประกายดาบ

ประกายดาบพุ่งไปข้างหน้าจนกระทั่งมาถึงปลายทางเดินลับก่อนหายไปตรงหน้าโลงศพขนาดใหญ่

เย่เฟยหลีพลันปิดหู

“มันกำลังกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด มันกำลังจะโจมตีสุดกำลังแล้ว” เย่เฟยหลีเตือน

“ไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่มันจบสิ้นแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวขณะวางดาบพิภพ

เหล่าต้าคลายมือออกจากพื้นแล้วกล่าวว่า “ใช่ ไม่จำเป็นต้องสู้จนตัวตายหรอก เสร็จแล้วล่ะ”

ทันทีที่สิ้นเสียง ทางเดินลับทั้งหมดหายไปทันทีโดยไม่มีใครรู้ตัว

ทุกคนปรากฏตัวในวังวนความว่างเปล่า

ลอร่ากางร่มหลากสีสันก่อนให้ทุกคนเดินมาอยู่ข้างใน โลงศพที่ถูกเถาวัลย์พันเอาไว้ตกลงไปที่ใต้วังวนความว่างเปล่า

“ดูหนักอยู่นะ” จางหยิงห่าวกล่าว

“หวังว่ามันจะหาบ้านใหม่ได้” เย่เฟยหลีกล่าว

ตอนนี้ หนังสือแห่งชะตากรรมของเหล่าต้าพลันพุ่งออกมาเองก่อนพลิกไปหน้าหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น” กู่ฉิงซานถาม

“ไม่ใช่ข้า เป็นเจตจำนงหุบเหว ดูท่ามันจะมีบางสิ่งบอกพวกเรา” เหล่าต้าตอบ

ทุกคนมองหนังสือแห่งชะตากรรมพร้อมกัน

พวกเขาเห็นรูปลักษณ์ของแอนนาและหลินปรากฏบนหน้าหนังสือ

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด